หลี่หลงหลินเห็นหลินกุ้ยเฟยและซูเฟิ่งหลิงตกใจจนใบหน้าเผือดซีด รู้ตัวว่าตนเองเสียสติไป รีบอธิบาย “เสด็จแม่ ท่านชอบปลูกดอกไม้ที่สุด รู้จักสิ่งนี้หรือไม่?”หลินกุ้ยเฟยเดินเข้ามาเพ่งพิศอยู่นาน ตอบตามสัตย์จริง “ไม่รู้จัก!”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “นี่คือของเทพจากโพ้นทะเล ชื่อว่ามันเทศ!”หลินกุ้ยเฟยขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ “ของเทพ? หรือหลังกินเข้าไปแล้ว สามารถทำให้คนเป็นอมตะได้?”หลี่หลงหลินส่ายหน้า พูดยิ้มๆ “กลับไม่เป็นเช่นนั้น! แต่ มันสามารถทำให้บ้านเมืองกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง!”หลินกุ้ยเฟยและซูเฟิ่งหลิงได้ยิน ทันใดนั้นหันหน้ามองกันยาอายุวัฒนะทำให้คนเป็นอมตะ พวกนางเคยได้ยินมาก่อนแต่ ยาอายุวัฒนะทำให้บ้านเมืองกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง กลับไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆหลินกุ้ยเฟยถอนหายใจ หันหน้าพูดกับซูเฟิ่งหลิง “เขาเมาแล้ว! พูดเหลวไหล! ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว เจ้าส่งสามีเจ้ากลับไปเถอะ!”สามี?ซูเฟิ่งหลิงได้ยินคำเรียกขานนี้ ตกตะลึงเหม่อไปหลินกุ้ยเฟยถามอย่างแปลกใจ “มีอะไรไม่ถูกหรือ?”ฝ่าบาทพระราชทานงานสมรส วันแต่งงานก็ถูกกำหนดแล้วแม้ซูเฟิ่งหลิงยังไม่แต่งเข้าบ้าน แต่นางกำนัลขันทีล้วนเรียกนางว่าพระ
สายตาหลี่หลงหลินจับจ้องโจ๊กในมือซูเฟิ่งหลิง พูดเสียงสั่น “เจ้าคงมิได้...เอามันเทศไปต้มโจ๊กกระมัง?”วันปกติ ล้วนเป็นหลี่หลงหลินแกล้งซูเฟิ่งหลิง นั่นนางก็หาทางทำให้อารมณ์ดีพบแล้วซูเฟิ่งหลิงเห็นท่าทางตกตะลึงพรึงเพริดของหลี่หลงหลิน ทันใดนั้นนึกสนุกขึ้นมา “ใช่แล้ว! ท่านมิใช่พูดว่า มันเทศนั้นคือยาอายุวัฒนะอะไรหรอกหรือ? ข้าช่วยท่านต้มโจ๊ก ดูๆ ท่าน ตกลงจะมีชีวิตอมตะจริงหรือไม่!”เพียะ!หลี่หลงหลินโมโหมาก ปัดโจ๊กในมือซูเฟิ่งหลิงจนตกลงพื้น ตะคอกออกมา “หญิงฟุ่มเฟือย! นั่นคือมันเทศเชียวนะ ของเทพที่สามารถช่วยราษฎร์ต้าเซี่ยได้หลายร้อยล้านคน!”“เจ้ากลับทำลายลงเช่นนี้...”ซูเฟิ่งหลิงอึ้งงันอยู่กับที่ สีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดเดิมทีนางคิดว่า เมื่อวานหลี่หลงหลินเมาสุรา พูดเหลวไหลก็เท่านั้นคิดไม่ถึงจะโกรธมากเพียงนี้!หรือว่ามันเทศนั้น จะเป็นของเทพจริง?หากเป็นก่อนหน้านี้ ซูเฟิ่งหลิงไม่มีวันเชื่อพืชที่ไม่รู้จักหนึ่งอัน สามารถช่วยชีวิตคนนับร้อยล้านได้กระนั้นรึ?นี่ไร้สาระเกินไปแล้ว!แต่ หลังผ่านหลายเรื่องไป ซูเฟิ่งหลิงก็เกิดความเชื่อใจบางอย่างต่อหลี่หลงหลิน!ต่อให้คำพูดของเขาเหลือจะเชื่อเยี่
นี่คือมันเทศเพียงหนึ่งเดียว ล้ำค่าอย่างแท้จริง!หลี่หลงหลินมิได้ไปยังภูเขาทิศประจิม แต่ตรงไปยังพื้นที่แห่งหนึ่งบริเวณลานป่าไผ่ของพี่สะใภ้รองกงซูหว่านตอนนี้กงซูหว่านอยู่ที่สถาบันวิจัยภูเขาทิศประจิม กลับมาเป็นครั้งคราวลานป่าไผ่รกร้างอยู่บ้างฝนตกหลายครั้ง ภายในลานเต็มไปด้วยวัชพืชกงซูหว่านมีอุปนิสัยเย็นชา ชอบธรรมชาติ น่าจะไม่ต่อต้านเรื่องการใช้พื้นที่รกร้างนี้“พี่สะใภ้สาม”“นี่คือมันเทศ!”“ท่านอย่ากลืนน้ำลาย ตอนนี้ยังกินไม่ได้...”“พืชชนิดนี้ชอบความแห้งแล้งไม่ชอบน้ำ ท่านอย่ารดน้ำบ่อยไปเล่า!”“ส่วนวิธีเพาะกล้า ง่ายมาก...”หลี่หลงหลินเล่าลักษณะของมันเทศ ไปจนถึงวิธีเพาะกล้า รวมถึงเรื่องสำคัญ บอกซุนชิงไต้ทั้งหมดสำหรับเรื่องกิน แต่ไหนแต่ไรมาซุนชิงไต้จริงจังเสมอนางทำเหมือนที่ผ่านมา หยิบสมุดเล็กๆ บันทึกคำพูดของหลี่หลงหลินลงไปโดยไม่พร่องแม้คำเดียวครั้นมีเวลาว่าง ก็จะหยิบขึ้นมาท่องมิน่าเล่าซุนชิงไต้จึงเป็นหมอเทวดา!หลี่หลงหลินคิดว่าตนเองอยู่ต่อหน้านาง ก็คือนักเรียนเกียจคร้านคนหนึ่ง!มีซุนชิงไต้ช่วยเหลือ หลี่หลงหลินปลูกมันเทศได้อย่างราบรื่นช่วงกลางวัน ซุนชิงไต้ยังไปสอนที่
ซูเฟิ่งหลิงยิ้มอย่างเย็นชา “มันสำคัญกว่าการนัดหมายของเจ้ากับเซียวเซวียนเช่อในเขาทิศประจิมหรือ?”หลี่หลงหลินตะลึงงันเวรเอ๊ย!ในหัวมีแต่มันเทศจนลืมเรื่องเดิมพันของเซียวเซวียนเช่อไปแล้ว!หลี่หลงหลินถามอย่างเร่งรีบ “ยังมีเวลาอีกกี่วัน?”เสียงของซูเฟิ่งหลิงเย็นชา “พรุ่งนี้ก็เป็นวันนัดหมายที่เขาทิศประจิมแล้ว!”หลี่หลงหลินตกใจมาก “วันเดียว? ข้าลืมไปเสียสนิทเลย ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้รองพัฒนาดินปืนเป็นอย่างไรบ้าง?”ซูเฟิ่งหลิงหัวเราะเยาะแล้วกล่าวว่า “พี่สะใภ้รองถามข้าหลายครั้งแล้ว บอกว่าหากเห็นเจ้า ก็ให้เจ้าไปที่สถาบันวิจัยในทันที! น่าเสียดายที่เจ้ามันสารเลว ทำเป็นแกล้งตาย ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไม่พบเจอผู้ใด!”หลี่หลงหลินร้อนใจแล้ว เขาลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปข้างนอกในทันที “ข้าจะไปพบพี่สะใภ้รองที่เขาทิศประจิมเดี๋ยวนี้! เจ้าอยู่ที่นี่ดูแลไร่มันเทศ อย่าได้ทำอะไรให้เกิดความเสียหายล่ะ!”ซูเฟิ่งหลิงเดือดดาลจนกระทืบเท้านี่มันเวลาไหนแล้ว!ยังไม่ลืมเรื่องมันเทศพวกนี้อีก!เจ้าสิ่งนี้ มันมีพลังวิเศษอะไรกันแน่?ยั่วโมโหข้าให้ร้อนใจ ข้าจะทำลายไร่มันเทศของเจ้าให้หมด!ซูเฟิ่งหลิงเดือดดาลอยู่ครู่หนึ่ง คว้
หลี่หลงหลินเขย่าดินโคลนและหินกรวดบนตัวเขาออกไป แล้วยื่นหัวออกจากกำแพงเตี้ยนั้นก้อนหินในที่โล่งถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ!เหลือเพียงหลุมขนาดใหญ่บนพื้น ด้านในนั้นดำมืดและมีรอยไหม้เกรียม“ดินปืนสีดำมีพลังขนาดนั้นเลยหรือ?”หลี่หลงหลินรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขอานุภาพมันรุนแรงเช่นนี้ ก็เพียงพอใช้ประโยชน์ได้แล้วไม่ต้องเสียเวลาคิดค้นดินปืนสีเหลืองอีกต่อไป!กงซูหว่านมองไปที่หลี่หลงหลินด้วยสายตาล้ำลึก “ยังไงก็ต้องขอบคุณองค์ชายเก้าที่ให้แรงบันดาลใจกับข้า ไม่เช่นนั้น ข้าก็ไม่มีทางรู้ ดินปืนสีดำที่บรรพบุรุษคิดค้นขึ้นมานั้นน่ากลัวเพียงใด!”หลี่หลงหลินพูดด้วยความประหลาดใจ “แรงบันดาลใจหรือ?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่! น้ำตาลแดงสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลทรายขาวได้หลังผ่านการกลั่นให้มันบริสุทธิ์ ดังนั้น ข้าจึงคิดว่าดินประสิว กำมะถัน และถ่านที่ใช้ในดินปืนสีดำสามารถนำมากลั่นให้บริสุทธิ์ และเพิ่มอานุภาพได้เหมือนกันหรือไม่”“การทดสอบนี้มันสุดยอดมากๆ พลังเพิ่มขึ้นอย่างมากจริงๆ!”หลี่หลงหลินเข้าใจในทันทีคนโบราณไม่มีแนวคิดเรื่องกลั่นให้บริสุทธิ์หลังจากขุดดินประสิวและกำมะถันออกมาแล้ว ก็นำไปผสมกับถ่านตามส
กงซูหว่านมีสีหน้าสับสนล้อเล่นอะไร!เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบที่อยากจะโกหกก็โกหกได้งั้นหรือ?แม้แต่ปืนไฟที่ง่ายที่สุดก็อาจจะไม่สามารถทำได้ในคืนเดียวแต่หลี่หลงหลินกลับต้องการสร้างอาวุธปืนที่ดีกว่าปืนใหญ่หงอีในคืนเดียวอย่างนั้นหรือ?เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?กงซูหว่านส่ายหัว “องค์ชายเก้า เจ้าอย่าล้อเล่น! นี่เป็นงานที่ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน! วิธีเดียวคือหาวิธีการปรับปรุงพื้นฐานของอาวุธปืนเดิมให้ดีขึ้น!”“แต่อานุภาพของดินปืนสีดำชนิดใหม่นี้น่าทึ่งมาก”“อาวุธปืนในอดีต เหล็กที่ใช้แย่เกินไป ไม่มีทางทนได้ ระเบิดได้ง่ายๆ!”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้รอง เจ้าวางใจเถอะ! ใช้เวลาเพียงแค่คืนเดียวจริงๆ ข้าสามารถสร้างอาวุธสังหารได้ร้อยชิ้นเลยล่ะ!”“...”กงซูหว่านพูดไม่ออกเลยคำพูดของหลี่หลงหลิน ยิ่งดูไร้สาระ และยิ่งเกินจริง!จะทำอาวุธสังหารหนึ่งชิ้นภายในหนึ่งคืน ช่างไร้สาระจริงๆ!อาวุธสังหารหนึ่งร้อยชิ้นหรือ? นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรือ?ในฐานะลูกหลานของหลู่ปัน กงซูหว่านไม่ได้รู้สึกแปลกหน้ากับอาวุธปืนจริงๆ แล้วหลังจากที่ดินปืนสีดำตัวใหม่ทำออกมา กงซูหว่านก็เอาแต่คิดห
กงซูหว่านจ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน แทบจะทรมานจากความโง่เขลาแล้วนางชอบคนฉลาดยอมทะเลาะกับคนฉลาด ดีกว่าพูดคุยกับคนโง่เขลาเดิมทีตามความเห็นของกงซูหว่าน หลี่หลงหลินเป็นคนที่ฉลาดมากไม่ใช่เพราะหลี่หลงหลินเป็นนักกวีแห่งต้าเซี่ยที่มีความรู้และความสามารถมากมายพูดตามตรงในใต้หล้านี้มีคนมากมายที่เขียนบทความได้!ปราชญ์มหาสำนักคนใดในสำนักฮั่นหลินที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนบ้าง?พวกเขาล้วนเป็นคนฉลาดหรือ?ไม่แน่นอน!ในความคิดของกงซูหว่าน ไม่ว่าบทความของพวกเขาจะดีแค่ไหน ไม่ว่าตำแหน่งขุนนางจะสูงแค่ไหน พวกเขาก็เป็นเพียงบัณฑิตอวดรู้!มีเพียงผู้ที่คิดค้นสร้างสรรค์ ผลักดันสังคมให้ก้าวหน้าเท่านั้น ถึงจะคู่ควรกับคำว่าฉลาดตัวอย่างเช่นหลี่หลงหลิน!กงซูหว่านชื่นชมหลี่หลงหลินมาโดยตลอด หรือกระทั่งพูดได้ว่าเลื่อมใสจนกระทั่งหลี่หลงหลินได้ก้าวเข้ามาในอาณาเขตที่นางเชี่ยวชาญที่สุด!นั่นก็คืออาวุธปืน!โดยเฉพาะปืนไร้มโนธรรมนี้ ได้ล้มล้างทัศนคติต่อโลกของกงซูหว่านไปโดยสิ้นเชิงกงซูหว่านไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าถังเหล็กธรรมดาๆ นี้จะเป็นอาวุธทรงพลังที่สามารถเอาชนะปืนใหญ่หงอีได้!กระทั่งกงซูหว่
ฮ่องเต้หวู่เพิ่งจะตื่นบรรทม เสวยพระกายหารเช้าแล้ว ก็โบกมือเรียกเว่ยซวิน “สหาย หากข้าจำไม่ผิด วันนี้เป็นวันนัดหมายระหว่างเจ้าเก้ากับเซียวเซวียนเช่อที่เขาทิศประจิมใช่หรือไม่?”เว่ยซวินยิ้มแป้น “ฝ่าบาท พระองค์ทรงมีความทรงจำที่ดีจริงๆ เช้าตรู่วันนี้ คณะทูตจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกำลังมุ่งหน้าไปที่เขาทิศประจิม! นอกจากนี้ยังมีขุนนางใหญ่และผู้สูงศักดิ์จำนวนไม่น้อยก็ไปที่เขาทิศประจิมเพื่อชมความตื่นเต้นเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทอยากเสด็จหรือไม่...”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ถ้าเจ้าเก้าชนะ! ข้าก็ต้องไปแน่! กลัวก็แต่ว่าเจ้าเก้าจะแพ้ ข้าคงจะอับอายขายหน้าไม่น้อย...”เขาอยากไปเขาทิศประจิมจริงๆ เพื่อเห็นด้วยตาตัวเองว่าอาวุธปืนที่หลี่หลงหลินทำออกมานั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อคืนฮ่องเต้หวู่นอนไม่หลับ รู้สึกเหมือนมีมดไต่ไปทั่วร่างกายแต่ฮ่องเต้หวู่กลัวว่าหลี่หลงหลินจะพ่ายแพ้ให้กับ เซียวเซวียนเช่อชั่วขณะนั้นก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกฮ่องเต้หวู่มองไปที่เว่ยซวิน“จางอี้ รองผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมาจากเขาทิศประจิม! เขาไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลยหรือ? อาวุธนี้ของเจ้าเก้าจะทำออกมาอย
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค