ทุกคนล้วนกระวนกระวายใจขึ้นมาไม่ว่าในช่วงเวลาสำคัญนี้องค์หญิงใหญ่พูดอันใด ก็ล้วนสามารถสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ได้!ชนิดที่ว่าแม้แต่ฮ่องเต้หวู่ก็ไม่อยากสืบต่อไปหากสืบทั้งหมดออกมาอย่างกระจ่างชัด ย่อมเป็นภัยต่อราชสำนักครั้นเข้มงวดเกินไปย่อมไม่มีใครทนอยู่ได้ฮ่องเต้หวู่ย่อมเข้าใจหลักการนี้เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงใหญ่ขอกราบทูลโดยไม่ดูเวลาเช่นนี้ จะต้องมีแผนของนางฮ่องเต้หวู่ตั้งสติ เอ่ยเสียงเครียด “อนุญาต”องค์หญิงใหญ่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็นได้ “ลูกเห็นว่าเสด็จพ่อจัดการงานราชกิจทุกวันอย่างเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า จึงอยากออกแรงช่วยให้เสด็จพ่อคลายกังวล”“แต่ลูกมีคำขอที่ไม่มีเหตุผล หวังว่าเสด็จพ่อจะพิจารณาเพคะ”ขุนนางทั้งหลายล้วนแปลกใจขุนนางบุ๋นคนใดไม่รู้บ้างว่าองค์หญิงใหญ่และหลี่เทียนฉี่เป็นพวกเดียวกัน?มาถึงตอนนี้กลับไม่บ่น แต่กลับเริ่มหาทางคลายกังวลให้บ้านเมืองกระนั้น?ผิดปกติอย่างยิ่ง!หลี่หลงหลินยิ้มเย็น ลอบบ่นภายในใจ “พังพอนมาอวยพรปีใหม่ให้ไก่ ไม่มีเจตนาดี!”แต่ฮ่องเต้หวู่กลับไม่คิดมากหากขุนนางเข้าใจฮ่องเต้เช่นนี้ เช่นนั้นต้าเซี่ยจะต้องเจริญรุ่งเรื
องค์หญิงใหญ่มองไปทางหลี่หลงหลิน พูดประชดประชันกลับไป “รัชทายาทโปรดชี้แจงให้ชัดเจนด้วย ต้าเซี่ยอันยิ่งใหญ่จะทนนั่งนิ่งดูดายไม่สนใจเรื่องโจรสลัดแคว้นโวกั๋วกระนั้นหรือ? ชีวิตของราษฎรไร้ค่าดุจหญ้าหรืออย่างไร? หากราชสำนักต้าเซี่ยไร้เมตตาเช่นนี้ ไฉนเลยจะก่อตั้งแคว้นได้ ไฉนเลยจะรักษาความสงบเอาไว้ได้!”ถ้อยคำนี้ขององค์หญิงใหญ่ล่วงเกินขุนนางในราชสำนักไม่น้อยแต่เหล่าขุนนางกลับไม่กล้าพูดก่อนหน้านี้มีคดีฆ่าล้างสกุลต่ง ทุกคนล้วนรู้ดีว่าเรื่องนี้หนีไม่พ้นองค์หญิงใหญ่องค์หญิงใหญ่ก็คือคนบ้าอย่างสมบูรณ์คนหนึ่งหากเป็นศัตรูกับนาง ย่อมไม่มีจุดจบที่ดี!องค์หญิงใหญ่สบมองฮ่องเต้หวู่ พูดเสียงดัง “ฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยด้วย! วันนี้ลูกเห็นที่ดินศักดินาตงไห่ตกอยู่ในความลำบากเพราะโจรสลัดแคว้นโวกั๋วมานาน ไม่อาจอดทนไหวอีกต่อไปเพคะ!”“หาไม่แล้ว ไฉนเลยลูกจะยอมหักใจไปจากเสด็จพ่อ ออกจากเมืองหลวง ไปยังสถานที่ทุรกันดารแห่งนั้น?”องค์หญิงใหญ่พูดจาเลื่อนลอยไร้สาระ มิหนำซ้ำยังคุยโวโอ้อวดถึงความยิ่งใหญ่และอุดมคติอันน่าเลื่อมใสของตนแต่นี่ไม่อาจหนีสายตาของหลี่หลงหลินพ้นองค์หญิงใหญ่จะต้องมีแผนที่ไม่อาจปล่อยให้คนรับร
องค์หญิงใหญ่ตกตะลึงพรึงเพริดนางหมายปองที่ดินศักดินาตงไห่ของหลี่เทียนฉี่ตั้งนานแล้วแม้ว่าไม่ได้ยืมมือของหลี่เทียนฉี่กำจัดหลี่หลงหลิน แต่หลี่เทียนฉี่ก็ถูกจับและส่งตัวเข้าคุกตนเองสมควรได้เก็บเกี่ยวผลแห่งชัยชนะไฉนเลยจะปล่อยให้หลี่หลงหลินชุบมือเปิบไปได้?องค์หญิงใหญ่ที่ปกติสุขุมใจเย็นเกิดโทสะขึ้นภายในใจ“เสด็จพ่อ ลูกยังคิดว่ามอบที่ดินศักดินาตงไห่ไว้ในมือลูกเหมาะสมที่สุดเพคะ รัชทายาทยังมีงานเร่งด่วนต้องจัดการ...”“เรื่องโจรสลัดแคว้นโวกั๋วของตงไห่ไม่สามารถรอช้าได้ ฝ่าบาทโปรดวินิจฉัยด้วย!”องค์หญิงใหญ่แสร้งตระหนักถึงต้าเซี่ยราวกับที่ดินศักดินาตงไห่ไม่มีผู้ปกครองสามวัน จะต้องเกิดภัยร้ายแรงแน่!หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “องค์หญิงใหญ่คงไม่ได้เสียสติไปแล้วกระมัง? หรือว่าที่ดินผืนนั้นของตงไห่ซ่อนสมบัติเอาไว้ ทำให้นางหลงใหลถึงเพียงนี้?”ฮ่องเต้หวู่ถลึงตาใส่องค์หญิงใหญ่ พูดเสียงเย็นชา “หรือเจ้ายังจะสอนเราทำงานกระนั้นหรือ?”ทันใดนั้นบรรยากาศเยียบเย็นลงฮ่องเต้หวู่พิโรธ ราวกับอารมณ์ไม่ดีเหมือนตอนชื่นชมหลี่หลงหลินขุนนางบุ๋นบู๊ต่างพากันก้มหน้าองค์หญิงใหญ่ยังคิดอ้าปากพูดบางอย่าง แต่ฮ่องเต้
บัดนี้ตนเองไม่เพียงไม่มีความน่าเชื่อถือ ยังเสียหน้าไปจนหมดสิ้น!ไข่มุกเรืองแสงเพียงเม็ดเดียวมีราคาสูงเทียมเมืองไข่มุกเก้าเม็ดรวมกันตนเองล้วนไม่กล้านึกถึงมูลค่าอันมหาศาลนี้!หลี่หลงหลินเข้าใจแล้ว “ที่แท้องค์หญิงใหญ่ก็วางแผนมอบไข่มุกเก้าเม็ดนั้นเป็นของขวัญในวันแต่งงานของข้าต่อหน้าขุนนางบุ๋นบู๊และเชื้อพระวงศ์นี่เอง!”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จำไว้แล้ว! สมเป็นองค์หญิงใหญ่ ทำเรื่องใดล้วนไร้ที่ติ มองภาพรวมเป็นสำคัญ!”“อะไรนะ? งานแต่ง?”องค์หญิงใหญ่ตกตะลึงแต่หลี่หลงหลินไม่มอบโอกาสให้นางได้ตั้งตัวพูดจบก็หัวเราะเสียงดังเดินออกประตูไปทิ้งองค์หญิงใหญ่ยืนโมโหจนตัวสั่นอยู่ที่เดิม เช่นนี้เององค์หญิงใหญ่ถึงรู้ว่า บัดนี้ห่างจากวันงานแต่งเพียงสองสามวันเท่านั้นสองสามวันนี้ ต่อให้นางแย่งมา ก็รวบรวมไข่มุกได้ไม่ถึงเก้าเม็ดหลี่หลงหลินพูดเช่นนี้ก็เพื่อจงใจทำให้นางลำบาก!จะได้ทำให้นางเสียหน้าจนหมดสิ้นภายในวันงานแต่งจู่ๆ องค์หญิงใหญ่ก็รู้สึกคล้ายตนเองเป็นสุนัขไร้ที่พึ่ง ต่อให้ทำทุกวิธีแล้ว ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่หลงหลิน“หลี่หลงหลินน่ารังเกียจนัก ข้าไม่มีวันยอมเลิกรา!”“ในเมื่อจัดการปั
หลังผ่านไปครึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเดินเข้าไปในตำหนักหยั่งซิน เงยหน้ามองฮ่องเต้หวู่บนเก้าอี้มังกร “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ!”เห็นสีหน้ามีความสุขของฮ่องเต้หวู่หลี่หลงหลินคลายความกังวลภายในใจเรื่องในราชสำนักวันนี้จบลงหากไม่ใช่เหตุร้ายแรงต่อบ้านเมือง ฮ่องเต้หวู่ไม่มีวันเรียกตนเข้าเฝ้าบัดนี้มองผ่านอารมณ์ของฮ่องเต้หวู่ สถานการณ์ไม่ได้รับมือยากถึงเพียงนั้นฮ่องเต้หวู่พูดเสียงเรียบๆ “ลุกขึ้นเถอะ”หลี่หลงหลินค่อยๆ ลุกขึ้น เดินมาหยุดต่อหน้าฮ่องเต้หวู่ “ไม่รู้เสด็จพ่อเรียกลูกเข้าเฝ้าด่วนถึงเพียงนี้ เพราะเกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”อิงตามความเข้าใจของหลี่หลงหลินที่มีต่อฮ่องเต้หวู่หากไม่เกิดเรื่องที่รับมือไม่ทัน นั่นก็มีเรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้ ต้องการฟังความเห็นของตนฮ่องเต้หวู่พูดยิ้มๆ “ลูกย่อมรู้จักพ่อดี ไม่มีเรื่องใดหนีสายตาเจ้าพ้นจริงๆ”“เรายังมีเรื่องหนึ่งที่ไม่อาจตัดสินใจได้ ต้องการฟังความเห็นของรัชทายาท”พูดจบ ฮ่องเต้หวู่ยื่นเรื่องรายงานลับที่คนสอดแนมซีเหลียงส่งมาให้หลี่หลงหลิน“นี่คือรายงานลับที่ส่งมาจากซีเหลียง เจ้าดูดีๆ เถอะ”“ซีเหลียง?”หลี่หลงหลินแปลกใจอย
มีผลงานการรบกับกองทัพใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนับแสนนายหลังจากตอนนั้น ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็เลื่อนจุดศูนย์กลางลงไปทิศใต้ยอมอ้อมแต่ไม่ยอมไปเผชิญหน้ากับพวกเป่ยเหลียงกระดูกแข็งนี้อีกในระยะนี้เป่ยเหลียงมีเพียงสมรภูมิเล็ก มิได้ต่อสู้กับกองทัพใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแต่ครั้งนี้กลับสวนทางกัน กองทัพใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนับแสนคนรุกรานเข้าเมืองหลวงผ่านทางเป่ยเหลียงนอกจากองค์ชายสามคอยไกล่เกลี่ยอยู่เบื้องหลังหลี่หลงหลินก็นึกถึงความเป็นไปได้อื่นไม่ออก!หลี่หลงหลินเล่าอย่างต่อเนื่อง “ฝ่าบาท ทหารของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือล้วนคิดอ่านรอบคอบ ต่อให้รุกรานต้าเซี่ย ก็ไม่มีวันเลือกเดินทัพบนเส้นทางอันตรายเช่นนี้ หาไม่แล้วหากถูกซุ่มโจมตี ทั้งกองทัพก็หมดสิ้นแล้ว!”“แต่ตอนนี้มองดูแล้ว อีกฝ่ายยังทำเช่นนี้ นั่นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว!”หลี่หลงหลินสบมองฮ่องเต้หวู่และพูด “จะต้องเป็นซีเหลียงอ๋องแสร้งสมคบคิดกับศัตรู ภายนอกปล่อยให้ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือใช้เส้นทางซีเหลียง มุ่งหน้ามายังเมือหลวงและทำลายการปกครองของต้าเซี่ยให้สิ้นซาก!”“ทว่าแม้แต่ชนเผ่
ตำหนักเฟิ่งซีองค์หญิงใหญ่เดินเข้าตำหนักด้วยสีหน้าแข็งทื่อดุจเหล็กเหล่าขันทีนางกำนัลต่างพากันถอยหลบฉากออกไป ไม่มีใครกล้าเข้ามาต้อนรับในฐานะกลุ่มคนที่รับรู้ข่าวว่องไวที่สุดในเมืองหลวง ขันทีและนางกำนัลรู้เรื่ององค์หญิงใหญ่กลายเป็นตัวตลกในราชสำนักตั้งนานแล้วบัดนี้องค์หญิงใหญ่กำลังมีโทสะเต็มท้องที่ยังไม่ได้ระบายออกไปหากเข้ามาต้อนรับตอนนี้ จะต้องถูกองค์หญิงใหญ่ใช้เป็นที่ระบายโทสะ ด่าว่าอย่างไม่ลืมหูลืมตาหนึ่งยกแน่“ทำให้ข้าโมโหแทบตายแล้ว! หลี่หลงหลินไอ้คนเฮงซวย ภายภาคหน้าอย่าให้ข้ามีโอกาสเชียวนะ หาไม่แล้วข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นดี!”นินจาตงอิ๋งหลายคนมาหยุดต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ คุกเข่าบนพื้นด้วยขาข้างเดียว พูดรายงาน“องค์หญิง มีเรื่องต้องการรายงาน”องค์หญิงใหญ่กำลังโมโห ตะคอกใส่ “ไสหัวไป! มีเรื่องใดใหญ่กว่าที่ดินศักดินาตงไห่อีกหรือ!”“ไสหัวออกไปให้หมด! ให้ข้าอยู่เงียบๆ คนเดียว!”เหล่าขันทีนางกำนัลต่างพากันจากไป กลัวโทสะมาถึงตัวพวกนินจากลับไม่ขยับเขยื้อนองค์หญิงใหญ่เห็นแล้วก็ทำได้เพียงให้ความร่วมมือนางหายใจเข้าลึกๆ ฝืนระงับโทสะภายในใจ “พูดเถอะ! ทางที่ดีคือพูดข่าวดีให้ข้าฟังส
พี่ใหญ่หลี่เทียนฉี่เองก็ถูกจับขังคุกไปแล้วข้างกายองค์หญิงใหญ่ไม่มีคนอื่นอีกนางจับจ้องตำหนักใหญ่นิ่งๆ “หรือว่าต้าเซี่ยจะไม่มีใครช่วยข้าแม้แต่คนเดียวเลยหรือ?”จู่ๆ เงาร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสมองขององค์หญิงใหญ่“ข้าสามารถไปหาเสด็จแม่ได้!”“เสด็จแม่จะต้องมีวิธีแน่!”ฮองเฮาหลู่ดูแลวังหลังมานานหลายปี จิตใจล้ำลึก จะต้องรู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรแน่องค์หญิงใหญ่ฝากความหวังสุดท้ายไว้บนตัวฮองเฮาหลู่!นางนึกขึ้นได้ว่าหลังตนเองกลับจากตงอิ๋งแล้ว ยังไม่ได้ไปพบฮองเฮาหลู่เลยสักครั้งรู้เพียงว่าตอนนี้นางถูกขังที่ตำหนักเย็นองค์หญิงใหญ่ไม่ลังเลรีบมุ่งหน้าไปยังตำหนักเย็น......ตำหนักเย็นหลังเหตุไฟไหม้ผ่านไป ตำหนักเย็นก็กลายเป็นซากปรักหักพังทุกหนแห่งเดิมทีก็ไม่มีเรือนหรือห้องใดที่สมบูรณ์ฮ่องเต้หวู่ไม่มีความคิดซ่อมแซมตำหนักเย็นดังนั้นพวกสนมที่ถูกส่งเข้าตำหนักเย็นจึงทำได้เพียงฝืนทนฝืนทนจนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นดอกไม้เบ่งบาน ฝืนทนจนฮ่องเต้หวู่นึกถึงตนในช่วงฤดูหนาว สนมที่ถูกส่งเข้าตำหนักเย็นได้รับบาดเจ็บจากความหนาวตายไปภายในตำหนักเย็นด้วยความหวังต่อการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค