LOGINบทที่สอง
เป็นชายา
ฉันเริ่มเห็นภาพเล่ห์กลในการจับผู้ชายสมัยนี้
“เมื่อวานเป็นพิธีสมรสของคุณหนูเจ้าค่ะ แต่เมื่อคืนท่านอ๋องไปอยู่ที่เรือนของอนุจินทั้งคืนไม่ได้มาที่ห้องหอนี้เลย บ่าวเห็นคุณหนูนอนร้องไห้อีกทั้งยังดื่มยาชามนั้นลงไปจึงเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องไม่กล้าจากไปไหน จนกระทั่งเมื่อเช้านี้เจ้าค่ะ” บ่าวน้อยเล่ามาถึงตอนนี้ก็เอ่ยถาม
“ยาชามนั้นคือสิ่งใดเจ้าคะ”
ฉันมองหน้าสงสัยของบ่าวน้อย ก่อนจะตอบด้วยคำพูดที่คิดว่าน่าจะต้องใช้ไปอีกนาน
“ข้าไม่รู้ ข้าจำไม่ได้”
สาวน้อยอีกนางที่เห็นเมื่อเช้าเดินถือชามยาเข้ามา “พระชายา ดื่มยานะเพคะ”
อันอันเข้ามาช่วยประคองฉันลุกขึ้น ขณะแนะนำสาวน้อยอีกนาง
“พี่ผิงอันเจ้าค่ะคุณหนู พี่ผิงอันเป็นนางกำนัลที่ฮองเฮาส่งให้มารับใช้ข้างกายคุณหนูตั้งแต่สามปีที่แล้ว พวกเราอยู่ในวังกันสามคนมาโดยตลอดเจ้าค่ะ”
ฉันหันไปมองหน้าผิงอัน
อืม..ดูมีความเรียบร้อยนุ่มนวลกว่าอันอันอยู่มากสมกับเป็นนางกำนัลในวัง
“หม่อมฉันส่งข่าวไปแจ้งฮองเฮาและท่านอ๋องแล้วนะเพคะ อีกสักครู่ฮองเฮาจะส่งหมอหลวงมาตรวจอีกครา”
ฉันพยักหน้า เอาสิ ตรวจให้แน่ใจว่าฉันจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ
หลังจากส่งหมอหลวงอีกหลายชุดเข้ามาตรวจ ทุกคนก็กลับไปรายงานทั้งฮ่องเต้ ฮองเฮาและอ๋องชิงหนาน รวมทั้งบ้านเดิมของฟางหรูหนิง ว่าขณะนี้นางสูญสิ้นความจำทั้งหมดไปแล้ว
“นางจำไม่ได้เลยแม้เพียงนิดหรือ” เสียงชายหนุ่มทรงพลังเอ่ยอยู่หน้าห้อง ขณะที่ฉันนอนพักอยู่บนเตียง
“พระชายาสูญสิ้นความจำจริงๆเพคะ”เสียงผิงอันตอบแผ่วเบา
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตู พร้อมเสียงถอนหายใจดังเข้ามา
ฉันเกร็งตัวเตรียมรับกับเจ้าของเสียงคนนี้ แต่แล้วก็มีเสียงเดินถอยห่าง
“ถ้าเช่นนั้น ส่งนางไปทบทวนความจำที่ตำหนักนอกเมืองก็แล้วกัน” เสียงทรงพลังเอ่ยก่อนจะเดินห่างออกไป
ฉันเดาว่าน่าจะเป็นอ๋องชิงหนานเจ้าของตำหนักแห่งนี้
แหม...รังเกียจกันขนาดไม่แม้แต่จะเข้ามาดูอาการ นึกแล้วก็เริ่มสงสารเจ้าของร่างนี้ที่คงน้อยใจมากถึงขั้นกินยาฆ่าตัวตาย
อันอันและผิงอันเดินเศร้าสร้อยเข้ามา ก่อนจะช่วยพยุงฉันไปอาบน้ำด้านหลังฉากเพื่อเตรียมตัว
ฉันได้เวลาสำรวจเรือนร่างของฟางหรูหนิงอย่างจริงจัง
บทที่สาม สูญสิ้นความจำได้เวลาสำรวจเรือนร่างของฟางหรูหนิงอย่างจริงจังหญิงสาวนางนี้มีรูปร่างที่สมส่วนงดงามสมวัยสาว ทรวงอกอิ่มเต่งตึงใหญ่พอตัว เอวคอดกิ่วเล็กบางรับกับหน้าท้องแบนราบไร้ไขมัน แขนขาเล็กเรียว ผิวกายขาวนวลเนียนละเอียดนุ่มลื่นจนฉันอดจะลูบหลายรอบด้วยความชื่นชมเมื่อก้มลงเพ่งมองใบหน้าในน้ำ เมื่อคืนฉันมองเห็นเพียงแวบก็รู้สึกได้ว่าร่างนี้มีใบหน้าที่สวยงามมาก แต่เมื่อมีเวลาได้มองชัดๆ ใบหน้าที่สะท้อนมาช่างสมบูรณ์แบบ นางมีใบหน้าที่งดงามน่าหลงใหลเปี่ยมเสน่ห์ของสตรีเพศ ดวงตากลมโตแวววาวรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงยามแย้มยิ้มช่างดูเย้ายวนเรียกว่างามล่มเมืองก็คงไม่เกินจริงงามขนาดนี้ อ๋องชิงหนานยังกล้าปฏิเสธได้ ชักอยากเห็นหน้าอีตาอ๋องนี่เสียแล้วอันอันเข้ามาช่วยฉันแต่งตัวก่อนจะพยุงเดินออกมาด้านนอกห้องหอฉันหันมองโดยรอบ ตำหนักแห่งนี้ใหญ่โตเสียงจริง ผู้คนเดินกันอย่างมีระเบียบทั้งทหาร นางกำนัลและข้ารับใช้ แต่ไม่มีใครกล้าเดินมาเฉียดใกล้พวกเราสามคน“พวกเราจะไปที่ใดกันหรือ” ฉัน
บทที่สอง เป็นชายาฉันเริ่มเห็นภาพเล่ห์กลในการจับผู้ชายสมัยนี้“เมื่อวานเป็นพิธีสมรสของคุณหนูเจ้าค่ะ แต่เมื่อคืนท่านอ๋องไปอยู่ที่เรือนของอนุจินทั้งคืนไม่ได้มาที่ห้องหอนี้เลย บ่าวเห็นคุณหนูนอนร้องไห้อีกทั้งยังดื่มยาชามนั้นลงไปจึงเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องไม่กล้าจากไปไหน จนกระทั่งเมื่อเช้านี้เจ้าค่ะ” บ่าวน้อยเล่ามาถึงตอนนี้ก็เอ่ยถาม“ยาชามนั้นคือสิ่งใดเจ้าคะ”ฉันมองหน้าสงสัยของบ่าวน้อย ก่อนจะตอบด้วยคำพูดที่คิดว่าน่าจะต้องใช้ไปอีกนาน“ข้าไม่รู้ ข้าจำไม่ได้”สาวน้อยอีกนางที่เห็นเมื่อเช้าเดินถือชามยาเข้ามา “พระชายา ดื่มยานะเพคะ”อันอันเข้ามาช่วยประคองฉันลุกขึ้น ขณะแนะนำสาวน้อยอีกนาง“พี่ผิงอันเจ้าค่ะคุณหนู พี่ผิงอันเป็นนางกำนัลที่ฮองเฮาส่งให้มารับใช้ข้างกายคุณหนูตั้งแต่สามปีที่แล้ว พวกเราอยู่ในวังกันสามคนมาโดยตลอดเจ้าค่ะ”ฉันหันไปมองหน้าผิงอันอืม..ดูมีความเรียบร้อยนุ่มนวลกว่าอันอันอยู่มากสมกับเป็นนางกำนัลในวัง“หม่อมฉันส่งข่าวไปแจ้งฮองเฮาและท่านอ๋องแล้วนะเพคะ อีกสักครู่ฮองเฮาจะส่งหมอหลวงมาตรวจอีกครา”ฉันพยักหน้า เอาสิ ตรวจให้แน่ใจว่าฉันจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆหลังจากส่งหมอหลวงอีกหลายชุดเข้ามาตรวจ ท
บทที่สอง เป็นชายา“ช่วยด้วย...กรี๊ด...ตามหมอเร็ว... คุณหนู... พระชายา..เร็วเข้า...“ เสียงร้องตะโกนโวยวายดังขึ้นในตำหนักของอ๋องชิงหนานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง พร้อมกลุ่มคนที่วิ่งสับสนวุ่นวายอยู่ในห้องหอของพระชายาที่เพิ่งแต่งเข้ามาฉันรู้สึกตัวได้สักพักแล้ว แต่ยังนอนนิ่งเฉยฟังเสียงความอลหม่านเพราะต้องการเก็บข้อมูล ความทรงจำในร่างนี้ตอนนี้ว่างเปล่ามาก ฉันจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าร่างนี้ชื่ออะไร“ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”“พระชายากินสิ่งใดเข้าไป พวกข้ายังไม่สามารถตรวจสอบได้ ตอนนี้พบเพียงร่างกายอ่อนเพลียแต่ไม่คล้ายถูกพิษ เจ้าต้มยาให้พระชายาดื่มสักไม่กี่วันน่าจะดีขึ้น” เสียงชายสูงอายุคนหนึ่งตอบมาเบาๆหลังจากนั้นก็มีเสียงคนเดินออกไปจากห้องฉันค่อยๆลืมตามองรอบห้องช้าๆ“คุณหนู...พระชายา...ท่านฟื้นแล้ว” สาวน้อยคนเดิมวิ่งมาจับมือฉันอย่างดีใจ“บ่าวคิดว่า...ฮือ ฮือ ฮือ” พูดไปปาดน้ำตาไปอย่างน่าสงสารฉันคิดถึงตอนแสดงละครเรื่องหนึ่งที่เล่นเป็นคนความจำเสื่อม จึงพยายามแสดงสีหน้าเฉยชาออกมา ก่อนจะเอ่ยถามแบบไม่รู้จักกัน“เจ้าเป็นใคร”สาวน้อยเงยหน้ามองฉันอย่างพิจารณา “คุณหนู บ่าว...อันอันอย่างไรเล่าเจ้าคะ”“อ
บทที่หนึ่ง ฉันคิดก่อนจะตัดสินใจ“ได้ ฉันยินยอม แต่...” ฉันยื่นข้อเสนออย่างมีเงื่อนไข“ยมทูตท่านนี้ทำผิด ต้องคอยดูแลและทำตามที่ฉันร้องขอ ได้หรือเปล่า” ฉันชี้ไปทางยมทูตหน้าอ่อนที่ยังยืนทำหน้าบิดเบี้ยวอยู่ด้านข้าง“เจ้าร้องขอมากเกินไป” ยมทูตหน้าอ่อนตอบทันที“ข้าไม่สามารถทำตามที่เจ้าร้องขอได้ แต่ข้าจะหาเวลามาดูแลเจ้า หากมีสิ่งใดที่พอจะช่วยเหลือได้ข้าจะพยายาม”“ได้” ฉันตอบตกลงทันที เพราะคิดอยู่แล้วว่าร้องขอมากไป แค่ได้แกล้งยมทูตหน้าเบี้ยวคนนี้สักนิด ฉันก็ดีใจแล้วโทษฐานนำวิญญาณฉันผิดจนฉันต้องกลายมาเป็นใครก็ไม่รู้!“ถ้าเช่นนั้น เจ้าเข้าไปในร่างของหญิงสาวนางนี้ได้เลย รุ่งขึ้นเจ้าจะตื่นมาเป็นนาง” ยมทูตมีอายุรีบสรุปฉันก้าวเข้าไปยังร่างที่นอนคว่ำหน้าบนเตียงช้าๆ“อ้อ...เกือบลืม มีกฎข้อหนึ่งที่ข้าสามารถอนุญาตให้เจ้าเลือกได้ ปกติเมื่อเจ้าเป็นนางแล้ว เจ้าจะต้องลืมความทรงจำในร่างที่แล้วและเหลือเพียงความทรงจำของหญิงสาวนางนี้เท่านั้น แต่ข้าให้เจ้าเลือกได้ว่า เจ้าจะใช้ชีวิตในร่างนี้ด้วยความทรงจำของนาง หรือเจ้าจะเก็บความทรงจำเดิมของเจ้าเอาไว้ แต่หากเจ้าเก็บความทรงจำเดิมไว้ ร่างนี้ก็จะสูญเสียความทรงจำท
บทที่หนึ่ง เป็นดารายมทูตเบนทำหน้ายุ่งยากใจ หันมามองสีหน้าที่ยังมึนงงของฉัน“เป็นถึงดาราดัง ทำไมสวดแค่สามวันแล้วรีบเผาเลยล่ะ” เสียงซุบซิบนินทาจากแขกที่มาร่วมงานดังขึ้นข้างๆฉันรีบพุ่งตัวลอยไปฟังใกล้ๆ“ก็พ่อแม่นางอยู่ต่างประเทศ ต่างคนต่างมีลูกใหม่กันแล้ว ไม่มีใครยอมบินมาจัดงาน ปล่อยให้พวกเราจัดการกันเอง ผู้ชายทั้งหลายของนางก็หลบหน้าหลบตาไม่อยากแสดงตัว ทีมงานละครก็กำลังโดนตำรวจสอบสวนสาเหตุการตายกันอยู่ ทุกคนต่างไม่มีเวลา ก็เลยรีบสวดรีบเผาให้เสร็จๆไป” ทีมงานละครคนหนึ่งที่ฉันคุ้นหน้าตอบไขข้อข้องใจ“ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ไม่มีใครสนใจฉันเลยหรือนี่” ฉันก้มหน้าน้ำตารื้นไหลด้วยความเศร้าใจ ใช่แล้ว พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ฉันเพิ่งอายุ17ปี พ่อย้ายไปอยู่ออสเตรเลียมีครอบครัวและลูกใหม่ที่นั่น2คน ส่วนแม่ย้ายไปอยู่อเมริกากับสามีตาน้ำข้าว มีลูกใหม่อีก2คน ฉันจึงอยู่ที่นี่คนเดียว ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวด้วยอาชีพนักแสดงซึ่งหาเพื่อนแท้ได้ยาก แม้แต่ชายหนุ่มที่เคยคบหาก็ไม่มีใครมาช่วยจัดงานให้ฉัน“เจ้าไม่ต้องร้องไห้ แม้ร่างของเจ้าจะเผาไหม้ไปแล้ว แต่ข้ามีหนทางมาเสนอ” เสียงยมทูตมีอายุซึ่งโผล่มาปรากฏกายอยู่เค
บทที่หนึ่งเป็นดารา“คัท”เสียงตะโกนดังจากผู้ช่วยผู้กำกับราวกับเสียงสวรรค์ ฉันที่กลิ้งขลุกฝุ่นอยู่รีบลุกขึ้นจากพื้น ใช้มือปัดตามเนื้อตามตัวขณะเดินไปหาผู้กำกับใหญ่“คุณฟ้า ฉากนี้เล่นได้ดีมาก” ผู้กำกับเอ่ยชม ฉันยิ้มนิดๆขณะเอ่ยขอบคุณ“เดี๋ยวเปลี่ยนชุดแล้วถ่ายฉากขี่ม้าต่อเลย” ผู้ช่วยหันมามองฉัน พยักหน้าให้เดินตามเข้าไปเปลี่ยนชุดในกระโจมที่ตั้งเรียงกันเป็นแนวฉันชื่อ ‘หยาดฟ้า’เป็นดาราที่แม้อายุถึง30ปีแล้วแต่ยังมีชื่อเสียงโด่งดัง ฉันเข้าวงการมาตั้งแต่ยังอยู่ในวัยใส เริ่มเล่นละครเรื่องแรกแนววัยเรียนวุ่นรัก ก่อนจะเปลี่ยนแนวมาเรื่อยตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทั้งละครรักโรแมนติก ดราม่าตบจูบ ครอบครัวว้าวุ่น แต่เรื่องที่ทำให้ชื่อเสียงของฉันโด่งดังจนได้รับรางวัลกลับเป็นแนวบู๊ล้างผลาญ หลังจากนั้นฉันก็ได้รับการเสนอบทบู๊ต่อมาอีกหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องที่กำลังถ่ายทำในตอนนี้ด้วย“เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่ต่อ” ฉันก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าของผู้กำกับใหญ่เพื่อเตรียมตัวถ่ายทำฉากต่อไป“เอาล่ะ ฉากนี้เป็นตอนที่นางเอกขี่ม้าหนีคนร้าย ‘ฟ้า’ ขี่ม้าวนไปเรื่อยๆเดี๋ยวกล้องจะวิ่งตาม ส่วนสีหน้าใกล้ๆเดี๋ยวเราไปถ่ายในสตูแล้วมาตัดต่อใส่เ







