เหยลวี่เกออยู่ต้าเซี่ยมาหลายวันแล้วเขามีเพียงความรู้สึกเดียวเท่านั้นก็คืออัดอั้น!มันอัดอั้นมากเกินไป!กับพวกต้าเซี่ยที่อ่อนแอไร้ประสบการณ์เหล่านี้ มีอะไรให้น่าเสวนาด้วย?ฆ่าเสียก็สิ้นเรื่อง!ฆ่าบั่นคอให้หลุดจากบ่า!ฆ่าจนเลือดไหลเป็นแม่น้ำ!ฆ่ากันแคว้นพังพินาศ!แต่ราชครูกลับบอกว่าต้องการเจรจาต่อรองกับต้าเซี่ย!องค์หญิงเซียวเม่ยเอ๋อร์ กลับต้องให้องค์ชายเป็นราชบุตรเขย!ทำไมกัน?นางคิดว่าร่างกายของชายชาวชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือไม่แข็งแกร่งกำยำพอหรือ?สรุปแล้ว เหยลวี่เกออัดอั้นมาก รู้สึกคับอกคับใจมาก ไม่พอใจเป็นอย่างมาก!เขารู้สึกว่าถ้าเขาไม่ฆ่าใครสักคน เพื่อระบายความโกรธนี้ออกไป ก็อาจจะเป็นบ้าได้!ในที่สุด เหยลวี่เกอก็ได้มีโอกาสแล้ว!“องค์ชายเก้า!”“เจ้าท้าทายทหารม้าเหล็กชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหรือ?”“ในเมื่อเจ้าอยากจะรนหาที่ตายเองเช่นนี้ ก็อย่าได้ตำหนิข้าแล้วกัน!”เหยลวี่เกอกำหมัดทั้งสองข้างเอาไว้แน่น กระดูกทั่วร่างกายก็ส่งเสียงลั่นออกมาทำให้คนรู้สึกขนหัวลุก จิตสังหารก็เดือดพล่านเมื่อเห็นว่าเหยลวี่เกอมั่นใจ เซียวเซวียนเช่อก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “ในเมื่
เว่ยซวินกังวลมาก อดไม่ได้ที่บ่น “องค์ชายเก้า ในเมื่อท่านจะแข่งขันด้วยอาวุธปืน เช่นนั้นก็แข่งให้ดีๆ! ไยต้องไปแข่งขันกับทหารม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือด้วย!”“นี่ท่านไม่รู้หรือว่า สิ่งที่ทรงพลังที่สุดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนั้นก็คือทหารม้า!”“เฮ้อ ยังหนุ่ม แต่ก็ต้องเสียเปรียบเพราะขาดประสบการณ์แท้ๆ!”หลี่หลงหลินติดอยู่ในวังวนของความสงสัย แต่สีหน้าของเขายังคงสงบ เขามองไปที่ทหารม้าหุ้มเกราะร้อยนายของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพร้อมกับยิ้มเยาะ พูดแสดงความคิดเห็น “นี่คือทหารม้าหุ้มเกราะที่มีชื่อเสียงทั่วใต้หล้าหรือ?”“ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ!”“ถ้าต้าเซี่ยมีทหารม้าแบบนี้ เกรงว่าคงจะสามารถกวาดล้างใต้หล้าได้เลยกระมัง!”เซียวเซวียนเช่อยิ้มอย่างเย็นชา พูดเย้ยหยันว่า “องค์ชายเก้า หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว! รีบส่งคนออกมาสู้เถอะ ดาบใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแทบจะรอดื่มเลือดไม่ไหวแล้ว!”“ฮ่าๆๆ...”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือที่นำโดยเหยลวี่เกอต่างก็เงยหน้าขึ้นท้องฟ้าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยองค์ชายเก้า เมื่อครู่นี้มิใช่ว่าเจ้าโ
เมื่อหลี่หลงหลินมีเหตุผลจึงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาขอม้าศึกของเซียวเซวียนเช่ออีกครั้ง“เด็กเวร!”ใบหน้าของเซียวเซวียนเช่อก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาราชครูของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือผู้นี้ แม้แต่ฝันก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าม้าศึกเพียงร้อยตัวจะสามารถทำให้เขาไม่อาจลงจากหลังเสือได้ เกือบจะถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง!เซียวเม่ยเอ๋อร์เริ่มหงุดหงิดแล้ว “ท่านราชครู เจ้าจะชักช้าไปไย! ก็แค่ม้าศึกไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น ก็ถือเสียว่าไล่ขอทาน ให้เขาไปก็สิ้นเรื่อง!”เซียวเซวียนเช่อตกตะลึง “ถ้าไม่มีม้า แล้วจะสู้กับกองทัพทหารใหม่ขอตระกูลซูได้อย่างไร?”เมื่อครู่ก็เพิ่งจะเยาะเย้ยไปว่าต้าเซี่ยไม่มีม้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับกรรมตามสนองเร็วขนาดนี้เซียวเม่ยเอ๋อร์กำหมัดแน่น “ไม่มีม้าแล้วจะอย่างไร? ก็สู้ด้วยการเดินสิ นักรบชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะไม่แพ้ต้าเซี่ยแน่นอน!”เซียวเซวียนเช่อมองไปที่เหยลวี่เกอแล้วพูดว่า “แม่ทัพเหยลวี่ ถ้าต่อสู้ด้วยการเดิน เจ้ามั่นใจเพียงใด?”เหยลวี่เกอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ถ้าเป็นการต่อสู้ด้วยการเดิน อย่างน้อยก็เก้าส่วนขอรับ!”คำพูดนี้พูดด้วย
เซียวเม่ยเอ๋อร์ไม่ตอบ นางใช้เรียวเล็บยาวของหัวแม่มือขวา กรีดลากผ่านลำคอ! เชือดคอ! เซียวเม่ยเอ๋อร์สั่งเหยลวี่เกอให้ฆ่าซูเฟิ่งหลิงโดยไม่ต้องใจอ่อน! เหยลวี่เกอพยักหน้า แล้วหันไปมองซูเฟิ่งหลิง ดวงตาส่องประกายเจตนาฆ่าที่กำลังคุกรุ่น: "พระชายา ลงจากม้าเถอะ! ข้าจะประลองกับเจ้าสักครั้ง!" หลี่หลงหลินหัวเราะอย่างเย็นชา: "ลงจากม้าหรือ? ในสนามรบนี้ใครไปจะสู้กับพวกไร้ม้ากัน?" พวกไร้ม้าหรือ? เมื่อได้ยินคำเหน็บแนมของหลี่หลงหลิน ทุกคนในสนามต่างก็หัวเราะกันอย่างครื้นเครง ฮ่องเต้าหวู่ถึงกับหัวเราะจนน้ำตาไหล: "เจ้าเก้า ด่าได้ดีจริงๆ!" ส่วนเซียวเม่ยเอ๋อร์และเซียวเซวียนเช่อมีสีหน้าเคร่งเครียด ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธ พวกเขาแอบสาบานในใจว่า หากมีโอกาส จะต้องหั่นหลี่หลงหลินให้เป็นชิ้นๆ! เหยลวี่เกอหน้าดำคร่ำเครียด: "ไม่ยอมลงจากม้ารึ? ได้! แค่ให้เจ้าขี่ม้าแล้วจะสักแค่ไหนเชียว! อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่แล้ว! จู่โจม! ฆ่านางซะ!" ฮูลา ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา ล้อมไว้เป็นครึ่งวงกลม และให้ซูเฟิ่งหลิงอยู่ตรงกลาง ซูเฟิ่งหลิ
หลังจากตีกลอง และสั่งถอยทัพแล้ว ซูเฟิ่งหลิงก็นำทหารม้าต้าเซี่ยถอยกลับไปยังข้างนอกลานฝึก ทุกคนไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ฝุ่นควันค่อยๆ สลายไป ฮ่องเต้หวู่มองไปยังกลางลานฝึก เหยลวี่เกอและทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ นอนกองอยู่บนพื้น เลือดสาดกระจายเต็มพื้น ภาพนั้นช่างน่าอนาถ! เซียวเซวียนเช่อหน้าซีดเผือด รีบสั่งให้คนยกทหารที่บาดเจ็บกลับไป เพื่อทำการรักษา ซูเฟิ่งหลิงลงมืออย่างรู้จักประมาณการ มีคนเจ็บจำนวนมาก และแทบทุกคนได้รับบาดเจ็บ แม้แต่เหยลวี่เกอยังถูกม้าเหยียบจนขาหักไปข้างหนึ่ง ร้องโหยหวนเหมือนถูกเชือด แต่ก็ยังไม่มีใครต้องสละชีวิตเลย! นี่ก็เป็นคำสั่งของหลี่หลงหลิน การทำให้ชาวหมานตายไปง่ายๆ นั้น คงง่ายเกินไปสำหรับพวกเขา! ต้องทำเหมือนแมวเล่นกับหนู ค่อยๆ แกล้งพวกเขาไป! ซูเฟิ่งหลิงลงจากคู่ใจ สาวเท้าอย่างรวดเร็วไปยังเบื้องหน้าฮ่องเต้หวู่ ประสานมือคำนับ: "ฝ่าบาท!" ฮ่องเต้หวู่ยิ้มอย่างชื่นชม พร้อมกล่าวชมเชย: "ทำได้ดีมาก!" ฮูหยินผู้เฒ่าซูจับมือซูเฟิ่งหลิงไว้ด้วยความเป็นห่วง: "เด็กดี เจ้าไม่ได้บาดเจ็บใช่หรือไม่?" ซูเฟิ่งหลิ
เดี๋ยวก่อนนะ ตนต้องหลบให้ห่างไว้ หลีกเลี่ยงการต้องโดนลูกหลง! ในใจเว่ยซวิน เองก็แอบหวาดหวั่น จึงเอ่ยกับฮ่องเต้าหวู่ด้วยเสียงเบา: “ฝ่าบาท หรือเราจะถอยออกไปไกลๆ สักหน่อย…” ฮ่องเต้าหวู่หัวเราะอย่างเย็นชา แล้วตอบว่า: “ยังไม่ได้เห็นอาวุธปืนของหลี่หลงหลินเลย จะกลัวอะไร?”ความหมายก็คือ ค่อยดูอาวุธปืนที่หลี่หลงหลินสร้างขึ้นก่อนค่อยว่ากันถ้าดูแล้วไม่น่าเชื่อถือจริงๆ เช่นนั้นก็ต้องถอยออกไปไกลๆหน่อย ถ้าเกิดระเบิดขึ้นมา คงได้น่ากลัวแน่! หลี่หลงหลินมองไปยังเซียวเซวียนเช่อ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “ท่านราชครู ท่านคิดผิดแล้ว! ประสิทธิภาพของสถาบันวิจัยภูเขาประจิม ไม่ใช่สิ่งที่หมานอี๋จะจินตนาการได้! อย่าว่าแต่ถังเหล็กหนึ่งถังเลย ร้อยถังแล้วจะเป็นไรไป?” “คนมานี่หน่อย!” “นำปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหามา!” สิ้นคำสั่ง กงซูหว่านในชุดสีดำ ใบหน้าเย็นชา นำช่างฝีมือกลุ่มหนึ่ง เข็นรถเข็นไม้หลายคันเข้ามา บนรถเข็นเต็มไปด้วยวัตถุทรงกลมๆ ที่แท้ก็เป็นถังเหล็กจริงๆ! ขนาดของมันใหญ่กว่าถังเหล็กทั่วไปเล็กน้อย ผนังถังบางมาก ซึ่งมีความหนาประมาณนิ้วเดียวเท่านั้น ทุกคนต่างก็ตกตะล
เซียวเม่ยเอ๋อร์เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิ ดวงตาสวยจ้องมองที่หลี่หลงหลิน พร้อมกับเยาะเย้ยถากถาง: “องค์ชายเก้า ท่านแพ้แน่นอน! แค่ของเล่นพวกนี้ จะไปสู้กับปืนใหญ่หงอีได้ยังไง!” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเหยียดๆ สีหน้าไม่แยแส: “โอ้? องค์หญิงช่างมั่นใจจริงๆ! งั้นกล้าเดิมพันกับข้าสักครั้งหรือไม่?” เดิมพัน? เซียวเม่ยเอ๋อร์ชะงักไป ก่อนจะเลียริมฝีปากแดงแล้วพูดว่า: “เดิมพันยังไง?” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเยือกเย็น: “ถ้าข้าแพ้ ข้าจะเป็นสวามีของท่าน และเป็นข้ารับใช้ของท่านไปตลอดชีวิต! แต่ถ้าท่านแพ้ ต้องให้กองทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือออกจากชายแดนเขตเหนือทันที!” เซียวเม่ยเอ๋อร์หยุดหายใจไปชั่วขณะ การเดิมพันนี้น่าสนใจจริงๆ! และในสายตาของนาง ย่อมต้องชนะแน่นอนไม่มีทางแพ้! “ตกลง...” เซียวเม่ยเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจตอบตกลง แต่เซียวเซวียนเช่อเห็นท่าทางของนางก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบพูดขัดขึ้นจังหวะ: “องค์หญิง รอเดี๋ยว! พลาดครั้งหนึ่ง ได้บทเรียนแล้ว! ข้าเคยเดิมพันกับองค์ชายเก้า ผลลัพธ์คือพ่ายแพ้ยับเยิน! ต้องระวังให้ดี อาจมีเล่ห์เหลี่ยม!” เคยถูกงูกัดครั้งห
หรือว่าเหมือนกับหลักการของน้ำตาลทรายขาว ที่เมื่อดินปืนดำถูกกลั่นกรองเพิ่มเติม ก็จะกลายเป็นดินปืนเหลืองที่มีพลังทำลายแรงขึ้น? กงซูหว่านรู้สึกเหมือนความรู้ที่นางมีถูกพลิกกลับไปหมด! ในขณะเดียวกัน นางกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก สำหรับคนที่มีความอยากรู้อยากเห็นอย่างนางแล้วนั้น สิ่งที่ไม่รู้จักย่อมมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างรุนแรง ทำให้คนอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่สามารถหยุดได้! กงซูหว่านจึงถามขึ้นว่า: “แต่ว่า ถ้าจะใส่ดินปืนเยอะขนาดนี้ มันจะไม่ทำให้ปืนแตกจริงๆหรือ?” ผนังของถังเหล็กบางเกินไป การที่ปืนแตกคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลี่หลงหลินส่ายหัวและอธิบายว่า: “ถังเหล็กพอจะหนาพอสมควร หากฝังมันในดินและตั้งมุมให้ถูกต้อง ปืนจะไม่แตก! และที่ทำแบบนี้ ก็เพราะว่าเราต้องการให้ดินปืนระเบิดออกไป!” หลี่หลงหลินอธิบายหลักการของปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหาให้กงซูหว่านฟัง ในขณะที่กงซูหว่านก็สนใจเรื่องอาวุธปืนไม่น้อย อีกด้านหนึ่ง ในอนาคตการประดิษฐ์อาวุธปืนอื่นๆ ก็ต้องอาศัยความสามารถของกงซูหว่านด้วย ด้วยความฉลาดของกงซูหว่านเมื่อเข้าใจหลักการแล้ว นางคงสามารถประดิษฐ์อาวุธปืนที่มี
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค