Masukอวิ่นซงถิงกดข่มความรู้สึกเจ็บปวดใจ แล้วดึงสายตาของตนกลับมา แต่ในขณะนั้นบุรุษที่นางเคยเฝ้าคะนึงหาก็หันมาสบตา...
“คุณหนูอวิ่น”
เมื่อได้ยินเสียงเรียก อวิ่นซงถิงก็รีบดึงสายตาของตนกลับมามองบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกาย พอสงบใจลงได้ นางจึงกล่าวว่า
“คุณชายลู่เจ้าคะ ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย วันนี้คงไม่สะดวกเข้าไปดื่มชา วันหน้าข้าจะ...” อวิ่นซงถิงพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเงาร่างของคนผู้หนึ่งพุ่งเข้ามายืนบดบังคู่สนทนาของนาง พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า
“อาถิง เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหน? แล้วในเมื่อไม่สบาย เหตุใดถึงออกมาเดินเที่ยวตลาดตามลำพังเช่นนี้!”
อวิ่นซงถิงรีบก้าวเท้าถอยหลัง พร้อมกับบิดกายหลบฝ่ามือหนาที่ยื่นเข้ามายังหน้าผากของนาง จากนั้นนางก็โน้มตัวคำนับอวิ่นเฟยหยวน แล้วหันไ
หลังจากจัดการเรื่องรอยแดงบนหน้าผากของบุตรสาว และอดีตบุตรบุญธรรมเสร็จ เผิงจินเยว่จึงสั่งให้เด็กทั้งสองบอกเล่าถึงต้นสายปลายเหตุ เนื่องจากนางเลี้ยงดูอวิ่นซงถิงกับหลิวเฟยหยวนมาเองกับมือ เหตุใดจะไม่รู้ถึงนิสัยใจคอของเด็กสองคนนี้ พอเผิงจินเยว่ได้รับฟังเรื่องราวทุกอย่างจบ ซึ่งมันก็เป็นไปตามคาด...! เผิงจินเยว่หันไปต่อว่า ท่านพ่อตาผู้หวงบุตรสาวก่อนเป็นคนแรก จากนั้นนางก็หันมาต่อว่าบุตรสาว และอดีตบุตรบุญธรรมที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นตรงหน้า... ซึ่งที่จริงยามนี้เผิงจินเยว่ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย แม้ในช่วงวัยเยาว์ของหลิวเฟยหยวนกับอวิ่นซงถิงนางจะสังเกตเห็นสายตา ความใกล้ชิด และท่าทีสนิทสนมที่เกินพอดีระหว่างคนทั้งคู่อยู่บ่อยครั้ง แต่เพราะในช่วงเกือบสามปีที่ผ่านมาหลิวเฟยหยวนแสดงท่าทีเฉยชา และเว้นระยะห่างกับบุตรสาวของนางอย่างชัดเจน 
อวิ่นซงถิงตกใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่า บิดามารดาของนางเดินทางกลับมาถึงจวนแล้ว แม้ภายในใจจะเริ่มหวาดกลัว แต่จะช้าหรือเร็ว นางก็ย่อมต้องเผชิญหน้ากับพวกท่าน “พี่ชาย เช่นนั้นพี่ไปซ่อนตัวบนเตียงรอข้าก่อนนะเจ้าคะ” “แต่...” ยังไม่ทันที่หลิวเฟยหยวนจะได้เอ่ยตอบรับหรือปฏิเสธ เขาก็เห็นอวิ่นซงถิงลุกเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักแล้ว หลิวเฟยหยวนจึงได้แต่รีบเก็บพวกถ้วย และพวกจานเปล่าบนโต๊ะกลมใส่ลงไปในตะกร้า จากนั้นเขาก็นำตะกร้าใบใหญ่ไปวางไว้นอกหน้าต่าง แล้วส่งสัญญาณเรียกอาต้านให้มารับ ก่อนจะพุ่งตัวไปซ่อนบนเตียงนอนตามคำสั่งของร่างบาง เมื่อเห็นบุรุษที่ตนรักซ่อนกายเรียบร้อยแล้ว อวิ่นซงถิงจึงเปิดประตูเรียกเหล่าบ่าวรับใช้เข้ามาเตรียมอาภรณ์ เตรียมของใช้ และยกน้ำเข้ามาให้นางอาบ แล้วนางก็ได้สั่งให้อาเฉียวไปแจ้งผู้เป็นบิดา
อวิ่นซงถิงรู้สึกตัวอีกทีก็เข้าสู่ปลายยามเฉิน (ยามเฉิน เวลา 07:00 -08:59 น.) แล้วที่ตื่นก็เพราะหลิวเฟยหยวนใช้จุมพิตหวานกับฝ่ามือหนาทั้งสองข้างปลุกเร้าจนทำให้นางไม่อาจฝืนข่มตาหลับต่อได้ ซึ่งในค่ำคืนที่ผ่านมา กว่านางจะได้หลับก็เกือบรุ่งสาง หากนับเวลา...ยังไม่ถึงสองชั่วยามเลยด้วยซ้ำ!! อวิ่นซงถิงเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองหลิวเฟยหยวนตาเขียวปั้ด ขณะที่นางอ้าปากเตรียมจะต่อว่า เสียงตะโกนปลุกจากบ่าวรับใช้คนสนิทของนางก็ดังแทรกเข้ามาในห้องพัก อวิ่นซงถิงตื่นตกใจ นางเตรียมจะลุกออกจากเตียง ด้วยเพราะกลัวว่า เหล่าบ่าวรับใช้คนสนิทจะเปิดประตูห้องพักเข้ามาปรนนิบัติดูแลนางเหมือนในทุก ๆ เช้า แล้วในขณะที่อวิ่นซงถิงจะลุกขึ้นนั่ง วงแขนหนาก็รั้งตัวนางเข้าไปโอบกอด หลิวเฟยหยวนจับปลายคางของนางให้หันกลับไปสบตากับเจ้าตัว จากนั้นก็ขยับเข้ามากระซิบว่า&nb
พอได้ยินคำพูดเช่นนั้นจากบุรุษตรงหน้า อวิ่นซงถิงก็สำนึกได้ว่า เมื่อครู่ตนเพิ่งจะเอ่ยร้องขอชีวิต หลิวเฟยหยวนถึงได้ยอมหยุด แล้วในยามนี้ส่วนลับของนางก็ยังรู้สึกเจ็บ ๆ ชา ๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธ จุมพิตอ่อนหวานจากหลิวเฟยหยวนก็ทำเอาอวิ่นซงถิงเคลิบเคลิ้ม จนเกือบจะลืมสิ้นแล้วทุกอย่าง จากนั้นฝ่ามือหนาก็ขยับขึ้นมาเคล้นคลึงทรวงอกของนาง ทั้ง ๆ ที่อยากจะเอ่ยปฏิเสธ แต่ความอ่อนโยน และความอ่อนหวานของบุรุษที่ตนรักกลับมีแรงดึงดูดที่ทำให้อวิ่นซงถิงราวกับตกอยู่ในภวังค์ แล้วทันใดนั้น หลิวเฟยหยวนก็ยกตัวนางขึ้น จากนั้นเจ้าสิ่งใหญ่โตแทรกเข้ามาทีเดียวจนสุด “อึก! พี่ชาย...อื้อ!!” เสียงครางหวานดังขึ้น พร้อมกับดวงหน้างามที่แหงนเชิด ยามนี้มือของสตรีบนร่างจิกลงบนไหล่กว้างของเข
อวิ่นซงถิงนอนหมดแรงอยู่บนเตียง นางไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะใช้ยกแขนขึ้นด้วยซ้ำ! นางจึงยอมให้บุรุษบ้ากาม และไร้ยางอายอย่างหลิวเฟยหยวนช่วยพาไปอาบน้ำ แต่ผู้ใดจะคิดล่ะว่า... หลิวเฟยหยวนถ่ายทอดพลังภายในลงไปที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง แล้วจุ่มลงไปในถังอาบน้ำ พออุณหภูมิน้ำในถังอุ่นกำลังดี เขาก็รีบกลับมาอุ้มอวิ่นซงถิงที่ร่างกายเปลือยเปล่าไปนั่งแช่ตัวในน้ำอุ่นให้ผ่อนคลาย ระหว่างนั้นหลิวเฟยหยวนก็รีบเดินกลับไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ก่อนจะกลับมาดูแลปรนนิบัติสตรีที่เขารักอาบน้ำ เมื่อหลิวเฟยหยวนเดินกลับเข้ามาหลังฉากกั้น เขาก็เห็นอวิ่นซงถิงรีบขยับตัวนั่งหันหลังให้กัน ซึ่งเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่า นางน่าจะกำลังเขินอาย หรือไม่...ก็คงจะไม่กล้ามองมาที่ตัวเขา เนื่องจากยามนี้ร่างกายของเขาก็เปลือยเปล่าไม่ต่างไปจากนาง หลิวเฟยหยวนหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ เมื่อ
“อ๊ะ! ฮึก...!!” สตรีใต้ร่างกรีดร้องผวาขึ้นมาโอบกอดเขาทั้งน้ำตา หลิวเฟยหยวนกดแช่แก่นกายทิ้งค้างเอาไว้อย่างนั้น แล้วไล่จุมพิตหยาดน้ำใสบนดวงหน้างาม จากนั้นเขาก็ก้มลงไปจุมพิตที่ริมฝีปาก พวงแก้มนวลทั้งสองข้าง ก่อนจะซุกไซ้ลงไปที่ลำคอขาวผ่องของร่างบาง อวิ่นซงถิงเริ่มรู้สึกอึดอัด แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บมาก นางจึงไม่กล้าแม้แต่จะขยับแขนและขา ทว่าสิ่งใหญ่โตของหลิวเฟยหยวนก็กระตุกอยู่ในตัวนางไม่หยุด แล้วเมื่ออีกฝ่ายค่อย ๆ ขยับสะโพกเข้าหา แม้จะยังรู้สึกเจ็บ และจุกมาก! แต่ก็เหมือน...นางเหมือนจะเริ่มรู้สึกเสียวซ่าน หลังจากนั้นความกำหนัดก็เริ่มเข้ามาแทนที่ความรู้สึกเจ็บปวดทีละน้อย หลิวเฟยหยวนกัดฟัน เขาพยายามข่มกลั้นความรู้สึกของตัวเองไม่ให้ทำตามใจอยาก เขาค่อย ๆ ขยับตัวเข้าออกอย่างเชื่องช้า แต่ความอุ่นร้อน คับ







