ログインบทที่หก
องค์ชายสี่
พวกเรานั่งเงียบๆต่างคนต่างคิดกันเกือบหนึ่งชั่วยามกว่าที่รถม้าขององค์ชายสี่จะจอดหน้าประตูทางเข้าวังหลวงด้านข้าง
ระหว่างที่นั่งเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ ฉันลอบมองชายหนุ่มทั้งซ้ายทั้งขวา อืม...งานดีทั้งสองคน เลือกไม่ถูก
‘อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน’ จู่ๆเพลงนี้ก็ลอยมาในหัวจนฉันเผลอแสดงสีหน้ากึ่งยิ้มออกมา ชายหนุ่มงานดีทั้งสองหันมองมาที่ฉันเหมือนนัดกันด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
ฉันรู้ว่าร่างนี้สวยมาก สวยจนน่าหลงใหล การที่จะมีชายหนุ่มสองคนมาหลงรักก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด แต่การที่ถูกชายหนุ่มอีกคนเกลียดจนไม่ยอมร่วมหอด้วยก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากเช่นกัน ฉันอดคิดไปถึงอ๋องชิงหนานซึ่งเป็นสามีในนามของร่างนี้ไม่ได้
ไป่ฮั่วถิงก้าวลงจากรถก่อน ต่อด้วยองค์ชายสี่ ยามเมื่อฉันโผล่หน้าออกมาจากรถม้า ก็มีมือสองคู่ยื่นมารอรับ ฉันขยับตัวให้อยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน ให้พวกเขาช่วยพยุงโดยแกล้งเซไปซบซ้ายทีขวาทีให้กระชุ่มกระชวยเล่น แต่ก็ลอบดูปฏิกิริยาของหนุ่มน้อยทั้งสองด้วย
ชายหนุ่มทั้งสองหน้าเริ่มแดง ก่อนจะค่อยๆปล่อยมือเมื่อฉันลงมายืนตรงๆได้แล้ว
“ไปที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” ไปฮั่วถิงถาม
“พวกเจ้าตามข้ามาก็แล้วกัน” องค์ชายสี่ไม่บอกสถานที่แต่เดินนำหน้าออกไป
ไป่ฮั่วถิงยืนรอจนฉันเดินตามแล้วจึงเดินประกบด้านหลัง
ยามนี้ฉันเหมือนไส้กลางของแซนด์วิช มีชายหนุ่มหล่อหวานเป็นขนมปังคู่หน้าและมีชายหนุ่มหล่อตี๋เป็นขนมปังคู่หลัง เดินประกบกันไปช้าๆท่ามกลางต้นไม้สวยในวังหลวง
องค์ชายสี่พาพวกเราลัดเลาะทางเดินเล็กๆไปเรื่อยๆ กว่าสองเค่อ
จึงมาโผล่ที่ป่าไผ่หลังภูเขาจำลองแห่งหนึ่ง
องค์ชายหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองหน้าฉัน เหมือนจะถามว่าจำได้ไหม ฉันยังคงแสดงสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ขณะมองไปรอบๆอย่างไม่นึกคุ้นเลย ไป่ฮั่วถิงเดินหลบไปด้านข้างอย่างรู้งาน
“พวกเราพบกันครั้งแรกที่นี่ เมื่อสามปีที่แล้ว” องค์ชายสี่เริ่มเล่าทบทวนความจำ
“ข้าเดินมาแล้วได้ยินเสียงร้องไห้จึงเดินวนมาด้านหลังภูเขาจำลองจนกระทั่งเห็นเจ้านั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงนี้”
ร้องไห้อีกแล้ว ร่างนี้นี่น่าจะเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา
“เจ้าบอกว่าหลบผู้คนมานั่งร้องไห้เพราะไม่คิดว่าจะมีผู้ใดพบเห็น วันนั้นเจ้าวิ่งหนีข้าไป ข้าจึงไม่รู้ว่าเจ้าร้องไห้ด้วยเรื่องใด” องค์ชายสี่เล่าต่อ
“ข้ามารอเจ้าที่นี่ทุกวัน เพราะคาดว่าเจ้าน่าจะมาอีก จนวันที่สามเจ้าก็มา พวกเราคุยกันโดยไม่ถามว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวไม่อยากให้ผู้ใดรู้ ข้าเองก็ไม่อยากให้เจ้ากลัวข้า ทั้งๆที่ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร ข้าจึงไม่บอกความจริงกับเจ้า พวกเราแอบพบกันที่นี่ทุกๆสามสี่วัน เจ้ามักมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจ ส่วนข้าก็ชอบฟังเสียงใสๆแสนไพเราะของเจ้า บางวันเจ้าก็ร้องเพลงให้ข้าฟัง บางวันพวกเราก็วาดภาพกัน และบางวันพวกเราก็นำขนมมากินด้วยกัน”
“เจ้าบอกว่าข้าเป็นเพื่อนคนแรกของเจ้าในวังหลวง เจ้าเรียกข้าว่า’หลางเอ๋อ’” องค์ชายเริ่มเดินมาตรงหน้าฉันช้าๆ
“สามปีที่ผ่านมา เจ้าก็เป็นเพื่อนคนแรกของข้าในวังหลวงเช่นกัน ‘หนิงเอ๋อ’”
ภาพฉันนั่งวาดภาพอยู่ข้างภูเขาจำลองแวบเข้ามาในหัวก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
“วันนั้นที่เกิดเรื่องในอุทยานหลวง ข้าเสียใจมาก อยากจะวิ่งเข้าไปช่วยเจ้าแต่เนื่องจากอยู่ไกลเกินไปและเรื่องราวก็เกิดขึ้นเร็วมาก ข้าจึงต้องทนเห็นเจ้าแต่งงานไปกับท่านอา ข้าขอโทษที่ช่วยเจ้าไม่ได้” ชายหนุ่มก้มหน้าลงแสดงอาการเสียใจ
“แต่ตอนนี้ เจ้าจำเรื่องราวต่างๆไม่ได้แล้ว เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เจ้าหย่ากับท่านอาเสีย แล้วมาแต่งงานกับข้าเถอะ”
ฉันตกใจจริงๆกับคำพูดขององค์ชายหนุ่ม
นี่เขาขอฉันแต่งงานอย่างนั้นหรือ
องค์ชายสี่มองสบตาที่ไม่เข้าใจของฉัน ก่อนจะเดินเข้าจับมือฉันเข้ามาแนบกับหัวใจของเขา
“สามปีที่ผ่านมา ข้ารู้ใจตนเองนานแล้ว ข้ารอวันที่เจ้าจะรู้ใจข้า รอมานานแต่เจ้าก็..ก็...” เสียงเขาเริ่มสั่น
ไป่ฮั่วถิงเดินเข้ามาทันทีที่เห็นองค์ชายสี่คว้ามือฉันไปแนบกับอกตนเอง
“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมนะพ่ะย่ะค่ะ ถึงอย่างไรหรูหนิงก็ยังมีฐานะเป็นพระชายาของอ๋องชิงหนานอยู่ หากมีผู้ใดมาพบเข้า นางจะมีโทษนะพ่ะย่ะค่ะ ขอองค์ชายเห็นใจนางด้วย”
บทที่ยี่สิบเจ็ด บอกความจริงมาหลังจากนอนครุ่นคิดรวบรวมข้อมูลต่างๆที่ได้มา ฉันก็ยังมีเรื่องน่าสงสัยอีกหลายเรื่อง อ๋องชิงหนานบอกว่ามีชายหนุ่มหลงใหลในตัวฟางหรูหนิงมากมาย ข้อนี้ฉันเชื่อเพราะร่างนี้งดงามจนบอกได้ว่าล่มเมืองของแท้ แต่ที่ฉันไม่แน่ใจก็คือเขาบอกว่าหนึ่งในนั้นก็คือเขา นอกเหนือจากยามที่เขาเข้ามาคลอเคลียฉวยโอกาสกับเรือนร่างอันงดงามยามค่ำคืนแล้ว เขาก็แทบจะไม่มาให้เห็นหน้าหรือพูดคุยคำหวานให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ในขณะที่ชายหนุ่มคนอื่นๆ ยังมีคำมั่นสัญญาที่จริงใจชัดเจน ครั้งแรกที่ฉันตื่นขึ้นมาในร่างนี้ ฉันตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจเรื่องในอดีตของร่างนี้แต่อย่างใด
บทที่ยี่สิบหกขอผ่อนคลายกับเจ้าวันนี้เขาเร่งร้อนมาก เพียงไม่นานฉันก็ถึงฝั่งฝันไปหนึ่งรอบ เขายังไม่ยอมหยุดมือ ขยับมือและลิ้นโดยฉันไม่สามารถหยุดเสียงครางกระเส่าได้ ฉันสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่แข็งแกร่งถูไปมาที่เรียวขา ฉับพลันฉันก็ตัดสินใจโดยไม่หยุดคิด ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสแก่นกายที่แข็งตึงของเขา ขยับมือขึ้นลงช้าๆก่อนที่จะเพิ่มความเร็วจนเขาหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วร้องครวญครางจนสุดกลั้น “ให้หม่อมฉันช่วยนะเพคะ” ฉันพูดขณะที่มือยังเร่งความเร็วไม่หยุด “เจ้าทำเช่นนี้ ข้า...ข้า....” เขาร้องออกมาจนฟังแทบไม่ออก ก่อนที่น้ำสีขาวขุ่นจะไหลล้นจนเลอะเต็มมือ&nbs
บทที่ยี่สิบหกขอผ่อนคลายกับเจ้า“แล้วท่านมาลอบทำร้ายเขาทำไม” ฉันถามขึ้นบ้าง “เพราะเจ้า” เขาตอบด้วยคำที่ทำให้ฉันถึงกับตะลึง “เพราะข้า หมายความว่าอย่างไร” “เจ้าเกลียดเขา ยามข้าลอบเข้ามาดู เจ้ามีสีหน้าเศร้าสร้อยเมื่ออยู่ที่นี่ เจ้าดูไม่มีความสุข ข้าจึงคิดว่าฆ่าเขาทิ้งเสีย เจ้าก็จะเป็นอิสระ ถึงตอนนั้นเจ้าจะสามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร” ฉันสบตามองหาความจริงหรือคำโกหกแต่ไม่มีสัญญาณว่าคำพูดนี้ของเขาโกหก 
บทที่ยี่สิบห้าลอบฆ่าทำไม ถัดจากวันนั้นฉันก็ไม่พบหน้าอ๋องหนุ่มอีกเลย เขาหลบลี้หนีหน้าโดยให้ไป่ฮั่วถิงมาดูแลฉันทั้งวัน ฉันไม่คิดจะสนใจเขา แต่ก็มีแอบคิดถึงค่ำคืนสุขสมของฉันคนเดียวไม่ได้ ไป่ฮั่วถิงสมกับเป็นเพื่อนรักวัยเด็กที่แสนดี เขาสรรหาเรื่องมาเล่า สรรหาขนมอร่อย และกิจกรรมยามว่างมาให้ฉันแก้เหงาได้ทุกวัน ฉันไม่มีความรู้สึกเตือนมาว่าเขาโกหกใดใด จึงวางใจและเชื่อใจในทุกสิ่งที่เขาเล่าจนได้รับรู้เรื่องราวต่างๆอีกมากมาย ทหารและองครักษ์ที่ส่งออกไปตามไล่ล่าคนร้ายกลับมาโดยไม่สามารถจับคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว&
บทที่ยี่สิบสี่ฝันหรือจริง เช้านี้ฉันตื่นสายมาก เมื่อคืนรู้สึกว่าฝันอีกแล้ว เป็นฝันที่ยาวนานกว่าคืนก่อนๆ ชายหนุ่มคนเดิมมาเริงรักกับฉันอย่างอ้อยอิ่ง ฉันสัมผัสได้ถึงความเหมือนจริงมากจนไม่อยากจะเชื่อ เมื่อตื่นขึ้นก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนออกกำลังกายมาทั้งคืน อันอันเข้ามาช่วยฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันขอผ้ามาเช็ดเนื้อตัวด้วยตนเองเพราะเริ่มสงสัยบางอย่างจนสายตาสะดุดกับรอยมือบนทรวงอกทั้งสองข้าง เมื่อคืนฉันจำได้ว่าชายหนุ่มขยำขยี้นมของฉันอยู่เนิ่นนานจนฉันแทบขาดใจ คราวนี้ฉันไล่สายตาอย่างละเอียด ส่วนสงวนของฉันยังมีน้ำฉ่ำค้างอยู่ และอาการบวมที่น่าจะเกิดจากการลูบไล้หนักมือ ฉันแน่
บทที่ยี่สิบสาม ฝันอีกแล้ว“ข้ากินยาทีไรรู้สึกง่วงนอนมาก นอนหลับจนฝันแปลกประหลาดทุกคืน” ฉันบ่นเบาๆ “ยาบรรเทาปวดมีตัวยาที่ทำให้เจ้าหลับได้ดี น่าจะเป็นผลดีกับเจ้านะ แต่เจ้าฝันประหลาดอันใดหรือ เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่” ไป่ฮั่วถิงถามขึ้นมา ฉันสะดุ้งในใจ ไม่น่าหลุดปากออกไปเลย “ฝันอันใดข้าก็จำไม่ใคร่ได้ สับสนปะปนไปหมด แต่ก็ถือเป็นฝันดี” ฉันตอบเฉไฉไป “หากเป็นฝันดี เจ้าก็ไม่ต้องคิดมากไป”&nbs







