Share

บทที่ 2

Author: ชาผลไม้
ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีด้วยดวงตาเฉียบคม จากนั้นจึงนั่งลงบนเตียงอีกครั้งอย่างไม่เร่งรีบ

แม้ว่าใบหน้าของนางจะยังคงดูน่าเกลียด แต่ก็ยังมีความสง่างามในทุกการเคลื่อนไหว

เย่เฟยหลีมองการเคลื่อนไหวของนาง และขมวดคิ้วไม่พอใจ

ผู้หญิงคนนี้ฆ่าตัวตาย แล้วมีความกล้ามากขึ้นอย่างนั้นหรือ!

เขากำลังจะระบายความโกรธ แต่ฉู่เนี่ยนซีก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

“ท่านอ๋องตรัสเช่นนั้นได้อย่างไรกันเพคะ หม่อมฉันเป็นพระชายาที่อภิเษกถูกต้องตามกฎหมายของพระองค์ และจักรพรรดิก็ทรงพระราชทานการอภิเษกสมรสเป็นการส่วนตัว แม้ว่างานแต่งของเราจะเรียบง่าย แต่หม่อมฉันก็เป็นสะใภ้ที่ราชวงศ์ยอมรับ แล้วในฐานะพระชายา เหตุใดจะสั่งสอนองครักษ์สองนายนี้ไม่ได้กันล่ะเพคะ?”

ฉู่เนี่ยนซีมองเย่เฟยหลีอย่างหน้าซื่อ นางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น องครักษ์เหล่านี้ไม่ให้ความเคารพหม่อมฉัน พระองค์กลับตำหนิชายาตนเองเพื่อช่วยองครักษ์เหล่านี้อย่างนั้นหรือ กำแพงมีหู ข้อกล่าวหาดังกล่าวอาจทำให้คนบอกว่า ท่านทำร้ายชายาโดยชอบธรรมของตนเองเอาได้นะเพคะ”

“ถ้าแค่แต่งงานกันตามคำสั่งของท่านพ่อท่านแม่ก็คงไม่เป็นไร แต่เราแต่งงานกันตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิ ถ้ามีใครเอาไปพูดในทางไม่ดีว่า 'ท่านอ๋องไม่พอใจกับคำสั่งของจักรพรรดิ และไม่ยินดีกับงานอภิเษกสมรสในครั้งนี้ ดังนั้นจึงปฏิบัติต่อชายาอย่างไม่เป็นธรรม’ เกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่นัก..."

ฉู่เนี่ยนซีมีรอยยิ้มที่ชาญฉลาดบนใบหน้า และรอยบวมสีม่วงแดงบนใบหน้าของเธอก็ดูดุร้ายยิ่งขึ้น มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ดูแน่วแน่และมีชีวิตชีวา ให้ความรู้สึกขัดแย้งกันอย่างมาก

เย่เฟยหลีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งกับการเปลี่ยนแปลงของนาง จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย และร่างของเขาก็ขยับไปตรงหน้านางอย่างรวดเร็ว ราวกับผีล่องหน พลางเอื้อมมือออกไปบีบคอของนาง

"นี่เจ้ากำลังขู่ข้างั้นรึ?"

ชายผู้นี้มีพละกำลังพลังมาก และเขาก็แผ่เจตนาฆ่าออกมาอย่างแรงกล้า

ฉู่เนี่ยนซีเอนตัวลงบนเตียงกึ่งนอนกึ่งนั่ง แล้วมองตรงไปที่ชายตรงหน้า

ชายผู้นี้โหดร้ายจริง ๆ ฉู่เนี่ยนซี หนอ ฉู่เนี่ยนซี นี่น่ะเหรอคนที่เจ้ารัก การตายของเจ้าช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

คงจะดีไม่น้อยหากมิติในชาติก่อนยังคงอยู่ เช่นนั้นนางคงจะหยิบปืนออกมายิงเขาไปแล้ว!

แม้ว่าจะไม่มีปืน แต่มีเข็มเงินก็ยังดี อย่างน้อยมันก็ทำให้นางสามารถหลุดพ้นจากการจับกุมนี้ได้

ฉู่เนี่ยนซีที่กำลังคิดเช่นนั้นอยู่ จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงบางสิ่งเย็น ๆ บนฝ่ามือ

เข็มเงิน?

ดวงตาของเธอมีความประหลาดใจ เย่เฟยหลีเองก็สังเกตเห็นการแสดงออกนั้น

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้คิดอะไร แขนของเขาก็ชาวาบ และมือที่กำลังบีบคอของนางอยู่นั้นก็สูญเสียกำลังไปในทันที

หัวใจของเขาเย็นวาบ และกำลังจะโต้ตอบ

ฉู่เนี่ยนซีก็ใช้มือทั้งสองข้างโจมตีแขนที่ชาของเขา ก่อนจะขยับถอยห่างออกไปจากเขาสามก้าว และมองเขาด้วยสีหน้าระมัดระวัง

“ฝ่าบาททรงประสงค์ให้พิธีแต่งตั้งนางสนมในวันพรุ่งนี้กลายเป็นพิธีงานศพเช่นนั้นหรือ?”

เย่เฟยหลีถอนสายตาโกรธแค้นออกไป

สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดออกมาเมื่อครู่นี้ทำให้เขาเสียสติ ผู้หญิงคนนี้ยังตายไม่ได้!

แต่ว่า...เมื่อครู่นี้...

เขามองไปที่แขนของตัวเอง พลางหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้าเป็นใครกันแน่?”

ฉู่เนี่ยนซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า "หม่อมฉันก็คือหม่อมฉันสิเพคะ ท่านอ๋องไม่สบายหรือ? ถึงได้จำหม่อมฉันไม่ได้"

“เจ้าคิดว่าข้าโง่งั้นหรือ?”

“ฝ่าบาทตรัสเช่นนั้นได้อย่างไรกัน หม่อมฉันโง่เองเพคะ ถึงได้ปลิดชีพตนเอง เพราะคนที่ไม่ได้รักในตัวหม่อมฉัน และเกือบจะทำให้ท่านพ่อและท่านแม่ต้องผิดหวัง บัดนี้หม่อมฉันหนีออกมาจากประตูนรกได้ และก็คิดอะไรได้มากมายแล้ว นับจากนี้ไป หม่อมฉันจะตัดใจจากพระองค์ พระองค์ก็ไปแต่งงานกับคนที่ตนรัก ส่วนหม่อมฉันก็จะทำหน้าที่เป็นพระชายาหลี เราต่างฝ่ายต่างไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องของกันและกัน ตกลงไหมเพคะ?"

เย่เฟยหลีมองความเฉยเมยบนใบหน้าของนาง และไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้ หรือว่าจู่ ๆ นางก็รู้แจ้งขึ้นมาอย่างนั้นหรือ? ถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไปมากเช่นนี้

“เจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่?”

ฉู่เนี่ยนซีเห็นสีหน้าที่พินิจพิเคราะห์ของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “หม่อมฉันก็เป็นเพียงสาวน้อย จะทำอะไรต่อหน้าท่านอ๋องหลีผู้สง่างามกันได้ล่ะเพคะ?”

เย่เฟยหลีคิดถึงเรื่องที่ถูกนางวางยาขึ้นมา และใบหน้าของเขาก็มืดมนลงไปชั่วขณะ

เมื่อเห็นเขามองผ้าม่านเตียงที่อยู่ข้างเตียง และข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ในห้อง ฉู่เนี่ยนซีก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง และใบหน้าของนางก็แดงก่ำขึ้นมา

นางลืมไปได้อย่างไรว่าเจ้าของร่างเดิมพรากร่างกายของเขาไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอ๋องจะเกลียดชังนางมากขนาดนี้

“ถ้าหม่อมฉันบอกว่า...เป็นเรื่องเข้าใจผิด...พระองค์จะเชื่อหรือไม่?” ฉู่เนี่ยนซียิ้มอย่างกระอักกระอ่วน

“จำคำพูดของตัวเองไว้ให้ดี หากเจ้ากล้าสร้างปัญหาอะไรอีก ใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้!” เย่เฟยหลีตะคอกเสียงเย็นพลางมองนางด้วยสายตาเย็นชา เขาสะบัดแขนเสื้อก่อนจะจากไป

“พระองค์ค่อย ๆ เสด็จนะเพคะ” ฉู่เนี่ยนซีมองดูเขาเดินจากไป จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ค่อย ๆ จางลง ก่อนจะหันไปมององครักษ์ทั้งสองที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

"ชื่อ!"

“เอ่อ?” องครักษ์ที่ถูกตบยังไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลงของนาง จึงลืมตอบไปครู่หนึ่ง

องครักษ์อีกคนที่อยู่ด้านข้างจึงรีบดึงเขาแล้วพูดว่า "กระหม่อมชื่อหลี่จง ส่วนชื่อของเขาคือจ้าวชิงขอรับ"

เห็นได้ชัดว่าในสายตาของหลี่จงมีความเคารพอยู่ เพราะเขาทำงานอยู่ในพระราชวัง และรู้จักคล้อยตามสถานการณ์ที่เป็นไป

แม้ว่าเมื่อก่อนพระชายาคนนี้จะไม่ได้รับความชอบ แต่ดูจากการที่นางพูดกับท่านอ๋องเมื่อครู่ แต่ไม่โดนลงโทษใด ๆ ดังนั้นจึงไม่อาจคาดการณ์สถานะของนางในอนาคตได้

“เจ้าฉลาดกว่าเขา ข้าจะจำไว้ ไปได้แล้ว”

“ขอรับ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้”

“เอ๊ะ...คำสั่งของท่านอ๋อง…” จ้าวชิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกหลี่จงห้ามไว้

“หยุดพูด รีบไปกันได้แล้ว”

และจ้าวชิงก็ถูกหลี่จงดึงออกจากห้องไป

ในที่สุดในห้องก็เงียบสงบลง ฉู่เนี่ยนซีกดขมับ และสีหน้าของนางค่อย ๆ สงบลง

เพิ่งย้อนเวลามาที่นี่ได้เพียงวันเดียวก็เกิดเรื่องมากมาย วันข้างหน้าคงจะไม่สงบอีกต่อไปแล้วสินะ

ด้วยเหตุนี้ นางจึงไม่ได้เก็บซ่อนการเปลี่ยนแปลงของตัวเองมากเกินไปต่อหน้าเย่เฟยหลี และปล่อยให้เขาคิดว่านางได้เป็นคนใหม่และตื่นรู้แล้ว

ได้เกิดใหม่และตาสว่างแล้ว

สำหรับเรื่องเมื่อครู่ที่นางแทงเข็มเงินไปที่จุดฝังเข็มที่แขนของเขา ในความทรงจำของนาง ตอนที่นางยังเป็นเด็ก ฉู่เนี่ยนซีเคยเรียนศิลปะการต่อสู้จากยอดฝีมือมาระยะหนึ่ง ตอนที่ยังอยู่ในจวนมหาเสนาบดี แม้ว่าเขาจะให้คนไปสืบว่าเหตุใดนางจึงมีทักษะการต่อสู้ ก็ไม่มีผลอะไร

สิ่งสำคัญในตอนนี้คือใบหน้านี้ นางมีวิธีรักษา เพียงแต่...

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status