LOGIN1อาทิตย์ต่อมา
ฉันยืนอยู่หน้าห้องของเซฟเพราะวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องมาสอนงานให้เขาแต่ทว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจู่ๆไอบ้านี่มันก็ทำตัวแปลกๆพอมองหน้าฉันทีไรเจ้าตัวก็จะรีบหลบหน้าไปทันที
จากที่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันเขาก็เงียบหายไปเลย
“แปลกแหะ”
แกร้ก
“จะยืนบื้ออีกนานไหม”ฉันมองร่างสูงที่เปิดประตูออกมาบ่นใส่ฉันว่าแต่เขารู้ได้ยังไงว่าฉันยืนอยู่หน้าห้องเขากันหลังจากเข้าห้องไปฉันก็ไปนั่งประจำที่แต่สิ่งที่แปลกคือหมอนี่มันห่างจากฉันเป็นกิโลเลยนี่สิ
“นี่ขยับมาหน่อยสิ”
“สอนตรงนั้นนั่นแหละ”ฉันขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดมองใบหน้าหล่อที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาฉันเลยสักนิดไอบ้านี่มันเป็นอะไรของมันเนี่ยเมนส์มารึไง
“ฉันไม่อยากตะโกนเขยิบเข้ามา”ฉันเอ่ยบอกมองเซฟที่ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะขยับมาอยู่ใกล้ฉันแต่ก็เว้นระยะห่างอยู่ดีแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วรีบๆสอนงานให้เขาเพราะคืนนี้ฉันมีนัดวีดีโอคอลกับพี่มอสแฟนสุดน่ารักของฉันน่ะสิ
“วันนี้พอแค่นี้ละกัน” ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากสอนต่อเนื่องมาเกือบ3ชั่วโมงและเซฟก็ตั้งใจเรียนรู้ดีเอาจริงๆหมอนี่มันก็เก่งพอตัวเลยนะสอนอะไรไปนิดๆหน่อยๆก็ทำได้แล้ว
“นี่ยัยข้าวบูด”ฉันชะงักมือที่กำลังจะเก็บเอกสารก่อนจะหันไปมองเซฟที่มองหน้าฉันเป็นครั้งแรก
“อะไร”
“ทีหลังจะนอนหรือจะทำอะไรก็หัดล็อคประตูซะบ้างนะ”ฉันมึนงงกับคำพูดของเซฟจู่ๆก็มาพูดเรื่องนี้เนี่ยนะ
อ๊ะจริงสิฉันได้ยินมาจากคุณหญิงว่าเซฟเป็นคนเอาเจลลดไข้มาแปะให้ฉันนี่ไม่ใช่ว่าฉันทำอะไรแปลกๆใส่เขาหรอกรึแต่ว่าฉันนอนป่วยอยู่นะจะไปทำอะไรเขาได้กัน
“มันชินแล้วน่ะเพราะป้าชอบเข้ามาบ่อยๆ”ฉันเอ่ยบอกสาเหตุที่ฉันไม่ล็อคประตูเพราะป้ามักจะเข้ามาหาฉันเพื่อเรียกไปช่วยงานอยู่บ่อยครั้งอีกอย่างในโซนห้องพักก็ไม่มีผู้ชายเลยสักคนมีแต่พวกแม่บ้านด้วยกันเองทั้งนั้น
“พูดไปก็หัดฟังบ้างสิวะ”ฉันมองเซฟที่โมโหออกมา
เมนส์มาแน่ๆอารมณ์สวิงขนาดนี้-.-
“แล้วนายจะมาเดือดร้อนอะไรแทนฉันล่ะ”
“ฉันจะล็อคประตูรึไม่ล็อคประตูแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย!”ฉันก็แว้ดกลับไปเลยสิคะ!คิดว่าอารมณ์ไม่ดีใส่คนอื่นเป็นคนเดียวรึไง
ไอตอนแรกก็คิดจะพูดขอบคุณอยู่หรอกที่เอาเจลลดไข้มาแปะให้ฉันถึงหายไข้ภายในวันเดียวแต่ตอนนี้ฉันอยากง้าหมัดใส่หน้าเขาจริงๆหึ่ย
“เหอะแม่งเอ้ย”จู่ๆไปบ้าเซฟก็สถบออกมามือหนาลูบหน้าตัวเองเหมือนพยายามสงบสติอารมณ์
“หรือว่าฉันทำอะไรแปลกๆตอนนายเข้ามางั้นเหรอ?”ฉันพูดเสียงเบาดูจากอาการของเซฟตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามันก็ชัดแล้วว่าเขาจงใจหลบหน้าฉัน
นี่ฉันไปทำอะไรเขาจริงๆสินะ
“เธอไม่ได้ทำหรอก..ฉันนี่แหละทำ”
“ห๊ะไม่ได้ยินอ่ะ”ฉันพูดขึ้นเพราะได้ยินไม่ชัดกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา
“ให้ตายสิก็รู้อยู่หรอกนะว่าเป็นห้องตัวเองแต่หัดแต่งตัวให้มันมิดชิดหน่อยไม่ได้รึไง!”และจู่ๆอิตาเมนส์มานี่ก็แว้ดใส่ฉันอีกครั้ง
โอ้ยยยนี่ฉันจะหมดความอดทนกับเขาแล้วนะ!
“แล้วมันยังไง!ฉันจะแก้ผ้านอนแล้วมันผิดอะไรไม่ทราบในเมื่อมันคือห้องของฉันน่ะ!”
“นี่เธอยังไม่รู้ตัวสินะว่าฉันจะสื่อถึงอะไร”
“เออขอโทษทีเพราะฉันมันโง่ไงนายเอาแต่พูดอ้อมโลกแบบนี้ใครมันจะไปเข้าใจห๊ะ!”และเราสองคนก็ขึ้นเสียงใส่กันไปมาและเป็นไอตาบ้าเซฟที่เงียบไปก่อน
น่าหงุดหงิดชะมัด!
“เอาเถอะจอแบนๆอย่างเธอต่อให้นอนแก้ผ้าก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนสนใจหรอก”
“นายว่าไงนะ!?”ใบหน้าของฉันร้อนขึ้นมาด้วยความโมโหทันที จอแบนงั้นเรอะ ถึงตัวฉันจะเล็กแต่หน้าอกฉันก็พอมีนะเว้ย!
“ออกไปซะ”
“นี่ไอบ้าเซฟนายหาว่าฉันจอแบนหรอ!”
“เออ!ออกไปได้แล้ว”ร่างสูงดันไหล่ของฉันให้ออกไปจากห้องแต่ฉันไม่ยอมไงฉันจะอยู่ด่าจนกว่าฉันจะชนะให้ได้เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยฝืนตัวเองเต็มที่ก่อนจะหันตัวกลับมาอย่างรวดเร็วแต่ทว่าหัวชนดันไปฟาดกับคางของเขาจังๆจนร่างสูงเซไปด้านหลังและแน่นอนว่าฉันก็เซตามไปด้วย
ตุ้บ
“อั๊ก”เซฟร้องออกมาทันทีที่หลังของเขาแตะพื้นส่วนฉันก็หลับตาปี๋ในจังหวะที่กำลังจะล้มมือหนาก็รอดรัดร่างกายฉันก่อนที่เราสองคนจะล้มตึงไปทั้งคู่
“นี่นายเป็นอะไรรึเปล่า”ฉันผงกหัวขึ้นมาถามเพราะน้ำเสียงของเขาดูเจ็บมาก
“ฉันขอโทษ”ฉันรีบเอ่ยขอโทษออกไปเพราะถ้าฉันไม่ดื้อดึงจะหันมาด่าเขาเราสองคนก็คงไม่ต้องมาล้มตึงแบบนี้กันทั้งคู่
“มะไม่เป็นไร..”
“แต่นายดูเจ็บมากเลยนะ”แม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่สีหน้าเขาดูเจ็บมากจนฉันร้อนรนใจเลยแหละ
“นี่เซฟนายโอเคจริงๆใช่ไหม”
“ยัยบ้าเอ้ยเธอคิดบ้าอะไรอยู่มาขยับบนตัวผู้ชายแบบนี้น่ะฮะ!”ฉันชะงักไปกับคำพูดของเซฟจริงสิตอนนี้ฉันนอนอยู่บนตัวเขานี่หน่าแขนของเซฟก็ยังพาดกอดฉันอยู่ร่างกายของเราสองคนก็แนบชิดติดกันแถมหน้าอกของฉันก็ยังแนบไปกับอกของเขาอีก
“เหอะงั้นนายก็คงจะรู้แล้วสิว่าฉันไม่ได้จอแบนน่ะ”ฉันพูดออกไปอย่างเชิดๆอายนะแต่ขอแก้ข่าวที่ฉันจอแบนก่อนเถอะ
“แม่งเอ้ย”จู่ๆเซฟก็เอามือมาปิดใบหน้าตัวเองพร้อมกับสถบออกมา
“เจ็บมากเลยเหรอ?”ฉันถามด้วยความเป็นห่วงดูสีหน้าเขาไม่ดียังไงไม่รู้
“นี่เซฟอย่าเอามือปิดหน้าสิขอฉันดูหน่อยนายเจ็บหัวเหรอหรือยังไง”ฉันพยายามดึงแขนของเขาออกเพื่อจะดูสีหน้าของเขาว่าเขาแสดงอาการเจ็บมากแค่ไหนแต่ทว่าพอฉันดึงมือเขาออกกลับได้เห็นใบหน้าที่แตกต่างออกใบ
ใบหน้าหล่อแดงซ่านไปทั่วใบหน้าพร้อมกับสายตาคมที่มองฉันแวบเดียวก่อนจะหลบสายตาไป
อะไรกันสีหน้าแบบนั้น
“อะเอ่อ..เซฟฉะฉันรู้สึกว่ามีอะไรแข็งๆตรงท้องของฉันอ่ะ”ฉันพูดออกไปอย่างตะกุกตะกัก
“พึ่งจะมารู้ตัวรึไง”ใบหน้าหล่อหันมามองค้อนใส่ฉัน
“อย่าบอกนะว่ามันคือสิ่งนั้นของผู้ชายอ่ะ?”
“ถ้ารู้แล้วก็รีบออกไปจากห้องฉันซะก่อนทีฉันจะพลิกให้เธอมานอนใต้ร่างฉันแทน”ฉันเบิกตาโตทันทีกับคำพูดของเซฟก่อนจะรีบขยับตัวถอยออกมาและรีบตั้งสติวิ่งออกจากห้องไปทันทีพร้อมกับหัวใจที่เต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง
กรี๊ดดดด><แค่ล้มทับเองนะคุณเซฟถึงกับมีอารมณ์เลยหย๋ออ ยัยหนูข้าวก็ใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเล้ยย
ไม่มีคอมเม้นรายตอนเลยไรท์เศร้าT^T
หลายปีต่อมาฟอดดด“ตั้งใจทำงานนะ^^” ฉันหอมแก้มสามีฟอดใหญ่ก่อนที่เราสองคนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองซึ่งโต๊ทำงานของฉันก็เพียงแค่อยู่นอกประตูเท่านั้นที่จริงเคยนั่งอยู่ในห้องเดียวกันแล้วแหละแต่ตัดสินใจย้ายไปนั่งข้างนอกแทนก็จะอะไรซะอีกล่ะหมอนั่งอยู่ด้วยกันไอหื่นกามนี่ก็เล่นจับฉันกดเช้ากดเย็นจนงานการล่าช้าไปหมดสุดท้ายฉันเลยตัดสินใจที่จะย้ายโต๊ะออกมาข้างนอกแทนบ้ากามจริงๆสามีใครก็ไม่รู้“สวัสดีครับพี่ข้าว”“อ่าวหวัดดี” ฉันมองพนักงานใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ร่างสูงส่งยิ้มให้กับพร้อมกับวางกล่องขนมลงตรงหน้าฉัน“ทานให้อร่อยนะครับ^^”“อะเอ่อ..ขอบใจนะ” ฉันพูดอย่างเกร็งๆคือทุกคนในบริษัทต่างรู้ว่าฉันกับเซฟเราสองคนเป็นสามีภรรยากันแต่สำหรับน้องคนนี้คงยังไม่รู้สินะแกร้กฉันมองเซฟที่เปิดประตูออกมาได้จังหวะพอดีใบหน้าหล่อจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นมิตรทันทีฉันพึ่งจะออกมาแท้ๆเขาจะออกมาทำไมเนี่ย“สวัสดีครับท่านประธาน”“มาทำอะไร”“เอาขนมมาให้พี่ข้าวเจ้าครับ^^”“จะจีบ?”“อะเอ่อจะว่างั้นก็ได้ครับ^^” ฉันได้แต่ยืนเหงื่อแตกพลั่กๆหนูลูกพึ่งมาทำงานแท้ๆจะโดนตาบ้านั่นไล่ออกมั้ยเนี่ยนิสัยหวงเมียใครๆก็รู้
2ปีต่อมาฉันกลายเป็นนักศึกษาปี4และที่สำคัญคือ…ฉันเรียนจบแล้วจ้าา!! ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันรับปริญญาฉันเองแหละทุกคน>“ยินดีด้วยนะลูก”“ยินดีกับเกียรตินิยมอันดับ1ด้วยนะลูกสะใภ้” ฉันรับช่อดอกไม้มาด้วยความเขินอาย2ปีที่ผ่านมาฉันได้รับความรักจากพวกท่านทั้งสองเยอะมากๆพวกท่านเอ็นดูฉันสุดๆเดี๋ยวก็พาไปอวดคนนั้นคนนี้อ๊ะจริงสิฉันน่ะไม่ได้เป็นสาวเฉิ่มแล้วนะแว่นตาก็ไม่ได้ใส่แล้วเหตุเพราะฉันเองก็อยากปรับตัวให้เข้ากับเซฟด้วยเช่นกันแม้ว่าเจ้าตัวจะย้ำนักย้ำหนาว่าไม่เป็นไรแต่ที่ฉันปรับเปลี่ยนตัวเองมันไม่ใช่เพื่อคนอื่นแต่ก็เพื่อตัวฉันเองด้วยเช่นกันความจริงแล้วตาบ้านั่นก็แค่หึงน่ะเพราะฉันน่ะมันเป็นสาวสวยนี่“ยินดีด้วยนะข้าว” ฉันยิ้มรับอ้อมกอดจากป้าซึ่งก็ลาออกจากงานแม่บ้านแล้วแต่ก็ยังอยู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้ย้ายไปไหนเพราะพ่อกับแม่บอกว่าป้าได้เข้ามาเป็นครอบครัวด้วยตั้งแต่วันที่ฉันกับเซฟหมั้นกันแล้วแต่ป้าก็มักจะทำงานตามที่เคยทำแม้จะน้อยลงก็ตามที“น่าเสียดายนะที่ตาเซฟไม่ได้อยู่ด้วย” คุณแม่เอ่ยขึ้นพูดแล้วก็เศร้าเพราะหลังจากท่ีเซฟเรียนจบเขาก็เข้าทำงานที่บริษัทเพื่อเรียนรู้งานและตอนนี้ก็ทำงานอยู่สาขาต่างประเทศได
หลังเลิกเรียนฉันก็กลับมาบ้านน่าตกใจตรงที่พอฉันกลับมาถึงพ่อกับแม่ของเซฟก็เรียกฉันไปคุยทันทีพวกท่านขอโทษฉันที่ทำให้ฉันต้องเจอกับเหตุการณ์แย่ๆในมหาลัยและบอกว่าเรื่องของนิต้าพวกท่านจะจัดการให้เองซึ่งฉันก็ได้แต่เอ่ยขอบคุณไปRrrr“อ๊ะเซฟ” ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อเซฟโทรเข้ามา“เซฟ!”(เอ่อไม่ใช่ไอเซฟหรอกพวกพี่เป็นเพื่อนมันเอง) ฉันชะงักไป“อ่าค่ะ..”(ไอเซฟมันเป็นไข้จนน่าจะกลับบ้านไม่ไหวแล้วน่ะน้องช่วยมารับมันหน่อยได้ไหม?) ฉันเบิกตาโตทันทีทั้งๆที่บอกแล้วว่าให้กลับมานอนพักก่อนแต่เซฟก็ยังดื้อดึงบอกงานใกล้เสร็จแล้วอยู่นั่น“ได้ค่ะจะรีบไปเลยค่ะ!” ฉันพูดก่อนจะตัดสายและรีบนั่งแท็กซี่ไปมหาลัยทันทีนี่เป็นครั้งแรกเลยแหะที่มามหาลัยช่วงกลางคืนบรรยากาศน่าขนลุกชะมัด“สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายพวกเพื่อนๆของเซฟอย่างเกร็งๆกลิ่นน้ำมันเครื่องพุ่งออกมาจนฉันย่นจมูกสภาพแต่ละคนก็เปรอะเปื้อนไปหมดพวกพี่ๆเขาพอเห็นฉันก็ตกใจทันทีอ่าพวกเขาคงไม่ชินกับที่ฉันไม่ใส่แว่นรึเปล่านะ แล้วก็พอรู้ว่าจะมาเจอเพื่อนๆเขาฉันก็แอบแต่งหน้ามาเล็กน้อยด้วยก็นะมาหน้าสดๆก็เขินอยู่“มันนอนตายอยู่นู่นน่ะ”“เอ้าไอเวรไปแช่งเพื่อนอีก..มันแค่นอนห
เซฟ PARTปรื๊ดด!!“เวรเอ้ย” ผมสถบออกมาเมื่อจู่ๆก็มีใครไม่รู้มาตัดหน้ารถผมถ้าตีนไม่ไวมีหวังร่างแหลกไปแล้ว“นิต้า?” ผมขมวดคิ้วเป็นเธอนั่นเองที่กระโดดมาตัดหน้ารถผม“ไม่อยากเจอเลยว่ะแม่ง” ผมสถบในใจกะจะรีบไปคุยกับข้าวเจ้าแท้ๆ“อะไรของเธออีก” ผมลดกระจกลงพร้อมกับเอ่ยถาม“นิต้ามีเรื่องจะคุย”“พูดมา”“ตรงนี้น่ะหรอ” เวรเอ้ยลืมไปเลยว่าอยู่กลางถนน“ขึ้นมา” สุดท้ายผมก็ต้องให้นิต้าขึ้นมาบนรถสงสัยต้องขายรถนี้ทิ้งซะแล้วสิ“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะไม่สบายหรอ”“ไม่ต้องมายุ่ง” ผมตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์และหันมาตั้งใจขับรถแทนไว้เดี๋ยวค่อยปล่อยเธอลงก่อนถึงมหาลัยก็ได้“จะคุยอะไรก็รีบๆพูดมา” ทั้งๆที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยแต่ก็เอาแต่นั่งเงียบอยู่ได้ผู้หญิงมันเป็นงี้หมดทุกคนเลยรึไงกันชอบยั่วให้โมโหอยู่ได้วันนี้สภาพร่างกายก็ไม่ดีสุดทั้งปวดหัวตัวร้อนจนแม่บอกให้พักผ่อนแต่เพราะผมต้องรีบทำโปรเจคจบให้เสร็จคืนนี้เพื่อที่พรุ่งนี้ที่เป็นวันเกิดผมจะได้ใช้เวลาอยู่กับข้าวเจ้าทั้งวัน“นี่นายจะให้ผู้หญิงแบบนั้นมาอยู่ข้างกายนายจริงๆหรอ?” ผมขมวดคิ้วทันทีเปิดปากพูดออกมาก็ไม่เข้าหูสักนิด“แบบนั้นมันแบบไหน”“ก็ยัยนั่นทั้งขี้เหร่ฐานะก็ไม่
เซฟ PART“เป็นอะไร”ผมเอ่ยถามข้าวเจ้าที่นั่งเงียบมาตลอดการเดินทาง“แค่กๆ” นี่ไม่ใช่เสียงไอของเธอแต่เป็นของผมเองรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวหลังจากที่ได้กินข้าวตอนเข้าเรียนคาบบ่ายก็แถมจะฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลยสักนิดสงสัยน่าจะเป็นไข้แต่ก็สมควรอยู่เล่นหามรุ่งหามค่ำทำโปรเจ็กจบจนโดนยุงกัดตัวลายก็ยอมเพราะว่าใกล้ถึงวันเกิดของผมแล้วและผมก็อยากใช้เวลาในช่วงวันเกิดกับคนที่ผมชอบโชคดีที่พวกเพื่อนๆ มันเข้าใจพร้อมหามรุ่งหามค่ำไปกับผมด้วย“หูตึงรึไงยังข้าวเน่าฉันถามว่าเธอเป็นอะไร” หลังจากจอดติดไฟแดงผมก็หันมาถามเธอด้วยสีหน้าจริงจังแต่ทว่าในดวงตาของเธอกลับมีน้ำตาคลออยู่“เห้ยเป็นอะไรใครทำอะไรอีก” ผมใช้สองมือจับใบหน้าของเธอให้หันมามองผมตรงๆ รู้สึกกระวนกระวายกลัวว่าเธอจะโดนใครไม่รู้โจมตีอีก“ปะป่าวแค่ฝุ่นมันเข้าตาน่ะ” ผมขมวดคิ้วแต่ทว่าก็ต้องรีบปล่อยมือออกเพราะไฟเขียวแล้วไว้ถึงบ้านค่อยคุยกันก็ได้วะ“ฉันไปช่วยป้าเตรียมมื้อเย็นก่อนนะ” ผมมองข้าวเจ้าที่พูดขึ้นโดยไม่สบตาผม“เดี๋ยว” ผมรั้งแขนเธอไว้เพราะรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ“ไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ..มีไรจะพูดก็พูดออกมาเลยฉันไม่ชอบที่เธอเป็นแบบนี้” ผมพูดตรงๆ ผมชอบที่เราสอง
“นี่เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก” ฉันรีบดันใบหน้าหล่อให้ถอยออกมองริมฝีปากของอีกฝ่ายที่เลอะลิปสติกของฉันเซฟในตอนนี้เขาหายใจแรงมากเหมือนพยายามควบคุมความต้องการของตัวเองอยู่แกร้กฉันกระพริบตาปริบๆมองเซฟที่ทำการปลดสร้อยเกรียร์ของเขาออกก่อนจะมาสวมให้กับฉันนี่มันหมายความว่ายังไงกัน..“เซฟ..” ฉันเอ่ยชื่อเขาอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนี้การให้สร้อยเกรียร์ของคณะวิศวะเขาว่ากันว่ามันคือของแทนใจที่จะให้กับหญิงสาวที่รักไม่ใช่หรอร่างสูงเงียบไปแต่ทว่าใบหน้าของเขากลับขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดนี่เขาชอบฉันจริงๆสินะ“ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบฉันไง” ฉันเอ่ยถามมองเซฟที่หลบสายตาฉันเขาเขินแหละแต่เก๊กอยู่“ก็ไม่ได้ชอบ” เจ้าตัวตอบปฏิเสธกลับมาแต่ฉันดันคิดว่ามันน่าเอ็นดูมากที่ปากของเขาไม่ตรงกับใจถึงขนาดนี้“ไม่ได้ชอบแล้วให้สร้อยเกียร์กับฉันทำไม” ฉันถามพรางยื่นใบหน้าไปไกลๆจนอีกฝ่ายชะงักไป“นายรู้รึเปล่าว่าการให้นสร้อยนี่กับฉันมันหมายความว่าอะไร?“กะก็แค่สร้อยธรรมดาๆ” เซฟยังคงปากแข็ง“ถ้างั้นฉันถอดนะ” ฉันทำท่าจะถอด“ชอบ”“....”“ฉันชอบเธอข้าวเจ้า” ฉันได้แต่ยืนช็อกกับคำสารภาพรักของเซฟ“เพราะงั้น..” จู่ๆเซฟก็ดึงฉันไปกอดใบหน้าหล่อฝ







