“เหตุใดเขาอยู่ที่นี่!”ตู้เหวินยวนมองเห็นหลี่หลงหลิน ก็แค้นจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไรเสียเขาก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ จิตใจล้ำลึก ไม่เผยอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า เดินนำไปทำความเคารพฮ่องเต้หวู่ “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”ฮ่องเต้หวู่โบกพระหัตถ์ “ทุกคนตามสบาย! ใช่แล้ว กวีสามบทที่สำนักการสังคีตเผยแพร่ พวกเจ้าผ่านตาแล้วหรือไม่?”“กวี?”เหล่าขุนนางชะงัก ส่ายหน้าพลางเอ่ยตอบ “พวกกระหม่อมงานยุ่งนัก ยังมิได้ผ่านตาพ่ะย่ะค่ะ”ในกำมือฮ่องเต้หวู่มีพรรคขันที ผู้ตรวจการขุนนาง รวบรวมข่าวสาร ข่าวย่อมว่องไวเป็นไปตามธรรมชาติเทียบกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าข่าวของเหล่าขุนนางถูกปิดกั้นแน่นอน สาเหตุสำคัญที่สุดคือพวกเขามิได้ใส่ใจเรื่องของราษฎร์ภายในเมืองเลยแม้แต่น้อยหากเป็นเรื่องภายในราชสำนัก ยกตัวอย่างเช่นใครเลื่อนตำแหน่ง ใครลดตำแหน่งพวกเขากลับสืบความว่องไวยิ่งกว่าใคร!สีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ภาคภูมิใจ ส่งบทกวีออกไป “พวกท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบทกวี ประเมินๆ ดูเถอะ!”บทกวี?เหล่าขุนนางแปลกใจมากนักฮ่องเต้หวู่เรียกตัวขุนนางสำนักเลขาธิการทั้งหมดออกมา ก็เพื่อประเมินบทกวีกระนั้นหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น เด
ตู้เหวินยวนกระตือรือร้นขึ้นมาในทันใด!ใช่ จะต้องเป็นฝ่าบาท!ฝ่าบาทเคยออกศึกทำสงครามในสนามรบ ก็คือแม่ทัพเฉกเดียวกัน!มีเพียงผู้ครอบครองอำนาจสูงสุด ถึงจะสามารถแต่งหม่านเจียงหงกวีเช่นนี้ได้!เดิมทีตู้เหวินยวนคิดแทะกระดูกในไข่หาข้อตำหนิติเตียนผู้อื่น ใช้กวีสามบทนี้ ยกตนเองขึ้นสูงขุนนางบุ๋นประชันขันแข่งกัน นับตั้งแต่โบราณก็เป็นเช่นนี้!ตู้เหวินยวนคิดได้ว่ากวีสามบทนี้เป็นไปได้มากว่าคือฝ่าบาทแต่งขึ้น เปลี่ยนความคิดในทันทีทันใดมองขาดนับพันนับหมื่น มีเพียงคำประจบเมินข้ามไปได้!ต่อต้านบทกวีของฝ่าบาท รนหาที่ตายกระนั้นรึ?ตู้เหวินยวนลูบเครา ตั้งใจเงียบเสียงลงครู่หนึ่ง ประเมินออกมา “ฝ่าบาท กวีสามบทนี้...ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!ไม่รู้เป็นใครแต่ง จะต้องมีพรสวรรค์ของผู้ปกครองใต้หล้าเป็นแน่!”คำนี้พูดออกมา ทำให้ขุนนางชะงัก หันมองทางตู้เหวินยวนอย่างสงสัยกวีสามบทนี้ ไม่เลวอย่างจริงนั่นล่ะ อาจพูดว่าเป็นนิรันดร์ได้แต่พรสวรรค์ของผู้ปกครองใต้หล้า?ในประวัติศาสตร์ ผู้แต่งบทกวีมีมากมายทว่า มีกี่คน ถูกขนานนามว่าพรสวรรค์ของผู้ปกครองใต้หล้าสี่คำนี้?ปกครองบ้านเมือง มิใช่ว่าเขียนกวีเพียงไม่กี่บทก็
ตู้เหวินยวนข่มโทสะ “ฝ่าบาท กวีถูกประเมินแล้ว หากไม่มีเรื่องอื่น กระหม่อมขอทูลลา...”หากเขายังอยู่ห้องทรงพระอักษรต่อไป เห็นใบหน้าของหลี่หลงหลิน น่ากลัวว่าตนเองต้องโมโหตายทั้งเป็นแน่นอน!“ช้าก่อน!”ฮ่องเต้หวู่โบกพระหัตถ์ สั่งเว่ยซวินนำรายชื่อไปมอบให้ “พวกเจ้าดูเถอะ รู้จักชื่อของคนเหล่านี้หรือไม่?”ตู้เหวินยวนรับรายชื่อไป ก้มหน้ามอง สีหน้าเปลี่ยนไปหนิงชิงโหว!ชื่อแรก ตู้เหวินยวนคุ้นเคยมากนักปีนั้นตู้เหวินยวนเป็นผู้คุมสอบการสอบขุนนาง ก็สับเปลี่ยนกระดาษข้อสอบของหนิงชิงโหว ให้ลูกชายของตนได้เป็นจอหงวน หนิงชิงโหวจึงสอบตกไป ต่อมา หนิงชิงโหวไม่ยอมเลิกรา ยังมาฟ้องร้องที่ศาลาว่าการก็เป็นตู้เหวินยวนใช้ลูกไม้ สั่งคนไปตีหนิงชิงโหวเกือบตาย ยังปลดตำแหน่งบัณฑิตระดับท้องถิ่นของเขาอีกด้วยเขาและหนิงชิงโหว มีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง!ไฉนเลยจะลืมได้!ปัญหาคือฝ่าบาทนำรายชื่อนี้ออกมาด้วยเหตุใด?หรือว่าเขาวางแผนรื้อคดีเก่าออกมา ลงโทษตนเองกระนั้นหรือ?ตู้เหวินยวนเกิดความกลัวขึ้นภายในใจ ฝืนสุขุม “ทูลฝ่าบาท รายชื่อเหล่านี้ไม่คุ้นตา กระหม่อมไม่รู้จัก มิรู้เหตุใดฝ่าบาทถึงถามเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ?
“หนิงชิงโหว?”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “เจ้าต้องการแนะนำคนผู้นี้รึ?”หรงกั๋วกงจางเฉวียนเอ่ยปายเสียงหนัก “ไม่ผิด! คนผู้นี้รอบรู้มีความสามารถ ความรู้ห้าคันเกวียน มีพรสวรรค์ของจอหงวน! เพียงน่าเสียดาย วาสนาไม่ดี สอบตกในการสอบขุนนางพ่ะย่ะค่ะ!”“หากคนผู้นี้ไม่สามารถเป็นขุนนางในราชสำนักได้ ช่างมีตาหามีแววไม่ น่าเสียดายเกินไปแล้ว!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “แต่ตู้เหวินยวนพูดว่าคนผู้นี้โกงสอบขุนนาง ถึงถูกยึดตำแหน่งไป!”จางเฉวียนตอบเร็วโดยไม่ยั้งคิด “ถูกยึดตำแหน่งเป็นเรื่องจริง แต่โกงสอบเป็นเรื่องเท็จ! หากฝ่าบาทไม่เชื่อ สามารถสั่งสามกรมร่วมกันตรวจสอบคดีนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่หันมองตู้เหวินยวน “ท่านขุนนาง เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ตู้เหวินยวนว้าวุ่นแล้ว “โกงสอบขุนนาง เป็นคดีเก่าผ่านมาหลายปีแล้ว ตรวจสอบตอนนี้ยากเกินไป! กระหม่อมคิดว่าไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่มองตู้เหวินยวนสายตาลุ่มลึกแวบหนึ่งอัครมหาเสนาบดีแห่งต้าเซี่ยท่านนี้ สุขุมรอบคอบ รักเกลียดไม่แสดงผ่านทางสีหน้าเพราะคดีโกงสอบเล็กๆ นี้ ถึงขั้นว้าวุ่นหนัก ต้องมีลับลมคมในเป็นแน่!ทว่า ฮ่องเต้หวู่ไม่คิดสืบต่อไปราษฎร์ไม่ร้องทุกข์ ขุนนางไ
ด่าหรือชมทำไมถึงฟังไม่ออก?ข้ากำลังด่าเจ้าอยู่...ครู่ต่อมา ตู้เหวินยวนก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเวลาล่วงเลยไป!องค์ชายเก้าในวันนี้ไม่ใช่คนเสเพลไร้ประโยชน์อย่างในปีนั้นอีกแล้ว!แต่เป็นคนที่มีความสามารถในการต่อสู้สูง เป็นนักกวีผู้มีความรู้มากมายในหมู่คนทั่วไป ยังคงมองว่าองค์ชายเก้าเป็นดวงดาวแห่งการศึกษาที่ลงมาจุติยังโลกมนุษย์เมื่อครู่ตนเพิ่งจะด่าจางเฉวียน บอกว่าลูกชายของเขาแย่กว่าดวงดาวแห่งการศึกษานี่ใช่คำด่าเสียที่ไหนนั่นเป็นคำชื่นชมชัดๆ!ปอดของตู้เหวินยวนแทบจะระเบิดด้านโต้แย้ง ตนพ่ายแพ้ให้องค์ชายเก้าครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังพอทนเจ้าเด็กคนนี้ ปากคอเราะราย มีความคิดเฉียบไว และฉลาดนิดหน่อยแต่จางเฉวียนเป็นผู้สูงศักดิ์คำพูดคำจาเงอะงะไม่ทันใคร ตนจึงได้พ่ายแพ้ไปแบบนี้มันยากจะทนไหวจริงๆ!ตู้เหวินยวนสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธและพูดอย่างด้วยความโกรธ“หรงกั๋วกง ข้าจะไม่โต้เถียงกับเจ้า!”หลังจากพูดเช่นนี้แล้ว ตู้เหวินยวนก็ยกมือคำนับต่อฮ่องเต้หวู่ “ฝ่าบาท บัณฑิตที่หยิ่งยโสอย่างหนิงชิงโหวไม่สามารถเป็นขุนนางได้! กระหม่อมไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ...”ขุนนางคนอื่นๆ ยกมือคำนับ “พวกกระหม่อมก็ไม่เ
จางเฉวียนเองก็ประหลาดใจมาก มองดูหลี่หลงหลินด้วยสายตาล้ำลึกการพระราชทานสอบขุนนาง เป็นเรื่องใหญ่จางเฉวียนไม่แปลกใจเลยที่ฮ่องเต้จะเห็นด้วยอย่างไรก็ตาม สิ่งที่จางเฉวียนไม่คาดคิดก็คือขุนนางอย่างตู้เหวินยวนกลับเห็นด้วยอย่างเต็มใจเช่นนี้!เห็นได้ชัดว่าจิตใจของพวกเขา ถูกหลี่หลงหลินควบคุมเอาไว้ในกำมือได้แล้ว!“ความสามารถขององค์ชายเก้าช่างยากแท้หยั่งถึง!”จางเฉวียนตกใจไม่น้อยเขารู้ว่า ในราชสำนักนอกจากกองกำลังเดิมแล้ว ก็ยังมีกองกำลังใหม่ที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็เปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาพรวมของต้าเซี่ยในราชสำนัก!แต่สำหรับชนชั้นสูงอย่างจางเฉวียน ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร!อย่างไรเสีย องค์ชายเก้าก็เป็นชนชั้นสูงมาแต่กำเนิด และเป็นคนฝั่งตนเองด้วย!ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยของตระกูลซู ได้รับการสืบทอดมาจากตระกูลซู...ขณะที่จางเฉวียนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ฮ่องเต้หวู่ก็ตรัสว่า “หรงกั๋วกง เรื่องการสอบขุนนางพระราชทาน เจ้าคิดอย่างไร?”จู่ๆ จางเฉวียนก็ได้สติกลับมา แล้วรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาทต้องการพระราชทานเปิดการสอบขุนนาง รับสมัครผู้มีความสามารถ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคว้น นับว่าเป็นเรื่
ดูเหมือนว่าตอนที่นางตัดแต่งกิ่งไม้เมื่อครู่นี้ มือหยกของนางถูกกิ่งดอกไม้แทง จนกระทั่งล้างมือถึงพบเข้าหลี่หลงหลินรีบคว้านิ้วที่บาดเจ็บของหลินกุ้ยเฟย แล้วใส่เข้าไปในปากของเขา พร้อมกับดูดมันเบาๆหลินกุ้ยเฟยหน้าแดงก่ำ “ลูกชาย มันสกปรก...”หลี่หลงหลินเงยหน้าขึ้น พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ ท่านลืมไปแล้วหรือ ตอนเด็กๆ ข้าติดเล่นมากจนนิ้วเจ็บ ท่านเองก็ช่วยข้าทำความสะอาดแผลเช่นนี้...ท่านยังไม่รังเกียจว่ามันจะสกปรก แล้วลูกจะรังเกียจท่านได้อย่างไร?”หลินกุ้ยเฟยนึกถึงสมัยที่หลี่หลงหลินยังเป็นเด็ก ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ใช่แล้ว ตอนนั้นเจ้ายังเด็ก เจ้าซนมากจริงๆ เจ้าเหมือนลิง มักจะปีนขึ้นปีนลูกที่สูงตลอด...”ในขณะที่ช่วยหลินกุ้ยเฟยพันผ้าพันแผลที่นิ้วของนาง หลี่หลงหลินก็พูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านแม่ ท่านชอบดูแลดอกไม้ ข้าไม่ขัดข้อง! แต่ว่างาตัดแต่งกิ่งไม้เช่นนี้เป็นงานลำบาก ให้บ่าวรับใช้ทำก็ได้...”หลินกุ้ยเฟยมองดูใบหน้าอันหล่อเหลาของหลี่หลงหลิน พร้อมกล่าวว่า “ลูกชายข้าโตขึ้นแล้วจริงๆ รู้จักห่วงใยแม่ด้วย! แต่ว่าเรื่องความสุขที่เจ้าไม่เข้าใจ ก็ต้องไปลงมือทำเอง ถึงจะน่าสนใจ! ““จริงสิ เจ้าม
ทันใดนั้นฮ่องเต้หวู่ก็ลืมตาขึ้น แล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “ความดีความชอบของข้า? แต่ว่าเมื่อก่อนนี้ข้าละเลยเจ้าเก้า ไม่เคยสั่งสอนแนะนำอะไรเจ้าเก้าเลยนะ...”หลินกุ้ยเฟยหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ท่านไม่ได้สอนบทเรียนกับเขา แต่ท่านก็เป็นแบบอย่างให้เขา! ลูกชายเคยบอกหลายครั้งว่าเขาอยากเป็นแม่ทัพเหมือนกับท่าน ต่อสู้ในสนามรบและจงรักภักดีต่อแคว้น...”ร่างกายของฮ่องเต้หวู่สั่นสะท้าน เขากล่าวด้วยความตกใจ “หรือว่าแม่ทัพชราในบทกวีหม่านเจียงหง ไม่ใช่แม่ทัพอาวุโสซู แต่เป็น...ข้า!”เดิมทีฮ่องเต้หวู่คิดว่าตัวเอกของบทกวีหม่านเจียงหงจะเป็นแม่ทัพอาวุโสซูแต่เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป!เพราะอย่างไร ครั้งหนึ่งตนก็เคยเข้าร่วมกองทัพ พิชิตทั่วสารทิศ และยังเคยประสบความสำเร็จมากมายจอนผมทั้งสองข้างของตนก็เริ่มขาว ผมขาวแต่เยาว์วัยหลินกุ้ยเฟยกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “บทกวีหม่านเจียงหงของลูกชาย! ต้องหมายถึงฝ่าบาทแน่นอนเพคะ! อย่างไร แม่ทัพอาวุโสซูก็เสียสละชีวิตเพื่อแคว้นไปแล้ว! แล้วจะรอบรวมใต้หล้าได้อย่างไร? ผู้ที่ทำเรื่องนี้ได้ มีเพียงฮ่องเต้คนเดียวเพคะ!”ฮ่องเต้หวู่รู้สึกตื่นเต้
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค