ข่าวรัชทายาทหลี่หลงหลินนำกองทัพสกุลซูมาปราบเมืองตงไห่แพร่งพรายมาแล้วตงไห่ตกอยู่ในความโกลาหลเหล่าราษฎร์ต่างวิตกกังวลใจ พูดซุบซิบนินทาตั้งแต่หัวถนนจนสุดตรอกเรื่องดีปกปิดไว้อย่างเงียบเชียบ เรื่องร้ายแพร่งพรายไปนับพันลี้คนตงไห่ต่างรู้ชื่อเสียงฉาวโฉ่ของหลี่หลงหลินอย่างถ้วนทั่วบัดนี้ตงไห่กลายเป็นที่ดินศักดินาของเขาแล้ว ไม่ว่าพ่อค้าหาบเร่หรือตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหมดก็ล้วนต้องประสบเคราะห์ร้ายทว่าแปดตระกูลใหญ่ขุนนางขั้นสูงตงไห่กลับเงียบงันมาโดยตลอดในเวลาเพียงชั่วพริบตาสถานการณ์ของตงไห่ก็กลายเป็นเปราะบางขึ้นมาท้องฟ้าปลอดโปร่งสะท้อนผืนน้ำสีฟ้าใสดุจกระจกองค์หญิงใหญ่ยืนบนเรือใหญ่ ทอดสายตามองมหาสมุทรสีฟ้ากว้างใหญ่ลึกสุดหยั่ง ขมวดคิ้วแน่น ตั้งแต่ต้นจนจบไม่พูดจา“องค์หญิงใหญ่ สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมเล็กน้อย”นินจาคนหนึ่งคุกเข่าข้างเดียว กระซิบพูดเสียงค่อยใบหน้าด้านข้างขององค์หญิงใหญ่เย็นชา ริมฝีปากแดงขบเม้มเล็กน้อยตนเองยืมมือพี่เขยของฝ่าบาทฆ่าเจ้าเมืองตงไห่ เดิมทีวางแผนเชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้ตระกูลขุนนางขั้นสูงตงไห่ยอมศิโรราบคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่หลงหลินจะอาจหาญวู่วามถึงเพียงนี
ขุนนางขั้นสูงฉวยโอกาสตอนเมาเอ่ยถาม “พระเชษฐภาดา ได้ยินมาว่ารัชทายาทยกทัพมาปราบกบฏที่ตงไห่ เรื่องนี้จริงหรือไม่?”ข่าวลือหลากหลายอย่างแพร่งพรายไปในหมู่ราษฎร์เพียงแต่นานมากถึงเพียงนี้ กลับยังไม่เห็นเงาของหลี่หลงหลินขุนนางขั้นสูงบ่นขึ้นมาภายในใจขุนนางขั้นสูงล้วนหันมองหลู่จงหมิงไม่มีพ่อค้าไม่คดโกงพวกขุนนางขั้นสูงเหล่านี้ไม่ใช่เดินทางมาเพื่อดื่มสุราเท่านั้น พวกเขายังต้องการล้วงข่าวบางอย่างจากปากของพี่เขยฝ่าบาทอีกด้วยบางครั้งข่าวเพียงเรื่องเดียวก็สามารถตัดสินความเป็นตายได้หลู่จงหมิงสบถเสสียงเย็น “ดูท่าแล้วเหมือนอย่างที่องค์หญิงใหญ่พูดไม่ผิดไปดังคาด คนเหล่านี้มองดูแล้วมีอำนาจบบาตรใหญ่ แต่ก็แค่พวกจิตใจโลเลเปลี่ยนไปตามทิศทางลมเท่านั้น! ทว่าข้าสามารถใช้งานได้พอดี!”หลู่จงหมิงยกจอกสุราขึ้น ใบหน้าลึกลับ “พวกเจ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือเท็จเล่า?”เหล่าขุนนางขั้นสูงต่างหันหน้ามองกัน แต่ละคนส่ายหน้า“พระเชษฐภาดา ท่านอย่าล้อพวกเราเล่นอีกเลย หากข่าวที่พวกเราได้รับรวดเร็วแม่นยำเหมือนท่าน ไฉนเลยจะต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งวัน?”“ใช่แล้ว พระเชษฐภาดา! ท่านเป็นญาติของเชื้อพระวงศ์ ข่า
ทวนเงินในมือซูเฟิ่งหลิงหันเข้าหาหลู่จงหมิง คิ้วงามขมวดแน่น พูดเสียงเย็นชา “ข้าคือพระชายารัชทายาท ได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทมาปราบกบฏเมืองตงไห่!”ซูเฟิ่งหลิงกวาดตามองรอบด้าน เหล่านางรำในงานล้วนสวมใส่หลุดลุ่ย สุราไหลกลายเป็นสระ เนื้อมากมายคล้ายป่า ฟุ้งเฟ้อผิดปกติบัดนี้ราษฎร์เมืองตงไห่ตกอยู่ในความทุกข์ยาก ส่วนขุนนางเหล่านี้กำลังดื่มสุราหาความเพลิดเพลิน มีตำแหน่งกลับไม่ทำหน้าที่ ไม่ใส่ใจใยดีเรื่องในเมืองตงไห่!ซูเฟิ่งหลิงยากจะปกปิดเพลิงโทสะภายในใจ กำทวนเงินในมือแน่น“พระชายารัชทายาทซูเฟิ่งหลิง!”“รัชทายาทมาแล้ว ดูท่าแล้วเป็นเรื่องจริง!”“ตงไห่จะผลัดเปลี่ยนอำนาจแล้ว...”สีหน้าเหล่าขุนนางเผือดซีด ไม่มีอาการมึนเมาอีก ต่างพากันมองทางหลู่จงหมิงหลู่จงหมิงรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ใบหน้าประจบสอพลอ “ที่แท้ก็เป็นพระชายารัชทายาทมาเยือนจากแดนไกล เสียมารยาทต้อนรับแล้ว ได้โปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”แต่เขากลับสบถด่าสาปแช่งภายในใจเช้าไม่มา สายไม่มา แต่จะต้องมาในช่วงเวลาสำคัญนี้ คราวนี้ทำให้เขาเสียหน้าจนหมดสิ้นต่อหน้าเหล่าขุนนาง!ตอนนี้หลู่จงหมิงทำได้เพียงหาทางใกล้ชิดกับหลี่หลงหลิน จะได้ชดเชยหน้าตา
“พระเชษฐภาดาถึงขั้นกล้าใส่อารมณ์กับพระชายารัชทายาท!”“ดูท่าแล้วเมื่อครู่พระเชษฐภาดาไม่ได้พูดจาโอหัง ต่อให้รัชทายาทมาเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา!”“....”หลู่จงหมิงยืดอกตรง ท่วงท่าองอาจสง่างาม ใบหน้าเปี่ยมความดูแคลน ต้องการเห็นท่าทีตอบสนองของซูเฟิ่งหลิงซูเฟิ่งหลิงหยิบป้ายคำสั่งทหารที่ข้างเอวออกมา ร้องตะโกน “ข้าได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทมาปราบกบฏ เหตุใดจะพูดไม่ได้?”หลู่จงหมิงแสยะยิ้มเย็นชา “ต้องการใช้ฝ่าบาทมากดดันข้า! เจ้าก็แค่พระชายารัชทายาทที่เพิ่งแต่งเข้ามาก็เท่านั้น ยังไม่ต้องให้เจ้าพูดจาโอหังต่อหน้าข้า! ต่อให้ต้องไล่ลำดับความอาวุโส หลี่หลงหลินเห็นข้าก็ยังต้องเรียกว่าท่านลุง!”“เหตุใดเพิ่งพบหน้าเจ้าก็กล้าหันทวนใส่ข้า ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาถึงเพียงนี้!”หลู่จงหมิงพูดจาล้ำลึก ทำให้ซูเฟิ่งหลิงพูดโต้กลับไม่ได้ไปชั่วขณะซูเฟิ่งหลิงโมโหจนหน้าแดงก่ำ จำใจเก็บทวนเงินในมือของตนหากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่หลู่จงหมิงพูดจาโอหัง ขาดความเคารพหลี่หลงหลิน ไฉนเลยตนเองจะหันทวนใส่ตั้งแต่ได้พบหน้า?หลู่จงหมิงเห็นซูเฟิ่งหลิงเก็บทวนเงินแล้ว ดึงสตรีตงอิ๋งสวมใส่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยสองคนเข้าหาอ้อมกอดอีกครั้ง ใบห
คำพูดของหลี่หลงหลินดังก้องกังวานดุจอันสียบาตรภายในหูของทุกคน สายตาคมกริบดุจใบมีดของเขากวาดมองทุกคนสีหน้าทุกคนเผือดซีดในทันใด คิดอยากหนีไปหลี่หลงหลินสั่งให้ทหารสกุลซูล้อมจวนอ๋องแห่งนี้ไว้ตั้งแต่แรก ไฉนเลยจะมีโอกาสหนีไปได้?หลี่หลงหลินเดินมาหยุดข้างกายซูเฟิ่งหลิง สายตาเปี่ยมความอ่อนโยน“เฟิ่งหลิง ข้ามาช้าไปหนึ่งก้าว”หลี่หลงหลินไม่เคยกล่าวโทษซูเฟิ่งหลิง แต่ห่วงใยความปลอดภัยของนางคนแสร้งเข้มแข็งอย่างซูเฟิ่งหลิงน้ำตาเอ่อคลอในทันใด นางพิงเข้าหาอกแกร่งของหลี่หลงหลิน พูดเสียงสะอื้น “องค์ชาย...”หลี่หลงหลินกอดซูเฟิ่งหลิง ตบหลังของนาง เป็นสัญญาณว่านางไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแต่น้ำตาของซูเฟิ่งหลิงกลับไม่หยุดไหล เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ได้รับความอึดอัดคับข้องใจมากเพียงใดหลี่หลงหลินเผยสีหน้าอ่อนโยน “นำทัพเดินทางมาล่วงหน้า ร้องไห้งอแงเช่นนี้กลายเป็นอะไรไปแล้ว รีบเช็ดน้ำตา อย่าให้ทหารมองเห็นเลย”ได้ยิน ซูเฟิ่งหลิงเช็ดน้ำตา แต่ใบหน้ายังเปี่ยมโทสะดังเดิม!ซูเฟิ่งหลิงไม่เคยรู้สึกไร้ความสามารถเช่นนี้มาก่อน ชนิดที่ว่าถูกคนหยามเกียรติกลับไม่สามารถลงมือได้!ความรู้สึกไร้ความสามารถนี้ ไม่ว่าอย่าง
บัดนี้ท้าทายอำนาจฟ้าดิน คล้ายไม่เห็นตนเองพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา!“ตอนนี้ท่านต้องมอบคำอธิบายให้ข้าอย่างหนึ่ง หาไม่แล้วข้าจะขอให้ฝ่าบาทลงโทษท่าน!”หลี่หลงหลินหลับตาแน่น“หนวกหู!”เพียะหลี่หลงหลินง้างมือขึ้น ตบลงไปอีกหนึ่งฉาด!เพียงแต่ตบฉาดนี้เสียงดังยิ่งกว่า ทำเสียจนหลู่จงหมิงใจสั่น“ผู้หญิงของข้ามีเพียงข้าสามารถรังแกได้ คำอธิบายนี้พอหรือไม่!”ทุกคนล้วนฮือฮา“ผะ...เผด็จการเหลือเกิน!”“เขาใช่รัชทายาทตัวไร้ประโยชน์คนนั้นจริงหรือ?”“......”แม้แต่เหล่าสะใภ้ก็อึ้งงันอยู่กับที่ รู้สึกอิจฉาภายในใจพวกนางคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่หลงหลินจะปกป้องผู้หญิงของตนถึงเพียงนี้ สายตาตกลงบนตัวน้องหญิงเล็กอย่างอดไม่ได้ปรารถนาว่าสักวันหนึ่งจะได้รับการปกป้องจากหลี่หลงหลินซูเฟิ่งหลิงอึ้งงันอยู่กับที่ หน้าแดงด้วยความเขินอาย หลี่หลงหลินพูดเพียงสองคำก็ทำให้นางลืมตาอ้าปากค้างแล้ว!ซูเฟิ่งหลิงสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้า พูดเสียงแผ่วเบา “องค์ชาย พอแล้ว...”หลู่จงหมิงขาดการควบคุมอารมณ์ไปบ้าง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่หลงหลินจะดื้อรั้นถึงเพียงนี้!ไม่เพียงไม่เห็นตนเองพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตาชนิดที่ว่าไม่เห็นตนเอง
“จวนอ๋องของท่าน?”หลู่จงหมิงได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน สีหน้าเผือดซีดดุจเถ้าธุลี!จู่ๆ เขาก็รับรู้ถึงความจริงบางอย่าง ครั้งนี้หลี่หลงหลินพุ่งเป้ามาที่ตน!บัดนี้หลี่หลงหลินถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องตงไห่ เช่นนั้นจวนอ๋องย่อมต้องเป็นที่พักของเขาพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ครองรัง บังคับครอบครองจวนอ๋องตงไห่ ไม่ถูกต้องตามครรลองครองธรรม!ต่อให้ถูกหลี่หลงหลินตบหน้าสองฉาดก็ไม่มีที่ให้ไปเรียกร้องขอความเป็นธรรมหลู่จงหมิงสบถด่าภายในใจต่อให้ตอนนี้ถวายฎีกาให้ฝ่าบาทฟ้องร้องหลี่หลงหลินไม่เคารพผู้ใหญ่ไปก็ไร้ประโยชน์ หลี่หลงหลินสามารถอ้างว่าจวนอ๋องถูกยึดไว้ได้บัดนี้หลู่จงหมิงไม่เพียงถูกหลี่หลงหลินตบหน้าโดยเสียเปล่าสองที ชนิดที่ว่ายังต้องสงบเสงี่ยมสำรวมตน คืนจวนอ๋องให้เจ้าของที่แท้จริง!พระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงเสียหน้า ยังเสียศักดิ์ศรีอีกด้วย!หลู่จงหมิงกัดฟัน ลอบพูดว่า “ข้าเคยได้รับความอึดอัดคับข้องใจถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด!”สายตาหลู่จงหมิงเปี่ยมโทสะสุภาพชนล้างแค้น สิบปีก็ยังไม่สาย!เขาจะต้องหาทางระบายความแค้นนี้ออกมาให้ได้เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา!ใบหน้าหลี่หลงหลินเปี่ยมความเฉยชา พูด
ในดวงตาของหลี่หลงหลินเต็มไปด้วยความดุดันเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งมองหลี่หลงหลินอย่างไม่เชื่อสายตากลับปฏิเสธสาวงามเช่นนี้ได้สายตาของหลี่หลงหลินเปลี่ยนไปจับจ้องที่เหล่าพ่อค้านายทุนทุกคนพลันรู้สึกเย็นสันหลังวาบ ตามหลังหลู่จงหมิง ที่หนีหัวซุกหัวซุน!จวนอ๋องที่เดิมเคยคึกคักพลันเงียบสงบลงในทันทีไร้ซึ่งเสียงดนตรีที่น่ารำคาญอีกต่อไป“น้องหญิง เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”พี่สะใภ้หลายคนรีบวิ่งเข้ามา จับตัวซูเฟิ่งหลิงตรวจดูอย่างละเอียด เกรงว่านางจะถูกรังแกซูเฟิ่งหลิงพลันขอบตาแดงก่ำ “พี่สะใภ้ ข้าไม่เป็นไร โชคดีที่รัฐทายาทมาถึงทันเวลา มิฉะนั้นข้าไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไร”ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วแน่น ตวาดว่า “พระเชษฐภาดาคนหนึ่ง กล้าดีอย่างไรบังคับให้เจ้าคุกเข่าคารวะ ช่างรังแกคนเกินไปแล้ว!”กงซูหว่านกล่าวเสียงเย็นชา “หากเขากล้าแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายผม ข้าจะทำให้เขารู้สำนึก!”ซุนชิงไต้จับแขนซูเฟิ่งหลิงตรวจชีพจร เกรงว่านางจะตกใจจนขวัญเสียหลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “น้องหญิงวางใจเถอะ วันหน้าพวกพี่สะใภ้จะช่วยเจ้าเอาคืนเรื่องนี้ให้ได้!”ซูเฟิ่งหลิงลดเสียงลง กล่าวว่า “ท่านอ๋อง ต่อไปข้าจะไม่ผลีผ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค