Share

บทที่ 266

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
หนานกงจื่อชินรีบปฏิเสธทันที “มือกระบี่ชุดขาวอะไรกัน ข้ามิรู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร”

ขณะที่พูด เขาก็ปัดกระบี่ของฉงชูโม่ออกและถอยหลังไปสองสามก้าว เพื่อสร้างระยะห่างระหว่างตนกับอีกฝ่าย

ฉงชูโม่มิได้มีท่าทีจะโจมตีต่อ นางเพียงยิ้มเยาะและกล่าวว่า “ยังมิยอมรับอีกหรือ? เช่นนั้นบอกข้าหน่อยสิว่า บาดแผลที่แขนของเจ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร?”

มู่หรงจื่อเยียนรีบอธิบาย “เรื่องนั้น เจ้าเข้าใจผิดแล้ว บาดแผลของท่านพี่จื่อชินเป็นเพราะข้าเอง เมื่อวานเขาสอนข้าฝึกกระบี่ ข้าพลั้งมือทำให้แขนเขามีบาดแผล”

“ฮึ คำพูดนี้เจ้าเอาไว้หลอกเด็กสามขวบเถอะ แผลที่แขนเขาชัดเจนว่าเกิดจากกริช อีกทั้งรอยแผลที่ข้าเป็นคนสร้าง ข้าดูออกได้ในทันที!”

เมื่อฉงชูโม่พูดจบ นางก็มองหนานกงจื่อชินและหัวเราะเยาะ “หนานกงจื่อชิน ในฐานะจอมบุทธ์ที่มีฝีมือเช่นพวกเรา เจ้าควรจะรู้ดีว่าบาดแผลมิอาจโกหกได้!”

สีหน้าของหนานกงจื่อชินเคร่งเครียดทันที

เพราะสิ่งที่ฉงชูโกล่าวนั้นถูกต้อง ด้วยความสามารถระดับพวกเขา แม้จะเป็นกระบวนท่าเดียวกัน แต่เมื่อคนที่ใช้ต่างกัน ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง

แผลที่ถูกอีกฝ่ายสร้างขึ้น อีกฝ่ายย่อมสามารถจดจำได้อย่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 267

    หนานกงจื่อชินกล่าวอย่างมั่นใจ “กระหม่อมคือบุตรแห่งนักปราชญ์จากหอดารารักษ์แห่งเป่ยเยียน ท่านคงรู้ดีว่าหอดารารักษ์มีความหมายต่อเป่ยเยียนอย่างไร อีกทั้งฉินเหยี่ยนก็มิได้ตายด้วยน้ำมือข้า แม้เรื่องนี้จะถึงพระกรรณของเสด็จพ่อของท่าน ฝ่าบาทก็คงมิทำอะไรมากไปกว่าตักเตือนกระหม่อมเพียงมิกี่คำเท่านั้น”“ใช่ เจ้าคำนวณได้มิผิด ฉินเหยี่ยนมิได้ตายด้วยน้ำมือเจ้า เสด็จพ่อของข้าคงมิอาจลงโทษเจ้าได้มากนัก แต่ในเมื่อเจ้าคิดได้ถึงขนาดนี้ แล้วเหตุใดเมื่อครู่จึงมิกล้ายอมรับเล่า?”หนานกงจื่อชินยกมือขึ้นเล็กน้อย “หากหลีกเลี่ยงปัญหาได้ก็ควรทำ แม้สุดท้ายจะหลีกเลี่ยงมิได้แล้ว ปฏิเสธไปก็มิได้อะไรอยู่ดี”ฉงชูโม่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนหันไปถามฉินซู “องค์รัชทายาท จะมิจับเขาไปส่งให้ศาลต้าหลี่จัดการจริงหรือ?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่หรงจื่อเยียนก็ตกใจ รีบเข้าไปยืนบังร่างหนานกงจื่อชินทันที “พวกเจ้าจะจับท่านพี่จื่อชินไปมิได้นะ เขาเป็นบุตรแห่งนักปราชญ์ของหอดารารักษ์ มีสถานะต่ำกว่าเชื้อพระวงศ์สายตรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากพวกเจ้ากล้าทำอะไรเขา เป่ยเยียนของเรามิยอมอยู่เฉยแน่!”“เฮ้อ เหตุใดเจ้าต้องร้อนใจปานนั้นด้วย ข้าย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 268

    หนานกงจื่อชินคิดว่าตนเองฟังผิดไป จึงถามย้ำว่า “ท่านว่ากระไรนะ? แค่กระหม่อมประลองกับฉงชูโม่ก็จบเรื่องแล้วหรือ?”“ถูกต้อง อย่างนั้นแหละ!”“ท่าน... ท่านอย่าบอกนะว่า จะใช้ข้ออ้างการประลองเพื่อให้ฉงชูโม่จัดการกระหม่อม?”ก็มิน่าแปลกที่หนานกงจื่อชินจะสงสัยเช่นนี้ เพราะเมื่อครู่สายตาเย็นชาของฉินซูนั้นน่ากลัวเกินไปแต่ตอนนี้ฉินซูกลับบอกว่า แค่ประลองกันก็ถือว่าจบเรื่องแล้วหากเป็นใครก็คงต้องสงสัยว่าฉินซูคิดจะใช้โอกาสนี้สังหารตนฉินซูกลับหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวว่า “หากข้าต้องการฆ่าเจ้า ข้าก็แค่ให้ชูโม่ลงมือตรง ๆ ก็ได้ จะต้องอ้อมค้อมให้ยุ่งยากหาปะไร”เมื่อหนานกงจื่อชินคิดทบทวนดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงพยักหน้า“ตกลง เราประลองกันแค่ให้รู้ฝีมือ เป็นอย่างไร?”“ในเมื่อเป็นการประลอง ก็ย่อมต้องเอาแต่พอประมาณอยู่แล้ว”ฉงชูโม่รับคำต่อทันที “ที่นี่คับแคบเกินไป ไปที่ลานหลังโรงเตี๊ยมกันเถอะ”หนานกงจื่อชินพยักหน้ารับ จากนั้นทุกคนจึงเดินไปยังลานหลังของโรงเตี๊ยมระหว่างทาง มู่หรงจื่อเยียนแสดงความกังวลเต็มหน้า พูดเสียงเบา ๆ ว่า “ท่านพี่จื่อชิน จะไม่มีปัญหาแน่หรือ? ข้ารู้สึกมิสบายใจเลย”“มิเป็นไร อย่า

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 269

    ฉากเบื้องหน้าภายใต้การโจมตีอันรุนแรงและทรงพลังของหนานกงจื่อชิน ใบหน้าของฉงชูโม่ยังคงไร้ความรู้สึกนางใช้ปลายเท้าสัมผัสพื้นเบา ๆ ร่างของนางก็พลันพุ่งขึ้นกลางอากาศทันทีพร้อมกับที่นางสะบัดกระบี่สร้างลายกระบี่หลายลายเข้าสกัดลำแสงกระบี่ที่เหมือนดาวตกของหนานกงจื่อชินเกร๊ง แกร๊ง แกร๊งหลังจากเสียงดังต่อเนื่อง หลังจากนั้นมินานกระบวนท่า “ดาวตกสู่ใต้หล้า!” ก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น เหลือเพียงคลื่นพลังที่พุ่งกระจายออกไปในทุกทิศทางเมื่อเห็นดังนั้น มู่หรงฟู่และมู่หรงจื่อเยียนต่างก็แสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด!พวกเขามิคาดคิดเลยว่า กระบวนท่าที่หนานกงจื่อชินภาคภูมิใจ จะถูกฉงชูโม่ทำลายลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ในเวลานั้น หนานกงจื่อชินเองก็ดูตกตะลึงอยู่เช่นกัน จากนั้นเขาก็เริ่มใช้เพลงกระบี่ดารารักษ์อย่างต่อเนื่องด้วยวิชากระบี่ที่แปรปรวนคาดเดามิได้ ทำให้เขาสามารถต่อสู้กับฉงชูโม่ได้อย่างสูสีเมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของมู่หรงฟู่และมู่หรงจื่อเยียนที่เคยเคร่งเครียดก็กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งมู่หรงจื่อเยียนกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “ฉินซู ท่านเห็นหรือไม่ นี่แหละคือความมหัศจรรย์ของเพลงกระบี่ดารารักษ์

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 270

    ฉงชูโม่ปรายตามองเขาเล็กน้อย แต่มิได้กล่าวอะไรฉินซูหันไปยิ้มเล็กน้อยให้กับมู่หรงฟู่และคนอื่น ๆ ก่อนกล่าวว่า “การประลองครั้งนี้นับว่ายอดเยี่ยม บุตรแห่งนักปราชญ์หนานกง รักษาตัวให้ดี เราขอตัวลาไปก่อน”“เรามิส่ง!”มู่หรงฟู่ทำหน้าบึ้งตึงอย่างมิพอใจฉินซูเองก็มิได้ใส่ใจอะไรนัก เขาพาฉงชูโม่เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผยเมื่อออกมาจากโรงเตี้ยมเทียนเวย ฉงชูโม่เอ่ยถามว่า “องค์รัชทายาท ท่านให้หม่อมฉันประลองกับหนานกงจื่อชิน เพื่อที่จะให้หม่อมฉันได้มองหาจุดอ่อนของเพลงกระบี่ดารารักขของเขาใช่หรือไม่?”“แล้วเจ้าสังเกตเห็นจุดอ่อนอะไรบ้าง?”“เพลงกระบี่นี้แปลกประหลาดและคาดเดาได้ยาก ถือได้ว่ารัดกุมมาก หม่อมฉันสามารถชนะได้เพราะหนานกงจื่อชินยังมิชำนาญมากพอ หากเขาใช้พลังของกระบวนท่านี้ได้ถึงห้าส่วน หม่อมฉันก็คงเอาชนะมิได้”ฉินซูหัวเราะเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ใต้หล้านี้จะมีกระบวนท่าใดที่รัดกุมจนไม่มีจุดอ่อน ขอเพียงศึกษาอย่างละเอียดก็น่าจะค้นพบจุดอ่อนได้ ในภายภาคหน้าหากต้องเจอกับยอดฝีมือของหอดารารักษ์ เพลงดาบนี้อาจมีประโยชน์”ฉงชูโม่แปลกใจจึงถามว่า “องค์รัชทายาท ท่านกังวลว่าเป่ยเยียนอาจจะเปิดศึกกับพวกเราหรือ?

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 271

    ฉินซูยกมือขึ้นเล็กน้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจนใจว่า "เอาเถอะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าทำเช่นนี้มิใช่เพื่อตัวข้า วางใจเถอะ ข้าจะมิคิดอะไรเกินเลย" เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉงชูโม่ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาในทันใด นางเหลือบมองเขาด้วยความขุ่นเคือง แม้เมื่อครู่นางจะพูดไปอย่างหนักแน่น แต่แท้จริงแล้วในใจกลับคิดถึงเรื่องการแก้แค้นแทนเขามากกว่าตอนนี้เมื่อถูกฉินซูกล่าวว่าจะมิคิดอะไร นางจะมิรู้สึกหงุดหงิดได้อย่างไร นางกระทืบเท้าลงอย่างแรง ก่อนจะกล่าวด้วยความโกรธเคืองและอับอายว่า "ท่านกลับไปคนเดียวเลย หม่อมฉันจะไปเยี่ยมท่านอ๋องหนิงที่จวนสักหน่อย" พูดจบ นางก็เดินจากไปโดยมิหันหลังกลับมามองอีก ชายหนุ่มมองตามนางแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ "ปากแข็งจริง ๆ ทั้งที่ในใจยังเป็นห่วงข้าอยู่ แต่กลับมิยอมรับสักที สตรีนี่นะ ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนจริง ๆ!" …… จวนอ๋องหนิง ภายในห้องลับใต้ดินอันมืดมิด หญิงสาวสิบคนถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา นอนอยู่บนพื้นชื้นแฉะ เมื่อฉินเซียวลงมา พวกนางแต่ละคนต่างมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เนื่องจากปากของพวกนางถูกอุดไว้ด้วยผ้า จึงทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ออกมาเท่านั้นสีหน้าของ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 272

    เมื่อเห็นว่าความเกลียดชังได้บดบังตาของฉินเซียวจนมืดบอด ชายชุดดำหัวเราะเสียงแหลมออกมาอย่างสะใจ หลังหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหลมคมว่า "พอแล้ว ท่านออกไปก่อนเถอะ พอกระหม่อมดูดเลือดสาวบริสุทธิ์พวกนี้เสร็จ กระหม่อมก็จะฟื้นตัวเกือบหมดแล้ว" เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวทั้งสิบคนก็ตกใจกลัวจนใบหน้าซีดเผือด สองคนที่จิตใจอ่อนแอก็ถึงกับสลบไปในทันที ฉินเซียวมิพูดอะไรอีก เขาหันหลังแล้วเดินออกจากห้องลับใต้ดินไป ขณะที่เขาเพิ่งเดินออกจากห้องตำรามา นางรับใช้ก็เข้ามารายงาน "ท่านอ๋อง แม่ทัพใหญ่ฉงมาเพคะ ตอนนี้รออยู่ในห้องโถง" ฉินเซียวขมวดคิ้วอย่างมิพอใจ "เหตุใดจึงมิรายงานข้าก่อน ปล่อยให้นางเข้ามาได้อย่างไร?" หากฉงชูโม่รู้ถึงการมีอยู่ของชายชุดดำ ผลที่ตามมาย่อมเลวร้ายเกินจะคาดเดา คิดถึงตรงนี้ ฉินเซียวก็อดมิได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย นางรับใช้ทำหน้าหนักใจพลางอธิบาย "ท่านอ๋อง เหล่าองครักษ์ห้ามนางมิอยู่ แม่ทัพใหญ่ฉงมากับท่าทางดุดันและบารมีสูงส่งยากจะต้านทานเพคะ" "พอแล้ว เจ้าไปทำงานของเจ้าเสีย" ฉินเซียวโบกมือด้วยความรำคาญ แล้วจึงเดินไปยังห้องโถง เมื่อมาถึ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 273

    ......รุ่งเช้า พระตำหนักจินหลวน ขุนนางฝ่ายบู๊และบุ๋นต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป ทว่าทุกคนต่างรู้ดีและไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เพราะกลัวจะทำให้ฉินอู๋ต้าวผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรโกรธ ฉินอู๋ต้าวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยอย่างเรียบ "เหตุใดถึงยังมิเห็นองค์รัชทายาท?" เฉาฉุนรีบตอบอย่างเคารพ "ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาททรงถวายรายงานว่าประชวร กำลังพักฟื้นอยู่ในตำหนักบูรพาพ่ะย่ะค่ะ" ฉินอู๋ต้าวตรัสด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "หึ โกรธข้าก็พูดมาตรง ๆ เถอะ จะมาอ้างว่าป่วยหาปะไร คิดจะหลอกใครกัน?" "เอ่อ… ฝ่าบาท ถ้าเช่นนั้น… จะทรงให้เรียกองค์รัชทายาทมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?" "ช่างเถอะ ปล่อยเขาไป" ฉินอู๋ต้าวทำสีหน้าจริงจัง แล้วกล่าวเสียงดังว่า "อีกสองวันจะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของไทเฮาแล้ว พวกเจ้าใครมีข้อเสนออะไรหรือไม่ กล่าวมาได้" ฉินหงก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วเอ่ยอย่างเคารพ "เสด็จพ่อ ไทเฮาทรงโปรดความครึกครื้นมาก ลูกขอเสนอให้จัดงานยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองทั้งแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ" เว่ยเจิงเอ่ยขึ้นว่า "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเห็นพ้องด้วย อีกทั้งช่วงนี้บัณฑิตต้าเหยียนหลายคนก็อยู่ในเมืองหล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 274

    หลิวเว่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ใช่พ่ะย่ะค่ะ เช้าวันนี้ พวกเราศาลต้าหลี่ได้รับแจ้งถึงสิบคดีพร้อมกัน มีผู้มารายงานว่า บุตรสาวของพวกเขาหายไปเมื่อคืน ตามหาเท่าไรก็มิพบร่องรอย นี่จึงเป็นเหตุให้พวกเราต้องออกค้นหาไปทั่วทั้งเมืองพ่ะย่ะค่ะ" "หายตัวไปอย่างนั้นหรือ? ทั้งหมดกี่คน?" "สิบคนพ่ะย่ะค่ะ ตามที่ผู้รายงานให้ข้อมูล บรรดาผู้สูญหายล้วนเป็นหญิงสาว อายุระหว่างสิบแปดถึงยี่สิบห้าปี และล้วนยังมิได้แต่งงานออกเรือน" เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินซูขมวดคิ้วแล้วถามว่า "ก่อนหน้านี้เคยมีคดีในลักษณะนี้เกิดขึ้นหรือไม่?" หลิวเว่ยส่ายหน้า "มิเคยเกิดขึ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ เมืองหลวงเป็นสถานที่ซึ่งอยู่ใต้พระเนตรพระกรรณขององค์จักรพรรดิ ช่วงหลายปีมานี้จึงมิเคยมีคดีเช่นนี้เกิดขึ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ" "ฟังจากที่เจ้าพูดมา หมายความว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้ใช่หรือไม่?" "ก็คงใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่มิใช่ในเมืองหลวง กลับเป็นหมู่บ้านมู่เจีย ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางใต้ราวสิบลี้ เมื่อห้าปีก่อนก็เคยมีหญิงสาวบางคนหายตัวไปจากที่นั่น จนบัดนี้ยังหาตัวมิพบเลยพ่ะย่ะค่ะ" ฉินซูเลิกคิ้วแล้วถามว่า "ในตอนนั้น หญิงสาว

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 720

    เมื่อหลิวเฟิงกล่าวจบ ก็หันไปกล่าวกับมู่หรงเซี่ยวเทียนอีกว่า “ฝ่าบาท หากทรงกังวลเรื่องเหล่าองค์หญิง เหตุใดจึงไม่มีรับสั่งให้เหล่าพระนางเก็บตัวอยู่แต่ในวัง เช่นนั้นแล้วย่อมมิเป็นที่ต้องตาคุณชายหยวนแล้วส่วนเรื่องบุตรสาวของใต้เท้าเจิ้ง ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามชะตาลิขิต จะให้เป่ยเยี่ยนทั้งแผ่นดินต้องมารับเคราะห์กรรมจากโทสะของอ๋องเซียงหยางเพียงเพราะคนคนเดียวนั้นย่อมมิสมควร”เจิ้งหยวนโกรธจนแทบกระอักเลือด ตะโกนว่า “หลิวเฟิง เจ้า...”ยังมิทันกล่าวจบ มู่หรงเซี่ยวเทียนก็โบกมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ขุนนางเจิ้ง สิ่งที่เสนาบดีหลิวกล่าวมาก็ใช่ว่าไร้เหตุผล เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ปล่อยให้เป็นไปเสียเถิด”“ฝ่าบาท...”“มิต้องพูดมาก หากเลวร้ายที่สุด ข้าจะประหารผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเสีย เช่นนั้นแล้วชื่อเสียงของบุตรสาวเจ้าก็จะมิเสียหาย คุณชายหยวนก็เพียงแค่ต้องการความแปลกใหม่ คงมิได้คิดจะทำร้ายบุตรสาวเจ้า”เจิ้งหยวนถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความจนใจแล้วค้อมกายถอยออกไปมู่หรงเซี่ยวเทียนเองอัดอั้นตันใจยิ่งนัก การกระทำเช่นนี้มิใช่ความต้องการของเขา แต่เพื่อเห็นแก่ส่วนรวมแล้ว เขาจึงจำต้องทำเช่นนี้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 719

    เมื่อเหล่าผู้ติดตามของเขาได้ยินดังนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งเข้าใส่หยวนหัวแต่ในขณะนั้นเอง ร่างกำยำร่างหนึ่งก็ยืนขวางทางพวกเขาไว้เห็นเพียงแสงดาบวูบวาบ ในชั่วพริบตาเหล่าผู้ติดตามของเจิ้งหยวนก็ถูกฟันล้มลงไปกองกับพื้นเจิ้งหยวนยังมิทันได้ตั้งตัว ดาบสันทองก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้วคนที่ลงมือคือผู้คุ้มกันของหยวนหัวนั่นเองเขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “มิอยากตายก็ไสหัวไป อย่ามารบกวนความสำราญของคุณชายข้าอีก มิฉะนั้นแม้เจ้ามีหัวสักสิบหัวก็มิพอให้ตัด!”เจิ้งหยวนตกใจจนหน้าซีดเผือด ทำได้เพียงมองดูบุตรีของตนถูกหยวนหัวฉุดเข้าไปในโรงเตี๊ยมเขารีบคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นอ้อนวอนว่า “คุณชายหยวน โปรดปล่อยบุตรสาวข้าไปเถิด หากท่านปล่อยนางไป ท่านจะให้ข้าทำกระไรก็ได้ทั้งนั้นขอรับ”“ไสหัวไป!”ผู้คุ้มกันคนนั้นเตะเจิ้งหยวนกระเด็นออกไปหากเขามิปรานี เจิ้งหยวนคงสิ้นลมหายใจไปแล้วเจิ้งหยวนลุกขึ้นจากพื้น รีบวิ่งตรงไปยังทิศทางของพระราชวังอย่างตื่นตระหนก......ภายในท้องพระโรงมู่หรงเซี่ยวเทียนกำลังหารือเรื่องบ้านเมืองกับขุนนางระดับสูงผู้หนึ่งในเวลานั้นเอง ขันทีผู้หนึ่งก็กล่าวรายงานด้วยคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 718

    ฉินซูเปิดกล่องไม้ในมือแล้วมองเข้าไปข้างใน เห็นเพียงขวดกระเบื้องขนาดเล็กที่ภายในบรรจุโอสถลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดถั่วนอกจากนั้น ยังมียันต์กระดาษสีเหลืองวางอยู่อีกสองสามแผ่นเมื่อเห็นดังนั้น เขาก็อดมิได้ที่จะพึมพำ “ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่ มิบอกข้าสักคำว่ายันต์พวกนี้มีประโยชน์กระไรกันบ้าง มันน่านัก”เขายกยันต์ขึ้นมาแล้วเก็บไว้ในอกเสื้อจากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่มิไกลหลังจากซื้อม้าชั้นดีตัวหนึ่งในเมืองแล้วก็ควบม้าห้อตะบึงตรงไปยังทิศทางของเป่ยเยี่ยนมิหยุดหย่อน......วันรุ่งขึ้นภายในเมืองหลวงจินหลิงแห่งเป่ยเยี่ยนหยวนหัวกำลังก้าวเดินด้วยมือไพล่หลังอย่างหยิ่งยโสไปตามถนนสายหลักของเมืองเมื่อเดินผ่านแผงลอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งก็เห็นเครื่องหยกบนแผงนั้นงดงามเป็นพิเศษ จึงหยิบขึ้นมาพินิจดูพ่อค้าเห็นว่าอาภรณ์ของเขามิธรรมดา จึงรีบกล่าวแนะนำว่า “คุณชายตาถึงมากขอรับ นี่คือเครื่องประดับที่แกะสลักจากหยกขาวมันแพะ ขายเพียงหนึ่งถึงสองตำลึงเงินเท่านั้นขอรับ”หยวนหัวมองเครื่องประดับในมือสองสามครั้ง แล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ของมิเลว ข้าจะเอา”พูดจบ เขาก็ถือเครื่องหยกหันหลังเดินออกไปเมื่อ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 717

    “ดินแดนเป่ยเยี่ยนมีแต่อันตรายรอบด้าน พาเจ้าไปด้วยมีแต่จะทำข้าพะวง”“แต่คนมันอดคิดถึงพระองค์มิได้นี่เพคะ”เซี่ยหลานกอดฉินซูจากด้านหลังพลางซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างหนาของเขาและสะอื้นไห้เบา ๆฉินซูอดใจอ่อนมิได้ จึงหันกลับไปโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน เขาเชยคางเรียวเล็กของนางขึ้นพร้อมจุมพิตลึกซึ้งจากนั้นฉินซูก็คิดจะหันหลังเดินออกไป แต่ก็กลับถูกเซี่ยหลานรั้งแขนไว้แน่นเห็นเซี่ยหลานแสดงสีหน้าอาลัยอาวรณ์ ดวงตาคู่งามที่มีน้ำตาคลอหน่วยมองเขาอย่างตัดพ้อ“ก็ได้ ช้านิดช้าหน่อยคงมิเป็นกระไรหรอก”ฉินซูตัดสินใจเด็ดขาด อุ้มเซี่ยหลานแล้วกระโดดขึ้นเตียงอย่างรวดเร็วเซี่ยหลานทั้งตกใจและดีใจ จากนั้นก็ให้ความร่วมมืออย่างชำนิชำนาญในห้องรับรองตำหนักบูรพา เหลยเจิ้นที่กำลังนั่งจิบชาคอยอยู่ ในขณะนั้นเองหูของเขาก็กระดิกเล็กน้อยแล้วตั้งตรงขึ้นวินาทีต่อมา เขาก็บ่นพึมพำออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ “คนหนุ่มสาวสมัยนี้ มิรู้จักแยกแยะเรื่องสำคัญเร่งด่วนกระไรกันเลย นี่มันเวลาไหนแล้วยังคิดถึงเรื่องนั้นอีก เฮ้อ”สองเค่อต่อมาฉินซูก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา “หัวหน้าโหรหลวง ออกเดินทางได้แล้ว”“องค์รัชทายาททรงมีกำลังวังช

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 716

    กู้เสวี่ยเจี้ยนถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ท่านว่ากระไรนะ? หนานเยวี่ยถูกทำลายแล้วหรือ?”“ใช่ เพิ่งได้รับข่าวเมื่อมินานมานี้ ฉินซูใช้กลอุบายเล็กน้อยก็บีบบังคับให้ทหารหนานเยวี่ยแสนนายยอมจำนน จากนั้นยังนำทหารชั้นยอดเพียงหมื่นนายบุกเข้ายึดเมืองหลวงของหนานเยวี่ย และสังหารเชื้อพระวงศ์หนานเยวี่ยจนหมดสิ้น”“มิจริงกระมัง? ท่านแน่ใจหรือว่าข่าวนั้นเป็นความจริง?” กู้เสวี่ยเจี้ยนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข่าวนี้เป็นความจริงทุกประการ ต้องยอมรับว่าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดแห่งต้าเหยียนผู้นี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง หากเขามา บางทีอาจจะช่วยข้าได้”“ท่านต้องการให้ฉินซูช่วยท่านทำกระไรหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองซ่างกวนอวิ๋นซีด้วยความหวาดระแวง“ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เอง เอาเถอะ เจ้าลงไปได้แล้ว ข้าจะฝึกวิชา”ซ่างกวนอวิ๋นซีออกคำสั่งไล่แขกดื้อ ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนเบะปากแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปซ่างกวนอวิ๋นซีกลับไปยังห้องฝึกตน จากนั้นก็ร่ายเวทด้วยสองมือ ตวัดนิ้วส่งพลังปราณไปยังกระจกทองเหลืองบานหนึ่งในเวลาเดียวกันภายในสำนักหอดูดาวหลวงแห่งต้าเหยียนเหลยเจิ้นกำลังนั่งสมาธิบำเพ็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 715

    มู่หรงเซี่ยวเทียนอธิบายว่า “คุณชายหยวน เทพธิดาซ่างกวนกำลังกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่จริง ๆ หากท่านมิเชื่อ ท่านสามารถไปดูที่หอดารารักษ์ได้”“ข้าต้องไปแน่ ข้าขอพูดตามตรง ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อสู่ขอนาง เทพธิดาซ่างกวน ข้าจะต้องแต่งกับนางให้ได้!”“การได้รับความเมตตาจากคุณชายหยวนนับเป็นบุญของเทพธิดาซ่างกวน คุณชายหยวนโปรดวางใจ เมื่อนางออกจากด่านกักตนบำเพ็ญเพียรแล้ว ข้าจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อให้ท่านด้วยตนเอง”หยวนหัวยิ้มประสานมือคารวะมู่หรงเซี่ยวเทียน “เช่นนั้น ก็ขอบพระทัยฝ่าบาทแห่งเป่ยเยี่ยนยิ่งนัก”"คุณชายหยวนเกรงใจเกินไปแล้ว เชิญเถิด"จากนั้น มู่หรงเซี่ยวเทียนก็นำคณะของแคว้นฉีเข้าเมืองในหมู่เชื้อพระวงศ์แห่งเป่ยเยี่ยน หญิงสาววัยสิบแปดสิบเก้าปีคนหนึ่งแค่นเสียงเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ว่า “หึ แคว้นฉีพูดเสียดิบดีว่าจะส่งองค์รัชทายาทมาตรวจราชการ เสด็จพ่อจึงเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง ใครจะคิดว่าคนที่มาจะเป็นเพียงบุตรชายของอ๋องเซียงหยาง ช่างมิเห็นหัวคนเสียนี่กระไร”“ใครว่ามิจริงเล่า ข้าเองก็รู้สึกแย่พอกัน หากเป็นอ๋องเซียงหยางเสด็จมาด้วยตนเอง เสด็จพ่อเสด็จออกไปต้อนรับก็ยังพอว่า แต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 714

    เป่ยเยี่ยนทั่วทั้งเมืองจินหลิงตกอยู่ภายใต้การวางกำลังที่เข้มงวดภายในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาลของเป่ยเยี่ยนแห่งนี้ สามารถพบเห็นทหารกองรักษาการณ์พร้อมอาวุธได้ทุกหนทุกแห่งบริเวณประตูเมืองทางเหนือมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยมีกองทัพทหารม้าเกราะหนักซึ่งเป็นกองกำลังที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดของเป่ยเยี่ยนเป็นผู้รักษาการณ์พรมแดงที่โดดเด่นสะดุดตาผืนหนึ่งทอดยาวจากถนนสายหลักเมืองทางฝั่งเหนือ ไปจนถึงนอกประตูเมืองทางทิศเหนือขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นของเป่ยเยี่ยนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ราชรถหรูหราโอ่อ่าของจักรพรรดิจอดอยู่ภายนอกประตูเมืองทางเหนือมู่หรงเซี่ยวเทียนในชุดลายมังกรที่ยืนอยู่สุดปลายพรมแดงกำลังมองไปยังทิศทางอันห่างไกลเบื้องหลังของเขาคือเหล่าพระโอรสและพระธิดามิว่าจะเป็นขุนนางข้าราชบริพาร หรือมู่หรงเซี่ยวเทียน หรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ ต่างก็ตั้งตารอคอยราวกับกำลังรอคอยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ก็มิปาน“ฝ่าบาท พวกเขากำลังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากกำแพงเมืองมู่หรงเซี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ มองออกไป เห็นขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ บนถนนหลวงที่อยู่ไกลออกไป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 713

    "บัดนี้องค์รัชทายาทยังได้แสดงวรยุทธ์อันน่าตื่นตะลึงออกมา ข้าน้อยเห็นว่าก็สามารถใช้ประโยชน์จากองค์รัชทายาทได้ในด้านการประลองยุทธ์พ่ะย่ะค่ะหากมีองค์รัชทายาทเข้าร่วมโดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ราชวงศ์ต้าเหยียนน่าจะสามารถก้าวเข้าสู่สามสิบอันดับแรกได้และหากแสดงฝีมือได้ดี บางทีอันดับของต้าเหยียนในกลุ่มแคว้นลำดับรองอาจจะขยับขึ้นได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวโบกมือ กล่าวด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เรื่องอันดับนั้นมิสำคัญ จุดประสงค์ที่เราเข้าร่วมการประชุมระหว่างแคว้นคือการเข้าสู่สามสิบอันดับแรก แล้วชิงสิทธิ์ในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน”“เช่นนั้นก็ง่ายดาย ข้าน้อยเตรียมพร้อมทุกประการแล้ว ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ ย่อมต้องพบเทพศาสตราวุธในตำนานและเมล็ดพันธุ์พืชอันล้ำค่า ถึงยามนั้น การที่ต้าเหยียนจะก้าวขึ้นเป็นแคว้นผู้นำก็อยู่แค่เอื้อม”เหลยเจิ้นกล่าวแล้วก็อดตื่นเต้นมิได้ดังที่เคยกล่าวไว้แต่ต้น เมื่อสองร้อยปีก่อน ในแผ่นดินเฉินโจว ต้าเหยียนนั้นเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดสนใจต่อมาหลังจากได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน ก็บังเอิญได้ครอบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status