ซูเฟิ่งหลิงในชุดสีขาว มือถือพัด สง่าผ่าเผย เดินเข้าไปในจวี้เป่าไจพวกพนักงานเห็นนาง ตัวแข็งทื่อกลายเป็นเห็น ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นบุรุษที่หล่อเหลายิ่งนัก!เพียงแต่ บุคลิกอ่อนโยนเล็กน้อย!หรือว่ามาจากวังหลวง?เถ้าแก่ซ่งโบกมือ บอกให้พนักงานถอยออกไป เดินมาต้อนรับด้วยตนเองพร้อมกับรอยยิ้ม “คุณชายท่านนี้ หน้าตาไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าใดนัก!”ซูเฟิ่งหลิงกระแอมไอ พูดเสียงทุ้ม “ข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก”เมื่อเถ้าแก่ซ่งได้ฟัง รู้ทันทีว่าชายหนุ่มผู้หล่อเหลาตรงหน้า ไม่ใช่บุรุษอย่างแน่นอนน่าจะเป็นขันทีในวังหลวงด้วยเหตุนี้ เถ้าแก่ซ่งจึงยิ่งให้เกียรติมากขึ้น “เช่นนั้นท่านมาที่ร้านเล็กๆ ของเรา มีธุระใดขอรับ?”ซูเฟิ่งหลิงไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบจี้หยกออกมา “ราคาเดียว หนึ่งแสนตำลึง!”เมื่อเถ้าแก่ซ่งเห็นจี้หยก รูม่านตาหดเล็กจี้หยกนี้ เป็นอัญมณีล้ำค่าจริงๆ!หากอยู่ในยุคที่บ้านเมืองสงบสุข ราคาหนึ่งแสนตำลึงไม่ถือว่าแพงปัญหาคือ เวลานี้บ้านเมืองวุ่นวายบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองให้วัตถุโบราณล้ำค่า บ้านเมืองวุ่นวายทองคำล้ำค่าในยุคสมัยที่บ้านเมืองว้าวุ่นเช่นนี้ ราคาของจี้หยก ลดแล้วลดอีกหนึ่งแสนตำลึง ถือ
เว่ยซวินผายมือ “ลุกขึ้นเถอะ! เถ้าแก่ซ่ง ช่วงนี้จวี้เป่าไจมีของดีอะไรเช่นนั้นหรือ?”เถ้าแก่ซ่งรีบพูด “เรียนพระเก้าพันปี หลายวันก่อนไม่มีของอะไรน่าสนใจขอรับ แต่ว่าวันนี้ มีคนมาที่ร้าน พร้อมกับจี้หยกหนึ่งอัน บอกว่าจะขายหนึ่งแสนตำลึงขอรับ!”เมื่อเว่ยซวินได้ฟัง เขาเด้งตัวลุกขึ้นทันที “จี้หยกหนึ่งอัน ขายหนึ่งแสนตำลึงเช่นนั้นหรือ? เห็นว่าข้าเป็นคนโง่หรือ? นำออกมาเร็วเข้า ให้ข้าดูสิ ว่าเป็นจี้หยกอะไร?”เถ้าแก่ซ่งถือจี้หยกด้วยสองมือ ยื่นไปให้ พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าน้อยก็รู้สึกแพงเหมือนกันขอรับ! ดังนั้นจึงตั้งใจจนำมาโดยเฉพาะ ให้พระเก้าพันปีดูขอรับ...”เว่ยซวินมองจี้หยก ตาโตทันทีคนอื่นไม่รู้จักจี้หยกนี้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่เว่ยซวินจะไม่รู้!นี่คืออัญมณีที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปราน ซึ่งพระราชทานให้องค์ชายสี่แล้ว!อยู่ที่นี่ได้อย่างไร?เถ้าแก่ซ่งเห็นสีหน้าของเว่ยซวินผิดปกติ จึงถามหยั่งเชิง “พระเก้าพันปี ดูเหมือนว่าจี้หยกนี้จะเป็นของราชวงศ์กระมังขอรับ?”เว่ยซวินหัวเราะในลำคอ “นี่คือจี้หยกที่ฝ่าบาทพกติดตัว เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”“ห๊ะ?”เมื่อเถ้าแก่ซ่งได้ยิน คล้ายฟ้าผ่าลงมา ตัวของเขาสั่นเทา “จี้.
“เท่า...เท่าไหร่นะ?”ซูเฟิ่งหลิงนึกสงสัยว่าตนหูฝาดทั้งที่ตนตั้งราคาหนึ่งแสนตำลึง เหตุใดอีกฝ่ายจึงจ่ายเพิ่มอีกห้าหมื่นตำลึง?ใบหน้าเถ้าแก่ซ่งเปื้อนยิ้ม “ท่านไม่ได้หูฝาดขอรับ หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง! อีกห้าหมื่นตำลึง นายท่านของข้าตั้งใจให้...”ซูเฟิ่งหลิงสมองว่างเปล่า กระทั่งได้รับตั๋วเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง ตอนเดินออกไปจากจวี้เป่าไจ นางยังคงมึนงง รู้สึกคล้ายว่าตนกำลังหลับฝันหลี่หลงหลินรอหน้าประตู รีบเดินมาหาทันที “เป็นอย่างไรบ้าง? สำเร็จหรือไม่?”ซูเฟิ่งหลิงราวกับตื่นจากฝัน ดีใจสุดขีด อ้าแขนกอดหลี่หลงหลิน “สำเร็จแล้ว! หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง! เรารวยแล้ว!”ตลาดที่ผู้คนพลุกพล่าน ชายสองคนกอดกัน กล่าวได้ว่าเป็นภาพที่น่าประหลาดผู้คนที่เดินไปมาต่างหันมามองด้วยสายตาประหลาดใจประจวบเหมาะมีคุณชายเสเพลเดินมา จำหลี่หลงหลินได้ พูดด้วยความตกตะลึง “นี่คือองค์องค์ชายเก้าไม่ใช่หรือ?”“ใช่ องค์ชายเก้า!”“ถึงว่า ช่วงนี้ไม่เจอเขาที่สำนักการสังคีต! ที่แท้ เขามีคนโปรดคนใหม่แล้วนี่เอง!”“ในที่สาธารณะ องค์ชายเก้ากอดกับบุรุษ เล่นสนุกเกินไปแล้วจริงๆ!”หลี่หลงหลินหน้าดำคล้ำเครียดซูเฟิ่งหลิง เห็นช
ภายในห้องทรงพระอักษรฮ่องเต้หวู่กำลังตำหนิขุนนางสำนักเลขาธิการ “รู้หรือยังว่าใครคือคนที่เผยแพร่ข่าวลือ บอกว่าทหารรักษาพระองค์แพ้สงคราม ทำให้ทหารของข้าจิตใจหวาดหวั่น?”เหล่าขุนนางก้มหน้าลง ไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าหายใจเสียงดัง“ไม่เอาไหน!”“ไม่เอาไหนกันหมด!”“หากข่าวลือยังคงแพร่สะพัดอยู่อีก ไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมา!”ฮ่องเต้หวู่ตำหนิแท้จริงแล้ว เขาเองก็รู้ดีแก่ใจเบื้องหลังข่าวลือนี้ จารชนเผ่าหมานเป็นคนเติมเชื้อในกองเพลิงอย่างแน่นอนเวลานี้ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง อยากจะสยบข่าวลือนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้จะจับตัวคนปล่อยข่าวได้แล้ว ประหารชีวิตเขา แต่ก็เพียงระบายโทสะได้เท่านั้นถึงขั้นที่ว่าสำหรับชาวบ้านการอธิบายคือการปิดบัง การปิดบังก็คือความจริง!หากไม่ใช่เพราะทหารรักษาพระองค์แพ้สงครามจริงๆ เหตุใดราชสำนักจึงเคลื่อนไหวรุนแรง ถึงขั้นประหารคนระบายความโกรธเช่นนี้?กล่าวโดยสรุป เป็นแผนการร้ายที่ไม่อาจแก้ไขได้!เวลานี้ เว่ยซวินมาถึงห้องทระพระอักษร พูดเสียงเบา “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ทอดสายพระเนตรมองเว่ยซวิน พูด “วันนี้เป็นวันหยุดของเจ้าไม่ใช่หรือ ออ
ตึ้ง!ฮ่องเต้หวู่ตบโต๊ะอย่างแรง พระพักตร์มังกรฉายความพิโรธ “เงียบ! พวกเจ้าจะให้ข้าลงโทษผู้ที่ทำคุณงามความดีเช่นนั้นหรือ?”ทำคุณงามความดี?บรรดาขุนนางสีหน้าฉงนองค์ชายเก้าพฤติกรรมสุดโต่ง ชื่อเสียงป่นปี้ ไม่ใกล้เคียงคำว่าทำคุณงามความดีแม้แต่น้อย!ฮ่องเต้หวู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากไม่ใช่เจ้าเก้า สร้างเรื่องนี้ขึ้น! เกรงว่า ข่าวลือต้าเซี่ยแพ้สงคราม รุนแรงยิ่งกว่านี้!”“ตามคำที่กล่าวว่า สามคนกลายเป็นเสือ!”“เมือข่าวลือถูกพูดมากขึ้น เช่นนั้นก็จะกลายเป็นจริง!”“ไม่เพียงชาวบ้าน พ่อค้าได้ยินข่าวลือ ก็จะแตกตื่น ต่างหนีออกจากเมืองหลวง ลงใต้เพื่อหนีหายนะ!”“สุดท้ายแล้ว ขุนนาง รวมถึงทหาร ก็จะอยู่ในความโกลาหล ต่างพากันหลบหนี!”“ไม่ว่าเจ้าเก้าตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ”“แต่เขาสยบข่าวลือได้แล้ว ทำให้ความตึงเครียดของชาวบ้านเบาบางลง นี่ไม่ใช่เรื่องจริงหรือ?”“นี่ไม่ใช่การทำคุณงามความดีหรอกหรือ?”เหล่าขุนนางเงียบกริบ หมดคำโต้เถียงแม้จะดูเกินจริงไปเสียหน่อยแต่สิ่งที่ฮ่องเต้หวู่ตรัส ก็เป็นความจริงเทียบกับข่าวลือต้าเซี่ยแพ้สงคราม อย่างมากอง์ชายเก้าเพียงเสื่อมเสียชื่อเสีย ทำให้ราชวงศ์ขายหน้า
ลั่วอวี้จู๋คิดอ่านละเอียดรอบคอบ ครั้งนี้ตั้งใจให้หลี่หลงหลินมาแจกจ่ายเงินบำนาญข้อแรก เงินก้อนนี้หลี่หลงหลินเป็นคนหามาได้ เขาจัดการด้วยตนเองก็สมควรแล้วข้อสอง ต่อให้หลี่หลงหลินไม่ได้เรื่องเยี่ยงไร ก็คือองค์ชายเก้า ตัวแทนของฝ่าบาทหลี่หลงหลินพยักหน้า “ในเมื่อให้ข้ามาแจกจ่ายเงินบำนาญ เช่นนั้นรายละเอียดบางส่วน ข้าต้องถามให้ชัดเจน!”ลั่วอวี้จู๋รีบพูด “ย่อมเป็นเช่นนั้น”หลี่หลงหลินเอ่ยถาม “เงินบำนาญของทหารสกุลซูมากน้อยเพียงใด?”ลั่วอวี้จู๋คล่องแคล่วราวนับสมบัติในบ้านของตน เอ่ยตอบ “ยึดตามกฎหมายของต้าเซี่ย แม่ทัพคือแปดร้อยตำลึง! พลทหารหนึ่งร้อยตำลึง! ทหารม้าเจ็ดสิบตำลึง! ทหารราบห้าสิบตำลึง! หากสร้างความดีความชอบทางทหารแล้วล่ะก็ เงินบำนาญเพิ่มอีกต่างหากยี่สิบตำลึง”หลี่หลงหลินเลิกคิ้วขึ้น “ทหารสกุลซูทุกคนล้วนสร้างความดีความชอบ หากคือเจ็ดสิบตำลึงแล้วล่ะก็ นับว่าจำนวนไม่น้อย”ความยากจนมั่งคั่งในต้าเซี่ยแตกต่างกันมากนักตระกูลขุนนางสูงศักดิ์มากอำนาจ หาความสำราญในหอนางโลม ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หนึ่งคืนก็สามารถจ่ายได้ถึงหมื่นตำลึงส่วนสามัญชนในเมืองหลวง หนึ่งครอบครัวห้าคน ค่าใช้จ่ายหนึ่งเดื
สิ่งที่ลั่วอวี้จู๋พูดก็คือความจริงยุคทองของทหารสกุลซู มีทหารถึงสามหมื่นคน!นั่นก็หมายความว่า ครอบครัวของพวกเขามีมากถึงสามหมื่นครัวเรือนแม้ทุกเดือนทุกครัวเรือนใช้เพียงหนึ่งตำลึง ก็เป็นเงินถึงสามหมื่นตำลึง!แม้สกุลซูยิ่งใหญ่กิจการรุ่งเรือง ก็ไม่สามารถยับยั้งเงินไหลออกสู่ภายนอกได้!ยิ่งไปกว่านั้นหลี่หลงหลินต้องการให้เด็กกำพร้าเข้าสำนักศึกษา นี่คือค่าใช้จ่ายมหาศาลก้อนหนึ่งลั่วอวี้จู๋เคยคำนวณมาก่อน ทุกเดือนต้องแจกจ่ายมากอีกสามหมื่นตำลึง!ภายในมือหลี่หลงหลิน แม้มีเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง มากที่สุดสนับสนุนได้เพียงสามเดือนก็ใกล้หมดแล้วเมื่อนั้นจะทำเช่นไร?เงินบำนาญของราชสำนัก ไม่สามารถแจกจ่ายได้หรือปล่อยให้แม่ม่ายเด็กกำพร้าเหล่านี้ไม่มีที่ซุกหัวนอน เป็นขอทานข้างถนนอย่างนั้นรึ?หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดเสียงดัง “พี่สะใภ้ใหญ่ ความนัยของข้าคือ เงินเข้าสำนักศึกษานี้ ให้พวกนางรับผิดชอบด้วยตนเอง!”ทันใดนั้น คฤหาสน์สกุลซูก็เงียบกริบสายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน รวมอยู่ที่ตัวหลี่หลงหลิน!ถ้อยคำนี้ขององค์ชายเก้า ช่างไม่เข้าใจหัวอกคนยากไร้จริงๆ!แม่ม่ายเด็กกำพร้าเหล่านี้ หนึ่งเดือนมีเพีย
นางฉลาดมากเพียงใด บัดนี้เข้าใจแล้ว หลี่หลงหลินกำลังให้ตนเองเป็นผู้ขันอาสาหลิ่วหรูเยียนรีบก้าวออกมา “อย่างไรเสียข้าก็กำลังว่างงาน สามารถสอนพวกนางใช้เครื่องทอผ้าได้!”หลี่หลงหลินพยักหน้าแล้ว “ในเมื่อสะใภ้สี่กระตือรือร้นถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเรื่องนี้ยกให้เจ้าแล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูไม่ห้าม เห็นชัดว่าอนุญาตเงียบๆ แล้ว“ขอบพระทัยเพคะองค์ชาย...”หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงก่ำ กล่าวขอบคุณหลี่หลงหลินเสียงแผ่วได้รับการช่วยเหลือจากหลี่หลงหลิน ความขุ่นเคืองระหว่างหลิ่วหรูเยียนและฮูหยินผู้เฒ่าซูค่อยๆ หายไป เริ่มกลมกลืนเข้ากับสกุลซูครอบครัวใหญ่นี้แล้วความกังวลของนางหมดไป ไม่ต้องหวั่นใจทั้งวี่ทั้งวัน กังวลว่าตนเองจะถูกขับไล่ออกจากบ้าน กลับไปอยู่ในหอคณิกาตกบ่อเพลิงนี้อีกครั้งไม่รู้เพราะเหตุใดหลิ่วหรูเยียนมองเห็นเงาของคุณชายสี่สกุลซูบนตัวหลี่หลงหลินครานั้นคุณชายสี่สกุลซู ช่วยตนเองออกจากบ่อเพลิง...ลั่วอวี้จู๋เริ่มแจกจ่ายเงินบำนาญของเดือนนี้ให้แม่ม่ายเด็กกำพร้าแม่ม่ายยินยอมทำงานให้สกุลซู หลังบันทึกชื่อแซ่เรียบร้อยแล้ว ก็มาพบหลิ่วหรูเยียนที่นั่น สังเกตวิธีทอผ้าของนาง เรียนวิธีใช้งานเครื่องทอผ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค