LOGINบทที่เจ็ด
ขอแต่งงาน
“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมนะพ่ะย่ะค่ะ ถึงอย่างไรหรูหนิงก็ยังมีฐานะเป็นพระชายาของอ๋องชิงหนานอยู่ หากมีผู้ใดมาพบเข้า นางจะมีโทษนะพ่ะย่ะค่ะ ขอองค์ชายเห็นใจนางด้วย”
องค์ชายสี่ปล่อยมือฉันช้าๆอย่างเสียดาย
“หม่อมฉันจดจำสิ่งใดไม่ได้เลย ขอพระองค์ให้เวลาหม่อมฉันทบทวนความทรงจำของตนเองหน่อยเถอะนะเพคะ”ฉันแสดงสีหน้าน่าสงสารจนชายหนุ่มทั้งสองหน้าเศร้าไปตามๆกัน
“ตอนนี้หม่อมฉันไม่สามารถจดจำผู้ใดได้ ไม่สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆได้ หม่อมฉันไม่สามารถให้คำตอบหรือคำมั่นสัญญาใดกับผู้ใดได้เลยเพคะ หม่อมฉันเสียใจ” ฉันค่อยๆกลั่นหยดน้ำตาเล็กๆออกมาคลอที่ดวงตากลมใส
“เจ้าไม่ต้องบีบคั้นตนเอง จำไม่ได้ก็คือจำไม่ได้” เพื่อนรักวัยเด็กผู้แสนดีรีบพูดปลอบ
“ข้าไม่ได้บีบคั้นเจ้า ข้าขอโทษ” องค์ชายหน้าอ่อนก้มหน้าอย่างเสียใจ
เพียงแค่หยดน้ำตาเล็กๆ ชายหนุ่มทั้งสองก็ถอยทัพ สมกับเป็นดาราเจ้าบทบาทจริงๆเลย ฉันคิดขณะใช้มือปาดน้ำตาหยดเล็กๆหยดนั้นออกจากหน่วยตา
“หม่อมฉันกลับได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันเหนื่อยแล้ว” ฉันควักบทบาทการแสดงที่ช่ำชองออกมาเล่นบทสาวน้อยที่โดนบีบคั้นจนหมดแรงทั้งกายใจ ร่างกายเริ่มโอนเอนจนชายหนุ่มทั้งสองออกอาการ
“ข้าจะออกไปส่งเจ้าเอง” องค์ชายสี่รีบเดินเข้ามาประกบข้างซ้าย
“ข้าไปกับเจ้าด้วย” ไป่ฮั่วถิงเดินเข้ามาประกบข้างขวา
พวกเราเดินกันเป็นแซนวิชซ้ายขวาแบบนั้นไปจนถึงหน้าประตูวัง โชคดีจริงที่ไม่พบเจอใคร
“เจ้าพักผ่อนเถอะ อย่าเพิ่งคิดมาก พวกเราค่อยๆทบทวนความจำไปช้าๆ อีกไม่นานเจ้าคงจดจำบางสิ่งได้บ้าง” องค์ชายสี่บอกขณะค่อยๆประคองฉันขึ้นรถม้า
“พระองค์ไม่ต้องกังวล หม่อมฉันจะช่วยนางเอง” ไป่ฮั่วถิงเอื้อมมาช่วยประคองฉันขึ้นรถม้าอีกข้าง ก่อนจะปีนขึ้นมานั่งลงข้างๆ
“หม่อมฉันทูลลาเพคะ” ฉันรีบกล่าวลาก่อนจะนั่งหลับตาลงเหมือนเหนื่อยอ่อนจริงๆ
ไป่ฮั่วถิงนั่งรอจนฉันลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้ารู้จักสนิทสนมกับองค์ชายสี่ หากเจ้ายังจดจำสิ่งใดไม่ได้ ข้าขอบอกเจ้าว่า องค์ชายใหญ่คือว่าที่รัชทายาท องค์ชายรองเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน โอกาสจะแย่งชิงตำแหน่งอาจจะน้อยลง แต่องค์ชายสี่เป็นบุตรของเต๋อเฟย มีความรู้ความสามารถมากพอที่จะเป็นคู่แข่งขององค์ชายใหญ่ ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า ฮองเฮาและเต๋อเฟยคือคู่แข่งในวังหลัง ส่วนองค์ชายใหญ่และองค์ชายสี่คือคู่แข่งรัชทายาท และเจ้าซึ่งเป็นหลานของฮองเฮา ลูกพี่ลูกน้องขององค์ชายใหญ่ เจ้าคิดว่า หากมีผู้ใดรู้ว่าเจ้าสนิทสนมกับองค์ชายสี่ขนาดนี้จะเกิดอันใดขึ้น”
คราวนี้ชายหนุ่มร่ายยาวจนฉันต้องทบทวนความซับซ้อนของเรื่องราวอีกรอบ
“ข้าจำไม่ได้ว่าไปสนิทสนมกับเขาตอนไหน” ฉันรีบแก้ตัวเมื่อรู้สึกได้ว่าเรื่องชักจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“เจ้ากับเขาสนิทสนมกันจริงหรือไม่ ไม่มีผู้ใดรู้นอกจากเขาเพียงผู้เดียว เรื่องที่เขาพูดในวันนี้เจ้าอย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมด เพราะอาจจะเป็นคำหลอกลวงก็เป็นได้” ไป่ฮั่วถิงเอ่ยเตือน
“โดยเฉพาะเรื่องที่เขาบอกให้หย่ากับอ๋องชิงหนานแล้วมาแต่งงานกับเขา”
“ถิงเกอเกอได้ยินหรือ”
“ข้าตกใจมากเมื่อได้ยิน” ชายหนุ่มสารภาพว่าแอบฟัง
“จากความซับซ้อนที่ข้าเล่าเมื่อครู่ เจ้าลองคิดดูว่าพวกเจ้าจะแต่งงานกันได้อย่างไร ที่สำคัญข้าไม่รู้คำพูดขององค์ชายสี่เป็นความจริงมากเพียงใด”
“ใช่แล้ว คนที่สูญสิ้นความจำ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ฟื้นตื่นขึ้นมา ชีวิตก็หลุดออกจากเรื่องเดิมอย่างสิ้นเชิง ในสมองมีแต่ความว่างเปล่า ไม่หลงเหลือความทรงจำใดใด ดังนั้นไม่ว่าผู้ใดก็สามารถโกหกเราได้โดยที่เราไม่มีวันรู้เลยว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริงและเรื่องใดคือเรื่องเท็จ” คราวนี้ฉันพูดพรรณนาอย่างจริงจังพลางมองตาชายหนุ่มเพื่อหาความจริงในดวงตานั้น
ไป่ฮั่วถิงมองสบตาฉันอย่างจริงใจ “ข้าจะไม่มีวันหลอกลวง เจ้าเชื่อใจข้าได้”
ฉันมองเข้าไปในดวงตานั้น ก่อนจะถอนหายใจ
คืนนั้น ฉันนั่งทบทวนเรื่องที่เริ่มรับรู้มากขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
“ข้าแวะมาดูแลเจ้าตามสัญญา” จู่ๆยมทูตเบนก็โผล่ขึ้นมาข้างเตียงจนฉันสะดุ้งตกใจ
“ท่านจะแวะมาก็ส่งเสียงหน่อยได้ไหม มาเงียบๆแบบนี้ฉันตกใจหมด” ฉันได้ทีตวาดแว้ดใส่ยมทูตหน้าอ่อน
“โผล่มาแบบนี้ฉันนึกว่าจะมารับวิญญาณ ใจคอหายหมด” ฉันยังคงบ่นไม่หยุด
“มีแรงบ่นได้แบบนี้คงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ถ้าเช่นนั้น ข้ากลับเลยก็แล้วกัน” ยมทูตก็งอนเป็น
“โอ๋... อย่าเพิ่งงอนสิ อุตส่าห์แวะมา” ฉันรีบง้อ
ฉันเชื่อใจเขาได้ ใช่ไหม
บทที่ยี่สิบเจ็ด บอกความจริงมาหลังจากนอนครุ่นคิดรวบรวมข้อมูลต่างๆที่ได้มา ฉันก็ยังมีเรื่องน่าสงสัยอีกหลายเรื่อง อ๋องชิงหนานบอกว่ามีชายหนุ่มหลงใหลในตัวฟางหรูหนิงมากมาย ข้อนี้ฉันเชื่อเพราะร่างนี้งดงามจนบอกได้ว่าล่มเมืองของแท้ แต่ที่ฉันไม่แน่ใจก็คือเขาบอกว่าหนึ่งในนั้นก็คือเขา นอกเหนือจากยามที่เขาเข้ามาคลอเคลียฉวยโอกาสกับเรือนร่างอันงดงามยามค่ำคืนแล้ว เขาก็แทบจะไม่มาให้เห็นหน้าหรือพูดคุยคำหวานให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ในขณะที่ชายหนุ่มคนอื่นๆ ยังมีคำมั่นสัญญาที่จริงใจชัดเจน ครั้งแรกที่ฉันตื่นขึ้นมาในร่างนี้ ฉันตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจเรื่องในอดีตของร่างนี้แต่อย่างใด
บทที่ยี่สิบหกขอผ่อนคลายกับเจ้าวันนี้เขาเร่งร้อนมาก เพียงไม่นานฉันก็ถึงฝั่งฝันไปหนึ่งรอบ เขายังไม่ยอมหยุดมือ ขยับมือและลิ้นโดยฉันไม่สามารถหยุดเสียงครางกระเส่าได้ ฉันสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่แข็งแกร่งถูไปมาที่เรียวขา ฉับพลันฉันก็ตัดสินใจโดยไม่หยุดคิด ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสแก่นกายที่แข็งตึงของเขา ขยับมือขึ้นลงช้าๆก่อนที่จะเพิ่มความเร็วจนเขาหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วร้องครวญครางจนสุดกลั้น “ให้หม่อมฉันช่วยนะเพคะ” ฉันพูดขณะที่มือยังเร่งความเร็วไม่หยุด “เจ้าทำเช่นนี้ ข้า...ข้า....” เขาร้องออกมาจนฟังแทบไม่ออก ก่อนที่น้ำสีขาวขุ่นจะไหลล้นจนเลอะเต็มมือ&nbs
บทที่ยี่สิบหกขอผ่อนคลายกับเจ้า“แล้วท่านมาลอบทำร้ายเขาทำไม” ฉันถามขึ้นบ้าง “เพราะเจ้า” เขาตอบด้วยคำที่ทำให้ฉันถึงกับตะลึง “เพราะข้า หมายความว่าอย่างไร” “เจ้าเกลียดเขา ยามข้าลอบเข้ามาดู เจ้ามีสีหน้าเศร้าสร้อยเมื่ออยู่ที่นี่ เจ้าดูไม่มีความสุข ข้าจึงคิดว่าฆ่าเขาทิ้งเสีย เจ้าก็จะเป็นอิสระ ถึงตอนนั้นเจ้าจะสามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร” ฉันสบตามองหาความจริงหรือคำโกหกแต่ไม่มีสัญญาณว่าคำพูดนี้ของเขาโกหก 
บทที่ยี่สิบห้าลอบฆ่าทำไม ถัดจากวันนั้นฉันก็ไม่พบหน้าอ๋องหนุ่มอีกเลย เขาหลบลี้หนีหน้าโดยให้ไป่ฮั่วถิงมาดูแลฉันทั้งวัน ฉันไม่คิดจะสนใจเขา แต่ก็มีแอบคิดถึงค่ำคืนสุขสมของฉันคนเดียวไม่ได้ ไป่ฮั่วถิงสมกับเป็นเพื่อนรักวัยเด็กที่แสนดี เขาสรรหาเรื่องมาเล่า สรรหาขนมอร่อย และกิจกรรมยามว่างมาให้ฉันแก้เหงาได้ทุกวัน ฉันไม่มีความรู้สึกเตือนมาว่าเขาโกหกใดใด จึงวางใจและเชื่อใจในทุกสิ่งที่เขาเล่าจนได้รับรู้เรื่องราวต่างๆอีกมากมาย ทหารและองครักษ์ที่ส่งออกไปตามไล่ล่าคนร้ายกลับมาโดยไม่สามารถจับคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว&
บทที่ยี่สิบสี่ฝันหรือจริง เช้านี้ฉันตื่นสายมาก เมื่อคืนรู้สึกว่าฝันอีกแล้ว เป็นฝันที่ยาวนานกว่าคืนก่อนๆ ชายหนุ่มคนเดิมมาเริงรักกับฉันอย่างอ้อยอิ่ง ฉันสัมผัสได้ถึงความเหมือนจริงมากจนไม่อยากจะเชื่อ เมื่อตื่นขึ้นก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนออกกำลังกายมาทั้งคืน อันอันเข้ามาช่วยฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันขอผ้ามาเช็ดเนื้อตัวด้วยตนเองเพราะเริ่มสงสัยบางอย่างจนสายตาสะดุดกับรอยมือบนทรวงอกทั้งสองข้าง เมื่อคืนฉันจำได้ว่าชายหนุ่มขยำขยี้นมของฉันอยู่เนิ่นนานจนฉันแทบขาดใจ คราวนี้ฉันไล่สายตาอย่างละเอียด ส่วนสงวนของฉันยังมีน้ำฉ่ำค้างอยู่ และอาการบวมที่น่าจะเกิดจากการลูบไล้หนักมือ ฉันแน่
บทที่ยี่สิบสาม ฝันอีกแล้ว“ข้ากินยาทีไรรู้สึกง่วงนอนมาก นอนหลับจนฝันแปลกประหลาดทุกคืน” ฉันบ่นเบาๆ “ยาบรรเทาปวดมีตัวยาที่ทำให้เจ้าหลับได้ดี น่าจะเป็นผลดีกับเจ้านะ แต่เจ้าฝันประหลาดอันใดหรือ เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่” ไป่ฮั่วถิงถามขึ้นมา ฉันสะดุ้งในใจ ไม่น่าหลุดปากออกไปเลย “ฝันอันใดข้าก็จำไม่ใคร่ได้ สับสนปะปนไปหมด แต่ก็ถือเป็นฝันดี” ฉันตอบเฉไฉไป “หากเป็นฝันดี เจ้าก็ไม่ต้องคิดมากไป”&nbs







