เว่ยซวินไม่เข้าใจอยู่บ้าง กระซิบถามเสียงค่อยพระราชโองการนี้เขียนไว้ดีแล้ว เหตุใดฮ่องเต้หวู่ไม่นำออกมาเล่าฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “สุดท้ายเราก็ยังมิอาจหักใจได้! ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เรานำพระราชโองการออกมา เจ้าเก้าก็ไม่มีวันรับปาก! เขาเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง! รอก่อนเถอะ อาจยังไม่ถึงเวลา!”“เราอารมณ์ไม่ดี ไปตำหนักฉางเล่อเถอะ”“เราจะไปหาหลินกุ้ยเฟย คุยกับนาง”วังหลังมีสตรีงามสามพันคน มีเพียงหลินกุ้ยเฟยที่นั่น ฮ่องเต้หวู่ถึงจะสามารถทำใจให้สงบลงได้ นอนหลับสนิทเว่ยซวินพูดอย่างลำบากใจ “ฝ่าบาท ฮองเฮาเพิ่งส่งคนมา พูดว่าอยากเชิญท่านเสด็จไปที่ตำหนักเฟิ่งซีสักเที่ยวหนึ่ง พูดว่าอยากตุ๋นน้ำแกงโสมให้ท่าน ท่านว่า...”ดวงตาฮ่องเต้หวู่ทอประกาย พูดอย่างตกตะลึง “ฮองเฮาถึงขั้นต้มน้ำแกงโสมให้เรา? เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะไปตำหนักเฟิ่งซีก่อน ไม่สามารถทำให้ฮองเฮาเสียน้ำใจได้!”เว่ยซวินทำความเคารพ “กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง!”......คุกหลี่หลงหลินได้พบเสิ่นชิงโจวที่ห้องขังแห่งหนึ่งสมเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ติดคุกก็ยังแตกต่างจากผู้อื่น ได้อยู่ในห้องหรูหราห้องนี้แม้เล็ก
“วางบนจุดกลางกระดาน ทรงพลังไม่อาจหยุดยั้ง!”รูม่านตาเสิ่นชิงโจวหดลง พลังแห่งการต่อสู้ถูกจุดขึ้นภายในใจ“ทว่า...”เสิ่นชิงโจวยิ้มเบาๆ “องค์ชายเก้า พรสวรรค์ของท่านล้นเหลือ แต่ท้ายที่สุดท่านก็ยังเด็กเกินไป! ท่านแข็งแกร่งเพียงใดก็ช่าง ครั้นลมพัดผ่านยอดเขา...”เสิ่นชิงโจวกลับไม่ยอมรับการท้าทายจากหลี่หลงหลิน แต่วางหมากด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น อิงตามจังหวะของตน วางหมากสีขาวที่มุมแห่งหนึ่งครู่ต่อมาหลี่หลงหลินวางอีกตัว ใกล้กับจุดกลางกระดานเสิ่นชิงโจวขมวดคิ้วนี่คือการเดินหมากแปลกประหลาดอะไรกันไม่เคยเห็นมาก่อน!แต่อย่างไรก็ตาม!อิงตามจังหวะการเดินของตน ไม่ต้องให้หลี่หลงหลินเข้ามายุ่งหมาก วางลงช้าๆเพียะ ๆ ๆ...วางต่อเนื่องสี่ตัว เสิ่นชิงโจวมองออกแล้ว ฝีมือการเดินหมากของหลี่หลงหลินอ่อนหัดยิ่งนักถึงขั้นเรียกได้ว่า เขาเดินหมากไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ!หมากดำสี่ตัวถึงขั้นกลายเป็นเส้นตรงหนึ่งเส้นน่าขันยิ่งนัก!เสิ่นชิงโจวส่ายหน้า “ดูท่าแล้วข้ามองคนผิดไป! เดิมทีท่านก็ไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของข้า...”เพียะ!หลี่หลงหลินวางหมากตัวที่ห้าอย่างไม่เกรงใจ ยิ้มเย็นพูดว่า “ห้าหมากเรียงกัน! ท่านอ
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!”ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึง “เดินหมากแพ้ ก็ล้มกระดาน? ทำเลยเถิดถึงเพียงนี้เชียว? ช่างแล้ว ท่านเองก็อย่าโกรธเขาเลย! อย่างไรเสีย เขากลายเป็นนักโทษ ยังจะสามารถก่อปัญหาสร้างความวุ่นวายอะไรได้อีก?”“กระดานหมาก...กระดานหมาก...”หลี่หลงหลินอึดอัดใจแย่แล้ว ปากบ่นงึมงำไม่หยุด เอ่ยถามซูเฟิ่งหลิงอย่างกะทันหัน “เจ้าพูด อะไรคือกระดากหมากของข้า?”ซูเฟิ่งหลิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง พูดว่า “นั่นยังต้องพูดอีกหรือ! ย่อมต้องเป็นฝ่าบาทอย่างไรเล่า!”หลี่หลงหลินชะงัก “เสด็จพ่อ?”ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว! ท่านสามารถทำสำเร็จไปเสียทุกอย่าง ชนิดที่ว่าแม้แต่ในทางที่ไม่ถูกต้องก็ทำได้! ก็เพราะท่านเป็นองค์ชายเก้า โอรสที่ฝ่าบาทโปรดปรานที่สุด!”“หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ศีรษะคงหลุดจากบ่าไปแล้ว!”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เจ้าพูดมีเหตุผลยิ่งนัก! สิ่งที่ข้าพึ่งพาอาศัย ตั้งแต่เริ่มจนจบก็คืออำนาจกษัตริย์! เป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อ! ก็เพราะสาเหตุนี้ ข้าถึงสามารถโอหังไม่เกรงกลัว ไม่ให้ความสำคัญต่อกษัตริย์เท่าที่ควร ลบหลู่ขุนนางได้!”“ไม่ว่าอัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวน หรืออาจารย์ของฮ่องเต้เสิ่นชิงโจว!”“ข้าล้
หลี่หลงหลินพาซูเฟิ่งหลิง เดินผ่านศาลาระเบียงทางเดิน สวนพฤกษา มุ่งหน้าไปยังตำหนังเฟิ่งซี“ฮองเฮาประสงค์ร้ายต่อฝ่าบาท?”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วแน่น รู้สึกเหลือจะเชื่อ “องค์ชายเก้า นี่ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่? ใช่หรือไม่ว่าท่านเข้าใจผิดไป!”สีหน้าหลี่หลงหลินไม่สบอารมณ์มาก “ข้าเองก็หวังให้เข้าใจผิดไป! แต่...พวกเราล้วนถูกเสิ่นชิงโจวหลอกแล้ว! เขามิได้ทำเพื่อใต้หล้า และราษฎร์!”“เสิ่นชิงโจวก่อกบฏ ก็เพื่อ...เพื่อองค์ชายใหญ่!”ซูเฟิ่งหลิงชะงัก พูดอย่างไม่เข้าใจ “องค์ชายใหญ่ ท่านกำลังพูดถึงรัชทายาทที่ถูกปลดหลี่เทียนฉี่?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่! ก็คือเสด็จพี่ใหญ่!”อันที่จริง ฮ่องเต้หวู่มิได้แต่งตั้งรัชทายาท แต่ยึดตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติของบรรพบุรุษ แต่งตั้งลูกชายคนโตหลี่เทียนฉี่เป็นรัชทายาท โปรดปรานเขาอย่างมากจากนั้น ไม่รู้เพราะเหตุใด รัชทายาทกลับก่อกบฏ ตกตะลึงทั้งใต้หล้า!ฮ่องเต้หวู่กริ้วหนัก ปลดตำแหน่งรัชทายาท ส่งฮองเฮาเข้าตำหนักเย็นหลายปีต่อมา เหล่าขุนนางขอความเมตตาอย่างยากลำบาก ฮ่องเต้หวู่จึงคลายโทสะ อภัยโทษรัชทายาท แต่งตั้งเขาเป็นเจ้าแคว้น ปกครองตงไห่ เฝ้าชายแดนของต้าเซี่ย!ต่อ
เสิ่นชิงโจวทำทั้งหมด ก็เพื่อองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่!ในอดีต หลี่เทียนฉี่ก่อกบฏล้มเหลว ถูกปลดจากรัชทายาทกลายเป็นเจ้าแคว้นเสิ่นชิงโจวไม่ยอมตัดใจ!วางแผนมานานหลายปี ก็เพื่อช่วยหลี่เทียนฉี่ก่อกบฏอีกครั้ง ครอบครองบัลลังก์ฮ่องเต้!ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างกระตือรือร้น “ข้าเข้าใจแล้ว! ฮองเฮาหลู่เป็นมารดาแท้ๆ ขององค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่! ยิ่งไปกว่านั้น หลี่เทียนฉี่ก่อกบฏล้มเหลว นางพลอยเดือดร้อนไปด้วย ถูกส่งเขาตำหนักเย็น! ปากนางไม่พูด แต่ฝ่าบาทในหัวใจนาง กลับมีความแค้นฝังลึก!”“ระหว่างสามีและลูกชาย นางเลือกลูกชาย!”“ดังนั้น นางไม่ใช่ช่วยเสิ่นชิงโจว แต่ช่วยหลี่เทียนฉี่ ปลงพระชนม์ฝ่าบาท!”สีหน้าหลี่หลงหลินไม่สบอารมณ์มาก “ใช่แล้ว! ต่อให้เสด็จพ่อระวังเยี่ยงไร ก็คิดไม่ถึง ภรรยาร่วมผูกผมร่วมเตียงเคียงหมอนมานานหลายปีจะทำร้ายพระองค์! หวังว่าจะยังทันเวลา!”ระหว่างพูด หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงมาถึงหน้าตำหนักเฟิ่งซีแล้ววันนี้ตำหนักเฟิ่งซี ป้องกันอย่างแน่นหนาองครักษ์หน้าประตูเห็นสองคนมา ก็รีบกางแขนขวางไว้ “องค์ชาย! ฮองเฮามีรับสั่ง ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าตำหนักเฟิ่งซี! ท่านโปรดกลับไปด้วย!”สีหน้าหลี่หลงหล
มุกเหงื่อขนาดเท่าถั่วเหลือง ผุดพราวเต็มหน้าผาก ร่างกายกระตุกอย่างแรงมองออกว่า เขากำลังได้รับความเจ็บปวดยากเกินจะทนไหว“ใครกัน? ใครวางยาทำร้ายเรา?”“หรือว่า จะเป็นนางกำนัลข้างกายฮองเฮา?”ต่อให้มาถึงขั้นนี้ ฮ่องเต้หวู่ก็ไม่เคยคิดมาก่อน คนวางยาพิษจะเป็นคนเคียงหมอนของตน“เสด็จพ่อ...”หลี่หลงหลินเองก็ว้าวุ่น “ท่านอดทนก่อน! ลูกจะรีบไปตามหมอหลวง...”ฮ่องเต้หวู่จับมือหลี่หลงหลินไว้แน่นๆ เส้นเลือดปูดนูนบนหน้าผาก “เจ้าเก้า เราอาจจะทนไม่ไหวแล้ว! เจ้าอย่าไป...เรายังมีเรื่องสำคัญ...”เพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ฮ่องเต้หวู่พูดได้ไม่ชัดนัก นิ้วมือของเขาสั่นเทา หยิบของบางอย่างออกจากอก ส่งถึงมือหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินก้มหน้าอ่าน ตัวคนก็อึ้งงันอยู่กับที่!พระราชโองการ!พระราชโองการแต่งตั้งรัชทายาท!องค์ชายคนอื่น ต่างเฝ้าฝันถึงสิ่งนี้หลังฮ่องเต้หวู่เขียนดีแล้ว ก็พกติดตัวไว้อยู่ตลอดความเป็นตายอยู่ตรงหน้า ฮ่องเต้หวู่นำพระราชโองการออกมา มอบให้หลี่หลงหลินแคว้นจะขาดกษัตริย์ไปไม่ได้!หากฮ่องเต้หวู่เป็นอะไรไป วิญญาณกลับสู่น้ำพุเก้าชั้นฟ้าฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ ยังมิได้แต่งตั้งรัชทายาท ใต้หล้าจ
ในเวลาเดียวกันฮองเฮาผู้มีเมตตาและคุณธรรมท่านนี้ ฉีกหน้ากากที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความอบอุ่นอย่างสิ้นเชิง ในสายตาของหลี่หลงหลิน ราวกับอสรพิษที่เลือกกัดคนตัวหนึ่ง!เพื่อทำให้ลูกชายแท้ๆ หลี่เทียนฉี่ขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ฮองเฮาหลู่ใกล้เสียสติเต็มที!แม้แต่ฮ่องเต้หวู่ นางก็กล้าลงมือสังหาร!นับประสาอะไรกับหลี่หลงหลิน?ขอเพียงฮองเฮาหลู่นำพระราชโองการแต่งตั้งรัชทายาทไปจากมือหลี่หลงหลินได้ แก้ไขชื่อแซ่ เปลี่ยนจากหลี่หลงหลินเป็นหลี่เทียนฉี่เช่นนั้น หลี่เทียนฉี่รัชทายาทที่ถูกปลด ก็สามารถกลับมาเป็นรัชทายาทได้ใหม่อีกครั้ง อย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรม!“ท่านอย่าฝันเลย!”หลี่หลงหลินเก็บพระราชโองการไว้ในอก เผชิญหน้ากับฮองเฮาหลู่ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากภายนอกระลอกหนึ่งเว่ยซวินในชุดปักลายหม่าง เร่งฝีเท้าบุกเข้ามาข้างหลังเขา ยังมีองครักษ์เสื้อแพรทั้งหมดที่ชวนให้ตกตะลึงพรึงเพริดก็คือ ซูเฟิ่งหลิงถูกองครักษ์เสื้อแพรจับไว้ มือสองข้างไพล่หลัง ผลักเข้ามาแล้วเว่ยซวินเห็นฮ่องเต้หวู่นอนบนพื้น ไม่รู้เป็นหรือตาย ทันใดนั้นว้าวุ่นใจหนัก สีหน้าไม่สบอารมณ์มากฮองเฮาหลู่รีบร้องตะโกน ล้มล
หลี่หลงหลินลอบถอนหายใจแต่ไหนแต่ไรมา ผลประโยชน์ของตนและเว่ยซวิน มิได้เสียเปล่าในช่วงเวลาสำคัญเว่ยซวินตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับตนแน่นอน ยังมีสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างตนเองและเว่ยซวิน ไม่ว่าอย่างไร ฮ่องเต้หวู่ก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปหลี่หลงหลินได้ยินว่าเว่ยซวินต้องการตามหมอหลวง รีบร้องห้ามไว้ “อย่าเป็นอันขาด!”เว่ยซวินชะงัก พูดอย่างไม่เข้าใจ “ไม่เรียกหมอหลวง ฝ่าบาทจะทำเช่นไร...”หลี่หลงหลินอธิบาย “ด้วยอำนาจของฮองเฮาหลู่ ในบรรดาหมอหลวง น่ากลัวว่ามีคนของนางอยู่! ถึงตอนนั้น ไม่เพียงรักษาเสด็จพ่อไม่หาย ยังจะทำสิ่งตรงกันข้ามอีกด้วย...”เว่ยซวินตกใจเหงื่อเย็นผุดทั่วทั้งสรรพางค์กาย พยักหน้าคล้ายไก่จิกข้าว “อืม กระหม่อมเลอะเลือนไปแล้ว! ทั้งหมดขอให้องค์ชายเก้าตัดสินใจ!”หลี่หลงหลินครุ่นคิด พูดว่า “สถานการณ์ในตอนนี้เร่งด่วนมาก เจ้าปล่อยซูเฟิ่งหลิงก่อน ให้นางกลับบ้าน ไปพาพี่สะใภ้สามซุนชิงไต้มา! เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว มีเพียงนางสามารถช่วยฝ่าบาทได้!”เว่ยซวินไฉนเลยจะไม่รับปาก รีบพูด “รีบปล่อยพระชายา! เฮ้อ ล้วนเป็นพวกเดียวกัน ทั้งหมดเข้าใจผิดไปแล้ว!”
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค