-ของขวัญ-
"...พี่จะขึ้นไปส่ง" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อรถของพี่องศาเลื่อนเข้ามาจอดภายในลานจอดรถของคอนโดที่ฉันอยู่ ทั้งที่ความเย็นชาที่เขาแสดงออกมามันบอกว่าฉันควรเผื่อใจและตัดใจ แต่สิ่งที่ฉันต้องการมันกลับตรงกันข้าม ฉันกลับพยักหน้ารับเพราะลึกๆ อยากรั้งเขาให้อยู่กับตัวเอง "แล้วรถจะเอากลับยังไง มีนเป็นคนเอากลับหรือเปล่า" "ยัยมีนมีแฟนไปรับ ส่วนรถเอาจอดไว้ที่นั่นไม่เป็นไรหรอกค่ะ พรุ่งนี้จะให้ยัยมีนมารับไปเอาแล้วค่อยไปเรียนทีเดียว" "เอารีโมทมาไว้กับพี่ พี่จะไปเอามาไว้ให้เอง" "พี่องศาจะกลับไปที่นั่นอีกเหรอคะ" "ทิ้งรถไว้แบบนั้นมันไม่ปลอดภัย" ฉันมองหน้าหล่อๆ ของพี่องศาด้วยความสับสน เพราะเขาเป็นแบบนี้ไงฉันถึงไม่แน่ใจว่าควรจัดการยังไงกับความรู้สึกของตัวเองดี บางทีเขาก็ทำเหมือนไม่สนใจ ไม่ได้อยากแคร์ แต่บางครั้งก็ทำเหมือนเป็นห่วงทั้งที่เรื่องบางเรื่องไม่ได้เอ่ยขอออกมา "เป็นอะไร" "เวียนหัวนิดหน่อย คงเพราะดื่มมากเกินไป" "งั้นก็กลับขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนพัก กินอะไรมาหรือยัง" ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ ใจหายแปลกๆ ตอนที่เห็นเขาถอนลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย พอจะเลิกทำตัวเป็นภาระด้วยการบอกว่าไม่เป็นไรมือกลับถูกรวบไปจับแล้วพาขึ้นไปที่ห้องฉันพร้อมกัน เครื่องปรับอากาศทำงานอัตโนมัติเมื่อก้าวขาเข้ามาในห้องพัก ไม่มีอะไรทำให้คนตัวโตหยุดมองได้ทั้งนั้น พี่องศาตรงไปยังห้องครัวทันที "มีอะไรให้กินบ้าง ปกติกินข้าวที่ไหน ทำเองหรือเปล่า" "ถ้าไม่ได้ออกไปกินกับเพื่อนก็สั่งมากินที่ห้องค่ะ" "ซื้อกินตลอดเลยสินะ" ฟันสวยบดกลีบปากของตัวเองแน่น มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ไม่ถูก คำพูดของพี่องศามันทำให้ฉันมีความรู้สึกว่าฉันไม่มีดีอะไรเลยสักอย่าง ผู้หญิงที่ดีและน่ารักต้องทำอาหารเป็นแบบนั้นใช่ไหม? "มีแต่อาหารสำเร็จรูป" "หนูกินได้ค่ะ" "...ถ้ารอได้ หรือถ้าพี่ได้กลับมาเร็ว ตอนเอารถกลับมาส่งพี่จะซื้อมาให้ สั่งเดลิเวอรี่แล้วให้เขาเอามาส่งตอนกลางคืนมันไม่ปลอดภัย" กำแพงที่บางครั้งนึกอยากสร้างมันขึ้นมาพังทลายลงไปในพริบตาในยามที่ตาคมคู่นั้นหันมามอง บางครั้งคิดว่าสถานะคู่หมั้นทำให้ฉันมองว่าฉันมีสิทธิ์เรียกร้อง ไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังตีกันรวนอยู่ในหัว จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้เลย! ตากลมกลอกกลิ้งไปมาบนตัวเลขเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ลมหายใจอุ่นๆ ปราศจากกลิ่นแอลกอฮอล์ผ่านทางลมหายใจเมื่ออาบน้ำแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยถูกพ่นออกมาแทบนับครั้งไม่ได้ เหมือนคู่หมั้นหนุ่มแค่ให้ความหวัง ปล่อยให้เธอนั่งรอความหวังแบบลมๆ แล้งๆ จนถึงตอนนี้ชักแน่ใจว่ามันไม่ได้มีอยู่จริง "...ไปเอารถตั้งสามชั่วโมง แล้วบอกให้รอเพื่ออะไร" ฉันคว่ำหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับปิดสวิตช์ไฟที่อยู่หัวเตียง แม้ในความมืดฉันก็ยังคงนั่งอยู่แบบนั้น ปราศจากความง่วง หัวใจยังอยากรอทั้งที่ควรท้อเพราะเขาอาจจะไม่มา 02:40 น. '...ชะ ชั้นใต้ดิน ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่!' ความมืดรอบตัวส่งผลให้ท่อนแขนเรียวยกขึ้นมาโอบกอดร่างกายตัวเองเพื่อเป็นเกราะป้องกันหัวใจดวงน้อยที่กำลังเต้นแรง อีกทั้งเพื่อหลบหลีกจากความเหน็บหนาว เย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความกลัวทำงานทันทีที่พื้นที่รอบตัวมีเพียงความว่างเปล่า พื้นที่ด้านหน้า ด้านหลัง สองฝั่งด้านข้างมีเพียงความมืดที่ไม่รู้เลยว่า ถ้าตัดสินใจเดินไปทางใดทางหนึ่งจะเจอทางออกแบบที่ควรจะเป็นไหม 'พะ พี่องศา' หัวใจที่เต้นแผ่วลงทุกขณะมีความหวังขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าคู่หมั้นหนุ่มยืนอยู่เบื้องหน้า พี่องศากวักมือเรียกเพื่อให้ฉันเดินตาม ทว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว กลับพบใครต่อใครที่ไม่รู้จักมองมาที่ฉันและพยายามจะดึงมือเพื่อให้ไปด้วยกัน ในขณะที่มือของใครต่อใครพยายามฉุดฉัน พี่องศาที่เดินนำหน้าและเป็นความหวังเดียวในตอนนี้กลับหายไป รอยยิ้มที่เปื้อนบนหน้าของคนที่ไม่รู้จักกันและพยายามคว้ามือฉันกำลังทำให้ฉันมีความคิดว่าพวกเขาคือเพื่อน เพื่อนที่อาจจะพาฉันออกไปจากที่นี่ได้ในตอนที่คู่หมั้นหนุ่มหายออกไปจากรัศมีสายตา ใบหน้าจิ้มลิ้มเชิดขึ้นบน ตากลมมองด้านบนที่มีช่องว่างขนาดใหญ่หลายช่องที่รู้สึกเหมือนว่าจะเป็นทางออก และมันก็เป็นแบบที่คิด แสงสว่างที่สาดส่องจากทางด้านบนหลายต่อหลายช่องคือทางที่คนเหล่านั้นจะพาฉันออกไป ในขณะที่ฉันกำลังมุ่งหน้าตามทางที่คนแปลกหน้าจะพาออกไป เสียงของพี่องศากลับดังเข้ามาในหู เสียงของเขาดังเบากว่าตอนแรกมาก แต่เห็นชัดว่าเขาพยายามจะพาฉันออกไปจากที่นี่ สองมือสองแขนพยายาม ตะเกียกตะกายปีนขึ้นไปด้านบนเพื่อให้พบเจอกับทางออก แต่ต่อให้ฉันจะพยายามปีนขึ้นไปได้สูงแค่ไหน สุดท้ายตัวของฉันก็ตกลงไปยังชั้นใต้ดินอย่างเก่า ใบหน้าของพ่อและแม่ ใบหน้าของพี่องศาทำให้ฉันพยายามปีนขึ้นด้านบนต่อ ไม่ท้อแม้ว่าจะกลิ้งตกลงมาคืนทุกครั้ง ความเหนื่อยเล่นงานเมื่อฉันใช้แรงหนักขึ้น สองมือสองขาเปื้อนคราบดิน น้ำตาเม็ดโตพรั่งพรูออกมาจากตาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดแรง '...กลับไปซะ!' เสียงของใครบางคนดังขึ้นในตอนที่ฉันแหงนใบหน้าเพื่อมองหาทางออก 'คะ คุณยาย คุณยายอยู่ที่นี่เหรอคะ ตอนแรกทำไมหนูไม่เห็นคุณยายเลย' 'หนูกลับบ้านไปซะ กลับไปเดี๋ยวนี้เลยลูก' 'นะ หนูออกไปไม่ได้ หนูพยายามจะปืนขึ้นไปแต่สุดท้ายมันก็ตกลงมาเหมือนเดิม หนูจะไม่ไหวแล้วค่ะคุณยาย' 'นั่นไง เขาคือคนที่จะพาหนูออกไป' '...ขะ ข้าวสวย' พี่สาวที่ตายจากกันไปเกือบสามปีปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ไม่ทันได้คิดทบทวนด้วยซ้ำว่าข้าวสวยตายจากไปด้วยวิธีไหน กลับมีพระสงค์อีกรูปหนึ่งเดินออกมาให้เห็นและบอกว่าจะเป็นฝ่ายนำทางออกไป น่าแปลกที่ทางออกรอบนี้ราบรื่นกว่าครั้งก่อนหน้า แสงสว่างมีมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพพี่องศาที่หายไปในตอนแรกปรากฏขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันขึ้นมาจากชั้นใต้ดินสำเร็จดังที่หวังมีพี่สาวที่ตอนนี้อยู่กันคนละโลกและพระสงค์เป็นผู้นำทาง คนร่วมสายเลือดที่ตายจากกันไปแล้วเขียนบางอย่างลงในกระดาษก่อนจะยื่นมันให้ฉัน คล้ายมีกระแสไฟฟ้าฟาดลงมาที่กลางใจเมื่อฉันกลับมาหายใจได้เต็มปอดอีกครั้ง ข้าวสวยกลับกระโดดลงไปยังชั้นใต้ดินอย่างเก่า พระสงค์หายไป พร้อมกับร่างกายของฉันที่สะดุ้งตื่น ผวาไปทั้งร่าง สั่นไปทั้งตัว "...กลัว ฮึก!" น้ำตาเม็ดโตพรั่งพรูออกมาจากตา ไม่รู้ตัวเลยว่ามันเปื้อนซ้ำรอยเก่า ความกลัวเล่นงานอย่างจังจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันไม่ลังเลที่จะลุกพรวดพราดออกจากเตียงแล้วตรงไปยังประตูหน้าห้องเพื่อเปิดรับคนที่เข้ามาในตอนที่ฝันร้ายทำให้ความรู้สึกของฉันดิ่งลงเหว ไม่ลังเลแม้เศษเสี้ยววินาทีเดียว ขาสวยก้าวออกไปที่เบื้องหน้า ภาวนาให้เป็นคู่หมั้นที่จะต้องแต่งงานกันในวันข้างหน้าทันทีที่เปิดประตูห้อง ภาวนาให้เป็นเขาในตอนที่ฉันต้องการคนข้างๆ เพื่อขับไล่ความหวาดกลัวที่กำลังเผชิญ-ของขวัญ-มหาวิทยาลัย"...พี่จี" ฉันโบกไม้โบกมือให้รุ่นพี่สาวที่ยืนเหม่ออยู่นาน ตอนแรกลังเลว่าจะรอให้พี่จีเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนค่อยทัก ทว่ารุ่นพี่สาวกลับไม่ยอมก้าวขาออกมาจากตรงนั้นสักที สีหน้าเหมือนคนกำลังเก็บบางสิ่งบางอย่างมาคิดอยู่ในหัว เหมือนคนมีเรื่องให้ไม่สบายใจ"น้องขวัญ" พี่จีน่าสะบัดหัวแรงๆ ก่อนจะยิ้มให้ฉัน สีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีส่งผลให้ฉันผายมือไปที่ฝั่งร้านกาแฟทันที"กาแฟสักแก้วไหมคะเผื่อจะดีขึ้น" "ดีเลยค่ะ น้องขวัญรีบไหมไปกับพี่นะ" "ไม่รีบค่ะ ขวัญรอเพื่อนอยู่พอดี""เคเลย" พี่จีน่าตรงไปยังร้านกาแฟพร้อมฉัน เราสั่งเครื่องดื่มพร้อมกันก่อนจะเดินมานั่งรอด้วยกัน"เมื่อคืนกลับดึกมากเหรอคะ เหมือนคนนอนน้อยเลย" "งั้นเหรอ วันนี้พี่แต่งหน้าไม่สวยหรือเปล่า รีบๆ หน่อย" รุ่นพี่สาวรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเข้าไปที่กล้องหน้าเพื่อเช็กใบหน้าของตัวเอง"เหมือนคนพักผ่อนไม่ค่อยเต็มที่ค่ะพี่จี แต่ยังสวยเหมือนเดิมนะคะ" "ปากหวานนะเนี่ย แต่ก็นั่นแหละ สวยก็ใช่ว่าจะสวยสำหรับทุกคน" "คะ?" ฉันเอียงคอมองสบตากับคนตรงหน้า ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พี่จีน่าพูดมันหมายความว่ายังไงหมายความว่ามีใครสักคนบอกว่า
S2 PUB"...น้องคนนั้นสวยว่ะ กูล็อกเป้าเรียบร้อย ห้าทุ่มเจอกัน!" ฉลามดีดปลายนิ้วพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก ตาคมทอดมองไปยังร่างบอบบางของคนที่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูสดใสฉลามมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ชัดเจนกว่าทุกคนเสมอ ชอบคนไหนมันก็เอาคนนั้น มีแต่ผมนี่แหละที่ขยับทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้สักที"มึงเปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนกางเกงในเลยนะหลาม รถไฟไม่เคยชนกันหน่อยเหรอวะ เหมือนกูต้องยอมก้มหัวคารวะให้มึงเป็นอาจารย์ว่ะ" "กลัวเหี้ยไรวะ ก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว ว่าไม่ได้จะคบจริงจังแบบนั้น รู้กันทั้งสองฝ่ายแล้วแบบนั้นจะเรียกร้องให้ได้เหี้ยไร" "มึงนี่โชคดีเหมือนกันนะ ควงไม่เคยซ้ำหน้าแต่ก็ไม่เคยมีปัญหาเลยสักที" ลีโอมองหน้าเพื่อนแบบเหนือความคาดหมาย ส่วนคนถูกชมก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เรื่องนี้ไม่มีใครสู้มันได้จริงๆ"วันนี้จีน่าไม่มาถูกปะ? เงียบ เงียบนี่แปลว่าอะไรวะ ไม่รู้หรือขี้เกียจตอบ" "แล้วมึงถามใคร?""ถามเหี้ยเซย์ไง มันสนิทกับจีที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอวะ" "มึงมากกว่ามั้งที่สนิทกับยัยนั่นมากกว่ากู" เซย์เอ่ยขึ้นมาบ้าง วันนี้สีหน้าของมันค่อนข้างเซ็งถึงเซ็งมาก แต่ก็นะ เซย์ก็ยังเป็นเซย์ที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร"กูเนี่ยนะสนิ
-องศา-"...แม่ขา" เสียงสดใสของคนตัวเล็กข้างกายทักทายคนที่นั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว ขาเรียวก้าวเร็วๆ ไปที่เบื้องหน้าก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดคนที่นั่งรออยู่บนโซฟาอย่างรวดเร็ว"รอนานไหมคะ" "ไม่นานจ๊ะแม่เพิ่งจะมาถึงเหมือนกัน" ผมยกมือไหว้เมื่อแม่ของขวัญเบนสายตามาที่ผม รอยยิ้มอบอุ่นประดับบนใบหน้า ผมมักจะเจอกับรอยยิ้มนี้ทุกครั้งที่เราเจอกัน"ไปกินข้าวกันมาเหรอลูก" "ใช่ค่ะ คุณแม่ทานอะไรมาหรือยังคะให้หนูทำอะไรให้ทานไหม" "หืม? ไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้เลยนะ" ของขวัญยิ้มแห้ง ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากอวดในสิ่งที่ตัวเองกำลังพยายาม"หนูตั้งใจจะเรียนทำอาหารค่ะ นี่คิดว่าถ้ามีเวลาว่างจะเข้าคอร์สเรียนเลยนะคะ มันต้องดีมากๆ เลยแหละ""ขนาดนั้นเชียวเร้อ แบบนี้ในอนาคตแม่คงไม่ต้องจ้างแม่บ้านล่ะมั้ง ลูกสาวจะทำอาหารเก่งแล้วนี่นา" "ได้นะคะ แต่ต้องขอเวลาเรียนรู้ก่อน รอแบบใจเย็นๆ นะคะ" แม่ของขวัญระบายรอยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น สังเกตเห็นว่าฝ่ามือลูบศีรษะของบุตรสาวอย่างอ่อนโยน"คุณแม่คุยกับพี่องศารอก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูไปหาขนมและน้ำผลไม้มาให้ทานค่ะ" "ขอบใจนะลูก" ของขวัญหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่จากนั้นก็รีบลุกออกไป ปล่อยให้ผมอยู่กับแ
บรรยากาศภายในร้านอาหารที่พวกพี่ๆ เลือกรอบตัวเต็มไปด้วยกลุ่มของนักศึกษา ออกจะเหมือนร้านนั่งชิลล์มากกว่าร้านอาหารที่ไว้สำหรับทานข้าวด้วยซ้ำไป"อาหารร้านนี้อร่อยมากเลยนะ น้องขวัญเคยมาไหม" "เคยจะมากับมีนค่ะพี่จี แต่พอมาถึงคือคนเยอะมากโต๊ะเต็มเลยไม่มีที่นั่งค่ะ" "นั่นไงว่าแล้วเชียว ทีหลังถ้าอยากมาบอกพี่นะ ร้านสาวของฉลามมันอ่ะ เดี๋ยวให้มันโทรจองโต๊ะให้" "ร้านแฟนพี่ฉลามเหรอคะ" ฉันตาโตเมื่อได้ฟัง ที่ออกจะตกใจเพราะเคยได้ยินว่าพวกพี่ๆ ไม่ได้มีแฟนกันเลยสักคน"สาวที่หมายถึงผู้หญิงของมันอ่ะ เคยคุยเคยได้แต่ไม่เคยคบอะไรแบบนี้" "มึงก็พูดซะกูดูเลวเลยนะจี น้องตกใจกันพอดี ว่าแต่เพื่อนน้องขวัญนี่คือโสดไหมครับ" "นั่นไงกูคิดไว้แล้วไอ้หลามว่ามึงต้องเล็ง ตึงจัด กะจะกวาดให้เรียบเลยหรือไง" พี่ลีโอควงแก้วในมือพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก ตบท้ายด้วยเสียงของพี่ติณห์ที่คัดค้านขึ้นมา"ลืมเหรอสัส องศามันห้ามยุ่งกับทุกคนที่อยู่รอบตัวคู่หมั้นมันเว้ย แม้แต่เพื่อนของน้องก็ไม่ได้ก็คงรู้แหละว่าพวกมึงมันเลวเกินไป" "สัส กระทืบซะกูยับเยินเลยนะมึง" เสียงหัวเราะในกลุ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ฉันสนใจสิ่งที่พี่ติณห์พูดมากกว่า ไม่เคย
หลายวันต่อมามหาวิทยาลัย"...วันนี้แลดูสวยผิดหูผิดตานะ ส่องกระจกแล้วตอบมาว่าคิดเหมือนกันปะ" มีนทักทายประโยคแรกแล้วจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างมีความหมาย สายตากรุ้มกริ่มกระตุ้นรอยยิ้มสดใสได้เป็นอย่างดี"อะไรยังไง ฉันก็เหมือนเดิมไหม" "ก็วันนี้แต่งหน้าสวย ผมก็เป๊ะมาก เหมือนคนที่ดูแลตัวเองแบบสุดๆ อ่ะ" "ก็ต้องดูแลตัวเองไหม หรือจะบอกว่าแกไม่ดูแลตัวเอง" "เรื่องดูแลมันก็ดูแลแหละ แต่แบบมันอาจจะมีอะไรที่พิเศษมากกว่านั้นไง" มีนหมุนร่างกายเพื่อหันหน้าเข้าหา เวลาที่ถูกจ้องหนักขึ้นฉันเองก็แทบวางสีหน้าไม่ถูกเหมือนกัน"อะไรของแกเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้วนะ ทำไมมองแบบนี้เล่า" "ช่วงนี้กำลังอินเลิฟปะ" "ก็เหมือนเดิม" "แต่แกสวยกว่าเดิม สดใสกว่าเดิมยิ้มเก่งกว่าเดิม คือทุกอย่างมันโอเคมากกว่าเดิมอ่ะ มันต้องมีอะไรที่พิเศษมากกว่านั้นแหละ""ยัยมีน" "บอกมานะ ช่วงนี้พี่องศาทำตัวน่ารักมากเลยใช่ไหมล่ะ" ฉันคิดตามคำถาม และถ้าจะให้พูดกันตามความเป็นจริงเห็นว่ามันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ"เงียบแบบนี้แปลว่า...""อื้อ มันก็ดีแหละ เดี๋ยวนี้พี่องศาทำตัวน่ารักมาก" ฉันเขินหนักมากตอนที่เอ่ยคำนี้ ฉันใจฟูสุดๆ เวลาที่อยู่กับเขา ฉันชอบเวลาท
-องศา-"ขอบคุณนะคะที่ยอมอยู่ พี่องศาน่ารักเป็นบ้าเลย" คนได้ดั่งใจชมเปราะไม่ขาดปากเมื่อผมตอบรับการอยู่เป็นเพื่อนเมื่อเห็นว่าเธอทำหน้าเศร้า ของขวัญในตอนนี้และสามสิบวินาที ก่อนหน้านี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนที่ผมบอกว่าจะกลับเธอไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนอย่างตอนนี้ด้วยซ้ำ ไม่อยากจะคิดเลยว่าผมกำลังมีบทบาททางความรู้สึกต่อเธอมากเกินไป"อยู่ได้นะ แต่ไม่มีเสื้อผ้าใส่" ของขวัญทำตาโตเมื่อได้ยินคำตอบของผม ตากลมๆ มองต่ำที่ช่วงกลางกายของผมอัตโนมัติ ขนาดตอนนี้ผมยังแต่งตัวเรียบร้อยยังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาเลยทำไมดื้อได้ขนาดนี้วะ กล้ามองแบบนี้นี่เกินไปแล้วจริงๆ! "กำลังคิดอะไร" "ปะ เปล่า ไม่ได้กำลังคิดอะไรเลยค่ะ" "แน่ใจ?" ใบหน้าจิ้มลิ้มพยักรัวๆ แทนคำตอบ แล้วใครจะดูไม่ออกว่าการยิ้มแห้งๆ แบบนี้มันเป็นเพราะเธอกำลังพูดจาเบี่ยงเบนจากความเป็นจริง"พี่แก้ผ้านอนได้ไหม""พี่องศาพูดจาทะลึ่งเกินไปแล้วค่ะ""แล้วการมองเป้าผู้ชายนี่คือทะลึ่งไหม" "มะ ไม่ได้ตั้งใจจะมองค่ะแต่ตามันดันไปเอง มันเป็นเรื่องบังเอิญต่างหากล่ะ" "เถียงข้างๆ คูๆ" "หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ รู้สึกเหนียวตัวมากเลย" ของขวัญเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับ