หนิงชิงโหวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุรา เขาไม่ได้ดื่มสุราแบบรวดเดียวหมด เขายกถ้วยสุราขึ้นมา สูดกลิ่นที่ปลายจมูกก่อน “หอมมาก!” หนิงชิงโหวกล่าวชม “กลิ่นหอมของสุรานี้เทียบได้กับสุราเทพเมามายของสำนักการสังคีตเลย! ไม่สิ กลิ่นนี้หอมและเข้มข้นยิ่งกว่าสุราเทพเมามายอีก!” กงซูหว่านกลับใช้แขนเสื้อปิดจมูก พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมองว่าสุราทำให้เส้นประสาทชาและบั่นทอนสติสัมปชัญญะ นางจึงแทบไม่ดื่มสุรา กลิ่นของเหล้าขาวสำหรับนางนั้น ฉุนจนทนไม่ได้ ซุนชิงไต้กลับไม่มีปัญหาอะไร เพราะนางมักต้มยาสมุนไพรบ่อย ๆ ซึ่งกลิ่นสมุนไพรนั้นฉุนยิ่งกว่าสุรา หนิงชิงโหวเมื่อดมกลิ่นเสร็จ เขาก็อดใจไม่ไหว ดื่มสุราจากถ้วยจนหมดในรวดเดียว “สุราดี!” สุรารสชาติเช่นนี้เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ใบหน้าของเขาแดงก่ำทันที ขนลุกซุ่ไปทั้วทั้งร่าง เขาถึงกับกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น เหล้าข้าวทั่วไปมีฤทธิ์เมาพอ ๆ กับเบียร์ คนที่ดื่มเหล้าได้ ดื่มแปดชามสิบชามก็ไม่เมา แต่สุรากลั่นมีฤทธิ์เมาสูงกว่าเหล้าข้าวสิบเท่า แม้แต่คนดื่มเก่งอย่างหนิงชิงโหว เพียงถ้วยเดียวก็รู้สึกมึนเมาราวกับลอยละล่องขึ้นไปบนฟ้า “เหล้ารสช
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่หลงหลินตัดสินใจจะทำสุราแล้ว เขาย่อมวางแผนการขายไว้ล่วงหน้าแล้ว สุราหอมกลิ่นดีแต่กลัวซอยลึก? ไม่มีทางเป็นไปได้! หลี่หลงหลินโอบไหล่หนิงชิงโหว พลางพูดด้วยรอยว่า “บัณฑิต! เรื่องดื่มสุรา ข้าไม่ถนัด แต่เรื่องค้าขาย ท่านก็ไม่ถนัด!” หนิงชิงโหวฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจ “องค์ชายเก้า ท่านมีวิธีแล้วหรือ? หรือว่า...เป็นวิธีเดิม...” วิธีเดิมที่เขาหมายถึง คือวิธีที่หลี่หลงหลินใช้ตอนขายน้ำหอมดอกไม้ เริ่มต้นจากการส่งไปยังวังหลวงให้เหล่าสนมทดลองใช้ เพียงแค่ทำให้เป็นที่นิยมในวังหลวง จากนั้นก็จะมีคนเลียนแบบมากมายดุจปลาตะเพียนข้ามแม่น้ำ แต่หลี่หลงหลินส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน “วิธีเดิม ใช้ครั้งนี้ไม่ได้ผล” หนิงชิงโหวได้ยินก็ประหลาดใจยิ่งขึ้น “ทำไมล่ะ?” หลี่หลงหลินอธิบายว่า “สุรานั้น! มีคนที่หลงใหลคลั่งไคล้ แต่ก็มีคนที่เกลียดเหมือนยาพิษ ความแตกต่างในรสนิยมนั้นใหญ่กว่า! แม้แต่เสด็จพ่อของข้าเอง ก็ไม่ได้โปรดปรานสุรานัก!”“ “ขุนนางทั้งหลายก็เช่นกัน ดื่มสุราเพียงเพื่อสร้างความสนุก ใช้เจรจากิจการงานต่างๆ หรือผูกสัมพันธ์เท่านั้น!” “ในราชสำนัก คนที่นับว่าเป็นคอส
มีเพียงซุนชิงไต้ที่กำลังอยู่ในครัว มือถือชามข้าว กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย “พี่สะใภ้สาม องค์ชายเก้าหายไปไหน?” ซูเฟิ่งหลิงถามขึ้น “เขาไม่ได้กลับมาพร้อมพี่หรือ?” ซุนชิงไต้ตอบแบบไม่ชัดเพราะกำลังเคี้ยวข้าว “อ๋อ เขาไปขายสุรากับบัณฑิตหนิง บอกว่าคืนนี้อาจจะไม่กลับมา!” ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วแน่น”คืนนี้ไม่กลับมา?” ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีเพื่อนจอมเจ้าเล่ห์อย่างบัณฑิตหนิงแล้ว คำตอบมันก็แทบจะชัดเจนอยู่แล้ว! ซูเฟิ่งหลิงโกรธจนตัวสั่น “ไอ้สองตัวสารเลวนี้! อย่าบอกนะว่าแอบไปมั่วที่สำนักการสังคีต!” ซุนชิงไต้ประหลาดใจ “น้องสาว เจ้าฉลาดเหมือนพี่สะใภ้รองเลย! พี่สะใภ้รองก็พูดว่าองค์ชายเก้ากับบัณฑิตหนิงต้องไปสำนักการสังคีตแน่ ๆ! มีแต่ข้าที่โง่ ไม่ทันคิดเลย!” ซูเฟิ่งหลิงโมโหถึงขั้นหยิบหอกเงินขึ้นมา “สันดานเสียแก้ไม่หายจริง ๆ! ข้าจะไปที่สำนักการสังคีตเดี๋ยวนี้ แล้วเจาะรูบนตัวของไอ้จอมเจ้าชู้นั่นให้พรุน!” ซุนชิงไต้ตกใจจนหน้าซีดเผือด นางเป็นคนไร้เล่ห์เหลี่ยม ไม่เข้าใจเรื่องของชายหญิงเลย ไม่คาดคิดว่าเพียงคำพูดไม่กี่คำของตนเอง จะทำให้ซูเฟิ
สำหรับหนิงชิงโหวแล้ว สำนักการสังคีตก็เหมือนบ้านของเขา ทันทีที่ก้าวเข้ามา แม่เล้าแห่งหอนางโลมผู้ยังคงดูมีเสน่ห์แม้อายุเริ่มมากก็เดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า “บัณฑิตหนิง มาแล้วหรือ! วันนี้จะดื่มเหล้าอะไรดีเจ้าคะ แล้วอยากพบยอดคณิกาคนไหนหรือเปล่า? หนิงชิงโหวหัวเราะ “ให้คนขนเหล้าที่อยู่บนรถม้าของข้าลงมา! เหล้านี่ล้ำค่ามาก หากทำแตกไปแม้แต่ไหเดียว เจ้าจะต้องขายทรัพย์สินจนหมดตัวเพื่อชดใช้แน่นอน! แล้วก็เรียกยอดคณิกาทั้งเจ็ดมาที่นี่ด้วย!” ยอดคณิกาของสำนักการสังคีต เดิมทีมีเพียงหลิ่วหรูเยียนคนเดียว แต่หลังจากที่หลิ่วหรูเยียนไถ่ตัวออกไปใช้ชีวิตเรียบง่าย คนอื่น ๆ จึงได้เผยตัวขึ้นมา และกลายเป็นยอดคณิกาคนใหม่ทั้งเจ็ด อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหลิ่วหรูเยียนที่เชี่ยวชาญทั้งดนตรี หมากล้อม การเขียน และการวาดภาพ อีกทั้งยังมีความงามเป็นเลิศ ยอดคณิกาทั้งเจ็ดนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบขนาดนั้น บางคนเก่งการเต้น บางคนเล่นดนตรีได้ดี บางคนเชี่ยวชาญบทกวีและเพลง บางคนมีเสียงร้องที่ไพเราะ... รูปแบบแตกต่างกันไป มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ปกติหนิงชิงโหวจะเลือกนางคณิกาเพียงคนเดียวมาร่วมดื่ม แต่ว
คนผู้นี้สวมชุดขาว ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วกระบี่ดวงตาทอประกาย แบกทวนเงินไว้บนหลัง ท่วงท่าองอาจสง่างามเหล่านางคณิกาได้เห็น อุทานอย่างตกตะลึง “ก็คือชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง!”“ใช่นักท่องยุทธภพหรือไม่?”“หากไม่มีกลิ่นอายองอาจผ่าเผย ยังคิดว่าเป็นสตรีเสียอีกนะ!”เหล่านางคณิกาเคยพบคนมานับไม่ถ้วน ชายหนุ่มรูปงามองอาจผ่าเผย พวกนางเคยพบเห็นมามากมายยกตัวอย่างเช่นหนิงชิงโหวและหลี่หลงหลิน ทั้งคู่หล่อเหลามากนักแต่ ชายหนุ่มชุดขาวตรงหน้า มิใช่หล่อเหลา แต่มีเสน่ห์ชวนตกตะลึง!หลี่หลงหลินและหนิงชิงโหวได้พบคนผู้นี้ ใบหน้าเขียวแล้วหนิงชิงโหวลุกขึ้นเดินหนีไปในทันที “ข้าไปเข้าห้องปลดทุกข์...”หลี่หลงหลินได้เห็นชายหนุ่มตรงหน้า คล้ายถูกคนจับชู้ได้คาเตียงไม่!ไม่ใช่คล้าย!แต่เป็นถูกจับชู้ได้คาเตียงจริงๆ!เพราะชายหนุ่มสวมชุดขาวสง่างามสะดุดตาคนนี้ ก็คือซูเฟิ่งหลิงแต่งกายเป็นชายทันใดนั้นบรรยากาศตึงเครียดอย่างถึงที่สุด อากาศคล้ายหยุดนิ่งแม่เล้าพาอันธพาลสองสามคน วิ่งเข้ามาพลางหอบหายใจ ทำลายความสงบนี้ “องค์ชาย! เขาจะบุกเข้ามาให้ได้ ข้าห้ามก็ห้ามไม่ไหว! ท่านรอสักครู่ ข้าจะไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้เลย...”
หรือพูดอีกอย่างซูเฟิ่งหลิงประชดประชัน มาที่นี่ก็เพื่อหาเรื่องหากตนเองไม่ตอบโต้ ผ่านสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ไปให้ได้ ก็จะยังสามารถรักษาชื่อเสียงเอาไว้ได้!ดังนั้น หลี่หลงหลินก้มหน้า ตั้งใจกินข้าว ไม่ตอบโต้ถ้อยคำหาเรื่องของซูเฟิ่งหลิงคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่หลงหลินอดทนได้นางคณิกาสามคนข้างกายเขากลับทำไม่ได้ ตอบโต้กลับไป “คุณชายซู ถ้อยคำนี้พูดไม่ถูกแล้ว! ไม่ว่าพูดอย่างไร องค์ชายเก้าก็เป็นจอมกวีแห่งต้าเซี่ย! ท่านเล่า?”“ท่านเป็นบทกวีหรือไม่?”ซูเฟิ่งหลิงพูดเสียงเย็น “ไม่เป็น”นางคณิกาหัวเราะออกมาแล้ว พูดเยาะหยัน “ที่แท้ก็เป็นคนไร้ความสามารถคนหนึ่ง! รูปร่างหน้าตาดีแต่กลับไร้ประโยชน์!”ได้ยินถ้อยคำนี้ นางคณิกาข้างกายซูเฟิ่งหลิงทั้งสามคน สีหน้าเก้อกระดากอยู่บ้างแม้พวกนางชอบคนที่หน้าตาแต่หากซูเฟิ่งหลิงเป็นพวกหน้าตาดีแต่ไร้ประโยชน์ จะต้องเทียบองค์ชายเก้าไม่ได้แน่“คุณชายซู มิสู้...”นางคณิกาตีกลองถอนทัพ ต้องการกลับไปอยู่ข้างกายหลี่หลงหลิน“ช้าก่อน!”ความมุ่งมั่นอยากจะเอาชนะของซูเฟิ่งหลิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว ยื่นมือออกไปขวางนางคณิกาไว้ เปล่งเสียงเย็น “เป็นเพียงบัณฑิตจะมีประโยชน์อะไ
แรงเกินไป ร้อนเกินไป!ดื่มเพียงอึกเดียว ก็รู้สึกได้ว่าโลหิตทั่วทั้งสรรพางค์กายกำลังพลุ่งพล่าน กำลังเผาไหม้!ตกลงนี่คือสุราอะไร?หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ เอ่ยปากว่า “นี่คือสุราเหินเวหาที่ภูเขาทิศประจิมกลั่นเอง! พวกแม่นางล้วนรู้จักสุราเป็นอย่างดี ข้าตั้งใจนำมา ให้พวกเจ้าลิ้มลอง! ใช่หรือไม่ว่าสามารถเทียบกับสุราเทพเมามายของพวกเจ้าได้!”นางคณิกาคนแรกพูดยิ้มๆ “องค์ชายเก้า ท่านล้อเล่นแล้ว! สุราเทพเมามาย เป็นสุราหายากในใต้หล้า!”นางคณิกาอีกท่าน “กลิ่นของสุราเหินเวลาของท่านนี้ก็ไม่เลว แต่น่าจะเทียบกับสุราเทพเมามายไม่ได้!”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดว่า “พวกเจ้าลองดูก่อนแล้วค่อยวิจารณ์เถอะ!”เหล่านางคณิกาเองก็แปลกใจมาก ตกลงเป็นสุราอะไร ทำให้คุณชายซูพูดว่าแสบร้อนได้พวกนางสั่งสาวใช้ให้รินสุราลงถ้วยของตน เม้มปากเบาๆ ดื่มลงไป“สุราดี!”ดวงตาของเหล่านางคณิกาทอประกายระยับ ต่างพากันอุทานออกมาอย่างตกตะลึงผู้เชี่ยวชาญลงมือเอง ย่อมรู้ว่าดีหรือไม่!พวกนางดื่มสุราเป็นเพื่อนลูกค้าทุกวัน เคยดื่มสุรามีชื่อเสียงทั้งหมดในใต้หล้า เชี่ยวชาญในด้านนี้ตั้งนานแล้วทว่าพวกนางไม่เคยดื่ม สุราหอมถึงเพียงนี้ แรงถ
ทั่วทั้งสำนักการสังคีต เงียบกริบไร้เสียงทุกคนล้วนตกตะลึงเหม่อไป ชะงักงันมองทางหลี่หลงหลินพวกเขาล้วนถูกกวีอมตะบทนี้ทำให้ตกตะลึง!โดยเฉพาะเหล่านางคณิกา สายตายามทอดมองหลี่หลงหลิน เปี่ยมความหลงใหลอย่างลึกซึ้งซูเฟิ่งหลิงอึ้งงันอยู่กับที่!จับจ้องหลี่หลงหลินตาเขม็ง!แม้ว่าเจ้าชั่วคนนี้ไม่ได้เรื่อง เป็นพวกเจ้าชู้คนหนึ่ง แต่แต่งกวีได้ดีจริงๆ สมเป็นจอมกวีแห่งต้าเซี่ย!หลี่หลงหลินมิได้ปล่อยให้ทุกคนรอนานมากจนเกินไป เสียงทุ้มต่ำแผ่วเบา เปล่งเสียงพรูลมหายใจยาวเหยียดออกมา“ท่านไม่เห็นหรือ ที่น่าโศกเศร้าคือผมหงอกขาวในคันฉ่องภายในห้องโถง ยามทิวาดุจเส้นไหมยามราตรีไซร้ดุจหิมะ”“ฟ้าประทานความสามารถให้ข้าจักต้องมีประโยชน์ ทองพันชั่งมลายไปก็ยังหวนคืนได้”หลี่หลงหลินยกถ้วยสุรา คารวะจันทราที่ห่างไกล เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จิบสุราในมือพู่กันของหนิงชิงโหวไหลลื่นดุจมังกร บทกวีดุจแม่น้ำสายยาว หลั่งไหลออกมาขอบตาแดง จมูกปวดแสบกวีสองท่อนนี้ ช่างไพเราะยิ่งนัก!หนิงชิงโหวสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง!เขาถึงขั้นคิดว่า บทกวีสองท่อนนี้เขียนขึ้นเพื่อตนเอง!ทั้งหมดล้วนสะท้อนภาพชีวิตที่เต็มไปด้วยความยากลำบากของ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค