Share

ตอนที่ 2 ร่ม      

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-01 18:05:20

  

          วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ฉันต้องมานั่งอุดอู้เรียนอยู่ในคาบเลกเชอร์ที่แสนจะน่าเบื่อ เครื่องปรับอากาศทำความเย็นฉ่ำ ๆ ภายในห้องชวนให้ง่วงนอนจนตาปรือ

         “เป็นอะไรเนี่ย” วิสะกิดไหล่ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มสัปหงกด้วยความงัวเงีย

         “ฉันหนาวอะ เลยง่วง” ฉันหาวฟอดใหญ่พลางยกมือขึ้นป้องปากแล้วฟุบใบหน้าลงบนโต๊ะเรียนเพราะไม่อาจจะทนความง่วงนอนที่เข้ามารุมเร้าเสียจนเปลือกตาหนักอึ้งไปหมด

         “อีกไม่กี่นาทีก็หมดเวลาแล้ว แกจะมาหลับตอนนี้ไม่ได้นะ” มนใช้ข้อศอกกระทุ้งแขนของฉันให้เงยหน้าขึ้นมามองไปยังหน้าห้องที่ยังมีอาจารย์เปิดสไลด์พร้อมกับอธิบายโดยที่ฉันไม่ได้เข้าใจเนื้อหาหรือแม้แต่จะฟังมันอย่างตั้งใจด้วยซ้ำ

         ฉันได้แต่หรี่ตามองข้อความที่ขึ้นมาผ่านตาให้ผ่านพ้นไปในแต่ละนาทีอย่างใจจดใจจ่อแม้ในหัวจะโล่งจนเหมือนได้ยินเสียงลมพัดผ่านความว่างเปล่าก็ตามที

         จนเวลาล่วงเลยถึงตอนเลิกคลาส เพื่อน ๆ ในห้องต่างเริ่มทยอยเดินออกกันมาด้วยท่าทีที่เหมือนหมดแรงกันเป็นแถบ รวมถึงฉันด้วย ฉันและเพื่อนสาวอีกสองคนเดินออกมาจากห้องเรียนก็พบกับลมแรงที่พัดเข้าตีหน้าจนผมที่ปล่อยสยายของฉันปลิวไม่ได้ทรง

         รู้แล้ว ที่อากาศน่านอนแบบนี้เพราะฝนตกนี่เอง

         “ให้ตายสิ ฝนตก แล้วพวกแกจะกลับยังไงอะ” มนหันมาถามฉันใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความเบื่อหน่าย

         “ทางเดินไปหอมันไม่เปียกมาก งั้นฉันไปก่อนแล้วกันก่อนที่มันจะตกหนักมากกว่านี้” วิว่าอย่างเป็นกังวลทั้งฉันและมนต่างพยักหน้ารับก่อนที่เธอจะแยกเดินออกไปตามลำพัง

          “แกล่ะจะกลับยังไง” หลังจากที่ฉันกับไปยืนรอที่หน้าอาคารอยู่นานแต่ฝนกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงหรือเบาลง ยังคงโปรยปรายลงมาจนด้านนอกแทบจะเห็นเพียงแค่เม็ดฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก

          “คนขับรถมารับอะ แต่รอฝนซากว่านี้สักหน่อยค่อยเดินออกไป” ฉันยืนกอดอกอย่างเบื่อหน่าย อากาศแบบนี้น่าจะนอนอยู่บ้านทั้งยังเฉอะแฉะไปหมดเธอไม่ชอบเลยจริง ๆ

          “นิดา ติดฝนเหรอ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเรา ทั้งฉันและมนต่างพร้อมใจกันหันไปมองอย่างทันควัน เป็นพี่คิณที่ยืนอยู่ ใบหน้าหล่อมองมาทางพวกเราอย่างนิ่งเฉย

          “ค่ะ” ฉันรีบตอบรับหนุ่มรุ่นพี่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ถึงแม้จะแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่เห็นว่าพี่คิณเป็นฝ่ายเดินมาทักก่อน พี่คิณไม่ตอบอะไรได้แต่พยักหน้ารับจนแล้วก็ยืนนิ่งจนฉันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่คิณมีอะไรหรือเปล่าคะ”

          ชายหนุ่มช้อนสายตาขึ้นมามองฉันจนขนสันหลังลุกวาบ อย่ามามองกันอย่างนี้สิคะพี่ ขนลุกหมดแล้ว

          “เอาไปสิ” คนพี่ถอนหายใจก่อนจะยื่นร่มกันฝนมาตรงหน้าฉัน

ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเบิกตากว้างมาก ไม่อยากเชื่อว่ารุ่นพี่ที่เขาบอกว่าเข้าถึงยากจะใจดีเอาร่มให้ฉันซะอย่างนั้น ฉันรีบเอื้อมมือไปรับด้วยความยินดีอย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องเดินตากน้ำค้างไปขึ้นรถแล้ว

          “ขอบคุณนะคะ” ฉันยิ้มกว้าง “แล้วพี่คิณจะกลับยังไงคะ ร่มมีอยู่คันเดียว”

          “พี่ไม่เป็นไร พวกเราก็อย่าเปียกฝนล่ะ” พี่คิณปรายสายตามามองมนที่ยืนเกร็งตั้งแต่ตอนแรกจนเพื่อนรักสะดุ้งพร้อมกับส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้หนุ่มรุ่นพี่

           ชายหนุ่มไม่ว่าอะไรต่อก่อนจะเดินออกจากตึกไปทั้งที่สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาจนร่างสูงตัวเปียกปอนท่ามกลางสายฝน

           “อ้าว” ฉันร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าพี่คิณเดินตากฝนออกไปอย่างนั้นก่อนพี่เขาจะเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งไม่นานรถเก๋งที่จอดอยู่ก็ถูกพี่คิณขับออกไปจากลานจอดรถของคณะ

           “อ้าว ฉันนึกว่าเขาให้ร่มแกเพราะจะขึ้นไปเรียนต่อซะอีก” มนว่าอย่างประหลาดใจ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

           ฉันยกร่มในมือขึ้นมามองอย่างสงสัย ร่มนี้ยังไม่ได้แกะป้ายราคาออกด้วยซ้ำแถมยังไม่ได้แกะพลาสติกที่หุ้มมาด้วยราวกับว่ามันไม่เคยถูกใช้มาก่อน

           “ร่มใหม่นี่”

           “พี่เขาแอบชอบแกเปล่าวะ” มนว่าพลางเดินเข้ามาใกล้ฉันแล้วเดินเข้ามาใกล้ฉัน ใบหน้าของเพื่อนสาวยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

           “บ้า อย่างพี่เขาเนี่ยนะ เขาเห็นฉันเป็นสายรหัสเฉย ๆ แหละ”

           ฉันแสร้งทำไปว่าไม่ได้คิดอะไรถึงแม้ว่าใบหน้าของฉันจะเห่อร้อนจนลามไปถึงใบหูแล้วก็ตาม หัวใจในอกเต้นตูมตามอย่างตื่นเต้นไม่รู้ว่าจะแตกตื่นทำไม

           แล้วถ้าพี่เขาเกิดชอบฉันขึ้นมาล่ะ

           “ก็ไม่แน่นะ บางทีถ้าพี่คิณมาชอบแกขึ้นมาแกจะได้เป็นคนแรกที่หย่อนก้นลงจากคานยังไงล่ะ” มนใช้นิ้วมาม้วนปลายผมของฉันเล่นพลางเอ่ยแซวตามประสา

           “บ้า” ฉันลากเสียงยาวพลางยกมือไปดันให้เพื่อนรักออกห่างอย่างเขินอาย แหม ก็คนมันเขินง่า

           “แล้วแกเขินอะไรจ๊ะ”

           “ไม่คุยกับแกละ พี่เขาไม่มีทางมาชอบผู้หญิงธรรมดาแบบฉันหรอกน่า”

           “ใครว่าแกเป็นผู้หญิงธรรมดา แกเป็นถึงทายาทคนเดียวของเศรษฐีเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เลยนะ แถมหน้าตาแกก็ไม่ได้จัดอยู่ในโหมดดูไม่ได้สักหน่อย” มนว่าทั้งยังยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน เวลาที่ฉันรู้สึกไม่มั่นใจก็จะมีมนเนี่ยแหละที่คอยมาให้กำลังใจฉันเสมอ นั่นเลย

ทำให้เราเป็นเพื่อนกันมานานมาก ๆ

            “แต่ว่ามน ฉันว่านะพี่เมนิลต้องแอบชอบพี่คิณแน่ ๆ เลย ฉันไม่อยากแข่งกับพี่เมนิลอะ” ฉันพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาเพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยินบทสนทนาที่เราคุยกัน

            “แกจะไปกลัวอะไร เดี๋ยวฉันช่วยแกเอง”

            “ช่วยยังไง” ฉันหูผึ่งพลางจดจ้องไปหาเพื่อนสนิทอย่างสนอดสนใจ

            “สนใจขนาดนี้ แกชอบพี่คิณแล้วใช่ไหม”

            “บ้าไม่ได้ชอบ” ฉันรีบปฏิเสธเสียงสูงพลางรีบหันหน้าไปมองทางอื่นอย่างลนลาน ไม่ได้ร้อนตัวเลยนะ ใครจะไปชอบพี่คิณกัน ก็เขาทั้งหล่อทั้งเท่ แถมใจดีอีก ใครมันจะไปชอบล่ะ

            “ถ้าแกไม่ชอบพี่คิณแล้วเรื่องอะไรฉันต้องช่วยด้วยล่ะ” ฉันรีบหันใบหน้ากลับมาหาเพื่อนสนิทอย่างทันควัน มนยกแขนขึ้นกอดอกพลางเลิกคิ้วมองมาทางฉันอย่างหยั่งเชิงตอนนี้หัวใจในอกของฉันมันสั่นระรัวเหมือนตอนโดนพ่อจับได้ว่าไม่ได้ไปเรียนพิเศษอย่างไรอย่างนั้นแหละ

            “ก็แกบอกว่าแกจะช่วยฉันนี่”

            “แต่ถ้าแกไม่ได้ชอบพี่คิณ ก็ไม่มีประโยชน์หรือเปล่า” ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากยามที่ถูกเพื่อนรักจับจ้องมาด้วยแววตาที่จับผิดปนขบขัน

            เสียงฝนที่ดังอยู่ด้านนอกกลบเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักอยู่ในทรวงอกไม่ให้คนอื่นได้ล่วงรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังตื่นเต้นแค่ไหน ก็แหงล่ะ ฉันกำลังถูกเพื่อนสนิทต้อนให้ยอมรับว่าแอบชอบรุ่นพี่หนุ่มสุดฮอตอย่างพี่คิณทั้งที่เพิ่งรู้จักพี่เขาได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ

            “เออ ฉันชอบพี่เขา” ฉันก้มหน้าลงมองพื้นกระเบื้องด้านหลังเพราะกลัวว่ามนจะล้อใบหน้าที่แดงระเรื่อ ถึงฉันจะไม่เห็นตัวเองแต่ก็สัมผัสได้เลยว่าหน้าฉันตอนนี้มันแดงเถือกเลยด้วยซ้ำ

            “ก็แค่เนี่ย เดี๋ยวเพื่อนคนนี้จะช่วยแกเองนะ” มนเอื้อมมือมาบีบไหล่ฉันอย่างให้กำลังใจก่อนจะเดินออกจากตึกฝ่าฝนไปขึ้นรถของแม่เธอที่มาจอดรออยู่ตรงหน้าตึกได้สักครู่แล้วด้วยท่าทีที่อารมณ์ดีราวกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายโดนบอกชอบเองอย่างนั้นแหละ

             พอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็เดินขึ้นชั้นสองมุ่งไปที่ห้องของตัวเองด้วยสภาพที่เหนื่อยหน่ายเต็มทีก่อนจะวางกระเป๋าลงบนเตียงนอนพร้อมกับหย่อนกายลงไปนั่งพัก

             ในมือยังคงถือร่มคันที่พี่คิณให้ไว้พร้อมกับทอดสายตามองมันอย่างไม่วางตา

              พี่คิณจงใจซื้อให้หรือเปล่านะ หรือว่าพี่คิณแค่พกมันมาใช้เองแล้วสงสารฉัน แต่ไม่ว่ายังไงพี่เขาก็ให้ร่มฉันไม่ใช่หรือไง

              พอคิดอย่างนี้แล้วมุมปากฉันก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวจนต้องวางร่มนั้นพิงไว้กับโต๊ะข้างเตียง

              พี่คิณ... ชอบฉันอย่างนั้นเหรอ

              แค่คิดก็เขินจนแทบจะกรี๊ดออกมาแล้วบ้าเอ๊ย นี่ฉันเป็นอะไรของฉันเนี่ย

              ฉันเอนกายลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงใหญ่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงนอนจนผ้าปูที่นอนตึงยับยู่ยี่

              ติ๊ง!!!

              เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า ฉันรีบเอื้อมมือไปล้วงหยิบมันขึ้นมาด้วยความรีบร้อนก่อนจะกดเข้าไปอ่านข้อความใหม่ที่ถูกส่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น โทรศัพท์ในมือถูกชูขึ้นเหนือใบหน้าของฉันแถมยังจดจ้องมันอย่างลุ้นระทึก

              มน: ทำใจดี ๆ นะแก ฉันมาห้างกับแม่แล้วเห็นพี่เมนิลกับพี่คิณยืนอยู่หน้าโรงหนังอะ

              มน: แต่พี่เขาแค่อาจจะยืนคุยกันก็ได้ เนอะ ๆ

             โทรศัพท์เครื่องบางหล่นลงทับใบหน้าของฉันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวจนฉันรีบลุกขึ้นมานั่งด้วยอาการเจ็บปวด

             โอ๊ย ยายบ้านิดา

             ฉันยกมือขึ้นมาจับสันจมูกที่ถูกโทรศัพท์ล่วงลงกระแทกอย่างแรง ได้แต่โทษตัวเองที่ซุ่มซ่ามอะไรเบอร์นี้

             แต่ว่าพี่คิณกับพี่เมนิล ถ้าไปหน้าโรงหนังขนาดนั้นแล้วจะเหลืออะไรนอกจากไปเดตกันล่ะ

             ราวกับโทรศัพท์เมื่อครู่เป็นดังเครื่องเตือนสติฉุดฉันขึ้นมาจากฝันกลางวันที่ทำฉันหน้าแตกดังเปรี๊ยะหล่นลงไปกองบนพื้นเป็นเศษเล็กเศษน้อย

             นิดาเอ๊ย นิดา แกต้องมั่นหน้าเบอร์ไหนเนี่ยว่าพี่เขาชอบแก

             นั่นพี่คิณเลยนะ คิณ อคิราห์ หน้าก็หล่อพ่อก็รวย คนระดับสูงเบอร์นั้นจะหันมามองอะไรที่เธอกันล่ะ

             ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอา ในใจฉันตอนนี้รู้สึกเหมือนกำลังมีดอกไม้ทั้งทุ่งเหี่ยวเฉาอยู่ในใจฉันเพราะพายุฝนโหมกระหน่ำอย่างไรอย่างนั้นแหละ

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก

            “นิดาลูก” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงเคาะประตูตามมาด้วยเสียงของหญิงสาววัยกลางคน ผู้เป็นแม่ของฉันเอง

            “ค่ะแม่ เข้ามาได้ค่ะ” ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาในห้องฉันหลังจากที่ฉันกล่าวอนุญาต

            “เป็นอะไรเรา ไม่สบายเหรอ ตากฝนหรือเปล่า” ฉันส่ายหน้าอย่างช้า ๆ ราวกับไม่มีเรี่ยวแรง

            “เปล่าค่ะ หนูแค่เหนื่อย ๆ”

            “งั้นเหรอ” แม่ลงมานั่งข้างฉันสายตาที่ห่วงใยจากผู้เป็นแม่จับจ้องมาทางฉัน

            “มีอะไรหรือเปล่าคะแม่ หนูว่าจะไปอาบน้ำนอนแล้ว”

            “วันเสาร์นี้ว่างหรือเปล่า”

            “ว่างค่ะ” ฉันตอบแบบไม่ต้องคิดเพราะว่าไม่มีกิจกรรมรับน้องและฉันก็ไม่ได้ลงเรียนภาคพิเศษอะไร “แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”

            “คือแม่นัดเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว เธอเป็นเพื่อนแม่สมัยเรียนมัธยมเป็นเพื่อนสนิทกันเลยนะ”

            “แล้วทำไมเหรอคะ” ฉันมองผู้เป็นแม่พลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย

            “แม่อยากให้เราไปด้วยนะ ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะ เนี่ยเพื่อนแม่เขาเอาลูกชายมาด้วยเห็นว่าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันรู้จักกันไว้ก็ดีนะลูก”

            อย่าบอกนะว่า... แม่จะพาฉันไปดูตัวน่ะ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 7 บาสเกตบอล

    “แก ๆ ๆ” ฉันรีบวิ่งหน้าตื่นหน้าตั้งมาหาเพื่อนสนิททั้งสองที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะในโรงอาหาร “มีอะไรวิ่งหน้าตั้งมาเลย” มนเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามด้วยความงุนงง “มนแกมัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงไม่รู้ว่าวันนี้คณะวิศวะฯ แข่งบาสเกตบอลกับคณะแพทย์” น้ำเสียงเหนื่อยหอบระคนตื่นเต้น ฉันหอบหายใจพลางรีบลากเพื่อนทั้งสองให้ลุกขึ้น “เชี่ย ศึกแดงเดือด” มนอุทานก่อนจะรีบโกยหนังสือลงกระเป๋าเป้โดยมีวิที่เงยหน้าขึ้นมามองตาใส “จะไปกันเหรอ” “แกไม่อยากมีแฟนคณะแพทย์หรือไง พี่หมอน่ะไทป์แกไม่ใช่เหรอ ไปเร็ว” ฉันรีบหยิบหนังสือใส่กระเป๋าผ้าของเพื่อนรักแล้วจูงมือเพื่อนทั้งสองให้วิ่งตามอย่างเร่งรีบ ทั้งมนและวิต่างรีบวิ่งตามฉันให้ทันโดยมีฉันวิ่งนำอยู่ไม่ไกล ฮือ ถ้าชีวิตมีพี่คิณเป็นเส้นชัย นิดาก็พร้อมสับจนเท้าแหลก พอมาถึงโรงยิมพวกเราก็รีบเข้าไปข้างในพลางบดเบียดสอดแทรกผู้คนให้มาอยู่ด้านหน้า “น้องนิดามาแล้ว” ฉันหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก พี่ธิดาเพื่อนสาวในกลุ่มพี่คิณรีบกวักมือเรียกฉันและเพื่อน ๆ “น้องนิดามาดูด้วยเหรอ” พี่มิลพ่อหนุ่มจอมแพรวพราวเอ่

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 6 ข้าวกล่อง               

    “นี่ข้าวเช้า” ตั้งแต่วันนั้นพี่คิณก็เอาข้าวเช้ามาส่งให้ฉันทุกวันที่ฉันมีเรียนในตอนเช้า “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มรับพลางมองตามแผ่นหลังกว้างของหนุ่มรุ่นพี่เดินออกไป “พี่คิณเขาไม่ไปฝึกงานเหรอ เห็นมาที่คณะได้ทุกวัน” มนเอ่ยถามขณะนั่งดื่มกาแฟอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉัน “เห็นพี่คิณบอกว่ามาหาเพื่อนอะเลยแวะเอาข้าวเช้ามาให้” ฉันหันมายิ้มอย่างอารมณ์ดีกับเพื่อนสนิทก่อนจะเปิดกล่องข้าวดู วันนี้เป็นข้าวผัดกุ้งแบบจุก ๆ พอฉันบอกพี่คิณเมื่อคืนว่าอยากกินกุ้งพี่เขาเลยบอกว่าจะทำข้าวผัดกุ้ง อย่าเรียกว่าข้าวผัดกุ้งเลยกุ้งผัดข้าวดีกว่าแทบมองไม่เห็นเม็ดข้าวแล้วเนี่ย “เพื่อนพี่เขาก็น่าจะไปฝึกงานปะ พี่ปีสี่อยู่ติดมหาวิทยาลัยที่ไหน” วิว่าก่อนจะกัดแซนด์วิชที่ตัวเองเตรียมมาจากบ้านพลางไถหน้าจอโทรศัพท์ไปมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ “แกพูดอย่างนี้แกกำลังให้ความหวังว่าพี่เขาตั้งใจเอาข้าวมาให้ฉันอยู่นะ” ฉันหันไปทำตาประกายใส่เพื่อนรักที่หันกลับมามองฉันด้วยหางตา “ก็น่าจะจริงปะ ดูจากดาวอังคารผู้ชายทำแบบนี้ให้ก็น่าจะคิดว่าพี่เขาจีบแกแล้วไหม” เพิ่งเคยเห็นเทวิกาของเราพูดด้วยน้ำเสียงปนหงุดหง

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 5 ชานมไข่มุก      

    “ไปดูตัวมาเป็นยังไงบ้างจ๊ะเพื่อนสาว ไม่ทักมาเลยนะ แสดงว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือใช่ปะ” ประโยคทักทายจากมนที่เงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือยามที่เห็นฉันเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามบนโต๊ะไม้ในโรงอาหาร “นั่นสิ เงียบไปเลยเกิดไรขึ้นไหม” วิถามเสริมด้วยความอยากรู้ “ผิดคาดมากเวอร์” ฉันนั่งลงก่อนจะรีบสุมหัวกับเพื่อนสนิททั้งสอง “ทำไมอะ เขาหล่อเหรอ” “หรือว่าเขาเกิดชอบแกขึ้นมา” “หรือว่าแกไปถูกตาต้องใจเขา” “หรือเขาเป็นคนที่พวกเรารู้จัก” “เดี๋ยว พวกแกใจเย็น ๆ” ฉันรีบยกมือห้ามปรามความคิดของทั้งสองก่อนที่จะไปกันใหญ่มากกว่านี้ ทั้งสองเม้มริมฝีปากแน่นแล้วตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ “เล่ามาเลย ๆ ไว” มนเร่งเร้าอย่างตื่นเต้น “คืองี้ ลูกชายของเพื่อนแม่ที่ฉันไปเจออะ คือพี่คิณ” “อะไรนะ” ทั้งสองอุทานออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกันอย่างแตกตื่นจนฉันตั้งรีบยกมือขึ้นปิดริมฝีปากของสองเพื่อนรักเอาไว้ไม่ให้เสียงดัง แล้วหันไปมองคนอื่น ๆ ในโรงอาหารพลางค่อมศีรษะขอโทษขอโพยด้วยความเกรงใจ “ก็อย่า

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 4 ดูตัว (2)         

    “ไปเดินเล่นกันไหม” “คะ?” ถ้อยคำเชิญชวนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยทำเอาฉันต้องถามกลับอีกรอบให้แน่ใจ “ไปเดินเล่นด้วยกันหรือเปล่า พวกแม่ ๆ เขาคุยกันอยู่ ไม่อยากไปขัดท่าน” “เอ่อ... ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับอย่างเหนียมอายก่อนจะเดินข้างพี่คิณออกไป แล้วเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินของห้างสรรพสินค้าโดยไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนด้วยซ้ำ “ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรา” “หนูก็ไม่คิดว่าจะเป็นพี่คิณเหมือนกันค่ะ ไม่งั้นหนูก็คงไม่แต่งตัวพิลึกแบบนี้” ฉันว่าด้วยน้ำเสียงติดงอแง อีกนิดฉันจะปาดน้ำตาโชว์พี่คิณที่เดินอยู่ข้าง ๆ ฉันแล้วเนี่ย “ก็ว่าอยู่ ไม่คิดว่าเราจะแต่งตัวแบบนี้” พี่คิณว่าอย่างขบขัน ฉันได้ยินพี่เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยจนฉันต้องหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจ “ก็ฉันไม่อยากให้ใครมาชอบฉันนี่คะ” “งั้นที่บอกว่าถ้ารู้ว่าเป็นพี่จะไม่แต่งตัวแบบนี้คือ...” เดี๋ยวนะ บอกแบบนี้ก็หมายความว่าอยากให้พี่คิณชอบน่ะสิ “ไม่ค่ะ ๆ ๆ คือหนูรู้อยู่แล้วไงว่าพี่ไม่มีทางชอบหนูหรอก” ฉันรีบยกมือห้ามปรามความคิดของพี่เขาพลางส่ายหน้าระรัวด้วยความลนลานแล้วส่งยิ

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 3 ดูตัว    

    “บอกฉันทีลมอะไรหอบให้แกแบกพวกฉันมาซื้อเสื้อผ้าได้เนี่ย” มนว่าอย่างแปลกใจพร้อมกับเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าในร้านอย่างคุ้นชิน “แม่ฉันนัดกับเพื่อนสนิทสมัยมัธยมแล้วเอาฉันไปด้วยอะดิ” ฉันว่าอย่างเบื่อหน่ายพลางเดินตามเพื่อนรักที่กำลังเลือกดูเสื้อผ้าอย่างสนอกสนใจ มนเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวเก่งต่างจากฉันที่ใส่เสื้อผ้าซ้ำไปซ้ำมา ส่วนวิที่เดินตามมาอยู่อีกฝั่งก็มองเสื้อผ้าที่เข้ากับสไตล์การแต่งตัวของตัวเองที่จะออกแนวสาวน้อยน่ารักตามแบบฉบับของเทวิกา “แม่นัดเจอเพื่อนแล้วเกี่ยวอะไรกับแกอะ” วิที่ยืนเงียบอยู่สักพักเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ก็เพื่อนแม่จะหอบลูกชายมาด้วยนี่สิ ฉันว่านะต้องนัดดูตัวแหง ๆ” เพื่อนทั้งสองของฉันหยุดชะงักตัวแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็งก่อนจะหันมามองหน้ากันราวกับว่าโลกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ฉันได้แต่มองเพื่อนสาวอย่างแปลกใจที่ทั้งสองนั้นดูอึ้งยิ่งกว่าฉันเสียอีกก่อนที่ทั้งสองจะรีบกรูกันเข้ามาหาฉันอย่างแตกตื่น “นี่แม่แกเขาดูออกขนาดนั้นเลยเหรอว่าแกจะขึ้นคาน” มนว่าเอ่ยแซวจนฉันต้องหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างคาดโทษ “นี่ที่แกมาเลือกเสื้อผ้าเ

  • อคิราห์คนคลั่งรัก    ตอนที่ 2 ร่ม      

    วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ฉันต้องมานั่งอุดอู้เรียนอยู่ในคาบเลกเชอร์ที่แสนจะน่าเบื่อ เครื่องปรับอากาศทำความเย็นฉ่ำ ๆ ภายในห้องชวนให้ง่วงนอนจนตาปรือ “เป็นอะไรเนี่ย” วิสะกิดไหล่ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มสัปหงกด้วยความงัวเงีย “ฉันหนาวอะ เลยง่วง” ฉันหาวฟอดใหญ่พลางยกมือขึ้นป้องปากแล้วฟุบใบหน้าลงบนโต๊ะเรียนเพราะไม่อาจจะทนความง่วงนอนที่เข้ามารุมเร้าเสียจนเปลือกตาหนักอึ้งไปหมด “อีกไม่กี่นาทีก็หมดเวลาแล้ว แกจะมาหลับตอนนี้ไม่ได้นะ” มนใช้ข้อศอกกระทุ้งแขนของฉันให้เงยหน้าขึ้นมามองไปยังหน้าห้องที่ยังมีอาจารย์เปิดสไลด์พร้อมกับอธิบายโดยที่ฉันไม่ได้เข้าใจเนื้อหาหรือแม้แต่จะฟังมันอย่างตั้งใจด้วยซ้ำ ฉันได้แต่หรี่ตามองข้อความที่ขึ้นมาผ่านตาให้ผ่านพ้นไปในแต่ละนาทีอย่างใจจดใจจ่อแม้ในหัวจะโล่งจนเหมือนได้ยินเสียงลมพัดผ่านความว่างเปล่าก็ตามที จนเวลาล่วงเลยถึงตอนเลิกคลาส เพื่อน ๆ ในห้องต่างเริ่มทยอยเดินออกกันมาด้วยท่าทีที่เหมือนหมดแรงกันเป็นแถบ รวมถึงฉันด้วย ฉันและเพื่อนสาวอีกสองคนเดินออกมาจากห้องเรียนก็พบกับลมแรงที่พัดเข้าตีหน้าจนผมที่ปล่อยสยายของฉันปลิวไม่

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status