น้ำลึกเกินไป! ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม”แล้วท่านจะทำยังไงต่อ?” หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คนอื่นทำร้ายเสด็จแม่ของข้า ข้าจะนิ่งเฉยได้อย่างไร? แต่เสด็จพ่อกลับมีท่าทีเช่นนี้! เพียงลำพังตัวข้าคนเดียว อยากจะสืบสวนเรื่องนี้ในวังหลัง ก็ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!” “เอาล่ะ ไปที่ตำหนักฉางเล่อก่อน ไปพบเสด็จแม่ของข้า อย่างน้อยก็ช่วยเตือนนาง” ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า “อืม! ทำได้แค่นี้แหละ!” ในเวลานี้ เสียงแหลมคมกฌดังขึ้นด้านหลังหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า รอสักครู่!” หลี่หลงหลินหันกลับไป เห็นขันทีชราในชุดปักลายหม่างเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน “เว่ยกงกง มีอะไรจะชี้แนะหรือ?” เว่ยซวินลดเสียงลง “ฮ่องเต้ให้ข้ามาบอกท่าน! ที่จริงแล้ว พระองค์ก็อยากสืบสวนคดีนี้เช่นกัน แต่...ฮองเฮาอยากให้เรื่องเงียบๆ ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย!” หลี่หลงหลินใจเต้นแรง “ฮองเฮาหรือ?” เว่ยซวินพยักหน้า และเอ่ยว่า “อีกอย่าง! เรื่องที่ท่านให้ข้าสืบ มีเบาะแสแล้ว! ในวังหลังทั้งหมด สถานที่ที่มียุงน้อยที่สุดคือตำหนักจิ่นซิ้วของฉินกุ้ยเฟย!” พูดจบ เว่ยซวินก็หันหลังกลับไป หลี่หลงหลินยืนนิ่งอยู่กับที่ในหัวรู้สึกสับสนเล็กน้อย ห
หลี่หลงหลินเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “เสด็จแม่ ตามที่ท่านพูดมา ฉินกุ้ยเฟยควรจะตั้งใจจัดการกับหลู่ฮองเฮาสิ! ทำไมต้องสร้างศัตรูไปทั่ว แล้วยังรังแกพระองค์อีก?” หลินกุ้ยเฟยมีนิสัยอ่อนโยน ไม่ชอบเป็นศัตรูกับใคร ในวังหลัง นางเป็นคนที่ไม่ค่อยโดดเด่น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยแย่งชิงความโปรดปราน ทำไมฉินกุ้ยเฟยต้องรังแกนาง? หรือว่าสู้กับหลู่ฮองเฮาไม่ได้ เลยมาลงที่สนมคนอื่น? หลินกุ้ยเฟยส่ายหัว “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน! บางที ฉินกุ้ยเฟยอาจจะชอบตำหนักฉางเล่อและดอกไม้ใบหญ้าพวกนี้มากก็ได้!” เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้น แม้แต่หลินกุ้ยเฟยเองก็ยังไม่เชื่อ หลี่หลงหลินถามต่อ “แล้วฮองเฮาล่ะ? นางมีนิสัยเช่นไร?” หลินกุ้ยเฟยส่ายหัว “แม่ก็ดูไม่ออก! แต่ฮองเฮาเป็นคนดี มีความสามารถ รู้จักคำนึงถึงภาพรวม! นางจัดการวังหลังอันกว้างใหญ่แห่งนี้ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย!” “ยกเว้นฉินกุ้ยเฟยที่ชอบก่อเรื่อง” “สนมคนอื่นๆ ก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข!” คำนึงถึงภาพรวม! เมื่อหลี่หลงหลินได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกถึงบางอย่าง หรือว่าฮองเฮาไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เพียงเพราะคำว่าคำนึงถึงภาพรวมหรือ? มีความเป็นไปได้สูงมาก! หลู่
หลี่หลงหลินโบกมืออย่างใจร้อน “ช่วงนี้ยุงที่ตำหนักฉางเล่อเยอะมาก!” เหล่าขันทีก็บ่นพึมพำ “ใช่! ยุงเยอะมาก ไม่รู้มาจากไหน! ไม่กี่วันที่ผ่านมา จู่ๆ ก็มีฝูงยุงบินมาเต็มไปหมด ดุร้ายมาก เห็นคนก็กัด แปลกจริงๆ!” หลี่หลงหลินใจเต้นแรง “ไม่กี่วันที่ผ่านมาหรือ? จำวันเวลาที่แน่นอนได้หรือไม่?” ขันทีคนหนึ่งพยักหน้า “จำได้สิ! วันนั้นเป็นวันหยุดของข้าพอดี! ห่างจากวันนี้ห้าวันพอดี...” หลี่หลงหลินถามต่อ “วันหยุดของเจ้า คนอื่นเห็นคนน่าสงสัยอยู่แถวตำหนักฉางเล่อหรือไม่?” เมื่อหลี่หลงหลินเอ่ยย้ำเตือน เหล่าขันทีก็จำได้ทันที “มีขันทีสองคนจากตำหนักจิ่นซิ้ว เดินวนเวียนอยู่หน้าตำหนักฉางเล่อตอนกลางดึก! พอพวกเราตะโกนใส่ พวกเขาก็วิ่งหนีไป!” ดวงตาของหลี่หลงหลินเป็นประกาย “พวกเจ้าไม่ได้มองผิดใช่หรือไม่? เป็นขันทีจากตำหนักจิ่นซิ้วจริงๆหรือ?” ขันทีคนหนึ่งยืนยัน “ไม่ผิดแน่นอน! คือเสี่ยวเต๋อจื่อและเสี่ยวเติ้งจื่อจากตำหนักจิ่นซิ้ว! พวกเขายังติดเงินข้าอยู่เลย! ต่อให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ข้าก็จำได้!” หลี่หลงหลินถามต่อ “แล้วในมือพวกเขาถืออะไรอยู่หรือไม่?” ขันทีคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตบต้นขาตัวเอง “องค์ชาย ท่
“นอกจากการวางแผนแล้ว ยังมีการดึงตัวไปเข้าข้าง...” หลี่หลงหลินเดินตามขันทีเข้าไปในตำหนักเฟิ่งซี พลางคิดคำนวณในใจ ฮองเฮาไม่ใช่คนที่ใครอยากจะพบก็พบได้ แม้แต่ฮ่องเต้ หากเกิดอยากจะพบหลู่ฮองเฮาขึ้นมา ต้องรอครึ่งชั่วยามก็ยังเป็นไปได้ หากหลู่ฮองเฮาอารมณ์ไม่ดี ถูกปฏิเสธก็เป็นเรื่องธรรมดา หลี่หลงหลินยิ่งมั่นใจ หลู่ฮองเฮาไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางตน เรื่องจะสืบสวนเรื่องมาลาเรีย เพราะนางและเขามีศัตรูคนเดียวกัน นั่นคือฉินกุ้ยเฟย! นี่เป็นข่าวดี! หลี่หลงหลินเดินเข้าไปในตำหนักอันหรูหรา เห็นหลู่ฮองเฮาสวมชุดแบบชาววังที่งดงาม เอนกายอยู่บนเตียงนุ่มๆ นางกำนัลหน้าตาสะสวยสองคนคุกเข่าอยู่ข้างหน้า นวดขาให้นางเบาๆ ต้องยอมรับว่า หลู่ฮองเฮามีสง่าราศีที่จะเป็นแม่ของแผ่นดินจริงๆ ชุดที่หรูหราอลังการ และมงกุฎหงส์สีทองอร่าม หากผู้หญิงคนอื่นสวมใส่ อาจจะดูโอ้อวด หรือแม้แต่ดูไร้รสนิยม แต่หลู่ฮองเฮามีออร่าที่แข็งแกร่งมาก ยิ่งชุดงดงามเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูน่าเกรงขามมากขึ้นเท่านั้น! “ลูกถวายบังคมเสด็จแม่!” หลี่หลงหลินโค้งคำนับอย่างเคร่งขรึม แม้ว่าหลู่ฮองเฮาจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของหลี่หลงหลิน แต่ตามกฎ
พระพักตร์ของฮองเฮาหลู่เผยรอยยิ้ม “ขยับขึ้นมา ให้ข้าดู!”สาวใช้ทางด้านข้างรีบรับขวดกระเบื้องเคลือบ ส่งให้ฮองเฮาหลู่ฮองเฮาหลู่เปิดขวดกระเบื้องเคลือบออกเบาๆ ทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้กำจายออกมา ชวนให้คนรู้สึกสมองปลอดโปร่ง“กลิ่นหอมยิ่งนัก!”ฮองเฮาหลู่ตรัสอย่างตกตะลึง “น้ำหอมดอกไม้ก็คือน้ำหอมหรือ?”ในยุคสมัยโบราณก็มีน้ำหอมแต่มากที่สุดคือผสมเข้ากับน้ำยามอาบชำระกาย สามารถรักษากลิ่นหอมได้นานหนึ่งถึงสองวันสิ่งที่หญิงส่วนใหญ่ใช้ก็คือกำยาน ถุงหอมหลี่หลงหลินพยักหน้า “น้ำหอมดอกไม้สามารถใช้เป็นน้ำหอมได้ แท้จริงแล้วเป็นยาชนิดหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองเฮาหลู่ตรัสถามอย่างไม่เข้าพระทัย “ยา?”หลี่หลงหลินก้มหน้า “ใช่! เป็นยากันยุงยับยั้งอาการคันชนิดหนึ่ง! ลูกคิดว่าเสด็จแม่จำเป็นต้องใช้ที่สุด จะต้องได้ใช้...”ฮองเฮาหลู่หลักแหลมมากเพียงใด ทันใดนั้นฟังออกว่าภายในคำพูดหลี่หลงหลินยังมีความนัยแฝงอยู่“เจ้าพูดคำนี้หมายความว่ากระไร?”ฮองเฮาหลู่มีน้ำโหอยู่บ้าง “ข้ามีร่างหงส์แข็งแรงดี เหตุใดเจ้าจึงนำยามาส่ง? เจ้าดีที่สุดคืออธิบายให้ชัดเจน!”หลี่หลงหลินเงยหน้า แววตาทอประกายเยียบเย็น “เริ่มแรกคือไท
ฮองเฮาหลู่ยืดตัวขึ้นจากตั่งนุ่ม สายตากลายเป็นคมกริบ “หลักฐานะอะไร พูดๆ ดู!”เห็นได้ชัดฮองเฮาหลู่และฉินกุ้ยเฟยมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ต้องการกำจัดคู่ต่อสู้ให้เร็วที่สุด!เพียงแต่ ฮองเฮาหลู่หาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้มาโดยตลอด!หลี่หลงหลินกระแอมเสียงใส พูดว่า “เสด็จแม่ ประการแรกพระองค์ต้องเข้าพระทัย! โรคมาลาเรียติดต่อจากยุง! หรือท่านไม่รู้สึกว่า ระยะนี้ยุงภายในวัง มีเพิ่มขึ้นกระนั้นหรือ?”ฮองเฮาหลู่ไม่พูดอะไร พยักหน้าเบาๆเพียงเพราะยุงเพิ่มมากขึ้น ยังไม่เพียงพอให้เอาผิดฉินกุ้ยเฟยได้หลี่หลงหลินพูดต่อ “ลูกให้เว่ยซวินตรวจสอบมาก่อน มีเพียงตำหนักจิ่นซิ่วที่ฉินกุ้ยเฟยอยู่มียุงน้อยมาก! นี่เห็นได้ชัดว่าใช้ยาไล่แมลงอะไรบางอย่าง! มีพิรุธจนสามารถสังเกตได้!”ฮองเฮาหลู่ส่ายหน้า “หลักฐานนี้ ยังไม่เพียงพอ!”หลี่หลงหลินไม่รีบร้อน พูดต่อว่า “ยุงของตำหนักฉางเล่อ เห็นได้ชัดว่ามากที่สุด นี่ผิดปกติมาก ลูกเอ่ยถามคนสนิทของเว่ยซวินมาก่อน พบว่าเมื่อหลายวันก่อน มีขันทีน้อยของตำหนักจิ่นซิ่วสองคน เดินเตร็ดเตร่รอบตำหนักฉางเล่อกลางดึก!”“ยิ่งไปกว่านั้น ในมือของพวกเขา ยังถือของคล้ายโคมไฟอีกด้วย!”“ลูกสงส
หลี่หลงหลินสั่นสะท้านภายในใจยามสตรีแก้แค้นขึ้นมา ช่างน่ากลัวนัก!มิน่าเล่านักปราชญ์จึงกล่าวว่า สตรีและคนถ่อยเลี้ยงยากเฉกเช่นเดียวกัน!ล่วงเกินใคร ก็ห้ามล่วงเกินสตรี!หลี่หลงหลินรับพระราชเสาวนีย์ ออกจากตำหนักเฟิ่งซี มิได้ไปตำหนักจิ่นซิ่วโดยตรง เปิดโปงแผนชั่วของฉินกุ้ยเฟยตำหนักจิ่นซิ่วคือถ้ำเสือสระมังกรหากฉินกุ้ยเฟยร้อนใจเป็นสุนัขจนตรอก ใครรู้เล่าว่าจะทำเรื่องอะไรขี้นมาหลี่หลงหลินไปเพียงลำพัง ก็คือรนหาที่ตาย!เขากลับเข้าตำหนักฉางเล่อ ไปหาผู้ช่วยอย่างซูเฟิ่งหลิงตอนนี้ซูเฟิ่งหลิงกำลังแสร้งเป็นเด็กดีต่อหน้าหลินกุ้ยเฟย อดกลั้นไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกคล้ายถูกมดไต่ทั่วทั้งสรรพางค์กาย“ซูเฟิ่งหลิง!”“ไป!”หลี่หลงหลินดีใจมาก พูดว่า “รีบตามข้าไปตำหนักจิ่นซิ่ว!”ซูเฟิ่งหลิงคล้ายได้รับนิรโทษกรรมแล้ว กระโดดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว บอกลาหลินกุ้ยเฟยดีแล้ว ก็พุ่งพรวดพราดออกจากประตูไปหลินกุ้ยเฟยมองเงาด้านหลังของนาง ถอนหายใจ “เฮ้อ เด็กหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่ละคนล้วนไม่สำรวมตน!”ระหว่างทางซูเฟิ่งหลิงบ่นตำหนิ “หลี่หลงหลิน ท่านคนชั่วคนนี้! ทิ้งข้าไว้ที่ตำหนักฉางเล่อเพียงลำพัง ท่านรู้ว
ขันทีร้องตะโกนโวยวายอย่างตกตะลึงพรึงเพริด ตำหนักจิ่นซิ่วชุลมุนวุ่นวายสงบไม่ลงท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของขันทีและนางกำนัล หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงเหยียบเข้าตำหนักจิ่นซิ่วเพียงไม่กี่ก้าวภายในก็มีองครักษ์หนึ่งกลุ่มใหญ่โผล่ออกจากตำหนัก ดำทะมึนเป็นผืนเดียวผู้เป็นหัวหน้า สวมเสื้อคลุมสีเหลืองสดใส ก็คือองค์ชายสี่หลี่จือศัตรูพบหน้า ตาแดงก่ำเป็นพิเศษแม้หลี่จือและหลี่หลงหลินได้ชื่อว่าเป็นพี่น้อง กลับมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง อยากฉีกเนื้อเลาะกระดูก ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าผืนเดียวกันได้ขณะเดียวกันหลี่จือเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โมโหจัดจนหัวเราะออกมา “เจ้าเก้าตัวดี! เมื่อวาน เจ้าตบหน้าเสด็จแม่ข้าต่อหน้าธารกำนัล! ข้ายังไม่ทันถามหาเอาความจากเจ้า!”“วันนี้ เจ้าบุกเข้าตำหนักจิ่นซิ่ว รังแกถึงศีรษะข้า!”“คิดจริงหรือว่า ข้ารังแกง่ายเพียงนั้น!”“บุก!”“ให้เขามาแล้วมิได้กลับไปอีก!”เหล่าองครักษ์บุกขึ้นมา ล้อมหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ซูเฟิ่งหลิงยกทวนเงิน ใบหน้าปราศจากความกลัว ตรงข้ามกันตื่นเต้นดีใจมากสงครามภูเขาทิศประจิมไม่เพียงปลุกจิตวิญญาณทางทหารให้กับกองทัพใหม่ซูเฟิ่งหลิงผ่านสงครามด
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค