Share

บทที่ 14

Author: กวนเหอว่านหลี่
จูอวิ่นเหวินเหงื่อแตกพลั่ก บนหน้าผากชุ่มโชกเป็นมันวาว!

เขารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ด

อู๋อ๋อง!

นี่ไม่ใช่อ๋องประจำเมืองธรรมดาทั่วไป!

ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถได้รับการแต่งตั้งเป็นอู๋อ๋องได้!

ตอนที่จูหยวนจางยังทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาของหานหลินเอ๋อร์ หานหลินเอ๋อร์ได้แต่งตั้งจูหยวนจางเป็นอู๋กั๋วกง

พื้นที่ตอนกลางและตอนล่างของแม่น้ำแยงซีคือเมืองอู๋ ตอนที่จูหยวนจางได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋อง เมืองศักดินาก็อยู่ในเมืองอู๋

หลายปีต่อมา จูหยวนจางก็สามารถปราบเฉินโหย่วเลี่ยงได้

สวีต๋าและบรรดาแม่ทัพใต้บังคับบัญชาเห็นว่าสถานการณ์ใต้หล้าสงบลงแล้ว จึงทูลขอให้จูหยวนจางขึ้นเป็นฮ่องเต้

จูหยวนจางทราบดีว่าตอนนั้นยังไม่ใช่เวลาที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่เพื่อรักษาขวัญกำลังใจของกองทัพ จึงเลือกทางเลือกที่ดีรองลงมาคือขึ้นครองตำแหน่งเป็นอู๋อ๋อง

อู๋อ๋อง สำหรับจูหยวนจางหรือแม้แต่ทั้งตระกูลจูแล้ว ล้วนมีความหมายที่พิเศษ!

อู๋อ๋อง ในระดับหนึ่ง ก็เปรียบเสมือนคำที่ใช้เรียกแทนฮ่องเต้

ไม่คาดคิดว่า เสด็จปู่จะทรงลำเอียงถึงเพียงนี้!

จูอวิ่นเทิงมีคุณธรรมความสามารถอันใดกัน?

อู๋อ๋อง จูอวิ่นเทิงเขาไม่คู่ควร!

ขุนนางฝ่ายบุ๋นจำนวนมากต่างตกใจจนหน้าซีดเผือด

สวรรค์ นี่ฟ้าดินกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว!

“ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ! เรื่องนี้ ขัดต่อหลักเหตุผลอย่างสิ้นเชิง!” ขุนนางจากกรมมหาดไทย กรมคลังและกรมอื่นๆ ต่างก็พากันคุกเข่าลง

นอกจากเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊แล้ว เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นโดยทั่วไปแล้วก็คุกเข่าลงอีกครั้ง

เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ บางคนถึงกับโขกศีรษะกับพื้น ร่ำไห้จนน้ำตานองหน้า

ทั้งหมดล้วนทูลขอให้ฝ่าบาททรงถอนรับสั่ง

จูหยวนจางพิโรธแล้ว เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นพวกนี้ เอาแต่คิดเรื่องให้มันซับซ้อนเกินไป

มันจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมากมายขนาดนั้นกัน!?

[อู๋อ๋องก็ดีสิ ขอแค่ให้ข้าไปที่เมืองศักดินาได้ก็พอ!]

[นั่นถึงจะเรียกว่า ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ แสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่!]

[ทำไมขุนนางฝ่ายบุ๋นพวกนี้ต้องคอยขัดขวางข้าอยู่เรื่อย?]

[ลูกหลานของตาเฒ่าจูได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องสักคน มีอะไรน่าตกใจกันนักหนา?]

[ข้าก็แค่จะเป็นอ๋องประจำเมือง พวกท่านก็ไม่ยอมหรือ?]

จูหยวนจางถอนหายใจอย่างเงียบๆ พระราชนัดดาผู้นี้ เก็บตัวเงียบมาโดยตลอดจริงๆ

“แต่งตั้งจูอวิ่นเทิงเป็นอู๋อ๋อง เราตัดสินใจแล้ว หากมีผู้ใดกล้าคัดค้านอีก โบยแปดสิบไม้!”

จูหยวนจางตบที่วางแขน สายตาอันเย็นชากวาดมองไปรอบหนึ่ง

เหล่าขุนนางที่กำลังโกรธแค้นกันเป็นกลุ่มพลันเงียบเสียงลง

โบยแปดสิบไม้ หากลงมือจริงๆ จะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?

คราวนี้ฉางเซิงดีใจเป็นอย่างยิ่ง!

พอลองคิดถึงเรื่องที่ฝ่าบาทกำชับจูอวิ่นเทิงเป็นการส่วนตัว กังวลว่าหลานอวี้จะทำเรื่องโง่ๆ นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้ว

ฝ่าบาททรงรักใคร่เอ็นดูจูอวิ่นเทิงเป็นพิเศษจริงๆ!

พอหันไปมองหลานนอกของตนอีกครั้ง ก็ยิ่งดูสง่างามดุจต้นหยกต้องลม!

จูอวิ่นเทิงรีบคุกเข่าลง “ขอบพระทัยเสด็จปู่ที่ทรงไว้วางใจและโปรดปรานหลาน หลานซาบซึ้งใจอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”

จูหยวนจางทรงลูบเครา ทรงยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“เสด็จปู่ หลังจากเลิกประชุมแล้ว หลานจะสามารถไปยังเมืองศักดินาเพื่อรับตำแหน่งได้เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อจูอวิ่นเทิงถามประโยคนี้ออกมา จูหยวนจางก็คิดในใจ เจ้าอยากจะจากไปขนาดนั้นเชียวหรือ?

เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ว่าจะเป็นอู๋อ๋องหรืออ๋องอะไรก็ตาม สุดท้ายก็ต้องไปยังเมืองศักดินา

เมื่อจูอวิ่นเทิงออกจากเมืองหลวงไป ข้อได้เปรียบของจูอวิ่นเหวินก็จะปรากฏออกมา

จูอวิ่นเทิงนี่มันโง่เง่าจริงๆ ถึงได้รีบร้อนจะไปยังเมืองศักดินาขนาดนี้?

เห็นได้ชัดว่า เขายอมแพ้ในการแย่งชิงกับจูอวิ่นเหวินแล้ว

มองจากจุดนี้ จูอวิ่นเทิงก็พอจะเจียมตัวอยู่บ้าง

“ร่างกายของอวิ่นเทิงไม่ค่อยดี ไม่ต้องไปที่เมืองศักดินาแล้ว อยู่พักฟื้นที่เมืองหลวงนี่แหละ”

จูอวิ่นเทิงถึงกับงุนงง ที่แท้ก็แค่ให้ตำแหน่งลอยๆ อย่างนั้นหรือ?

ไม่มีการกำหนดขอบเขตของเมืองศักดินาอย่างชัดเจน แถมยังไม่ให้ไปรับตำแหน่งที่เมืองศักดินาอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน?

ในใจของจูอวิ่นเหวินสับสนวุ่นวาย เดี๋ยวก็กังวล เดี๋ยวก็ดีใจ

สิ่งที่กังวลก็คือ เสด็จปู่ทรงดีต่อจูอวิ่นเทิงเกินไปแล้ว ไม่ให้เขาไปยังเมืองศักดินา ภัยคุกคามต่อตนเองก็ยังคงอยู่

สิ่งที่ดีใจก็คือ สุขภาพร่างกายของจูอวิ่นเทิงไม่ค่อยจะดีนัก ร่างกายของบิดาก็ไม่ดี ถึงได้ให้ไปพักฟื้นทางใต้

เช่นนั้นแล้ว ตำแหน่งพระนัดดารัชทายาทก็อาจจะเป็นของตนอย่างแน่นอน

แม้ว่าจูอวิ่นเทิงจะไม่เต็มใจ แต่ก็รู้ดีว่า ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์

อย่างไรเสีย ที่นี่ก็มีขุนนางเกือบทั้งหมดที่อยู่ในเมืองหลวงยืนอยู่

วาจาของโอรสสวรรค์ จะเปลี่ยนแปลงไปมาได้อย่างไร?

“เรื่องนี้ไม่ต้องหารือกันอีก” จูหยวนจางเอ่ยขึ้น “ทุกคนหารือกันสิว่า เชลยศึกที่หลานอวี้จับกลับมาจะจัดการอย่างไร?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 86

    ภารกิจคือสอนหนังสือให้จูอวิ่นเทิงยามกลางวัน ให้จูอวิ่นเทิงฝันกลางวัน ให้ฟางเสี้ยวหรูจดบันทึกคำละเมอของจูอวิ่นเทิงเอาไว้ตนเองอยู่ในฐานะฮ่องเต้ แต่ละวันมีภาระงานมากมาย เป็นไปไม่ได้ที่จะไปอยู่เป็นเพื่อนหลานสามได้ทุกวันยิ่งไปกว่านั้นหลานสามวัน ๆ เอาแต่คิดว่าทำเช่นไรให้ห่างจากราชสำนัก อยู่ให้ห่างจากตน อยากจะอยู่แต่ในเรือนของเขาเองเท่านั้นเช่นนั้นก็ให้ฟางเสี้ยวหรูติดตามจูอวิ่นเทิง ให้เขาได้ฝันกลางวัน!ส่วนการดักฟังคำละเมอของจูอวิ่นเทิงในตอนกลางคืน ก็ให้มู่เหยาเป็นคนจัดการทั้งกลางวัน กลางคืน เฝ้าดักฟังตลอดเวลา ใช้ประโยชน์จากเสียงในใจของจูอวิ่นเทิงให้ได้มากที่สุด“ฟางฮั่นหลิน เจ้าตามเราออกไปเดินเล่นนอกวัง ไปดูที่เรือนของอวิ่นเทิงเสียหน่อย” จูหยวนจางกล่าวต่อ “อืม ก็คือไปสั่งสอนวิชาความรู้ของเจ้าแก่อวิ่นเทิง เราจะฟังด้วย”ฟางเสี้ยวหรูก็เริ่มสงสัยขึ้นมาเช่นกัน ว่าเหตุใดจูอวิ่นเทิงถึงได้รับความสำคัญจากจูหยวนจางถึงเพียงนี้?อีกอย่าง บทเรียนที่ตนสอน จูอวิ่นเทิงนั้นรอบรู้ทั้งหมดแล้ว เหตุใดถึงยังให้ตนไปสอนอีก?นี่มันจะไม่ย้อนแย้งกันหรอกหรือ?ไม่ว่าอย่างไร พระประสงค์ของฝ่าบาทก็ไม่อาจขัด เ

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 85

    ไม่มีคำสั่งจากจูอวิ่นเทิง เหมยเอ๋อร์และหลานเอ๋อร์ก็ไม่กล้าไปเปิดประตูเอง“หลานสาม เปิดประตูสิ เราเอง”ที่แท้จูหยวนจางมาถึงแล้ว ผู้ที่ตะโกนเรียกอยู่เมื่อครู่คือฟางเสี้ยวหรูเมื่อจูหยวนจางมอบหมายภารกิจแก่เจี่ยงหวนแล้ว ก็ไม่อาจสงบใจลงได้ในตำหนักหย่างซินเดินไปเดินมา พลันได้ยินเสียงของฟางเสี้ยวหรูในตำหนักเหวินหัวพอนึกถึงฟางเสี้ยวหรู จูหยวนจางก็นึกถึงจูอวิ่นเทิงขึ้นมาทันทีจูอวิ่นเทิงวัน ๆ เอาแต่นอนหลับในชั้นเรียนของฟางเสี้ยวหรู เคยพูดคำละเมออะไรบ้างหรือไม่?จูหยวนจางเรียกฟางเสี้ยวหรูเข้ามาทันที“ฟางฮั่นหลิน[1] เจ้ามีความเห็นอย่างไรต่ออวิ่นเทิงหลานสามของเรา?”ฟางเสี้ยวหรูไม่ได้คิดอะไรมากนัก ตอบไปตามตรงว่า “ทูลฝ่าบาท อู๋อ๋องไร้ความสามารถ ไร้มารยาท ไม่คู่ควรกับงานใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”จูหยวนจางจุกอกขึ้นมาทันทีพลันเกิดอารมณ์ชั่ววูบที่จะโบยเขาแปดสิบไม้แต่เมื่อคิดดูแล้ว ความโกรธก็จางไป ผู้ที่รู้ว่าอวิ่นเทิงมีความสามารถอันโดดเด่นนั้น ทั้งใต้หล้าคงมีเพียงตนเท่านั้นฟางเสี้ยวหรูยิ่งไม่มีทางรู้แน่“ฟางฮั่นหลิน ที่อวิ่นเทิงนอนหลับในชั้นเรียนของเจ้า เรื่องนั้นมีสาเหตุ เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่าเป

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 84

    ถ้าไม่บอกว่าได้ผลผลิตต่อหมู่สูงขนาดนี้ เกรงว่าทางการก็อาจไม่เชื่ออู๋อ๋องเช่นกันเพราะการจะยึดที่นาผืนนี้จากมือเจ้าของที่ เพื่อมาเป็นนาหลวงนั้น มันมีต้นทุนที่ต้องจ่ายอย่างไรก็ตาม คนผู้นี้ยังมีจิตใจเมตตาต่อชาวนาเช่าที่คนหนึ่งได้ วันข้างหน้าก็คงไม่เลวร้ายกับบุตรสาวของตนนักหรอก“ฝ่าบาทให้เจ้าตั้งใจฟังคำละเมอของเขา เจ้าได้ยินอะไรบ้าง?” มู่อิงเอ่ยถามมู่เหยาตอบว่า “เขานอนหลับสนิทมาก ไม่เคยเอ่ยคำละเมอเลย”มู่อิงยิ่งพอใจ คนที่นอนหลับสนิท แสดงว่าเขาไม่มีความคิดซ่อนเร้นในใจ และไม่มีเรื่องอะไรที่เปิดเผยไม่ได้คนเราหากนอนหลับได้สนิทดี ถ้าไม่ใช่คนซื่อ ๆ ก็เป็นพวกเปิดเผยตรงไปตรงมาในเมื่อฝ่าบาทปฏิบัติต่อจูอวิ่นเทิงเป็นพิเศษ ถ้าอย่างนั้นเขาก็น่าจะเป็นอย่างหลังกระมังจูอวิ่นเทิงครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “เจ้าคิดถึงครอบครัวมากใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น ข้าจัดการให้เจ้ากลับอวิ๋นหนานเงียบ ๆ ดีไหม?”“อู๋อ๋อง ทำเช่นนี้ไม่ได้เพคะ หากข้าแอบกลับอวิ๋นหนานแล้ว ท่านจะทูลฝ่าบาทว่าอย่างไร? แล้วเจิ้งเหอจะทำเช่นไร?”เรื่องของมู่เหยาพัวพันหลายฝ่าย ปัจจัยเหล่านี้จำเป็นต้องพิจารณา“เอาล่ะ เจ้าก็อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 83

    “ท่านอย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ!”ยิ่งมูเหยาขัดขืน จูอวิ่นเทิงก็ยิ่งเข้ามาแนบชิด“หม่อมฉันพูดแล้ว หม่อมฉันมีกายเป็นหญิง” มู่เหยาพูดจบ จูอวิ่นเทิงก็ปล่อยนางมู่เหยาไม่คิดว่าจูอวิ่นเทิงจะปล่อยมือในตอนนี้อดรู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ ไม่ได้“เจ้ามีกายเป็นหญิง เป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมา ฟังดูเหลวไหลมาก บอกมาดีกว่า อย่ามาหลอกข้า”เสี้ยวอำมหิตฉายวาบในดวงตาของจูอวิ่นเทิงมู่เหยาแสร้งทำท่าทางน่าสงสาร “อู๋อ๋อง หม่อมฉันเป็นคนอวิ๋นหนาน เมื่อราชวงศ์ต้าหมิงเริ่มก่อตั้ง จำนวนขันทีขาดแคลนมาก ทางการจึงยัดเยียดรายชื่อหนึ่งให้กับครอบครัวของหม่อมฉัน”“หม่อมฉันมีน้องชายเพียงคนเดียว พ่อแม่หม่อมฉันตัดใจไม่ลง”“ครอบครัวของหม่อมฉันในท้องถิ่นถือว่ามั่งคั่ง จึงใช้เงินเพื่อติดสินบนขุนนางทุกระดับ สุดท้ายก็ให้หม่อมฉันเข้าวังมา”“หม่อมฉันเป็นหญิง ฝ่าบาทก็ไม่รู้เช่นกัน”จูอวิ่นเทิงเดินวนรอบกายมู่เหยา เกรงว่าสิ่งที่นางพูดจะเป็นความจริงประการแรก ฝ่าบาทเป็นคนส่งมู่เหยามาจริง ๆ เรื่องนี้เจิ้งเหอสามารถเป็นพยานได้สุขภาพของตนเองอ่อนแอ เรื่องนี้ฝ่าบาทรู้ฝ่าบาทส่งขันทีคนหนึ่งมาเพื่อไม่ปล่อยให้วัน ๆ เขาเอาแต่จมดิ่งอยู่ในความเย้าย

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 82

    จูอวิ่นเทิงกลับมาถึงเรือน เจิ้งเหอ เหมยเอ๋อร์ และหลานเอ๋อร์ถูกแก้มัดเชือกกันหมดแล้ว“มู่เหยาไปไหนหรือ?”“มู่เหยาบอกว่า เขาจะเข้าวังเพคะ” เหมยเอ๋อร์กล่าวเอ๊ะ ฮ่า ๆ!มู่เหยาไม่อยู่!อย่างนั้นก็เข้าไปในห้องกับเหมยเอ๋อร์และหลานเอ๋อร์ ถ่ายทอดความรู้ทางร่างกายแก่พวกนางได้น่ะสิ?เจิ้งเหอรู้ว่าหัวใจวสันต์ของคุณชายเริ่มหวั่นไหวอีกแล้ว แอบอิจฉาเล็กน้อย ก่อนกลับไปยังห้องของตัวเอง“เหมยเอ๋อร์ หลานเอ๋อร์ ข้าเข้าไปแล้วนะ”จูอวิ่นเทิงเพิ่งจะเข้ามาในห้อง ก็ได้ยินเสียงของมู่เหยา “เหมยเอ๋อร์ หลานเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว!”ร่างของจูอวิ่นเทิงพลันชะงัก ขันทีน้อยผู้นี้กลับมาได้จังหวะพอดีจริง ๆ!ไม่ใช่สิ กลับมาได้ไม่ถูกจังหวะเลยต่างหาก!เหมยเอ๋อร์และหลานเอ๋อร์เห็นดังนั้น ก็เหมือนหนูเห็นแมว รีบถอยไปยังหลังเรือนมู่เหยาเข้ามาในเรือน จูอวิ่นเทิงได้โผเข้าหาทันทีสวมกอดมู่เหยาไว้ว้าย! มู่เหยาไม่ทันตั้งตัว จึงร้องออกมาเสียงดัง“อย่าร้อง ร้องไปก็เปล่าประโยชน์!”จูอวิ่นเทิงดันมู่เหยาไปชิดผนังอย่างดุดันมู่เหยาคิดขัดขืน แต่จูอวิ่นเทิงพลันยันผนังคร่อมไว้“ท่าน ท่านคิดจะทำอะไรน่ะ?” มู่เหยาหน้าแดงก่ำ“ข

  • อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ   บทที่ 81

    [ตาเฒ่า ท่านจะเอาแต่ดื้อรั้นเช่นนี้ไม่ได้! อย่างไรก็ต้องมีเหตุผลบ้าง]การบ่นของจูอวิ่นเทิงทำให้จูหยวนจางหมดคำพูด เราสามารถพูดเสียงในใจของเจ้าออกมาได้ไหม?[เหตุผลก็เห็นอยู่ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ?][เจ้าเมืองคนหนึ่ง เก็บภาษีเงินและเสบียงได้เกินเป้าทุกปี! นี่ไม่ถือว่าเป็นปัญหาหรอกหรือ?]จูหยวนจางคิดในใจว่า การเก็บภาษีได้เกินเป้ามันคือผลงาน เหตุใดถึงกลายเป็นปัญหาไปได้?ความคิดของหลานสามผู้นี้ มักจะพิลึกพิลั่นอยู่เสมอ![ตำแหน่งกำหนดความคิด เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เป็นขุนนางสมัยหนึ่ง ก็ต้องสร้างคุณประโยชน์ให้ท้องถิ่นนั้น นี่คือจุดยืนและมุมมองอันเป็นพื้นฐานที่สุด!][ราชสำนักให้เจ้าเก็บเสบียงและภาษีเกินเป้าแล้วหรือ?][เมื่อไม่ได้ให้เจ้าเก็บภาษีเกินเป้า หวงจื่อซิ่น เจ้าหลอกลวงเบื้องบน!][ประชาชนคิดว่าราชสำนักให้เก็บเสบียงและภาษีเพิ่ม หวงจื่อซิ่น เจ้าปิดบังเบื้องล่าง!][เก็บเกินเป้าสองส่วน หนึ่งส่วนที่เพิ่มมามอบให้ราชสำนัก ได้รับชื่อเสียงในฐานะขุนนาง! อีกหนึ่งส่วนเก็บไว้กับตนเอง เบียดบังผลประโยชน์ใส่ตัว!][เพิ่มภาระให้กับชาวนา! ทวีความคับแค้นของชาวนาที่มีต่อราชสำนัก! อาศัยเรื่องน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status