แกร๊ก~
"...พี่องศา!" ฉันเอ่ยชื่อคนตรงหน้าพร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปกอดเขาไว้แน่น "เกิดอะไรขึ้น...ของขวัญ" สัมผัสได้ว่ามือหนาพยายามจะดันตัวฉันออกห่าง แต่เป็นฉันเองที่ยังกอดเขาไว้แน่น ปล่อยเสียงสะอื้นให้ดังออกมาพร้อมน้ำตา "นะ หนูฝันร้าย" ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาเงยขึ้นมองสบตากับคนที่กำลังมองหน้าฉันอย่างงุนงง คิ้วดกเข้มขมวดเข้าหากัน กลิ่นแอลกอฮอล์ส่งผ่านในยามที่คนตัวโตถอนลมหายใจออกมา "ทำไมถึงไม่ยอมมาสักที หนูรอพี่ตั้งนาน" "พี่บอกว่าถ้าได้กลับ นั่นก็แปลว่าอาจจะกลับหรือไม่กลับก็ได้" "หนูผิดเองที่เป็นฝ่ายรอใช่ไหม" ฉันตัดพ้อออกมาอย่างน้อยใจ ความกลัวยังคงประเดประดังเข้ามาในความรู้สึก ฝันร้ายยังฉายซ้ำอยู่ในหัว เกือบนาทีที่เขาเลือกที่จะมองหน้าฉัน สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วยอมดึงมือฉันกลับเข้าไปในห้องตามเดิม "พี่เอารถมาส่ง" "ทำไมถึงไปนาน เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ" "...ดื่มต่อกับเพื่อนนิดหน่อย" น้ำตาเม็ดโตหยดลงเมื่อพี่องศาจบประโยค ในมือของเขามีเพียงรีโมทรถยนต์ของฉัน ไม่มีข้าวเหมือนที่เขาบอกว่าจะซื้อมาให้เหมือนที่บอกในตอนแรก บางทีเขาอาจจะลืมเรื่องที่คุยกับฉัน ตั้งแต่ตอนที่ก้าวออกไปจากห้องนี้แล้วด้วยซ้ำไป "ทำไมตัวสั่นขนาดนี้ แค่ฝันร้ายน่ะเหรอ" "มันน่ากลัวมาก" "อย่าคิดมากขนาดนั้นสิของขวัญ ความฝันมันเป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนที่เราหลับ ไม่ใช่เรื่องจริง" "แต่ทุกอย่างมันเหมือนจริงมาก หนูกลัวมาก หนูเกือบไม่ได้กลับมาเลยนะ" เสียงสะอื้นหลุดออกมาพร้อมคำพูดที่แฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว ฉันไม่เคยลืมว่าช่วงเวลาให้หลังฉันฝันร้ายมาโดยตลอด ฝันทำนองนี้ซ้ำๆ ฝันว่าเจอคนแปลกหน้า คนเหล่านั้นพยายามจะพาฉันไปที่ไหนสักที่ พยายามหยิบยื่นสิ่งของให้ น่าแปลกที่ทุกครั้งที่ฉันฝันร้าย คนเดียวที่ปรากฏตัวในฝันกลับเป็นข้าวสวย พี่สาวที่จากโลกนี้ไปแล้ว เป็นเขาที่คอยไปอยู่เป็นเพื่อน เป็นคนเข้ามาขับไล่คนแปลกหน้าที่พยายามเข้ามาวุ่นวายกับฉัน มันเป็นเรื่องแปลกที่ฉันไม่สามารถหาคำตอบได้เลยว่าเพราะอะไรฉันถึงต้องฝันแบบนี้ซ้ำๆ "โบราณบอกว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี" น้ำเสียงที่เหนื่อยมากพยายามปลอบฉัน หากเทียบกับความน่ากลัวที่ฉันเพิ่งเผชิญมามันไม่สามารถลบล้างกันได้เลย "คืนนี้พี่อยู่ที่นี่ได้ไหมคะ" "ผู้หญิงกับผู้ชายไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกัน" "แต่เราเป็นคู่หมั้นกันนะคะ หนูกลัว หนูไม่ถือ อยู่เป็นเพื่อนหนูหน่อยได้ไหม หนูขอร้อง" ฉันคว้ามือของพี่องศามาจับเอาไว้แน่น เผลอออกแรงบีบเพราะความกลัวกลับมาทำงานอีกครั้ง เพียงแค่คิดว่า เขาจะไม่อยู่เป็นเพื่อนฉันเด็ดขาด เขาจะปฏิเสธและทำทุกทางเพื่อให้ได้กลับไป "หนูขอร้อง และสัญญาว่าต่อจากนี้หนูจะไม่งี่เง่า จะไม่เรียกร้องอะไรจากพี่เด็ดขาด จะไม่ทำตัวน่ารำคาญให้พี่ต้องลำบากใจอีกเลย" "...อืม" เสียงตอบรับดังขึ้นอย่างแผ่วเบา พี่องศาอาจจะไม่ได้เต็มใจ กลับกันฉันกลับรู้สึกอุ่นใจมาก สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและปลอดภัย น่าแปลกที่ฉันมั่นใจว่าถ้าพี่องศาอยู่ตรงนี้ฉันจะไม่ฝันร้ายซ้ำ ตอนนี้แค่เขาคนเดียวที่ฉันต้องการ ความหวาดกลัวที่เกาะกุมอยู่ในใจทำให้ฉันนั่งมองประตูห้องน้ำตลอดเวลา นับนาทีและแทบนับวินาทีรอด้วยซ้ำ จนกระทั่งประตูห้องน้ำถูกเปิดและร่างสูงโปร่งก้าวขาออกมา พี่องศาชะงักไปเมื่อถูกฉันจ้องมอง ร่างสูงก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียวรอบเอวสอบพอหมิ่นเหม่ "ทำไมถึงยังไม่นอน" "หนูรอพี่" "พี่จะออกไปนอนที่โซฟา" "นอนที่เตียงไม่ได้เหรอคะ" "พี่เป็นผู้ชาย" "หนูอยู่คนเดียวไม่ได้" เสียงสะอื้นพานให้คนตัวโตถอนลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เขาเหมือนคนที่กำลังคิดเรื่องบางอย่างอยู่ในหัว บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยากอยู่ที่นี่เลยสักวินาที "อยากให้อยู่ก็ยอมอยู่ให้แล้ว ไหนบอกจะไม่เรียกร้องไง" ฉันกัดปากตัวเองอย่างแรง มองร่างสูงที่ก้าวเข้าไปในห้องแต่งตัวตาละห้อย เพราะอะไรคู่หมั่นหนุ่มถึงไม่ใยดีเธอขนาดนี้ ทำไมไม่ใจดีและทำเหมือนรักกันออกมาบ้างเลย! [ END ] -องศา- ผมจัดการตัวเองในห้องแต่งตัวโทนสีชมพูของคนที่อยู่ในสถานะคู่หมั้น กวาดสายตามองเครื่องสำอางที่วางอยู่ตรงหน้า ไม่รู้เลยว่าอันไหนคือครีมบำรุงผิวหน้า สุดท้ายทำได้เพียงบีบครีมบำรุงผิวกายใส่ฝ่ามือก่อนจะลูบไล้ไปที่ใบหน้าของตัวเอง กลิ่นหอมของโลชั่นบำรุงผิว เป็นสัญญาณที่ทำให้รู้ตลอดเวลาว่ารอบตัวผมตอนนี้มีสตรีเพศ ยิ่งมองเห็นเสื้อผ้าและเครื่องแต่งตัวของคู่หมั้นสาว มันยิ่งย้ำชัดว่าบางสิ่งบางอย่างที่ผมอยากทำ มันไม่ใช่เวลาที่ผมควรทำ ผมไม่มีสิทธิ์ชัดเจนต่อความรู้สึกของตัวเองถ้ายังมีของขวัญอยู่ในชีวิต! ผมก้าวขาออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยการสวมใส่กางเกงยีนส์ขายาวตัวเดิมเพียงตัวเดียว ตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อมองเห็นร่างบอบบางยืนชืดขอบเคาน์เตอร์ในห้องครัว ในมือมีแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของขวัญยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดก่อนจะรินจากขวดใหม่ สีหน้าเครียดและหลุดความหวาดกลัวออกมาค่อนข้างชัดเจน "นี่มันจะตีสี่แล้วนะ ทำไมถึงยังไม่นอน" "...หนูไม่กล้านอน" "ของขวัญ!" "ถ้าเช้าแล้วพี่กลับเลยก็ได้นะคะ เช้าเมื่อไหร่หนูจะนอนเอง" ขอบตาที่แดงก่ำ ตากลมที่มีน้ำใสๆ หล่อเลี้ยงอยู่ในนั้นบ่งบอกว่าคนตัวเล็กร้องไห้ แค่ฝันบ้าบอที่พอฝันเสร็จก็ต้องตื่น ทำไมของขวัญถึงต้องกลัวขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าแค่เรียกร้องความสนใจ! "พรุ่งนี้ไม่มีเรียน?" "หนูเคลียร์ได้" "ต้องการอะไรกันแน่บอกมาเลย" "เลิกทำเหมือนรำคาญหนูสักทีได้ไหม หนูจำไม่ได้เลยว่าก่อนที่หนูจะเกิดอุบัติเหตุ เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของเรามันเป็นยังไง เรารักกันแบบไหน พี่เย็นชากับหนูแบบนี้ตลอดเลยเหรอ ถ้าใช่...แล้วทำไมพี่ถึงไม่ขอให้เราเลิกกัน พี่จะได้ไปทำในสิ่งที่พี่อยากทำ สิ่งที่ไม่ต้องฝืนความรู้สึกเหมือนอย่างตอนนี้นี่ไง" "ต้องทำแบบไหนถึงจะพอใจ" ร่างบางถูกกระชากเข้ามาหาตัวอย่างแรงจนแก้วในมือของขวัญร่วงลงสู่พื้น แต่มันกลับเรียกความสนใจไปจากผมและเธอไม่ได้เลย "พี่บอกหนูได้ไหมล่ะว่าตอนนี้พี่รู้สึกยังไงกันแน่ พี่ไม่รักขวัญเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม ทำไมท่าทีของพี่มันถึงไม่เหมือนคนที่รักกันเลย" "สักวันเธอจะเข้าใจเองว่าอะไรเป็นอะไร" ผมละมือออกจากตัวของขวัญ เดินออกมาจากตรงนั้นปล่อยให้เธอยืนอยู่กับความคิดและความรู้สึกของตัวเอง ---------ของขวัญ-มหาวิทยาลัย"...พี่จี" ฉันโบกไม้โบกมือให้รุ่นพี่สาวที่ยืนเหม่ออยู่นาน ตอนแรกลังเลว่าจะรอให้พี่จีเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนค่อยทัก ทว่ารุ่นพี่สาวกลับไม่ยอมก้าวขาออกมาจากตรงนั้นสักที สีหน้าเหมือนคนกำลังเก็บบางสิ่งบางอย่างมาคิดอยู่ในหัว เหมือนคนมีเรื่องให้ไม่สบายใจ"น้องขวัญ" พี่จีน่าสะบัดหัวแรงๆ ก่อนจะยิ้มให้ฉัน สีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีส่งผลให้ฉันผายมือไปที่ฝั่งร้านกาแฟทันที"กาแฟสักแก้วไหมคะเผื่อจะดีขึ้น" "ดีเลยค่ะ น้องขวัญรีบไหมไปกับพี่นะ" "ไม่รีบค่ะ ขวัญรอเพื่อนอยู่พอดี""เคเลย" พี่จีน่าตรงไปยังร้านกาแฟพร้อมฉัน เราสั่งเครื่องดื่มพร้อมกันก่อนจะเดินมานั่งรอด้วยกัน"เมื่อคืนกลับดึกมากเหรอคะ เหมือนคนนอนน้อยเลย" "งั้นเหรอ วันนี้พี่แต่งหน้าไม่สวยหรือเปล่า รีบๆ หน่อย" รุ่นพี่สาวรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเข้าไปที่กล้องหน้าเพื่อเช็กใบหน้าของตัวเอง"เหมือนคนพักผ่อนไม่ค่อยเต็มที่ค่ะพี่จี แต่ยังสวยเหมือนเดิมนะคะ" "ปากหวานนะเนี่ย แต่ก็นั่นแหละ สวยก็ใช่ว่าจะสวยสำหรับทุกคน" "คะ?" ฉันเอียงคอมองสบตากับคนตรงหน้า ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พี่จีน่าพูดมันหมายความว่ายังไงหมายความว่ามีใครสักคนบอกว่า
S2 PUB"...น้องคนนั้นสวยว่ะ กูล็อกเป้าเรียบร้อย ห้าทุ่มเจอกัน!" ฉลามดีดปลายนิ้วพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก ตาคมทอดมองไปยังร่างบอบบางของคนที่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูสดใสฉลามมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ชัดเจนกว่าทุกคนเสมอ ชอบคนไหนมันก็เอาคนนั้น มีแต่ผมนี่แหละที่ขยับทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้สักที"มึงเปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนกางเกงในเลยนะหลาม รถไฟไม่เคยชนกันหน่อยเหรอวะ เหมือนกูต้องยอมก้มหัวคารวะให้มึงเป็นอาจารย์ว่ะ" "กลัวเหี้ยไรวะ ก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว ว่าไม่ได้จะคบจริงจังแบบนั้น รู้กันทั้งสองฝ่ายแล้วแบบนั้นจะเรียกร้องให้ได้เหี้ยไร" "มึงนี่โชคดีเหมือนกันนะ ควงไม่เคยซ้ำหน้าแต่ก็ไม่เคยมีปัญหาเลยสักที" ลีโอมองหน้าเพื่อนแบบเหนือความคาดหมาย ส่วนคนถูกชมก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เรื่องนี้ไม่มีใครสู้มันได้จริงๆ"วันนี้จีน่าไม่มาถูกปะ? เงียบ เงียบนี่แปลว่าอะไรวะ ไม่รู้หรือขี้เกียจตอบ" "แล้วมึงถามใคร?""ถามเหี้ยเซย์ไง มันสนิทกับจีที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอวะ" "มึงมากกว่ามั้งที่สนิทกับยัยนั่นมากกว่ากู" เซย์เอ่ยขึ้นมาบ้าง วันนี้สีหน้าของมันค่อนข้างเซ็งถึงเซ็งมาก แต่ก็นะ เซย์ก็ยังเป็นเซย์ที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร"กูเนี่ยนะสนิ
-องศา-"...แม่ขา" เสียงสดใสของคนตัวเล็กข้างกายทักทายคนที่นั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว ขาเรียวก้าวเร็วๆ ไปที่เบื้องหน้าก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดคนที่นั่งรออยู่บนโซฟาอย่างรวดเร็ว"รอนานไหมคะ" "ไม่นานจ๊ะแม่เพิ่งจะมาถึงเหมือนกัน" ผมยกมือไหว้เมื่อแม่ของขวัญเบนสายตามาที่ผม รอยยิ้มอบอุ่นประดับบนใบหน้า ผมมักจะเจอกับรอยยิ้มนี้ทุกครั้งที่เราเจอกัน"ไปกินข้าวกันมาเหรอลูก" "ใช่ค่ะ คุณแม่ทานอะไรมาหรือยังคะให้หนูทำอะไรให้ทานไหม" "หืม? ไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้เลยนะ" ของขวัญยิ้มแห้ง ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากอวดในสิ่งที่ตัวเองกำลังพยายาม"หนูตั้งใจจะเรียนทำอาหารค่ะ นี่คิดว่าถ้ามีเวลาว่างจะเข้าคอร์สเรียนเลยนะคะ มันต้องดีมากๆ เลยแหละ""ขนาดนั้นเชียวเร้อ แบบนี้ในอนาคตแม่คงไม่ต้องจ้างแม่บ้านล่ะมั้ง ลูกสาวจะทำอาหารเก่งแล้วนี่นา" "ได้นะคะ แต่ต้องขอเวลาเรียนรู้ก่อน รอแบบใจเย็นๆ นะคะ" แม่ของขวัญระบายรอยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น สังเกตเห็นว่าฝ่ามือลูบศีรษะของบุตรสาวอย่างอ่อนโยน"คุณแม่คุยกับพี่องศารอก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูไปหาขนมและน้ำผลไม้มาให้ทานค่ะ" "ขอบใจนะลูก" ของขวัญหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่จากนั้นก็รีบลุกออกไป ปล่อยให้ผมอยู่กับแ
บรรยากาศภายในร้านอาหารที่พวกพี่ๆ เลือกรอบตัวเต็มไปด้วยกลุ่มของนักศึกษา ออกจะเหมือนร้านนั่งชิลล์มากกว่าร้านอาหารที่ไว้สำหรับทานข้าวด้วยซ้ำไป"อาหารร้านนี้อร่อยมากเลยนะ น้องขวัญเคยมาไหม" "เคยจะมากับมีนค่ะพี่จี แต่พอมาถึงคือคนเยอะมากโต๊ะเต็มเลยไม่มีที่นั่งค่ะ" "นั่นไงว่าแล้วเชียว ทีหลังถ้าอยากมาบอกพี่นะ ร้านสาวของฉลามมันอ่ะ เดี๋ยวให้มันโทรจองโต๊ะให้" "ร้านแฟนพี่ฉลามเหรอคะ" ฉันตาโตเมื่อได้ฟัง ที่ออกจะตกใจเพราะเคยได้ยินว่าพวกพี่ๆ ไม่ได้มีแฟนกันเลยสักคน"สาวที่หมายถึงผู้หญิงของมันอ่ะ เคยคุยเคยได้แต่ไม่เคยคบอะไรแบบนี้" "มึงก็พูดซะกูดูเลวเลยนะจี น้องตกใจกันพอดี ว่าแต่เพื่อนน้องขวัญนี่คือโสดไหมครับ" "นั่นไงกูคิดไว้แล้วไอ้หลามว่ามึงต้องเล็ง ตึงจัด กะจะกวาดให้เรียบเลยหรือไง" พี่ลีโอควงแก้วในมือพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก ตบท้ายด้วยเสียงของพี่ติณห์ที่คัดค้านขึ้นมา"ลืมเหรอสัส องศามันห้ามยุ่งกับทุกคนที่อยู่รอบตัวคู่หมั้นมันเว้ย แม้แต่เพื่อนของน้องก็ไม่ได้ก็คงรู้แหละว่าพวกมึงมันเลวเกินไป" "สัส กระทืบซะกูยับเยินเลยนะมึง" เสียงหัวเราะในกลุ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ฉันสนใจสิ่งที่พี่ติณห์พูดมากกว่า ไม่เคย
หลายวันต่อมามหาวิทยาลัย"...วันนี้แลดูสวยผิดหูผิดตานะ ส่องกระจกแล้วตอบมาว่าคิดเหมือนกันปะ" มีนทักทายประโยคแรกแล้วจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างมีความหมาย สายตากรุ้มกริ่มกระตุ้นรอยยิ้มสดใสได้เป็นอย่างดี"อะไรยังไง ฉันก็เหมือนเดิมไหม" "ก็วันนี้แต่งหน้าสวย ผมก็เป๊ะมาก เหมือนคนที่ดูแลตัวเองแบบสุดๆ อ่ะ" "ก็ต้องดูแลตัวเองไหม หรือจะบอกว่าแกไม่ดูแลตัวเอง" "เรื่องดูแลมันก็ดูแลแหละ แต่แบบมันอาจจะมีอะไรที่พิเศษมากกว่านั้นไง" มีนหมุนร่างกายเพื่อหันหน้าเข้าหา เวลาที่ถูกจ้องหนักขึ้นฉันเองก็แทบวางสีหน้าไม่ถูกเหมือนกัน"อะไรของแกเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้วนะ ทำไมมองแบบนี้เล่า" "ช่วงนี้กำลังอินเลิฟปะ" "ก็เหมือนเดิม" "แต่แกสวยกว่าเดิม สดใสกว่าเดิมยิ้มเก่งกว่าเดิม คือทุกอย่างมันโอเคมากกว่าเดิมอ่ะ มันต้องมีอะไรที่พิเศษมากกว่านั้นแหละ""ยัยมีน" "บอกมานะ ช่วงนี้พี่องศาทำตัวน่ารักมากเลยใช่ไหมล่ะ" ฉันคิดตามคำถาม และถ้าจะให้พูดกันตามความเป็นจริงเห็นว่ามันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ"เงียบแบบนี้แปลว่า...""อื้อ มันก็ดีแหละ เดี๋ยวนี้พี่องศาทำตัวน่ารักมาก" ฉันเขินหนักมากตอนที่เอ่ยคำนี้ ฉันใจฟูสุดๆ เวลาที่อยู่กับเขา ฉันชอบเวลาท
-องศา-"ขอบคุณนะคะที่ยอมอยู่ พี่องศาน่ารักเป็นบ้าเลย" คนได้ดั่งใจชมเปราะไม่ขาดปากเมื่อผมตอบรับการอยู่เป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าเธอทำหน้าเศร้า ของขวัญในตอนนี้และสามสิบวินาที ก่อนหน้านี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนที่ผมบอกว่าจะกลับเธอไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนอย่างตอนนี้ด้วยซ้ำ ไม่อยากจะคิดเลยว่าผมกำลังมีบทบาททางความรู้สึกต่อเธอมากเกินไป"อยู่ได้นะ แต่ไม่มีเสื้อผ้าใส่" ของขวัญทำตาโตเมื่อได้ยินคำตอบของผม ตากลมๆ มองต่ำที่ช่วงกลางกายของผมอัตโนมัติ ขนาดตอนนี้ผมยังแต่งตัวเรียบร้อยยังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาเลยทำไมดื้อได้ขนาดนี้วะ กล้ามองแบบนี้นี่เกินไปแล้วจริงๆ! "กำลังคิดอะไร" "ปะ เปล่า ไม่ได้กำลังคิดอะไรเลยค่ะ" "แน่ใจ?" ใบหน้าจิ้มลิ้มพยักรัวๆ แทนคำตอบ แล้วใครจะดูไม่ออกว่าการยิ้มแห้งๆ แบบนี้มันเป็นเพราะเธอกำลังพูดจาเบี่ยงเบนจากความเป็นจริง"พี่แก้ผ้านอนได้ไหม""พี่องศาพูดจาทะลึ่งเกินไปแล้วค่ะ""แล้วการมองเป้าผู้ชายนี่คือทะลึ่งไหม" "มะ ไม่ได้ตั้งใจจะมองค่ะแต่ตามันดันไปเอง มันเป็นเรื่องบังเอิญต่างหากล่ะ" "เถียงข้างๆ คูๆ" "หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ รู้สึกเหนียวตัวมากเลย" ของขวัญเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับ