ผิวหน้าเว่ยซวินกระตุกริกหลี่หลงหลินเจ้าเด็กคนนี้ต้องการแบ่งผลประโยชน์!ช่างเถอะ!หากมิใช่การแนะนำของหลี่หลงหลิน ตนเองก็ไม่สามารถเป็นผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรได้!แบ่งปันกำไรออกไป ก็เป็นสามัญสำนึกของมนุษย์เว่ยซวินใคร่ครวญครู่หนึ่ง “ในเมื่อองค์ชายเอ่ยปาก กระหม่อมลองแบ่งดูแล้ว คนละครึ่ง...”หลี่หลงหลินมิได้พูด ส่ายหน้าเบาๆสีหน้าเว่ยซวินไม่สบอารมณ์ขึ้นมา “องค์ชาย ท่านมิใช่ต้องการสี่หกหรอกกระมัง? นี่ไม่ละโมบเกินไปหน่อยหรือ?”หลี่หลงหลินยังส่ายหน้าเว่ยซวินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “สามเจ็ด? ท่านไม่ใช่คนแล้วกระมัง!”หลี่หลงหลินยังส่ายหน้าต่อเว่ยเซินระเบิดโทสะ “สองแปด? กระหม่อมไม่สามารถรับได้!”เว่ยซวินไม่มีทายาท ชอบหาเงินที่สุดหลี่หลงหลินถึงขั้นต้องการสองแปด เว่ยซวินกระอักเลือด ไม่มีวันรับปากหลี่หลงหลินหัวเราะแล้ว “เว่ยกงกง! ข้าไม่ต้องการสองแปด ไม่ต้องการสามเจ็ด ไม่ต้องการสี่หก ทั้งยังไม่ต้องการครึ่งครึ่ง! ข้าไม่ต้องการกำไรแม้ตำลึงเดียว ขอเพียงกงกงมอบความยุติธรรมให้ข้าอย่างหนึ่งก็พอ!”เว่ยซวินตกตะลึงพรึงเพริดหลี่หลงหลินมิได้ต้องการแบ่งกำไรกับตน เพียงเพื่อความยุติธรรมอย่างห
หลินกุ้ยเฟยตกตะลึงเหม่อลอยตั้งแต่แรกแล้ว หันมองหลี่หลงหลินอย่างเหลือจะเชื่อ “องค์ชาย ตกลงเจ้าทำอันใด ถึงขั้นสามารถควบคุมเว่ยกงกงเช่นนี้ได้?”หลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “เว่ยซวินเป็นคนต่ำต้อยธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีผลประโยชน์ไม่ตื่นเช้า! กระนั้นหากมอบผลประโยชน์ให้เขาเล็กน้อย ก็สามารถทำให้เขาเชื่อฟังและทำงานให้ข้าได้!”“คนต่ำต้อยพรรค์นี้ มักดีกว่าพวกหน้าซื่อใจคดอย่างตู้เหวินยวนมากนับหมื่นเท่า!”หลินกุ้ยเฟยขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่เข้าใจ “แต่เจ้ายกกำไรให้ทั้งหมด จะ...”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ซื้อขายเครื่องแบบและดาบปักลายขององครักษ์เสื้อแพร หนึ่งปีสามารถหาเงินได้มากน้อยเพียงใดเล่า? นับดูแล้วก็เพียงสองถึงสามหมื่นตำลึง! เงินแค่นี้ ข้าไม่เห็นอยู่ในสายตา ยกให้เว่ยซวินทั้งหมดแล้วอย่างไร?”“ยิ่งไปกว่านั้น เว่ยซวินละโมบเกินไป ข้าไม่อยากมีผลปะโยชน์เกี่ยวข้องกับเขามากเกินไปนัก!”“หากเขาทำเรื่องผิดพลาด ถูกเหล่าขุนนางบุ๋นจับจุดอ่อนได้ ยังจะเดือดร้อนถึงข้าอีก!”เว่ยซวินคนนี้ก็คือคนละโมบคนหนึ่งบัดนี้ฮ่องเต้หวู่ให้ความสำคัญต่อเขามาก ยังไม่แตะต้องเขาชั่วคราวภายภาคหน้าเว่ยซวินจะละโมบมากขึ้นเรื่อยๆ ทำเลยเถิดเกินไป
ลั่วอวี้จู๋โมโหอยู่บ้างผ้าฝ้ายขายไม่ออก ร้านขายผ้าสกุลซูค้าขายย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ ท่านไม่คิดหาทางแก้ก็ช่างเถอะ ถึงขั้นยังสร้างปัญหาเพิ่มอยู่ที่นี่?รู้ว่าขาดทุน กลับยังไม่ยอมลดการผลิตมีใครทำการค้าเหมือนท่านด้วยหรือ?หลิ่วหรูเยียนเองก็แปลกใจมาก “องค์ชายเก้า ข้ารู้ท่านอยากให้พวกแม่ม่ายเด็กกำพร้ามีชีวิตที่ดี แต่ท่านไม่ลดการผลิตก็ช่างเถอะ นี่ยังจะเพิ่มการผลิต? ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?”หลี่หลงหลินมองพี่สะใภ้รูปโฉมงดงามดุจบุปผาทั้งสองท่าน พูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้สี่ ข้าขอไขความกระจ่างให้พวกท่านเอง! เพื่อความสงบสุขของเมืองหลวง ฝ่าบาทวางแผนรับสมัครลูกหลานชนชั้นสูง ก่อตั้งองครักษ์เสื้อแพร ให้เว่ยซวินรับผิดชอบบัญชาการ!”“ข้าตกลงกับเว่ยซวินดีแล้ว สกุลซูเป็นผู้ทำชุดมัจฉาบินขององครักษ์เสื้อแพร!”ลั่วอวี้จู๋และหลิ่วหรูเยียนได้ยินก็ดีใจขึ้นมา“องค์ชายเก้า เหตุใดท่านไม่พูดตั้งแต่แรกเล่า!”พวกชนชั้นสูงมีเงิน ใบสั่งซื้อขององครักษ์เสื้อแพรจะต้องไม่ใช่จำนวนน้อยเป็นแน่!”“วสันต์คิมหันต์เหมันต์สารทฤดูอย่างละชุด นี่ก็สี่ชุดแล้ว ยังต้องมีสำรอง ก็เป็นแปดชุด...”ลั่วอวี้จู๋ยิ่งคำนวณยิ่งดีใจ
วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย มันถูกหลอมในรูปแบบนี้แต่วิธีนี้ซับซ้อนเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพแม้แต่ช่างที่เชี่ยวชาญก็ยังต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะสามารถหลอมเหล็กได้ร้อยชิ้นมันช่างช้าเกินไปจริงๆวิธีแก้ปัญหาของหลี่หลงหลินนั้นง่ายมากนั่นก็คือการหลอมด้วยเตาถลุงเหล็กซึ่งเป็นวิธีพื้นบ้านวิธีเช่นนี้ ต้นทุนที่ใช้ต่ำมาก แต่ก็สามารถหลอมเป็นสินค้าได้ไม่ด้อยไปกว่าเหล็กสมัยใหม่เลยทว่าหลี่หลงหลินไม่ค่อยรู้เรื่องการถลุงเหล็กกล้าด้วยเตาหลอมมากนัก แต่ว่าความคิดพื้นฐานนี้ ปัญหาทางวิธีการที่เหลืออยู่ คงต้องให้กงซูหว่านสตรีเรียนดีผู้นี้คิดหาทางแก้ไขด้วยตัวเองหลี่หลงหลินเชื่อว่า ด้วยสติปัญญาของกงซูหว่าน เพียงให้แนวทางกับนาง เรื่องถลุงเหล็กกล้าด้วยเตาหลอม ก็ง่ายอย่างกับพลิกฝ่ามือฮู้...หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าด้านนอกสว่างแล้ว ก็ทอดถอนใจกับตัวเอง “ข้านี่ช่างขยันจริงๆ ทำงานจนโต้รุ่งเลยทีเดียว...”ปัง!ทันใดนั้นประตูใหญ่ก็ถูกคนเตะเข้ามาในเวลานี้ ร่างอรชรก็บุกเข้ามาซึ่งก็คือซูเฟิ่งหลิงใบหน้าของนางอมชมพู ริมฝีปากแต้มสีชาด ผมสีดำเงาเกล้าขึ้นสูงปักปิ่นทอง การแต่งกายงดงามมีเสน่ห์ ส
หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้สี่ ท่านสวยมาแต่กำเนิด ไหนเลยต้องอาศัยผงแป้ง สวยกว่าสตรีบางคนที่แต่งหน้าจัดอีก!”หลิ่วหรูเยียนปิดปากหัวเราะเบาๆ ทำให้นางต่างจากเวลาปกติ “องค์ชายเก้า เจ้าช่างพูดความจริงได้น่าฟังยิ่งนัก”ซูเฟิ่งหลิงโกรธมาก นางใช้ศอกกระแทกไปที่หลี่หลงหลินเมื่อเห็นว่าหลี่หลงหลินแยกเขี้ยวยิงฟันด้วยความเจ็บปวด หลิ่วหรูเยียนก็ถามด้วยความเป็นห่วง “องค์ชายเก้า ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”หลี่หลงหลินโบกมือ แล้วยืดตัวตรง ส่งกระดาษไปให้ “พี่สะใภ้สี่ นี่คือชุดมัจฉาบิน ข้าอดหลับอดนอนถึงได้วาดเสร็จ”หลิ่วหรูเยียนรับภาพวาดไป แล้วมองดูสักครู่ ทันทีใดนั้นสายตาของนางก็เป็นประกาย เอ่ยด้วยความตกใจว่า “นี่คือชุดมัจฉาบิน ช่างสง่างามยิ่งนัก ช่างไม่ธรรมดาอย่างที่คาดเอาไว้”ซูเฟิ่งหลิงกะพริบตาปริบๆ พูดอย่างไม่เข้าใจ “พี่สะใภ้สี่ ชุดที่เขาออกแบบ มันงดงามขนาดนั้นจริงๆ หรือ?”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องเล็ก เจ้าเชื่อในวิสัยทัศน์ความงามของข้าหรือไม่ ชุดมัจฉาบินนี้ หากองค์ชายเก้าสวมเป็นชุดของบุรุษ จะต้องมีสาวน้อยมากมายมาหลงใหลอย่างแน่นอน”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก “ชิ อย่างเขานี่หรือ? ยังหล่
กงซูหว่านหน้าแดงเล็กน้อย เอ่ยเตือนว่า “ข้าเคยพูดว่าเหงา แต่ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร? น้องเล็กก็อยู่นะ เจ้าไม่กลัวว่านางจะทุบตีเจ้าหรือ?”เห็นได้ชัดเลยว่ากงซูหว่านก็คิดไม่ดีเหมือนกันหลี่หลงหลินอธิบายว่า “พี่สะใภ้รอง มีงานใหญ่มาแล้ว นี่คือมีดปักลายที่ข้าใช้เวลาออกแบบทั้งคืน ในวังกำลังต้องการ เจ้าลงดูว่าจะสามารถเร่งผลิตได้หรือไม่”มีดปักลาย?กงชูหว่านตะลึงงันตระกูลกงซู สิ่งที่เก่งที่สุดคือการออกแบบอาวุธสงครามบันได รถหน้าไม้ รถบุกโจมตี รถโยนหิน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์จากตระกูลซูแม้ว่าเครื่องทอผ้า แว่นสายตายาว กล้องส่องทางไกลที่หลี่หลงหลินออกแบบนั้นจะมีประโยชน์อย่างมาก และน่าสนใจมากแต่ในความเห็นของกงซูหว่าน พวกมันเป็นเพียงอุปกรณ์เล็กๆ ไม่ได้กระตุ้นความสนใจมากนักคราวนี้ ในที่สุดหลี่หลงหลินก็ได้ออกแบบอาวุธสงครามแล้วดวงตาของกงซูหว่านเป็นประกาย “มีดปักลายหรือ? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน! ไหนภาพออกแบบล่ะ? เอาออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ!”หลี่หลงลินหยิบภาพวาดของมีดปักลายออกมา ออกมาแล้วก็ส่งไปที่มือของกงซูหว่านกงซูหว่านก้มหน้าลง ตั้งใจมองอยู่ครู่หนึ่ง และอุทานว่า “มันอัศจรรย์มา
กงซูหว่านเม้มฝีปาก แล้วจ้องเข้าไปในแววตาของหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรหรือ?”หลี่หลงหลินยิ้ม “แน่นอน! และข้าก็ยังรู้ด้วยว่าถ้าสามารถผลิตเหล็กหลอมได้หลายร้อยชิ้น ไม่เพียงแต่ทั้งต้าเซี่ยเท่านั้น แม้แต่ทั้งใต้หล้านี้ก็พลิกฟ้าพลิกดินได้!”ซูเฟิ่งหลิงน้ำลายไหลอย่างอดไม่ได้ “ถ้าสามารถผลิตเหล็กหลอมได้หลายร้อยชิ้นจริงๆ จะสร้างอาวุธและชุดเกราะเทพได้มากขนาดไหน!”กงซูหว่านก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่! มีอาวุธสงครามมากมายที่ไม่กล้าจะจินตนาการ และสามารถสร้างมันออกมาได้...”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งซูเฟิ่งหลิงก็ช่างเถอะ เดิมทีนางก็เป็นเพียงเด็กโง่คนหนึ่งแต่ด้วยความสามารถและความฉลาดของกงซูหว่าน ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของยุคนี้อยู่แล้ว แต่วิสัยทัศน์ก็ยังได้รับอิทธิพลจากยุคสมัยจะสร้างเกราะแบบไหน จะสร้างอาวุธแบบไหน!จุดประสงค์ในการผลิตเหล็กกล้า ได้กลายเป็นการผลิตปืนและปืนใหญ่ไปแล้ว!ยุคสมัยของอาวุธเย็นได้สิ้นสุดลงแล้ว!อนาคตคือยุคแห่งอาวุธปืน!ทหารม้าเผ่าหมานอี๋เหล่านั้น เพียงกระสุนนัดเดียวก็สามารถทำลายทั้งหมดได้!อย่างไรก็ตาม หลี่หลงหลินคิดเช่นนี้เพียงใน
“องค์ชายท่านรีบไปดูเถอะ!”หลี่หลงหลินตะลึงจางอี้เจ้าคนไร้ประโยชน์ผู้นี้ กล้าไปท้าทายพ่อตัวเองได้อย่างไร?พอได้เป็นบัณฑิตชั้นสูง ก็เลยปีกกล้าขาแข็งอย่างนั้นหรือ?ในเวลานี้ ซูเฟิ่งหลิงที่เพิ่งเปลี่ยนเป็นชุดทหารเสร็จก็เดินออกมาจากห้อง แล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลี่หลงหลินถามว่า “ภาพอักษรที่ข้าให้เจ้า เจ้าเอาใส่กรอบแล้วใช้หรือไม่?”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้ากล่าวว่า “เสร็จแล้วเมื่อวาน”หลี่หลงลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เอาล่ะ! นำภาพอักษรไปที่เขาทิศประจิม!”ซูเฟิ่งหลิงหยิบภาพอักษรขึ้นมาทันที ขึ้นรถม้าพร้อมกับหลี่หลงหลินและหนิงชิงโหว จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่เขาทิศประจิมหนึ่งชั่วยามต่อมาเมื่อ หลี่หลงหลินมาถึงเขาทิศประจิม เขาลงจากรถม้า ก็เห็นหรงกั๋วกงกำลังทอดถอนใจกลุ่มชนชั้นสูงกำลังเกลี้ยกล่อมหรงกั๋วกงแต่เขากลับไม่ฟังเลย“หัวหน้าสำนักศึกษามาแล้ว!”เมื่อเหล่านักเรียนเห็นว่าหลี่หลงหลินมาแล้ว จึงทำความเคารพอย่างรวดเร็วหลี่หลงหลินเดินผ่านฝูงชน แล้วเดินไปตรงหน้าจางเฉวียน เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “หรงกั๋วกงข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับจางอี้กำลังทะเลาะกัน! มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นก
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค