“จางไป่เจิงใช้สูตรยาชิงไต้ รักษาโรคมาลาเรียของทหารรักษาพระองค์จนหาย อาศัยประโยชน์จากสถานการณ์ ทหารเสี่ยงอันตราย โจมตีชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!”ฮ่องเต้หวู่ดีใจมาก ลูบเครา “พูดเช่นนี้แล้ว! นี่ก็คือความดีความชอบของเราจริง! ใช่แล้ว ยังมีเจ้าเก้า! เจ้าเก้า เจ้าอยู่ก่อน! เลิกประชุมเถอะ!”ฮ่องเต้หวู่ดีใจมาก คร้านจะสนใจถือสาเรื่องย้ายลงใต้ของตู้เหวินยวนเดิมทีก็มิได้เสียซั่วเป่ยไป ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือยังเตรียมเจรจาอีกด้วยย้ายลงใต้ผายลมเถอะ!สีหน้าตู้เหวินยวนหมดอาลัยตายอยาก คล้ายสุนัขถูกทิ้ง ออกจากท้องพระโรงเร็วรี่หลี่หลงหลินตามหลังฮ่องเต้หวู่ มายังห้องทรงพระอักษรฮ่องเต้หวู่หัวเราะมองทางหลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า ครั้งนี้เจ้าทำความดีความชอบอีกแล้ว! หากมิใช่เจ้าอยู่ตรงกลางขวางเอาไว้ เราเชื่อคำพูดขุนนางชั่วเหล่านั้น ถ่ายทอดพระบรมราชโองกายย้ายลงใต้จริง ต่อให้สุดท้ายจะไม่เกิดอะไรขึ้น ก็ต้องกลายเป็นตัวตลกของคนในใต้หล้า!”นี่คือความจริงแม้เป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่หากฮ่องเต้หวู่ถ่ายทอดพระบรมราชโองการจริง เมืองหลวงจะตกอยู่ในความโกลาหล!ราษฎร์นับไม่ถ้วนจะต้องนำครอบครัว พากันหลบหนีเมือ
โชคดี หลี่หลงหลินชนะเดิมพันแล้ว!ชัยชนะครั้งที่สองของซั่วเป่ย ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพ่ายแพ้ ไม่สามารถจัดทัพได้อีกเจ้าเก้าปลอมพระราชโองการ แม้ไม่สามารถยอมรับได้ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนทำเพื่อราษฎร์ ทั้งยังเพื่อคลี่คลายปมใหญ่เรื่องชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือภายในใจเราอีกด้วย“เจ้าเก้า!”ฮ่องเต้หวู่หายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ประคองหลี่หลงหลินขึ้น “เจ้าดีมาก! แต่ ความดีคือความดี ความผิดคือความผิด เราเป็นโอรสสวรรค์ ย่อมต้องแยกแยะรางวัลลงโทษออกจากกันอย่างชัดเจน!”หลี่หลงหลินลอบยิ้มขมปร่าภายในใจแท้จริงแล้วเขาเดาได้ตั้งแต่แรกว่ามิอาจหลีกหนีความผิดนี้ได้!ปลอมพระราชโองการ หลอกฮ่องเต้นี่คือโทษหนักต้องถูกตัดหัว!ต่อให้ตนเป็นองค์ชาย ต่อให้ไม่ตาย ก็หนีไม่พ้นถูกขังหรือเนรเทศหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเครียด “ลูกน้อมรับความผิด!”สีหน้าฮ่องเต้หวู่เปลี่ยนไป คล้ายเปลี่ยนเป็นคนละคน “เจ้ามีความผิดอะไร?”หลี่หลงหลินชะงัก “ลูกปลอมพระราชโองการ...”ฮ่องเต้หวู่ลูบเครา แสร้งพูดเสียงงุนงง “มีหรือ? เราจำไม่ได้ พระราชโองการฉบับนั้น เป็นเราสั่งให้เจ้าเขียนมิใช่หรือ?”หลี่หลงหลินตกตะลึง เข้าใจความนัยข
หลี่หลงหลินหัวเราะแล้ว “ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพ่ายแพ้ เจ้าสมควรดีใจถึงจะถูก! เหตุใดขุ่นข้องหมองใจอารมณ์ไม่ดีเล่า? หรือว่า เพราะอุบายของข้าทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ฝีมือการต่อสู้ของเจ้า จึงไม่มีที่ให้ใช้งาน?”ซูเฟิ่งหลิงตัวสั่นหลี่หลงหลินเดาถูกแล้ว!ความฝันของนาง ก็คือทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือด้วยมือของตน เพื่อล้างแค้นให้วีรบุรุษของสกุลซู!สรุปคือ ตนเองยังไม่ทันออกศึกชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็พ่ายแพ้แล้ว ถึงขั้นต้องการเจรจาร่วมกันภายในหัวใจของซูเฟิ่งหลิงว่างเปล่า คล้ายปล่อยหมัดใส่ดอกฝ้าย พูดไม่ออกว่าทรมานหัวใจนางเปี่ยมความผิดหวัง กลับไม่มีที่ให้ระบาย ทำได้เพียงอึดอัดคับข้องใจอยู่เพียงลำพัง“ต้องโทษท่าน!”สายตาซูเฟิ่งหลิงทอประกายน้ำตา “หากมิใช่ท่านขัดขวางข้า! ข้าก็สามารถได้รับพระราชโองการจากฝ่าบาท พาทหารไปแดนเหนือ พอดีจะได้ต่อสู้เคียงบ่าแม่ทัพจาง ฆ่าพวกชนเผ่าทางตอนเหนือให้เกลี้ยง!”“ตอนนี้เล่า...”“ข้าและเหล่าทหารของภูเขาทิศประจิม คล้ายเป็นเรื่องตลกอย่างหนึ่งไปแล้ว!”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเคร่งขรึม พูดว่า “เจ้าคงไม่คิดว่า นับตั้งแต่นี้ไป ตนเองก็ไม่มีที่ให
ฮูหยินผู้เฒ่าสบมองหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า หากท่านเป็นชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ จะทำให้ต้าเซี่ยอับอายเยี่ยงไร?”หลี่หลงหลินครุ่นคิด “ไม่มีอะไรไปจากแสดงวิชายุทธ์!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูพยักหน้ายิ้มๆ “ไม่ผิด! เช่นนั้นต้าเซี่ยจะรับมือเยี่ยงไร?”หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”เขาเป็นองค์ชายอ่อนหัดไม่ร่ำเรียนไร้ความสามารถคนหนึ่ง สำหรับเรื่องทางทหารกลับรู้น้อยมากฮูหยินผู้เฒ่าซูเอ่ยปากว่า “ราชสำนักจะต้องเขียนตำรายุทธวิธีอย่างแน่นอน”หลี่หลงหลินชะงัก “ตำรายุทธวิธี?”ฮูหยินผ้เฒ่าซูเอ่ยปาก “ใช่แล้ว! ทุกครั้งที่ทูตหมานอี๋มา ราชสำนักจะเขียนตำรายุทธวิธี มาแสดงวิชายุทธ์ ปลุกขวัญกำลังใจคน!”หลี่หลงหลินเข้าใจแล้วดังนั้นตำรายุทธวิธี ก็คือราชสำนักสั่งให้สำนักศึกษาแต่ละแห่งและสำนักฮั่นหลิน จัดการตำรายุทธวิธีในทุกยุคสมัย เพื่อนำออกมาข่มขวัญเผ่าหมานเจ้าดู!ตำรายุทธวิธีของต้าเซี่ยพวกเรามีมากเพียงนี้!กลัวแล้วหรือไม่?มองดูแล้วน่าขันอยู่บ้างอย่างไรเสีย หมานอี๋ก็ไม่มีวันตกใจเพราะตำรายุทธวิธีเพียงสองสามเล่มแท้จริงแล้ว กลับไม่ใช่ไม่มีความหมายเลยเขียนตำรายุทธวิธี เพียงทำให้หมานอี๋ดู แต่ยังเป็น
หลี่หลงหลินพูดอย่างลำบากใจ “สกุลซูไม่มีตำรายุทธวิธี นั่นจะทำเช่นไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูพูดยิ้มๆ “ย่อมต้องเขียนออกมา! เฟิ่งหลิงเด็กคนนี้ เติบโตอยู่ในกองทัพตั้งแต่เด็ก ได้รับสืบทอดวิชายุทธ์ของสกุลซูอย่างแท้จริง เพียงน่าเสียดายพูดไม่เก่ง คิดเพียงฝึกทหาร พูดออกมาไม่ได้”หลี่หลงหลินหัวเราะ “ผู้มีวิชายุทธ์บนโลกนี้ส่วนใหญ่ ต่างเป็นเช่นนี้! ทำได้เพียงต่อสู้ แต่สอนคนต่อสู้ไม่ได้!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูพยักหน้า “ใช่! เพราะเหตุนี้ ข้าจึงอยากให้องค์ชายเก้าช่วยซูเฟิ่งหลิง เขียนตำรายุทธวิธีออกมา!”หลี่หลงหลินชะงัก ชี้จมูกตนเอง เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ฮูหยินผู้เฒ่า ให้ข้าเขียนตำรายุทธวิธี?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูสีหน้าเคร่งขรึม “ใช่แล้ว!”หลี่หลงหลินโบกมือ “สำหรับวิชายุทธ์ ข้าไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย ไฉนเลยจะสามารถเขียนตำรายุทธวิธีได้? หากพูดเรื่องเรียงความ พี่สะใภ้สี่หลิ่วหรูเยียนยังเหนือกว่าข้า มิสู้ให้นางช่วย ดีกว่าข้ามากนัก!”มิใช่หลี่หลงหลินถ่อมตนจริงแต่ฮูหยินผู้เฒ่าซูประเมินตนสูงเกินไปแล้วยามตนเป็นผู้ตรวจการกองทัพอยู่แดนเหนือ นี่เข้าสนามรบกี่วันเล่า?ตนเองไปช่วยซูเฟิ่งหลิงเขียนตำรายุทธวิธี มิใช่สองประโยค
ราชสำนักของต้าเซี่ย กลับเห็นต่างจากราษฎร์เสียงดังเป็นอย่างมาก!ท้องพระโรง ประชุมราชสำนักฮ่องเต้หวู่นั่งบนบัลลังก์มังกร ขุนนางบุ๋นบู๊แบ่งออกเป็นสองฝั่งอัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวนลุกยืนออกมา “ฝ่าบาท! คณะทูตจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือออกเดินทางแล้ว อีกไม่นานก็จะมาถึงเมืองหลวง! ภายในคณะทูตมีราชครูเซียวเซวียนเช่อ องค์หญิงเซียวเม่ยเอ๋อร์ ยังมีนักรบผู้กล้าอันดับหนึ่งของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเหยลวี่เกอ ยังมีทหารม้ามากความสามารถของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนืออีกหลายร้อยคน รับผิดชอบคุ้มกันพ่ะย่ะค่ะ!”ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมีสองสกุลใหญ่เย่ลู่คือตระกูลสูงศักดิ์เซียวคือเชื้อพระวงศ์ราชครูเซียวเซวียนเช่อ ก็เป็นเชื้อพระวงศ์เฉกเช่นเดียวกัน!ฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้ว เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ราชครูและนักรบผู้กล้าอันดับหนึ่งของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมาต้าเซี่ย เราไม่แปลกใจ แต่เหตุใดองค์หญิงเซียวเม่ยเอ๋อร์ถึงมาด้วยเล่า?”ตู้เหวินยวนส่ายหน้า “กระหม่อมไม่ทราบ! แต่ ในเมื่อชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือส่งเชื้อพระวงศ์มา พวกเราก็ต้องจัดส่งเชื้อพระวงศ์ไปต้อนรับ อย่างเป็นทางการพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู
ส่วนอีกหนึ่งคนก็คือเซียวเม่ยเอ๋อร์องค์หญิงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนางนั่งอยู่ในรถม้าที่หรูหรา สวมชุดกระโปรงหนังสั้นในแบบของโม่เป่ย เผยผิวขาวเนียนส่วนใหญ่บนขาเรียวยาวทั้งสองข้างของนาง งดงามราวกับเสือดาวสาวที่เต็มไปด้วยความดุร้ายใบหน้ารูปไข่ที่งดงามของนาง ดวงตาสีฟ้า และรอยยิ้มมีเสน่ห์ที่ดึงดูดใจผู้คน ประกอบกับรูปร่างที่เผ็ดร้อนเย้ายวนนั้น มีเพียงคำว่าปีศาจที่จะสามารถอธิบายได้!ส่วนเหยลวี่เกอนักรบผู้กล้าหาญคนแรกของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ เป็นชายร่างสูงใหญ่ สูงประมาณสองร้อยหมี่ มีกล้ามเป็นมัดๆ ผมหนา เหมือนหมีดำตัวใหญ่ ขี่ม้าตัวใหญ่และสูง เดินตามอยู่ข้างๆ เซียวเม่ยเอ๋อร์“ฮี่ๆ...”เซียวเม่ยเอ๋อร์มองเมืองหลวงในระยะไกล พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน “ท่านราชครู นี่คือเมืองหลวงของต้าเซี่ยหรือ ช่างเป็นเมืองที่งดงามจริงๆ เมื่อไหร่พวกเราจะยึดครองที่นี่ได้?”เซียวเซวียนเช่อยิ้มบาง “องค์หญิง อย่ารีบร้อน! จงหยวน มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ เป็นถิ่นกำเนิดของอัจฉริยะบุรุษมากมาย ไม่อาจมองข้ามได้ พวกเราอย่ารีบร้อนเกินไป ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเถอะ!”เซียวเม่ยเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกาย “ข้าได้ยินมาว่าฮ่องเต้ต้า
เมื่อองค์ชายสี่หลี่จือเห็นคณะทูตจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมาถึง เขาก็รีบลงจากม้าแล้วนำขุนนางกรมธรรมการกลุ่มหนึ่งไปทักทายพวกเขาอย่างรวดเร็ว “หลี่จือ องค์ชายสี่แห่งต้าเซี่ยได้รับคำสั่งให้มาต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกคนจากแดนไกล...”เซียวเม่ยเอ๋อร์เปิดม่าน เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามไม่มีใครเทียบได้ “ขอบพระทัยเพคะ องค์ชายสี่”หลี่จือตะลึงงันไปทันที!ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นสตรีที่งดงามมาก่อนแต่สตรีที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล มีความดุร้ายอย่างเซียวเม่ยเอ๋อร์นั้นหาได้ยากมากในต้าเซี่ยเมื่อเซียวเม่ยเอ๋อร์เห็นท่าทีของหลี่จือ นางก็เยาะเย้ยทันที “บุรุษจากต้าเซี่ยก็คงไม่มีอะไรไปมากกว่านี้แล้ว! ช่างน่าเบื่อจริงๆ...”นักล่าจะรู้สึกเบื่อหน่ายกับเหยื่อที่ได้มาง่ายเกินไปจู่ๆ ใบหน้าของหลี่จือก็แดงเรื่อ เขาพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียวเซียวเม่ยเอ๋อร์มองไปที่หลี่หลงหลิน หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เขาเป็นใคร? กล้าเมินต่อข้า! ช่างน่าสนใจดี...”หลี่จือรีบพูดว่า “เขาคือองค์ชายเก้า หลี่หลงหลิน...”จู่ๆ เซียวเม่ยเอ๋อร์ก็เข้าใจ “อ่อ เขาเป็นองค์ชายเก้าที่ไม่ได้เรื่องผู้นั้นน่ะหรือ! ข้าเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง!”ห
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค