Share

บทที่ 274

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
หลิวเว่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ใช่พ่ะย่ะค่ะ เช้าวันนี้ พวกเราศาลต้าหลี่ได้รับแจ้งถึงสิบคดีพร้อมกัน มีผู้มารายงานว่า บุตรสาวของพวกเขาหายไปเมื่อคืน ตามหาเท่าไรก็มิพบร่องรอย นี่จึงเป็นเหตุให้พวกเราต้องออกค้นหาไปทั่วทั้งเมืองพ่ะย่ะค่ะ"

"หายตัวไปอย่างนั้นหรือ? ทั้งหมดกี่คน?"

"สิบคนพ่ะย่ะค่ะ ตามที่ผู้รายงานให้ข้อมูล บรรดาผู้สูญหายล้วนเป็นหญิงสาว อายุระหว่างสิบแปดถึงยี่สิบห้าปี และล้วนยังมิได้แต่งงานออกเรือน"

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินซูขมวดคิ้วแล้วถามว่า "ก่อนหน้านี้เคยมีคดีในลักษณะนี้เกิดขึ้นหรือไม่?"

หลิวเว่ยส่ายหน้า "มิเคยเกิดขึ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ เมืองหลวงเป็นสถานที่ซึ่งอยู่ใต้พระเนตรพระกรรณขององค์จักรพรรดิ ช่วงหลายปีมานี้จึงมิเคยมีคดีเช่นนี้เกิดขึ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ"

"ฟังจากที่เจ้าพูดมา หมายความว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้ใช่หรือไม่?"

"ก็คงใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่มิใช่ในเมืองหลวง กลับเป็นหมู่บ้านมู่เจีย ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางใต้ราวสิบลี้ เมื่อห้าปีก่อนก็เคยมีหญิงสาวบางคนหายตัวไปจากที่นั่น จนบัดนี้ยังหาตัวมิพบเลยพ่ะย่ะค่ะ"

ฉินซูเลิกคิ้วแล้วถามว่า "ในตอนนั้น หญิงสาว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
udofree
ฮ่วย มาวันละจอน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 275

    "มิปกติหรือ? ไม่มีอะไรนี่เจ้าคะ เหตุใดจู่ ๆ ท่านปู่ถึงถามเช่นนี้?" "เมื่อก่อนองค์รัชทายาทก็มีแต่จะหลงมัวเมาในสุรานารี แต่มินานมานี้กลับราวกับเป็นคนใหม่ เริ่มจากการเอาชนะการแข่งกวีกับขุนนางอาวุโสของเป่ยเยี่ยน จากนั้นก็วางแผนกักตัวองค์ชายมู่หรงฟู่จากเป่ยเยี่ยนไว้ที่เมืองหลวง ทำให้เป่ยเยี่ยนมิกล้าเอ่ยอ้างสิทธิ์ในเมืองชิ่งโจวอีก และมิกี่วันมานี้ยังทำให้อ๋องจิ้นถูกลดขั้นเป็นเฉินหลิวอ๋อง แม้แต่อ๋องหนิงก็พลาดท่าให้เขาครั้งใหญ่เช่นกัน การเปลี่ยนแปลงขององค์รัชทายาทเช่นนี้มินับว่าแปลกหรือ?" เซี่ยหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย "เรื่องที่ฉินเหยี่ยนถูกลดขั้น และอ๋องหนิงพลาดท่า ก็เพราะพวกเขาทำตัวเองทั้งนั้นนะเจ้าคะ" เซี่ยเหอพูดด้วยความมิพอใจ "หากมิใช่เพราะองค์รัชทายาทแสดงฝีมือออกมา อ๋องจิ้นและอ๋องหนิงจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้หรือ? เอาเถอะ ปู่จะมิพูดอ้อมค้อมแล้ว เจ้าก็บอกตาตรง ๆ เถอะว่า ใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังองค์รัชทายาทกันแน่?" "ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านปู่ต้องถามเรื่องนี้ แต่คงต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้ว เพราะจากที่ข้ารู้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังองค์รัชทายาทเลย อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มีเจ้าค่ะ" "ไม่มี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 276

    ฉินซูยกมือขึ้นอย่างมาดมั่นแล้วกล่าวว่า "เรื่องช่วยหรือมิช่วยน่ะไม่มีหรอก เจ้ามีเรื่องอะไร ก็บอกมาเถอะ" "หม่อมฉันอยากให้ท่านไปที่ศาลต้าหลี่ ดูว่าพวกเขาสืบพบเบาะแสอะไรบ้าง" "เฮ้อ ข้าก็นึกว่าเรื่องใหญ่โตอะไร เอาล่ะ บอกมาสิว่าสหายของเจ้ามีนามว่าอะไร?" "ลู่ซวงเอ๋อร์" "ได้สิ ข้าจะไปศาลต้าหลี่เดี๋ยวนี้เลย" เซี่ยหลานกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข "องค์รัชทายาท ขอบพระทัยท่านมากเพคะ" "พวกเราสนิทกันถึงขนาดนี้แล้ว มิต้องมาพูดขอบคุณอะไรกันหรอก" ฉินซูเอื้อมมือไปแตะจมูกของนางเบา ๆ ใบหน้าของเซี่ยหลานขึ้นสีแดงระเรื่อ แล้วนางก็มองไปรอบ ๆ ด้วยความกังวล โชคดีที่ในห้องไม่มีใครอยู่ นางจึงพูดเสียงเบา "องค์รัชทายาท ต่อไปท่านต้องระวังพระองค์หน่อยนะเพคะ หากชูโม่เห็นเข้า หม่อมฉันคงต้องลำบากอธิบายแน่ ๆ" ฉินซูมิสนใจ ยักไหล่ "หากนางจะรู้ก็รู้ไปสิ จะกลัวอะไร" "หาอย่าได้ตรัสเช่นนั้นเลยเพคะ หากนางรู้เข้าจริง ๆ นางจะต้องโกรธหม่อมฉันแน่ อย่างน้อยก็ยังมิใช่ตอนนี้ ขอร้องเถิดเพคะ" "ก็ได้ ๆ ต่อไปข้าจะระวัง แต่แบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน" พูดจบ ฉินซูก็จุมพิตลงที่ปากของเซี่ยหลานอย่างรวดเร็ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 277

    ฉินซูก็มาถึงศาลต้าหลี่ทหารยามที่ประตูเมื่อเห็นฉินซู รีบคุกเข่าคารวะทันทีฉินซูโบกมือให้พวกเขาลุกขึ้น แล้วถามว่า “ใต้เท้าหวังอยู่หรือไม่?”“ทูลฝ่าบาท ใต้เท้าหวังอยู่พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังจัดการเอกสารอยู่ในห้องโถง”ฉินซูพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปยังห้องโถงของศาลต้าหลี่ภายในห้องโถงบนโต๊ะตรงหน้าของหวังฉือเต็มไปด้วยเอกสารมากมาย เขากำลังง่วนอยู่กับการจัดการเอกสารอย่างขะมักเขม้น ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและเคร่งเครียดเมื่อเห็นหวังฉือกำลังจดจ่อ ฉินซูจึงกระแอมเบา ๆหวังฉือเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณเมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเยือนคือฉินซู ใบหน้าของเขาก็แสดงความประหลาดใจและรีบออกมาต้อนรับ“ข้าน้อยขอถวายคำนับองค์รัชทายาท มิทราบว่าพระองค์เสด็จมา จึงมิได้ออกมาต้อนรับแต่เนิ่น ๆ ขอพระองค์โปรดอภัยพ่ะย่ะค่ะ!”“มิเป็นไร ลุกขึ้นเถิด”“ขอบพระทัยองค์รัชทายาท! มิทราบว่าพระองค์เสด็จมาด้วยเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินซูพูดอย่างมิใส่ใจว่า “เมื่อเช้านี้ ข้าได้พบกับรองหัวหน้าหลิวที่โรงน้ำชา เขากำลังสืบคดีอยู่ ข้าจึงได้ทราบว่า มีหญิงสาวสิบคนหายตัวไปอย่างลึกลับ จึงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตนเอง”“เฮ้อ เรื

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 278

    หวังฉือหันมามองฉินซูแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “รีบพานางเข้ามาเร็วเข้า”ครู่หนึ่ง หญิงสาวคนหนึ่งก็ถูกพาตัวเข้ามานางเป็นหญิงสาวที่ดูมีอายุประมาณสิบแปดถึงสิบเก้าปี แต่งกายเรียบง่ายเมื่อเข้ามาแล้ว นางก็คุกเข่าลงด้วยท่าทีหวาดกลัวหวังฉือรีบเข้ามาประคองนางขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “แม่นาง มิต้องกลัว ลุกขึ้นเถิด เจ้าว่าเจ้าพบเห็นเหตุการณ์ที่มีการลักพาตัวหญิงสาวไป จริงหรือไม่?”เด็กสาวรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่เจ้าค่ะใต้เท้า ข้ามีนามว่าซิ่วเอ๋อ คืนนั้นข้าได้นัดกับสหายว่าจะไปที่ตรอกผิงคัง แต่รอที่จุดนัดหมายอยู่นานสองนานก็มิเห็นนางมา ข้าจึงคิดจะไปหานางที่บ้าน แต่เดินไปได้มิไกล ก็เห็นว่านางถูกคนจับตัวไป...”“สหายของเจ้ามีนามว่าอะไร?”“ลู่ซวงเอ๋อร์เจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินซูก็มีท่าทางสนใจขึ้นมาแล้วถามว่า “ตอนนั้นเจ้ามองเห็นหรือไม่ว่าคนที่จับตัวซวงเอ๋อร์นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?”ซิ่วเอ๋อมองไปที่ฉินซู แล้วหันไปมองหวังฉืออีกครั้ง ครู่หนึ่งนางก็ยังมิตอบ ราวกับว่ามีบางสิ่งที่นางเกรงกลัวอยู่ในใจหวังฉือเห็นท่าทีดังกล่าวจึงรีบพูดว่า “แม่นางอย่าได้กลัว ท่านนี้คือองค์รัชทายาท พระองค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 279

    ซิ่วเอ๋อหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบา ๆตงฟางไป๋จึงแบกนางขึ้นหลังแล้วรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่างฉินซูเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจจากนั้นจึงถามขึ้นว่า “ใต้เท้าหวังคิดจะทำสิ่งใดต่อ?”หวังฉือตอบ “กระหม่อมจะไปดูจุดที่ซิ่วเอ๋อพูดถึง บางทีอาจจะพบเบาะแสอะไรบ้าง”“ข้าเองก็ว่างอยู่ จะขอตามท่านไปด้วยแล้วกัน”“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นเชิญองค์รัชทายาท”หวังฉือนำเจ้าหน้าที่ไปหลายคน เดินทางไปพร้อมกับฉินซูมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมเทียนเวยที่ด้านหลังโรงเตี๊ยมเทียนเวย เป็นทางเดินสายเล็ก ๆ ข้างทางมีต้นอู๋ถงปลูกอยู่หนึ่งต้นตอนนี้เข้าสู่ช่วงปลายสารทฤดูแล้ว ใบอู๋ถงร่วงหล่นเต็มพื้นเมื่อหวังฉือและคนอื่น ๆ มาถึง ต่างก็หันไปมองฉินซูฉินซูพูดอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มองข้าด้วยเหตุใดเล่า พวกเจ้าเคยสืบสวนกันอย่างไร ก็ทำตามนั้นไปสิ”หวังฉือพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปสอบถามบ้านเรือนทีละหลังส่วนฉินซูกวาดตามองไปรอบ ๆ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยใบไม้ร่วงหล่นทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นแสงแดดสะท้อนจากอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้ใบไม้เขาเดินไปหยิบใบไม้ออก เห็นต่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 280

    บริเวณหว่างคิ้วของฉินเหยี่ยนแผ่กระจายไอสังหารที่เย็นยะเยือก ความเย็นชาปรากฏในแววตาของเขาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ ซุนฉีถึงกับสะดุ้งในใจ เพราะตั้งแต่ติดตามฉินเหยี่ยนมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความโกรธแค้นและน่ากลัวจากสีหน้าของฉินเหยี่ยนฉินเหยี่ยนเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “จับตาดูจวนอ๋องหนิงไว้ หากฉินเซียวออกจากจวนเพียงลำพังเมื่อใด จงรีบมารายงานข้า”ซุนฉีตกใจและถามอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง ท่านคิดจะลงมือกับอ๋องหนิงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เขาส่งคนมาลอบสังหารข้า แถมยังสังหาหลิงเอ๋อร์ หากมิได้องค์รัชทายาทช่วยไว้ ข้าคงตายไปนานแล้ว ความแค้นลึกซึ้งเพียงนี้ หากมิฆ่าฉินเซียว ข้ามิถือว่าเป็นคนอีกต่อไป!”“แต่กระหม่อมเกรงว่ามิง่ายอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ เพราะตอนนี้ฝ่าบาทได้สั่งกักบริเวณอ๋องหนิงแล้ว หากไม่มีรับสั่งจากฝ่าบาท อ๋องหนิงคงมิออกจากจวนแน่”“เจ้าจับตาดูเขาไปก่อน กักบริเวณเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ในท้ายที่สุดเสด็จพ่อก็ต้องปล่อยเขาเป็นอิสระอยู่ดี”ฉินเหยี่ยนหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อว่า “ช่วงนี้ข้าออกไปข้างนอกมิสะดวกหากข้างนอกมีความเคลื่อนไหวใด ๆ เจ้าจงรีบมารายงานข้า”ซ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 281

    จากนั้นเขาก็กำลังจะคุกเข่าลงซุนฉีก็ห้ามอีกฝ่ายเอาไว้และพูดว่า “ลูกพี่ ตรงนี้มิเหมาะที่จะพูดคุยกัน เปลี่ยนสถานที่ดีหรือไม่?”“ขอรับ ๆ เชิญคุณชายเข้ามาด้านในขอรับ”มู่ลี่รีบเชิญซุนฉีเข้าไปหลังจากเข้าไปในบ้าน ซุนฉีก็ตรงเข้าประเด็น “ท่านอ๋องจิ้นมีคำสั่งให้เจ้าพาคนของเจ้าไปช่วยงานข้า”“หา? ท่านอ๋องจิ้นถูกลอบปลงพระชนม์ไปแล้วมิใช่หรือ? ทั้งในและนอกเมืองหลงเฉิงต่างก็ลือเรื่องนี้กันให้ทั่ว เหตุใด…”มิทันที่เขาจะพูดจบ ซุนฉีก็โบกมือ “ท่านอ๋องแกล้งตาย มิเช่นนั้นข้าคงมิรู้การมีตัวตนอยู่ของพวกเจ้า”“ก็จริง สวรรค์ช่างมีตา ช่างดีเหลือเกินที่ท่านยังมีพระชนม์ชีพอยู่”“มิต้องพูดให้มากความ คนของเจ้าอยู่ที่ใด? ไปรวบรวมพวกเขามา ค่ำแล้วพวกเราจะได้ลงมือกัน”มู่ลี่พยักหน้า จากนั้นก็ไปหาชายฉกรรจ์มาสี่ห้าคนทั่วร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ และมีดวงตาที่คมปลาบ เพียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าพวกเขาคือนักสู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาหลังจากที่ทุกคนมาถึงแล้ว มู่ลี่ก็ถามอย่างระมัดระวัง “ท่านใต้เท้า มิทราบว่าต่อไปพวกเราต้องทำอะไรหรือขอรับ?”“ลักพาตัว!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่ลี่และคนอื่น ๆ ต่างมองหน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 282

    สิ้นเสียงคำรามอันอ่อนหวาน ร่างเพรียวบางร่างหนึ่งก็ตกลงมาจากฟากฟ้า!คนผู้นี้มีใบหน้าที่งดงามชวนให้จกจะลึง อาภรณ์ที่พลิ้วไหวสง่า ราวกับนางฟ้าที่ลงมาจุติยังใต้หล้ามนุษย์ปรากฎว่านั่นคือฉงชูโม่!นางกำลังจะไปเฝ้าสังเกตการณ์ละแวกจวนอ๋องหนิง และบังเอิญได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือในตอนที่เดินผ่านพอดีทำให้ซุนฉีถูกจับได้คาหนังคาเขา!เมื่อซุนฉีเห็นชัดเจนว่าคนที่มาคือฉงชูโม่ เขาก็ตกใจมากเขาโยนสตรีที่อยู่บนไหล่ไปทางฉงชูโม่โดยมิลังเล พลางหันหลังและวิ่งหนีไปฉงชูโม่รับสตรีนางนั้นด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็สะบัดนิ้ว“เป๊าะ!”กระแสลมแรงพัดออกมาจากนิ้วของนาง และกระแทกเข้ากับจุดฝูทู่[footnoteRef:0]ของซุนฉีอย่างแม่นยำ! [0: จุดฝูทู่ คือจุดฝังเข็มที่ต้นขาด้านหน้า] ซุนฉีรู้สึกขาชาและล้มลงกับพื้น!ฉงชูโม่ถามสตรีนางนั้นว่า “เจ้ามิเป็นอะไรใช่หรือไม่?”“ฮือ ๆ … ข้ามิ… มิเป็นไร ขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่ฉงที่ช่วยข้าไว้” หญิงสาวตกใจมากจนร้องไห้ด้วยสีหน้าหวาดกลัวหากนางมิได้พบกับฉงชูโม่ นางก็นึกมิออกว่าจุดจบของนางจะเป็นอย่างไรฉงชูโม่ปลอบนางอีกมิกี่คำแล้วเดินไปหาซุนฉีนางเหลือบมองซุนฉีและ

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 718

    ฉินซูเปิดกล่องไม้ในมือแล้วมองเข้าไปข้างใน เห็นเพียงขวดกระเบื้องขนาดเล็กที่ภายในบรรจุโอสถลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดถั่วนอกจากนั้น ยังมียันต์กระดาษสีเหลืองวางอยู่อีกสองสามแผ่นเมื่อเห็นดังนั้น เขาก็อดมิได้ที่จะพึมพำ “ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่ มิบอกข้าสักคำว่ายันต์พวกนี้มีประโยชน์กระไรกันบ้าง มันน่านัก”เขายกยันต์ขึ้นมาแล้วเก็บไว้ในอกเสื้อจากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่มิไกลหลังจากซื้อม้าชั้นดีตัวหนึ่งในเมืองแล้วก็ควบม้าห้อตะบึงตรงไปยังทิศทางของเป่ยเยี่ยนมิหยุดหย่อน......วันรุ่งขึ้นภายในเมืองหลวงจินหลิงแห่งเป่ยเยี่ยนหยวนหัวกำลังก้าวเดินด้วยมือไพล่หลังอย่างหยิ่งยโสไปตามถนนสายหลักของเมืองเมื่อเดินผ่านแผงลอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งก็เห็นเครื่องหยกบนแผงนั้นงดงามเป็นพิเศษ จึงหยิบขึ้นมาพินิจดูพ่อค้าเห็นว่าอาภรณ์ของเขามิธรรมดา จึงรีบกล่าวแนะนำว่า “คุณชายตาถึงมากขอรับ นี่คือเครื่องประดับที่แกะสลักจากหยกขาวมันแพะ ขายเพียงหนึ่งถึงสองตำลึงเงินเท่านั้นขอรับ”หยวนหัวมองเครื่องประดับในมือสองสามครั้ง แล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ของมิเลว ข้าจะเอา”พูดจบ เขาก็ถือเครื่องหยกหันหลังเดินออกไปเมื่อ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 717

    “ดินแดนเป่ยเยี่ยนมีแต่อันตรายรอบด้าน พาเจ้าไปด้วยมีแต่จะทำข้าพะวง”“แต่คนมันอดคิดถึงพระองค์มิได้นี่เพคะ”เซี่ยหลานกอดฉินซูจากด้านหลังพลางซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างหนาของเขาและสะอื้นไห้เบา ๆฉินซูอดใจอ่อนมิได้ จึงหันกลับไปโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน เขาเชยคางเรียวเล็กของนางขึ้นพร้อมจุมพิตลึกซึ้งจากนั้นฉินซูก็คิดจะหันหลังเดินออกไป แต่ก็กลับถูกเซี่ยหลานรั้งแขนไว้แน่นเห็นเซี่ยหลานแสดงสีหน้าอาลัยอาวรณ์ ดวงตาคู่งามที่มีน้ำตาคลอหน่วยมองเขาอย่างตัดพ้อ“ก็ได้ ช้านิดช้าหน่อยคงมิเป็นกระไรหรอก”ฉินซูตัดสินใจเด็ดขาด อุ้มเซี่ยหลานแล้วกระโดดขึ้นเตียงอย่างรวดเร็วเซี่ยหลานทั้งตกใจและดีใจ จากนั้นก็ให้ความร่วมมืออย่างชำนิชำนาญในห้องรับรองตำหนักบูรพา เหลยเจิ้นที่กำลังนั่งจิบชาคอยอยู่ ในขณะนั้นเองหูของเขาก็กระดิกเล็กน้อยแล้วตั้งตรงขึ้นวินาทีต่อมา เขาก็บ่นพึมพำออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ “คนหนุ่มสาวสมัยนี้ มิรู้จักแยกแยะเรื่องสำคัญเร่งด่วนกระไรกันเลย นี่มันเวลาไหนแล้วยังคิดถึงเรื่องนั้นอีก เฮ้อ”สองเค่อต่อมาฉินซูก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา “หัวหน้าโหรหลวง ออกเดินทางได้แล้ว”“องค์รัชทายาททรงมีกำลังวังช

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 716

    กู้เสวี่ยเจี้ยนถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ท่านว่ากระไรนะ? หนานเยวี่ยถูกทำลายแล้วหรือ?”“ใช่ เพิ่งได้รับข่าวเมื่อมินานมานี้ ฉินซูใช้กลอุบายเล็กน้อยก็บีบบังคับให้ทหารหนานเยวี่ยแสนนายยอมจำนน จากนั้นยังนำทหารชั้นยอดเพียงหมื่นนายบุกเข้ายึดเมืองหลวงของหนานเยวี่ย และสังหารเชื้อพระวงศ์หนานเยวี่ยจนหมดสิ้น”“มิจริงกระมัง? ท่านแน่ใจหรือว่าข่าวนั้นเป็นความจริง?” กู้เสวี่ยเจี้ยนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข่าวนี้เป็นความจริงทุกประการ ต้องยอมรับว่าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดแห่งต้าเหยียนผู้นี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง หากเขามา บางทีอาจจะช่วยข้าได้”“ท่านต้องการให้ฉินซูช่วยท่านทำกระไรหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองซ่างกวนอวิ๋นซีด้วยความหวาดระแวง“ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เอง เอาเถอะ เจ้าลงไปได้แล้ว ข้าจะฝึกวิชา”ซ่างกวนอวิ๋นซีออกคำสั่งไล่แขกดื้อ ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนเบะปากแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปซ่างกวนอวิ๋นซีกลับไปยังห้องฝึกตน จากนั้นก็ร่ายเวทด้วยสองมือ ตวัดนิ้วส่งพลังปราณไปยังกระจกทองเหลืองบานหนึ่งในเวลาเดียวกันภายในสำนักหอดูดาวหลวงแห่งต้าเหยียนเหลยเจิ้นกำลังนั่งสมาธิบำเพ็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 715

    มู่หรงเซี่ยวเทียนอธิบายว่า “คุณชายหยวน เทพธิดาซ่างกวนกำลังกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่จริง ๆ หากท่านมิเชื่อ ท่านสามารถไปดูที่หอดารารักษ์ได้”“ข้าต้องไปแน่ ข้าขอพูดตามตรง ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อสู่ขอนาง เทพธิดาซ่างกวน ข้าจะต้องแต่งกับนางให้ได้!”“การได้รับความเมตตาจากคุณชายหยวนนับเป็นบุญของเทพธิดาซ่างกวน คุณชายหยวนโปรดวางใจ เมื่อนางออกจากด่านกักตนบำเพ็ญเพียรแล้ว ข้าจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อให้ท่านด้วยตนเอง”หยวนหัวยิ้มประสานมือคารวะมู่หรงเซี่ยวเทียน “เช่นนั้น ก็ขอบพระทัยฝ่าบาทแห่งเป่ยเยี่ยนยิ่งนัก”"คุณชายหยวนเกรงใจเกินไปแล้ว เชิญเถิด"จากนั้น มู่หรงเซี่ยวเทียนก็นำคณะของแคว้นฉีเข้าเมืองในหมู่เชื้อพระวงศ์แห่งเป่ยเยี่ยน หญิงสาววัยสิบแปดสิบเก้าปีคนหนึ่งแค่นเสียงเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ว่า “หึ แคว้นฉีพูดเสียดิบดีว่าจะส่งองค์รัชทายาทมาตรวจราชการ เสด็จพ่อจึงเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง ใครจะคิดว่าคนที่มาจะเป็นเพียงบุตรชายของอ๋องเซียงหยาง ช่างมิเห็นหัวคนเสียนี่กระไร”“ใครว่ามิจริงเล่า ข้าเองก็รู้สึกแย่พอกัน หากเป็นอ๋องเซียงหยางเสด็จมาด้วยตนเอง เสด็จพ่อเสด็จออกไปต้อนรับก็ยังพอว่า แต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 714

    เป่ยเยี่ยนทั่วทั้งเมืองจินหลิงตกอยู่ภายใต้การวางกำลังที่เข้มงวดภายในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาลของเป่ยเยี่ยนแห่งนี้ สามารถพบเห็นทหารกองรักษาการณ์พร้อมอาวุธได้ทุกหนทุกแห่งบริเวณประตูเมืองทางเหนือมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยมีกองทัพทหารม้าเกราะหนักซึ่งเป็นกองกำลังที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดของเป่ยเยี่ยนเป็นผู้รักษาการณ์พรมแดงที่โดดเด่นสะดุดตาผืนหนึ่งทอดยาวจากถนนสายหลักเมืองทางฝั่งเหนือ ไปจนถึงนอกประตูเมืองทางทิศเหนือขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นของเป่ยเยี่ยนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ราชรถหรูหราโอ่อ่าของจักรพรรดิจอดอยู่ภายนอกประตูเมืองทางเหนือมู่หรงเซี่ยวเทียนในชุดลายมังกรที่ยืนอยู่สุดปลายพรมแดงกำลังมองไปยังทิศทางอันห่างไกลเบื้องหลังของเขาคือเหล่าพระโอรสและพระธิดามิว่าจะเป็นขุนนางข้าราชบริพาร หรือมู่หรงเซี่ยวเทียน หรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ ต่างก็ตั้งตารอคอยราวกับกำลังรอคอยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ก็มิปาน“ฝ่าบาท พวกเขากำลังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากกำแพงเมืองมู่หรงเซี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ มองออกไป เห็นขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ บนถนนหลวงที่อยู่ไกลออกไป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 713

    "บัดนี้องค์รัชทายาทยังได้แสดงวรยุทธ์อันน่าตื่นตะลึงออกมา ข้าน้อยเห็นว่าก็สามารถใช้ประโยชน์จากองค์รัชทายาทได้ในด้านการประลองยุทธ์พ่ะย่ะค่ะหากมีองค์รัชทายาทเข้าร่วมโดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ราชวงศ์ต้าเหยียนน่าจะสามารถก้าวเข้าสู่สามสิบอันดับแรกได้และหากแสดงฝีมือได้ดี บางทีอันดับของต้าเหยียนในกลุ่มแคว้นลำดับรองอาจจะขยับขึ้นได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวโบกมือ กล่าวด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เรื่องอันดับนั้นมิสำคัญ จุดประสงค์ที่เราเข้าร่วมการประชุมระหว่างแคว้นคือการเข้าสู่สามสิบอันดับแรก แล้วชิงสิทธิ์ในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน”“เช่นนั้นก็ง่ายดาย ข้าน้อยเตรียมพร้อมทุกประการแล้ว ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ ย่อมต้องพบเทพศาสตราวุธในตำนานและเมล็ดพันธุ์พืชอันล้ำค่า ถึงยามนั้น การที่ต้าเหยียนจะก้าวขึ้นเป็นแคว้นผู้นำก็อยู่แค่เอื้อม”เหลยเจิ้นกล่าวแล้วก็อดตื่นเต้นมิได้ดังที่เคยกล่าวไว้แต่ต้น เมื่อสองร้อยปีก่อน ในแผ่นดินเฉินโจว ต้าเหยียนนั้นเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดสนใจต่อมาหลังจากได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน ก็บังเอิญได้ครอบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status