Masukบทที่หก
องค์ชายสี่
ก่อนนอนฉันเริ่มคิดถึงชีวิตที่แล้วของฉัน’หยาดฟ้า’ นางเอกชื่อดังที่อายุ30แล้วแต่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ความจริงก็มีชายหนุ่มมาขายขนมจีบฉันอยู่หลายคน แต่ที่เข้ารอบและฉันยอมไปไหนมาไหนออกสื่อด้วยมีเพียงสองคนเท่านั้น คนที่หนึ่งคือไฮโซหนุ่มใหญ่พ่อรวยเจ้าของกิจการใหญ่โต ถึงแม้หน้าตาจะไม่จัดว่าดีนักแต่ความเป็นสายเปย์ก็ทดแทนกันได้ ถ้าไม่ติดว่าเขาเจ้าชู้มากเกินไปฉันคงได้แต่งงานกับหนุ่มคนนี้ไปนานแล้ว คนที่สองคือดาราหนุ่มรุ่นน้อง จากคู่จิ้นในจอนานๆไปก็เริ่มกลายเป็นคู่จริงนอกจอ พวกเราคุยกันได้ทุกเรื่องนิสัยเข้ากันได้ทุกอย่าง มีความชอบที่คล้ายกัน แต่ด้วยความที่ชายหนุ่มเพิ่งจะโด่งดังไม่นานจึงยังอยากโลดแล่นให้แฟนคลับได้ติดตามแบบไม่มีคู่จริงให้วุ่นวาย
ฉันจึงยังครองชีวิตโสดจนกระทั่งมายังโลกใบนี้ ซึ่งฉันเพิ่งจะรู้ว่ามีชายหนุ่มมาพัวพันอยู่สองคน คนแรกคืออ๋องชิงหนาน สามีที่ฉันยังไม่เคยเห็นหน้า และถิงเกอเกอ เพื่อนรักวัยเด็กที่แสนดี
ส่วนคนรอบตัวที่ฉันได้พบเจอแล้ว ก็มีสาวใช้อันอันกับผิงอัน
และคนที่เพิ่งจะพบวันนี้ น้องสาวคนละแม่ของฉัน คนนี้น่าจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ อาจจะต้องหลบเลี่ยงด้วยซ้ำเพราะฉันไม่รู้ว่าทั้งสองคนมีความแค้นใดกันอยู่ไหม
รุ่งขึ้นไป่ฮั่วถิงนำอาหารจากร้านในเมืองมากินกับฉันตั้งแต่เช้า
“ร้านนี้เจ้าชอบมาก ข้าซื้อมาทีไรเจ้ากินหมดเกลี้ยงทุกครั้ง” ชายหนุ่มเคี้ยวไปพูดไปจนแก้มโย้
“อร่อยจริงๆ” ฉันเอ่ยชม
“ถ้าเช่นนั้นขอข้ากินด้วยได้หรือไม่” เสียงชายหนุ่มอีกคนเอ่ยขณะเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับฉัน
ไป่ฮั่วถิงรีบลุกขึ้น “คารวะองค์ชายสี่”
ฉันแสดงสีหน้างุนงงยังไม่ลุกขึ้นหรือทำอะไร เพราะอยากดูปฏิกิริยาของทุกคนเสียก่อน ขณะลอบมองหน้าองค์ชายที่เพิ่งมาใหม่ อืม...ดูหน้ายังอ่อน อาจจะอายุน้อยกว่าร่างนี้ไม่มาก หล่อเหล่า สะโอดสะอง ใบหน้ามีความลงตัวอ่อนหวานคล้ายผู้หญิง ถ้าอยู่ในยุคที่ฉันจากมาน่าจะเป็นพระเอกลิเกชื่อดังได้ทีเดียว
“ท่านนี้คือองค์ชายสี่ ‘จ้าวเยี่ยนหลาง’ โอรสองค์ที่สี่ของฮ่องเต้กับพระสนมเต๋อเฟย อนุชาขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง” ไป่ฮั่วถิงรีบอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าของฉัน
“ ฟางหรูหนิงนางมีอาการสูญสิ้นความจำ ไม่สามารถจดจำผู้ใดได้ ขอองค์ชายโปรดอภัยอย่าถือสานางเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” ไป่ฮั่วถิงหันไปอธิบายให้องค์ชายสี่ที่เอาแต่ยืนจ้องหน้าฉัน
“เจ้าสูญสิ้นความจำทั้งหมดแล้วจริงหรือ” องค์ชายสี่ถามย้ำคล้ายอยากให้แน่ใจ
“จริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ หมอหลวงทุกคนตรวจแล้ว หม่อมฉันก็ตรวจแล้ว นางไม่เหลือความทรงจำใดๆเลยพ่ะย่ะค่ะ” ไป่ฮั่วถิงยืนยันนั่งยันนอนยัน
“เจ้าจำข้าไม่ได้เช่นนั้นหรือ” องค์ชายสี่ยังถามย้ำอีกครั้ง
ฉันมองหน้าเขาและแสดงสีหน้าคนที่ไม่รู้จักขณะเอ่ยถาม
“หม่อมฉันรู้จักพระองค์หรือเพคะ”
องค์ชายสี่มีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกด้านเหมือนเด็กไม่พอใจ
“หม่อมฉันกำลังช่วยเสี่ยวหนิงทบทวนความจำอยู่ คาดว่าอีกไม่นาน นางน่าจะพอจำได้บ้างพ่ะย่ะค่ะ” ไป่ฮั่วถิงรีบกล่าวเหมือนรายงาน
“ทบทวนความจำ?” องค์ชายสี่ทำหน้าสงสัย
“ถ้าเช่นนั้น วันนี้ข้าจะพานางไปทบทวนความจำเอง”
ไป่ฮั่วถิงมีสีหน้าไม่ยินยอมแต่ไม่อาจขัดใจองค์ชายสี่ได้
“หม่อมฉันเป็นหมอหลวง ได้รับมอบหมายจากฮองเฮาให้มาดูแลฟางหรูหนิง หากพระองค์จะพานางไปทบทวนความจำ หม่อมฉันคงต้องขอไปด้วย หากนางมีอาการใดใด หม่อมฉันจะได้แก้ไขทันท่วงที”
องค์ชายสี่มองไป่ฮั่วถิงด้วยสายตาดุดันขึ้น
ทั้งสองคนเล่นเกมตามองตากันอยู่สักพัก จนฉันกินอิ่ม
“เอาล่ะ ข้าอิ่มแล้ว พวกเราไปทบทวนความจำกัน” ฉันลุกขึ้นยืนอย่างงามสง่า มือซ้ายคว้ามือไป่ฮั่วถิง มือขวาคว้ามือองค์ชายสี่ แล้วจูงมือชายหนุ่มทั้งสองเดินตามกันไปขึ้นรถม้าคันเดียวกัน
“องค์ชายจะไปทบทวนความจำที่ใดดีเพคะ” ฉันเอ่ยถามในขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองยังคงมองมือที่ฉันจับจูงอยู่ด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก
แหม...เจ๊จูงมือแค่นี้ ก็ไปไม่เป็นซะแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ร่างเดิมของสาวน้อยนางนี้คงไม่เคยทำอะไรแบบนี้สินะ
“ไปวังหลวง” องค์ชายสี่เหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัว หันไปสั่งคนขับรถม้าเสียงเบา ขณะก้าวขึ้นรถม้ามาด้วยอาการเหม่อลอย
ฉันรู้จักเขาในวังหลวงเช่นนั้นหรือ น่าจะเป็นช่วงที่เข้าไปอยู่ในวังกับฮองเฮา
พวกเรานั่งเงียบๆต่างคนต่างคิดกันเกือบหนึ่งชั่วยามกว่าที่รถม้าขององค์ชายสี่จะจอดหน้าประตูทางเข้าวังหลวงด้านข้าง
ระหว่างที่นั่งเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ ฉันลอบมองชายหนุ่มทั้งซ้ายทั้งขวา อืม...งานดีทั้งสองคน เลือกไม่ถูก
บทที่ยี่สิบเจ็ด บอกความจริงมาหลังจากนอนครุ่นคิดรวบรวมข้อมูลต่างๆที่ได้มา ฉันก็ยังมีเรื่องน่าสงสัยอีกหลายเรื่อง อ๋องชิงหนานบอกว่ามีชายหนุ่มหลงใหลในตัวฟางหรูหนิงมากมาย ข้อนี้ฉันเชื่อเพราะร่างนี้งดงามจนบอกได้ว่าล่มเมืองของแท้ แต่ที่ฉันไม่แน่ใจก็คือเขาบอกว่าหนึ่งในนั้นก็คือเขา นอกเหนือจากยามที่เขาเข้ามาคลอเคลียฉวยโอกาสกับเรือนร่างอันงดงามยามค่ำคืนแล้ว เขาก็แทบจะไม่มาให้เห็นหน้าหรือพูดคุยคำหวานให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ในขณะที่ชายหนุ่มคนอื่นๆ ยังมีคำมั่นสัญญาที่จริงใจชัดเจน ครั้งแรกที่ฉันตื่นขึ้นมาในร่างนี้ ฉันตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจเรื่องในอดีตของร่างนี้แต่อย่างใด
บทที่ยี่สิบหกขอผ่อนคลายกับเจ้าวันนี้เขาเร่งร้อนมาก เพียงไม่นานฉันก็ถึงฝั่งฝันไปหนึ่งรอบ เขายังไม่ยอมหยุดมือ ขยับมือและลิ้นโดยฉันไม่สามารถหยุดเสียงครางกระเส่าได้ ฉันสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่แข็งแกร่งถูไปมาที่เรียวขา ฉับพลันฉันก็ตัดสินใจโดยไม่หยุดคิด ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสแก่นกายที่แข็งตึงของเขา ขยับมือขึ้นลงช้าๆก่อนที่จะเพิ่มความเร็วจนเขาหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วร้องครวญครางจนสุดกลั้น “ให้หม่อมฉันช่วยนะเพคะ” ฉันพูดขณะที่มือยังเร่งความเร็วไม่หยุด “เจ้าทำเช่นนี้ ข้า...ข้า....” เขาร้องออกมาจนฟังแทบไม่ออก ก่อนที่น้ำสีขาวขุ่นจะไหลล้นจนเลอะเต็มมือ&nbs
บทที่ยี่สิบหกขอผ่อนคลายกับเจ้า“แล้วท่านมาลอบทำร้ายเขาทำไม” ฉันถามขึ้นบ้าง “เพราะเจ้า” เขาตอบด้วยคำที่ทำให้ฉันถึงกับตะลึง “เพราะข้า หมายความว่าอย่างไร” “เจ้าเกลียดเขา ยามข้าลอบเข้ามาดู เจ้ามีสีหน้าเศร้าสร้อยเมื่ออยู่ที่นี่ เจ้าดูไม่มีความสุข ข้าจึงคิดว่าฆ่าเขาทิ้งเสีย เจ้าก็จะเป็นอิสระ ถึงตอนนั้นเจ้าจะสามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร” ฉันสบตามองหาความจริงหรือคำโกหกแต่ไม่มีสัญญาณว่าคำพูดนี้ของเขาโกหก 
บทที่ยี่สิบห้าลอบฆ่าทำไม ถัดจากวันนั้นฉันก็ไม่พบหน้าอ๋องหนุ่มอีกเลย เขาหลบลี้หนีหน้าโดยให้ไป่ฮั่วถิงมาดูแลฉันทั้งวัน ฉันไม่คิดจะสนใจเขา แต่ก็มีแอบคิดถึงค่ำคืนสุขสมของฉันคนเดียวไม่ได้ ไป่ฮั่วถิงสมกับเป็นเพื่อนรักวัยเด็กที่แสนดี เขาสรรหาเรื่องมาเล่า สรรหาขนมอร่อย และกิจกรรมยามว่างมาให้ฉันแก้เหงาได้ทุกวัน ฉันไม่มีความรู้สึกเตือนมาว่าเขาโกหกใดใด จึงวางใจและเชื่อใจในทุกสิ่งที่เขาเล่าจนได้รับรู้เรื่องราวต่างๆอีกมากมาย ทหารและองครักษ์ที่ส่งออกไปตามไล่ล่าคนร้ายกลับมาโดยไม่สามารถจับคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว&
บทที่ยี่สิบสี่ฝันหรือจริง เช้านี้ฉันตื่นสายมาก เมื่อคืนรู้สึกว่าฝันอีกแล้ว เป็นฝันที่ยาวนานกว่าคืนก่อนๆ ชายหนุ่มคนเดิมมาเริงรักกับฉันอย่างอ้อยอิ่ง ฉันสัมผัสได้ถึงความเหมือนจริงมากจนไม่อยากจะเชื่อ เมื่อตื่นขึ้นก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนออกกำลังกายมาทั้งคืน อันอันเข้ามาช่วยฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันขอผ้ามาเช็ดเนื้อตัวด้วยตนเองเพราะเริ่มสงสัยบางอย่างจนสายตาสะดุดกับรอยมือบนทรวงอกทั้งสองข้าง เมื่อคืนฉันจำได้ว่าชายหนุ่มขยำขยี้นมของฉันอยู่เนิ่นนานจนฉันแทบขาดใจ คราวนี้ฉันไล่สายตาอย่างละเอียด ส่วนสงวนของฉันยังมีน้ำฉ่ำค้างอยู่ และอาการบวมที่น่าจะเกิดจากการลูบไล้หนักมือ ฉันแน่
บทที่ยี่สิบสาม ฝันอีกแล้ว“ข้ากินยาทีไรรู้สึกง่วงนอนมาก นอนหลับจนฝันแปลกประหลาดทุกคืน” ฉันบ่นเบาๆ “ยาบรรเทาปวดมีตัวยาที่ทำให้เจ้าหลับได้ดี น่าจะเป็นผลดีกับเจ้านะ แต่เจ้าฝันประหลาดอันใดหรือ เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่” ไป่ฮั่วถิงถามขึ้นมา ฉันสะดุ้งในใจ ไม่น่าหลุดปากออกไปเลย “ฝันอันใดข้าก็จำไม่ใคร่ได้ สับสนปะปนไปหมด แต่ก็ถือเป็นฝันดี” ฉันตอบเฉไฉไป “หากเป็นฝันดี เจ้าก็ไม่ต้องคิดมากไป”&nbs







