หรือว่าใช้วิธีลับๆ ก็ยังไม่ได้? องค์หญิงใหญ่มีเล่ห์เหลี่ยมลึกซึ้ง ถนัดที่สุดก็คือวิธีการอันเฉียบขาดเหล่านี้ หลี่หลงหลินไม่มีทางคาดคิดได้เลยว่า องค์หญิงใหญ่จะยังมีแผนสำรองเช่นนี้! เห็นเพียงองค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างเย็นชาว่า: “หลังจากเอาเงินมาแล้ว อย่าให้เหลือผู้รอดชีวิต! ทำเรื่องให้เรียบร้อย! อย่าทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้!” เฟิงเข้าใจเจตนาขององค์หญิงใหญ่ในทันที นี่คือการให้นางไปฆ่าล้างตระกูล! แต่นางก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะเรื่องที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่านี้ องค์หญิงใหญ่ก็เคยทำมาแล้ว มองผ่านผ้าคลุมหน้าบางๆ ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า บนใบหน้างดงามของเฟิงปรากฏรอยยิ้มกระหายเลือด “ไม่ได้ลิ้มรสเลือดสดๆ มานานแล้ว ช่างน่าคิดถึงจริงๆ!” องค์หญิงไท่ผิงกล่าวว่า: “แม้ว่าพวกเจ้าจะมีวิชานินจาอันล้ำเลิศ แต่นี่ก็คือเมืองหลวงของต้าเซี่ย ระมัดระวังตัว อย่าเปิดเผยตัวตนให้องครักษ์เสื้อแพรจับได้” แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะไม่ทราบแน่ชัดว่า องครักษ์เสื้อแพรมีความสามารถมากเพียงใด แต่จากที่หลี่เทียนฉี่บอกเล่า ก็ไม่ใช่คนที่จะดูถูกได้ง่ายๆ เฟิงยิ้มอย่างมีเลศนัย: “องค์หญิงโปรดวางใจ!” กล่าวจบ ร่างหลายร่างก็หายลับไปใน
“ต่งฮุย?” หลี่หลงหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า ในความทรงจำของเขาไม่รู้จักผู้ใดที่ชื่อต่งฮุย ยิ่งไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตระกูลต่งเลย หลี่หลงหลินเปิดหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยฉบับวันนี้ เห็นเพียงพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งก็คือข่าวการถูกฆ่าล้างตระกูลของตระกูลต่ง หลี่หลงหลินถามว่า: “ตระกูลต่งนี้มีที่มาอย่างไร?” แม้ว่าการถูกฆ่าล้างตระกูลในเมืองหลวงที่มีความปลอดภัยเช่นนี้ จะเป็นข่าวใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยได้ กระทั่งยังบดบังข่าวที่ตนเองโต้เถียงกับองค์หญิงใหญ่เมื่อวานนี้ ต้องรู้ว่า นี่คือหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย มิใช่หนังสือพิมพ์ความปลอดภัยต้าเซี่ย ลั่วอวี้จู๋กังวลใจ และกล่าวว่า: “องค์รัชทายาท ท่านอาจจะไม่ทราบ ตระกูลต่งนี้เป็นสหายเก่าแก่ของตระกูลซูเรา คบหากันมานานนับร้อยปี” “สหายเก่าแก่ นับร้อยปี?” ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า: “ยิ่งไปกว่านั้น ต่งฮุยตายแล้ว ธุรกิจของตระกูลซูและภูเขาประจิมจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน” หลี่หลงหลินจึงเข้าใจว่าเหตุใดลั่วอวี้จู๋จึงบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่ ที่แท้ต่งฮุยก็คือหุ้นส่วนสำคัญที่สุดของตน
คนในตระกูลต่งทั้งตระกูลกว่าร้อยชีวิต บัดนี้เหลือเพียงเด็กกำพร้าและแม่หม้าย ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าสงสารเวทนา หลี่หลงหลินมองออกถึงความคิดในใจของพี่สะใภ้ใหญ่ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “ในเมื่อเป็นสหายเก่าแก่ของตระกูลซู ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของภูเขาประจิม เช่นนั้นก็ไปเยี่ยมเยียนสักหน่อยเถิด และช่วยเหลือเท่าที่ทำได้” สำหรับหลี่หลงหลินแล้ว ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เพราะการสืบคดีเป็นหน้าที่ของทางการ แม้ว่าตระกูลต่งจะมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลซู แต่ตนเองที่เป็นองค์รัชทายาทก็ไม่อาจลงมือสืบคดีเองได้ เพียงแต่หลี่หลงหลินคิดไม่ตกว่า เหตุใดอีกฝ่ายจึงลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ คนกว่าร้อยชีวิตตายในตอนกลางคืน แต่เพื่อนบ้านใกล้เคียงกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ แม้แต่การฆ่าไก่สักตัว ก็ยังต้องมีเสียงร้องโหยหวน นี่เป็นคนทั้งคน! หลี่หลงหลินรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ! ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะออกจากบ้าน ก็มีบ่าวรับใช้รีบมารายงาน “องค์รัชทายาท มีคนมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว ถามว่า: “ผู้ใด?” บ่าวรับใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “คุณหนูตระกูลต
“ช่างเหลวไหลสิ้นดี!” หลี่หลงหลินไม่อยากจะเชื่อ พวกข้าราชการในศาลาว่าการจะกล้าจับคนโดยไม่ดูตาม้าตาเรือเช่นนี้! คุณหนูต่งสะอื้นไห้ กล่าวเสียงสั่นเครือ: “ตระกูลต่งของพวกเราถูกฆ่าล้างตระกูล จนถึงทางตันแล้ว ท่านแม่กำชับหลายครั้งว่าต้องมาหาองค์รัชทายาทที่ตระกูลซู มีเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้นที่จะคืนความบริสุทธิ์ให้แก่ตระกูลต่งได้!” หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่า กลางวันแสกๆ แผ่นดินยังสว่างไสว ยังมีคนกล้าพูดกลับดำเป็นขาว พูดกลับขาวเป็นดำ! หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ แล้วกล่าวว่า: “ไป! ไปศาลาว่าการกับข้า! ข้าจะดูว่าใครกล้าเหิมเกริมถึงเพียงนี้!” ลั่วอวี้จู๋โอบกอดคุณหนูต่งไว้ในอ้อมแขน สั่งคนนำน้ำตาลมาชงให้ดื่ม มิเช่นนั้น ด้วยสภาพร่างกายของนางเช่นนี้ คงจะหมดสติไปในไม่ช้า ลั่วอวี้จู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “เจ้าวางใจเถิด ความยุติธรรมย่อมมีอยู่ พวกเราจะคืนความบริสุทธิ์ให้แก่เจ้า และลากตัวผู้บงการออกมาให้ได้!” คุณหนูต่งน้ำตาไหลริน ไหลรินลงมาตามแก้มที่งดงามหมดจด ... ณ ศาลาว่าการเมืองหลวง สิงโตหินคู่หนึ่งตั้งตระหง่านอยู่สองข้าง ป้ายประตูขนาดใหญ่ดูน่าเกรงขาม บันไดสูงกว
“บัดนี้สกุลต่งถูกฆ่าล้างตระกูล เหลือเพียงพวกเขาที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือพวกเขาแน่...”“จะต้องเป็นนางที่อยู่เบื้องจ้างวานฆาตรกรฆ่าคน เพื่อแย่งทรัพย์สมบัติสกุลต่งอย่างแน่นอน...”หลี่หลงหลินตะคอก “ไร้สาระ!”“เจ้ามีหลักฐานอันใดสามารถพิสูจน์คำพูดของเมื่อครู่ของเจ้าได้!”ผู้ว่าตกใจจนหมดความกล้าแม้ว่ากำลังอยู่ในศาลหลวงแต่หากทำให้หลี่หลงหลินโกรธ เกรงว่าเขาจะต้องเอาชีวิตน้อยๆ ของตนแน่!อย่างไรเสียขั้นตอนการพิจารณาคดีของผู้ว่าก็ไม่ถูกต้องตามระเบียบจริงๆภายใต้สถานการณ์ที่ตนเองยังไม่พบเบาะแส ก็ทรมานทำให้คนยอมรับผิดนี่คือข้อห้ามร้ายแรง!ผู้ว่าหมอบลงกับพื้น ส่ายหน้าคล้ายป๋องแป๋งก็มิปาน “ยังไม่มีพ่ะย่ะค่ะ...”“ไม่มีหลักฐานเจ้าก็กล้าจับคนหรือ?”ทันใดนั้นผู้ว่าไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไรถึงจะดีหลี่หลงหลินพูดเสียงเย็น “ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าปล่อยคนเดี๋ยวนี้!”“ปล่อย?”แม้ผู้ว่าจะไม่มีหลักฐานแต่หากปล่อยคนออกไปตอนนี้ คดีนี้ก็ไม่มีเบาะแสอันใดแล้วถึงตอนนั้น บาปต้องมีผู้ก่อ หนี้ต้องมีผู้ชดใช้แรงกดดันของการไขคดีก็ตกอยู่บนตัวผู้ว่าอย่างเขาคนนี้ไม่สามารถไขคดีใหญ
แววตาของหลี่หลงหลินเปล่งประกายราวกับคบเพลิง เลื่อนสายตาขึ้นลงเพ่งพินิจองค์หญิงใหญ่เมืองหลวงกว้างใหญ่องค์หญิงใหญ่จะปรากฏตัวที่ใดก็ย่อมได้เว้นเสียแต่ปรากฏตัวที่ศาลหลวงแห่งนี้เพราะสกุลต่งเพิ่งเกิดคดีฆ่าล้างตระกูลองค์หญิงใหญ่ปรากฏตัวออกมาในช่วงเวลาสำคัญนี้หลี่หลงหลินไม่ดึงนางมาข้องเกี่ยวกับคดีนี้คงเป็นไปได้ยากองค์หญิงใหญ่สบมองหลี่หลงหลินแวบหนึ่ง “เรื่องของข้ายังไม่ต้องให้เจ้าใส่ใจ!”“ใส่ใจเรื่องของตัวเจ้าให้ดีก็พอ”“หากไม่ใช่เพราะวันนี้ข้ามาถึงทันเวลา รัชทายาทก็คงเตรียมละเมิดกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน หมิ่นแคลนศาลหลวงใช่หรือไม่?”องค์หญิงใหญ่โยนความผิดให้หลี่หลงหลินหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเครียด “หากไม่ใช่ข้ามาทันเวลาสั่งให้ผู้ว่าหยุดการทรมานเอาไว้ เกรงว่าแม่ม่ายเด็กกำพร้าจะต้องถูกทรมานจนไม่รู้มีสภาพเช่นไรไปแล้ว เกรงว่าคงจะทรมานจนต้องยอมรับผิด!”องค์หญิงใหญ่ยิ้มเย็น “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงรู้เล่าว่าพวกเขาไม่ใช่ฆาตรกร หรือว่าฆาตรกรเป็นผู้อื่น?”“หรือจะเป็นรัชทายาทกันเล่า?”สายตาองค์หญิงใหญ่จับจ้องหลี่หลงหลิน “หากข้าฟังไม่ผิด สกุลต่งนี้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับสกุลซูในเมืองห
เพราะบัดนี้ไม่ว่าหลี่หลงหลินชนะหรือแพ้ก็ล้วนไม่มีข้อดีอันใดคนตายไม่อาจฟื้นกลับมาได้คดีฆ่าล้างตระกูลต่งเกิดขึ้นแล้วแต่ลั่วอวี้จู๋มองเห็นสีหน้ามุ่งมั่นผิดปกติสายหนึ่งบนใบหน้าของหลี่หลงหลินอิงตามความเข้าใจของลั่วอวี้จู๋ แต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำการค้าขาดทุนแต่ครั้งนี้ถึงขั้นใช้ไพ่ตายของตนลงไปกดดัน!ลั่วอวี้จู๋แปลกใจมากมองฝ่ายตรงข้ามอย่างองค์หญิงใหญ่ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจนางคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่หลงหลินจะสร้างความตกตะลึงระคนดีใจยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ให้ตนนี่เห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งตนเป็นเป้าและโจมตีอย่างบ้าคลั่ง !ช่างเป็นความสุขที่คาดไม่ถึงโดยแท้ทีแรกองค์หญิงใหญ่ทำเพื่อกำจัดลูกหลานที่เหลืออยู่ของตระกูลต่ง จะได้ทำให้การลอบสังหารในครั้งนี้มองดูแล้วไร้ช่องโหว่!ใบหน้าองค์หญิงใหญ่ประดับยิ้มเย็น “มองดูแล้วเจ้าก็มิได้ฉลาดนัก! ขอเพียงเจ้ายอมใช้ชื่อของนักปราชญ์มาเดิมพันกับข้า เช่นนั้นข้าก็มีมากมายหลายวิธีทำให้เจ้าเสื่อมเสีย!”“ส่วนแม่ม่ายเด็กกำพร้าของสกุลต่ง จะเป็นจะตายล้วนไม่สำคัญ”บัดนี้ไม่รู้มีคนกี่มากน้อยในราชสำนักกำลังจับจ้องหลี่หลงหลินคิดหาหนทางลากเขาให้จมลงไป
หลี่หลงหลินแค่นหัวเราะเสียงเย็นชา เกรงว่าบัดนี้เมืองหลวงอันยิ่งใหญ่มีเพียงจวนสกุลซูปลอดภัยที่สุดแล้วแม้พูดว่าปกติซูเฟิ่งหลิงอารมณ์ร้อนดุราวกับเสือโคร่ง แต่ในช่วงเวลาสำคัญนี้ นางกลับสามารถทำได้ดีต่อให้มีวิชายุทธ์สูงเพียงใด ต้องการมาสกุลซูโดยไร้เงา จากไปอย่างไร้ร่องรอยนั่นล้วนเป็นเรื่องที่ไม่มีวันทำได้!องค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้ว พูดว่า “พาคนกลับสกุลซู? ถือสิทธิ์อะไร!”“บัดนี้ก่อนคดีฆ่าล้างตระกูลต่งจะยุติลง ก็สมควรขังพวกนางไว้ในคุกใหญ่!”หลี่หลงหลินพูดเสียงเย็น “เหตุใดไม่สามารถพาไปสกุลซูได้? ยิ่งไปกว่านั้นเหตุใดองค์หญิงใหญ่ถึงใส่ใจนักว่าพวกเขาสองคนจะไปที่ใด? นี่คล้ายไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับการสืบคดีของสกุลต่งเลยแม้แต่น้อยนะ”หลี่หลงหลินมุ่งเป้าไปที่องค์หญิงใหญ่โดยตรงพูดไปพูดมานี่กำลังลอบส่งความนัยว่า “ผู้อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ก็คือท่านมิใช่หรือ?”องค์หญิงใหญ่รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อีกสามวัน หากเจ้าไม่สามารถไขคดีนี้ได้ เกรงว่าต้องกลายเป็นตัวตลกของใต้หล้าแล้ว”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ “ในเมื่อองค์หญิงใหญ่ใส่ใจสายตาผู้คนในใต้หล้าถึงเพียงนี้ ยังมิสู้ใส่ใจตนเองมากหน่อยเถอะ!”สิ้นคำ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค