공유

องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก
องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก
작가: ชาผลไม้

บทที่ 1

작가: ชาผลไม้
“ฉู่เนี่ยนซี หญิงอัปลักษณ์ กล้าดีอย่างไรมาวางยาข้า?”

ดวงตาของเย่เฟยหลีเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เขาจ้องมองฉู่เนี่ยนซีที่สวมเพียงผ้าฝ้ายสีแดงสดบนเตียงด้วยดวงตาโหดเหี้ยม

“เราแต่งงานกันสามเดือนแล้ว แต่ท่านไม่เคยแตะต้องข้าเลย ท่านคิดจะรอให้ซ่างกวานเยียนแต่งเข้ามาในวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่? หากยังไม่ได้แตะต้องข้า ท่านก็อย่าได้คิดจะได้แตะต้องนาง!”

ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความริษยา

บนใบหน้าเล็ก ๆ ของผู้หญิงคนนี้มีตุ่มสีม่วงเข้มขนาดใหญ่ ทำให้ดูน่าเกลียดน่ากลัว

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการกระตุ้นของฉู่เนี่ยนซี หรือเป็นเพราะฤทธิ์ยา เย่เฟยหลีรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่างกาย

"เจ้ามันน่ารังเกียจจริง ๆ!"

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะสนองให้เจ้าเอง! แต่ชาตินี้ทั้งชาติ้เจ้าอย่าหวังว่าข้าจะสัมผัสเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง!”

เย่เฟยหลีฉีกผ้าฝ้ายออกจากร่างของหญิงตรงหน้าด้วยแววตาเกลียดชัง

หลังจากผ่านการร่วมหลับนอน เย่เฟยหลีก็สวมเสื้อผ้าแล้วหยัดกายขึ้น

เมื่อมองดูดวงตาที่เย็นชาของชายคนนั้นที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกหายใจไม่ออก

“ใครก็ได้ พาสตรีนางนี้ไปขังไว้ในคอกม้า! ข้าไม่อยากเห็นหน้านางในงานแต่งวันพรุ่งนี้!”

พูดจบ เย่เฟยหลีก็ดึงผ้าม่านเตียงลงมา

ทันทีที่ผ้าม่านหลุดลงมา ร่างกายและศีรษะของฉู่เนี่ยนซีก็ถูกผ้าม่านผืนนั้นคลุมเอาไว้

จู่ ๆ หัวใจที่จมดิ่งของนางก็รู้สึกอุ่นใจขึ้น เมื่อได้สัมผัสถึงความอบอุ่นบนร่างกาย

แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่เขาก็เป็นห่วงใยนาง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ห่อตัวนางเอาไว้เช่นนี้

บางทีนางอาจจะยังมีหวัง ใช่หรือไม่...

อย่างไรก็ตาม เสียงที่ไร้หัวใจของชายที่อยู่ด้านนอกก็ดังขึ้น ทำลายจินตนาการที่สวยงามของฉู่เนี่ยนซีไปจนหมดสิ้น และยังทำให้นางหยุดพยายามถอดผ้าม่านนี้ออกจากศีรษะด้วย

“แค่เห็นใบหน้าที่น่ารังเกียจของเจ้า ข้าก็รู้สึกอยากจะอ้วกแล้ว!”

โลกของฉู่เนี่ยนซีดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ จนกระทั่งองครักษ์เข้ามาในห้อง และเย่เฟยหลีก็จากไป

“พระชายา เชิญ” เสียงขององครักษ์ดังขึ้น แม้ว่าคำพูดจะมีถ้อยคำแสดงความเคารพ แต่น้ำเสียงและการแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

“ข้าอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน!” เสียงเย็นชาของฉู่เนี่ยนซีดังรอดออกมาจากผ้าม่านเตียง

องครักษ์ทั้งสองตกตะลึง เหลือบมองกันไปมาแล้วตอบว่า "เช่นนั้นพระชายาโปรดทรงรีบแต่งตัวด้วย อย่าทำให้ท่านอ๋องต้องโกรธเคือง"

พูดจบ องครักษ์ทั้งสองก็หัวเราะเยาะและเดินออกไป

“หน้าตาแบบนี้แม้แต่ผู้ชายก็ยังไม่กล้ามองเลย ยังจะกลัวถูกคนอื่นเห็นอีก”

“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว อย่างไรนางก็เป็นถึงพระชายา ไม่ว่าท่านอ๋องจะรังเกียจนางเพียงใด แต่พระองค์ก็จะไม่ยอมให้ตัวเองเสียหน้าเด็ดขาด”

“ท่านอ๋องไม่มีเวลามาสนใจนางหรอก พรุ่งนี้คุณหนูซ่างกวานก็จะมาแล้ว นางเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมืองหลวงเชียวนะ!”

เสียงของทั้งสองเริ่มห่างออกไปเรื่อย ๆ จนเงียบลง จากนั้นมือที่กำแน่นของฉู่เนี่ยนซีก็ค่อย ๆ คลายออก และดึงม่านเตียงที่คลุมศีรษะไว้ออก

หลังจากแต่งตัวเสร็จ นางก็นั่งเงียบ ๆ มองดูตนเองผ่านกระจกสีเงิน ดวงตาของเธอหมองคล้ำราวกับน้ำนิ่ง

“ท่านพ่อ ลูกผิดไปแล้ว!”

ฉู่เนี่ยนซีหยิบขวดแก้วออกมาจากลิ้นชัก ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาที่หลั่งไหลออกมา "นี่อาจเป็นศักดิ์ศรีสุดท้ายที่เหลืออยู่ของลูก"

พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็เงยหน้าขึ้นแล้วเทสิ่งที่อยู่ในขวดแก้วลงไปในปากทันที

...

ห้องนอน

“พระชายา ฮือ ฮือ...ได้โปรดฟื้นขึ้นมาเถิดเพคะ...”

“ทำไมท่านถึงได้คิดสั้นเช่นนี้ อย่าทำให้เสี่ยวเถาตกใจกลัวสิเพคะ!”

“นายท่านสั่งให้เสี่ยวเถามาดูแลท่าน ในเมื่อวันนี้ท่านจากไปแล้ว เสี่ยวเถาก็จะตามท่านไป!”

"หนวกหูจริง ๆ..." เสียงแหบแห้งติดรำคาญดังขึ้น และทั้งห้องก็เงียบลงทันที

ฉู่เนี่ยนซีขยี้ตาที่เจ็บแล้วลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ข้างเตียงมีหญิงสาวที่ตาบวมแดงเกาะอยู่

"ที่นี่ที่ไหน?" ฉู่เนี่ยนซีถามพลางมองไปรอบ ๆ ห้องที่ดูโบราณ รวมถึงชายหญิงที่แต่งกายด้วยชุดโบราณ และอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

เธอกำลังทำการทดลองทางการแพทย์ ที่สามารถฟื้นฟูร่างกายที่เสียหายได้อยู่ในห้องปฏิบัติการ แต่การทดลองกลับล้มเหลว หรือเธอจะโดนระเบิดตายไปแล้วอย่างนั้นเหรอ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

“พระชายา...พระชายา ในที่สุดท่านก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว เสี่ยวเถารู้ว่าท่านไม่มีทางทิ้งบ่าวไปแน่!”

“พระชายา? ใครคือพระชายา สาวน้อยเธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”

เมื่อฉู่เนี่ยนซีได้ยินคำเรียก เธอก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ และอยากจะลุกขึ้นเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

แต่ทันทีที่เธอเริ่มเคลื่อนไหว ก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นอย่างรุนแรง

ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว

จากนั้นไม่นาน ความเจ็บปวดก็หายไป และฉู่เนี่ยนซีก็เข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง

ดูเหมือนว่าเธอจะได้ข้ามมิติมาสู่ราชวงศ์ที่ไม่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ หรือที่เรียกว่ากันโลกคู่ขนาน

บังเอิญที่เจ้าของร่างเดิมมีชื่อเหมือนกันกับเธอ นั่นก็คือฉู่เนี่ยนซี

หลังจากรวบรวมสติได้ ฉู่เนี่ยนซีก็เหลือบมองผู้คนในห้องอีกครั้ง

ทุกคนมีสีหน้าแปลกประหลาด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรังเกียจ เว้นก็แต่เสี่ยวเถา

ก็จริง คนที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันก็คงเป็นเรื่องน่าประหลาดอยู่แล้ว

และเมื่อรู้ว่าตนต้องรับใช้พระชายาผู้มีหน้าตาอัปลักษณ์ ก็คงไม่มีใครยินดีเท่าไรนัก

“ในเมื่อพระชายายังไม่ตาย เช่นนั้นก็เชิญ” องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างเห็นฉู่เนี่ยนซีลุกขึ้นมา จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

พูดจบ เขาก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับองครักษ์อีกคน

“พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ!” เสี่ยวเถารีบปกป้องฉู่เนี่ยนซีและมองพวกเขาด้วยใบหน้าระแวดระวัง “พระชายาเพิ่งฟื้น พวกเจ้าจะพานางไปที่ใด?”

“พวกข้าทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง ให้พาพระชายาไปที่คอกม้า สาวใช้อย่างเจ้าอย่ามาทำให้ท่านอ๋องต้องรอ หลบไปซะ!”

พูดจบ องครักษ์ก็ผลักเสี่ยวเถาออกไป

เสี่ยวเถาเสียการทรงตัว นางล้มลงหน้าผากกระแทกกับปลายเตียง จนมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา

ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองอาการบาดเจ็บของเสี่ยวเถา เมื่อเห็นว่าไม่ได้เป็นอันตรายมากนัก จึงมองไปที่องครักษ์ทั้งสองนายด้วยสายตาเย็นชา ในความทรงจำของเธอ องครักษ์ทั้งสองดูถูกและเย้ยหยันเจ้าของร่างเดิมเป็นอย่างมาก

"พวกเจ้าชื่ออะไร?"

"อะไรนะ?"

“ข้าถามว่าพวกเจ้าชื่ออะไร!” ดวงตาของฉู่เนี่ยนซีเย็นชายิ่งขึ้น น้ำเสียงของนางก็เจือไปด้วยความเย็นยะเยือก

ในชีวิตก่อนหน้านี้ นอกเหนือจากการทำวิจัยในห้องทดลองแล้ว เธอยังใช้เวลาอยู่ในสนามรบท่ามกลางกองศพอันโหดร้ายเป็นส่วนมากด้วย

บรรดาผู้ที่อยู่ท่ามกลางสนามรบ และได้เห็นชีวิตและความตายมามากมายจะกลายเป็นคนเคร่งขรึมขึ้น ด้วยอารมณ์ที่เยือกเย็นจากภายในสู่ภายนอก

องครักษ์ทั้งสองไม่เคยเห็นฉู่เนี่ยนซีเป็นเช่นนี้มาก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวเล็กน้อย

"ข้า..."

“เพี๊ยะ!” ฉู่เนี่ยนซีตบหน้าองครักษ์เสียงดังลั่น และพูดด้วยความโกรธ "ช่างกล้านัก ท่านอ๋องสอนมารยาทพวกเจ้าเช่นนี้หรือ? ถึงได้กล้าแทนตัวเองว่า ข้า ต่อหน้าพระชายา?"

องครักษ์ที่ถูกตบตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ

"เจ้า..."

เขาชี้ไปที่ฉู่เนี่ยนซี และในขณะที่กำลังจะพูด ก็มีเสียงดังเกิดขึ้นอีกรอบ "เพี๊ยะ"

ฉู่เนี่ยนซีตบเขาอย่างรุนแรงอีกครั้ง

“ท่านอ๋องของพวกเจ้าไม่สั่งสอนหรือว่าให้ใช้คำให้เกียรติเวลาพูดกับเจ้านาย?”

องครักษ์ที่ถูกตบยกมือขึ้นปิดหน้าและลืมโต้ตอบ เขาสับสนกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่เนี่ยนซี

แม้ว่าฉู่เนี่ยนซีจะเป็นลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎหมายของมหาเสนาบดี และเป็นที่รักของทุกคนในจวนมหาเสนาบดี แต่ตั้งแต่นางได้เข้ามาในจวนของท่านอ๋องหลี นางก็ไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องหลีแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครก็สามารถเย้ยหยันนางได้ทั้งนั้น เมื่อเวลาผ่านไป อย่าว่าแต่เรื่องทุบตี แม้แต่จะพูดจารุนแรงกับคนรับใช้นางก็ไม่เคยเลย และนิสัยขี้ขลาดของนางก็ต่างไปจากที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างสิ้นเชิง

หากทั้งสองไม่ได้เฝ้าอยู่ที่ประตู พวกเขาคงจะคิดว่าพระชายาถูกสลับตัวไปเป็นแน่

“ทำไม หรือว่าท่านอ๋องไม่ได้ตั้งชื่อให้พวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่เนี่ยนซีพูดพลางหมุนข้อมือของตัวเอง

องครักษ์ที่ถูกตบถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที

"เหอะ เหอะ..."

เมื่อฉู่เนี่ยนซีเห็นการกระทำของชายคนนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ "ดูเหมือนว่าร่างกายของเจ้าจะรู้วิธีประเมินสถานการณ์ได้ดีกว่าปากนะ"

ทันทีที่พูดจบก็มีเสียงดัง "ปัง" และประตูห้องก็ถูกเตะเปิดออกจากด้านนอก

ชายคนหนึ่งสวมชุดผ้าสีดำเดินเข้ามา แม้ว่าเขาจะยืนในมุมย้อนแสง แต่ก็ไม่สามารถบดบังออร่าความสง่างามของราชาได้ ทั้งยังมีใบหน้าอันสมบูรณ์แบบราวกับถูกแกะสลักโดยเหล่าทวยเทพ

แม้ว่าฉู่เนี่ยนซีจะมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน แต่เธอก็คุ้นเคยกับสำนวนต่าง ๆ และคุ้นเคยกับการเห็นผู้ชายหล่อและผู้หญิงสวยมามากมาย แต่ในขณะนี้ เธอไม่สามารถหาคำพูดใดมาแสดงความชื่นชมในความดูดีของชายผู้นี้ได้เลย

ไม่แปลกใจที่เจ้าของร่างเดิมจะหลงใหลเขามากขนาดนี้ แค่มองแวบเดียวก็สามารถตกหลุมรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้นได้ ไม่ว่าใครจะคัดค้าน แต่นางก็ขอร้องให้พ่อและป้าของนาง ฉู่กุ้ยเฟย ส่งคำขออภิเษกสมรสต่อองค์จักรพรรดิอยู่ดี

สำหรับคนอื่น ความรักแรกเห็นมักนำไปสู่ความผิดพลาดตลอดชีวิต แต่สำหรับนาง นางยอมเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยง เพราะการพบเจอแค่เพียงแวบเดียว

“เจ้าสามารถสั่งสอนผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เสียงเยือกเย็นของเย่เฟยหลีดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของฉู่เนี่ยนซี

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status