Masukวันต่อมา
ทำไม? ทำไม? ทำไมฉันต้องออกมาซื้อของกับไอบ้านี่ด้วยอ๊ากกกก!!
เหตุมันเกิดขึ้นเนื่องจากว่าฉันได้รับไหว้วานให้ไปซื้อของที่ห้างซึ่งตอนแรกฉันก็กะจะไปเองนี่แหละแต่ไอบ้าเซฟมันดันลงมาพอดีพอแม่ของเขาถามว่ามีแพลนจะออกไปไหนทำอะไรไหมไอบื้อนั่นก็บอกว่าไม่มี
และไงคะ
ก็ได้เลยมาด้วยกันแบบงงๆนี่ไงทั้งๆที่ฉันปฏิเสธไปแล้วว่าจะมาเองแต่คุณหญิงก็คะยั้นคะยอบอกให้เซฟขับรถไปส่งฉันจนสุดท้ายก็ไม่มีใครต้านทานคำพูดอันทรงพลังได้ฉันเลยต้องยอมนั่งรถมากับไอตาหื่นกามนี่สองต่อสองทั้งๆที่พึ่งเกิดเรื่องอะไรแบบนั้นไปเมื่อวานนี้เองแท้ๆ
“นั่งดีๆฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกหน่ายัยข้าวเน่า”จู่ๆไอบ้าเซฟก็พูดขึ้นมาแต่เขาไม่ได้มองมาทางฉันเพราะกำลังตั้งใจขับรถอยู่
“ไม่ฉันจะนั่งแบบนี้”ฉันพูดขึ้นอย่างจริงจังเพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีก็เลยนั่งหันทั้งตัวหันทั้งหน้าไปจ้องอีกฝ่าย
“ตามใจขอให้ตะคริวกินแล้วกัน”ฉันรับฟังแบบไม่ใส่ใจแต่ทว่าพอนั่งท่านี้นานๆก็แอบเมื่อยนะแถมยังรู้สึกเวียนหัวอีกฮื่ออ
“อุแหวะ”ทันทีที่มาถึงห้างที่แรกที่ฉันไปก็คือห้องน้ำก่อนจะเข้าไปอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงเนื่องจากเมารถเป็นเพราะไอบ้าเซฟคนเดียวเลยมาทำให้ฉันหวาดระแวงไปหมด
“สมน้ำหน้า”ทันทีที่ฉันออกมาจากห้องน้ำก็เจอร่างสูงยืนพูดล้อฉันอย่างอารมณ์ดี
นี่คงมีแต่ฉันที่ผิดปกติสินะนี่เขาไม่รู้สึกบาปกับตัวเองบ้างรึไงที่มาแข็งใส่ผู้หญิงแบบนี้แต่ก็นะได้ข่าวว่าเป็นเสือผู้หญิงพอตัวเลยนี่คงจะโดนสาวๆปลุกเร้าอารมณ์บ่อยครั้งไม่ใช่ว่าเพียงแค่แตะตัวก็แข็งขึ้นมาหรอกใช่ไหม
จิ้มๆ
“ทำบ้าอะไร”ใบหน้าหล่อหันมาถามฉันเมื่อฉันเอานิ้วจิ้มๆแขนเขา
“แข็งป่ะ?”
“อะไรแข็ง”ฉันลากสายตาต่ำมายังเป้าของเขา
“ยัยบ้านี่!”มือหนารีบจับใบหน้าของฉันให้เงยขึ้นทันทีพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะตีฉันให้ตาย
“เอ้าอะไรอ่ะก็แค่พิสูนจ์ดูว่านายมันจะโรคจิตแค่ไหนก็เท่านั้นเอง”
“มานี่!”
“อ๊ะจะไปไหน!”จู่ๆฉันก็โดนาหื่นกามนี่ลากกลับไปยังลานจอดรถร่างสูงดันฉันเข้าไปในรถก่อนที่เขาจะเดินขึ้นมานั่งประจำที่
“นี่นายคิดจะทำอะไรฉันใช่ไหม”ฉันรีบยกสองมือปิดตัวเองทันทีนี่มันที่จอดรถในห้างดังเลยนะเว้ยเขาคิดจะทำอะไรหื่นกามที่นี่อย่างนั้นรึโรคจิตที่สุด!
“เห้อยัยข้าวเน่าเอ้ย”จู่ๆอีกฝ่ายก็ถอนหายใจออกมายาวๆมือหนาเสยผมไปด้านหลังเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่
“เธอเป็นบ้าอะไรหะโรคจิตรึไงถึงได้มองเป้าผู้ชายกลางห้างแบบนั้น”เซฟหันมาถามฉันอย่างหัวเสีย
“ใครกันแน่ที่โรคจิตเมื่อวานนาย..”ฉันชะงักคำพูดไปเพราะมันน่าอายเกินกว่าจะพูดออกมานี่สิ
“นี่ฟังนะไม่ว่าจะผู้ชายคนไหนเจอผู้หญิงมาดิ้นๆอยู่บนตัวมันก็แข็งเหมือนกันหมดนั่นแหละ”เซฟพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ฉันไม่เชื่อหรอกคนที่เป็นแบบนั้นได้มีแต่พวกโรคจิตเท่านั้นแหละ!
“ฉันไม่เชื่อ”ฉันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังตอบกลับไป
“ไม่เชื่อใช่ไหม?”
“ใช่ไม่เชื่อ!”ฉันส่ายหน้าให้ตายยังไงก็ไม่เชื่อหรอก
“ได้ งั้นก็มาพิสูนจ์เองเลยมา”
“กรี๊ดนายจะทำบ้าเฮือกก..”ฉันตัวแข็งทันทียามที่มือหนาจับมือฉันให้ไปวางทาบกับส่วนนั้นของเขาและแน่นอนว่าฉันก็รีบชักมือกลับทันที
“นี่นาย!!”
“เห็นไหมล่ะว่ามันไม่ได้แข็งตัวง่ายขนาดนั้น”ฉันยังไม่ทันจะได้ด่าร่างสูงก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
“โรคจิต!”ฉันมองเขาเขม็งใครจะคิดว่าไอบ้านี่จะใช้วิธีนี้ในการบอกฉันกัน
เออเชื่อก็เชื่อ!
“รีบลงไปซื้อของซะฉันจะรออยู่ที่รถ”เซฟเอ่ยขึ้นจริงสิเรามาห้างเพื่อซื้อของนี่หน่ากะว่าจะรีบไปรีบกลับแต่ดันมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องซะได้
“ไม่ต้องหรอกนายกลับไปเถอะฉันนั่งรถเมล์กลับได้”ฉันเอ่ยบอกแค่นี้ก็อึดอัดกันจะตายอยู่แล้ว
“ฉันเป็นเจ้านายเธอนะอย่าลืมยัยข้าวบูด”ฉันมองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากลงจากยอมเขาและเจ้านายที่ไหนมันอยู่รอคนใช้ซื้อของและขับรถไปรับไปส่งคนใช้แบบนี้กัน
จิ๊ น่าหงุดหงิดจริงๆ
พอกลับเข้ามาในห้างอีกครั้งฉันก็เปิดดูรายการที่ต้องซื้อส่วนใหญ่เป็นพวกสกินแคร์ของเค้าท์เตอร์แบรนด์ต่างๆคุณหญิงคงไม่มีเวลามาซื้อเองสินะช่วงนี้ทั้งคู่ก็ทำงานหนักกันมากแต่ลูกชายตัวดียังเอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ
ฉันนี่เพลียใจแทนจริ๊งๆ
ฉันเดินซื้อของอย่างชิวๆเอาจริงๆพยายามทำให้ช้าที่สุดเพื่อดึงเวลาให้ไอบ้านั่นโมโหเล่นจนทนรอไม่ไหวแต่ตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีสายหรือข้อความทักมาบอกว่าไม่อยู่รอแล้วเลย
เอาจริงดิ่ นี่ฉันต้องกลับบ้านกับไอคนที่ดึงมือฉันไปจับตรงนั้นของเขาจริงๆอะนะ
ขนลุกก~
“อ๊ะ”สายตาของฉันหันไปเห็นร่างคุ้นตาก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจมองผู้ชายที่ยืนเล่นมือถือเหมือนรอใครอยู่ก็ไม่รู้และผู้ชายคนนั้นก็คือพี่มอสแฟนฉันเอง><
นี่มันพรมลิขิตชัดๆทำไมเราสองคนถึงมาเจอกันที่นี่โดยไม่ได้นัดหมายกันด้วยนะก็เพราะว่ามันคือพรมลิขิตไง
“พะมอ..!”ฉันชะงักทั้งขาและปากที่กำลังจะเอ่ยเรียกแฟนตัวเองมองหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังเดินเข้าไปหาพี่มอสและทั้งสองคนก็กอดกันอย่างหวานชื่นโดยที่พี่มอสเองก็อ้าแขนรับกอดจากหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม
นะนี่มันอะไรกัน
“กลับ”
“อ๊ะ?”ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจจู่ๆเซฟก็เข้ามาจับมือฉันก่อนจะลากฉันให้เดินตามเขาไปซึ่งฉันที่ยังงงๆอยู่ก็เดินตามเขาไปแบบง่ายดายแถมยังไม่รู้เลยว่าเขาหาฉันเจอได้ยังไง
ปึก
เสียงประตูรถถูกปิดลงพร้อมกับร่างสูงของเซฟที่เข้ามานั่งประจำที่
“วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วรึไง”เซฟเอ่ยขึ้นแต่ฉันก็ไม่มีกระจิตกระใจจะตอบคำถามของอีกฝ่ายสักนิด
เมื่อกี้มันคืออะไร ภาพที่ฉันเห็นมันคืออะไรกัน
“เมื่อกี้นายก็เห็นใช่ไหม”
“เห็นอะไร”
“แฟนของฉันกำลังกอดกับผู้หญิงคนอื่น”ฉันเอ่ยถามเซฟตอนนี้ในหัวมันตื้อไปหมดเลยตัวก็ชาวาบไปหมด
“เห็นแบบนั้นแล้วก็เลิกยุ่งกับมันซะมันไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เธอคิดหรอก”คำพูดของเซฟทำฉันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“นายหมายความว่ายังไง?”
“จะหมายความว่าอะไรได้อีกนอกจากว่าแฟนเธอมันเป็นไอเศษสวะไง”ใบหน้าหล่อหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อส่วนฉันก็ได้แต่นั่งนิ่งเพราะยังช็อกกับสิ่งที่ได้ยินและภาพที่ได้เห็นอยู่เมื่อกี้
นี่พี่มอสนอกใจฉันจริงๆเหรอ
ผู้ชายที่แสนดีและมักจะยิ้มอย่างอบอุ่นให้ฉันเนี่ยนะนอกใจฉัน
มันเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ...
จริงจ้าลูกสาววว เลิกเลยยย
หลายปีต่อมาฟอดดด“ตั้งใจทำงานนะ^^” ฉันหอมแก้มสามีฟอดใหญ่ก่อนที่เราสองคนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองซึ่งโต๊ทำงานของฉันก็เพียงแค่อยู่นอกประตูเท่านั้นที่จริงเคยนั่งอยู่ในห้องเดียวกันแล้วแหละแต่ตัดสินใจย้ายไปนั่งข้างนอกแทนก็จะอะไรซะอีกล่ะหมอนั่งอยู่ด้วยกันไอหื่นกามนี่ก็เล่นจับฉันกดเช้ากดเย็นจนงานการล่าช้าไปหมดสุดท้ายฉันเลยตัดสินใจที่จะย้ายโต๊ะออกมาข้างนอกแทนบ้ากามจริงๆสามีใครก็ไม่รู้“สวัสดีครับพี่ข้าว”“อ่าวหวัดดี” ฉันมองพนักงานใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ร่างสูงส่งยิ้มให้กับพร้อมกับวางกล่องขนมลงตรงหน้าฉัน“ทานให้อร่อยนะครับ^^”“อะเอ่อ..ขอบใจนะ” ฉันพูดอย่างเกร็งๆคือทุกคนในบริษัทต่างรู้ว่าฉันกับเซฟเราสองคนเป็นสามีภรรยากันแต่สำหรับน้องคนนี้คงยังไม่รู้สินะแกร้กฉันมองเซฟที่เปิดประตูออกมาได้จังหวะพอดีใบหน้าหล่อจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นมิตรทันทีฉันพึ่งจะออกมาแท้ๆเขาจะออกมาทำไมเนี่ย“สวัสดีครับท่านประธาน”“มาทำอะไร”“เอาขนมมาให้พี่ข้าวเจ้าครับ^^”“จะจีบ?”“อะเอ่อจะว่างั้นก็ได้ครับ^^” ฉันได้แต่ยืนเหงื่อแตกพลั่กๆหนูลูกพึ่งมาทำงานแท้ๆจะโดนตาบ้านั่นไล่ออกมั้ยเนี่ยนิสัยหวงเมียใครๆก็รู้
2ปีต่อมาฉันกลายเป็นนักศึกษาปี4และที่สำคัญคือ…ฉันเรียนจบแล้วจ้าา!! ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันรับปริญญาฉันเองแหละทุกคน>“ยินดีด้วยนะลูก”“ยินดีกับเกียรตินิยมอันดับ1ด้วยนะลูกสะใภ้” ฉันรับช่อดอกไม้มาด้วยความเขินอาย2ปีที่ผ่านมาฉันได้รับความรักจากพวกท่านทั้งสองเยอะมากๆพวกท่านเอ็นดูฉันสุดๆเดี๋ยวก็พาไปอวดคนนั้นคนนี้อ๊ะจริงสิฉันน่ะไม่ได้เป็นสาวเฉิ่มแล้วนะแว่นตาก็ไม่ได้ใส่แล้วเหตุเพราะฉันเองก็อยากปรับตัวให้เข้ากับเซฟด้วยเช่นกันแม้ว่าเจ้าตัวจะย้ำนักย้ำหนาว่าไม่เป็นไรแต่ที่ฉันปรับเปลี่ยนตัวเองมันไม่ใช่เพื่อคนอื่นแต่ก็เพื่อตัวฉันเองด้วยเช่นกันความจริงแล้วตาบ้านั่นก็แค่หึงน่ะเพราะฉันน่ะมันเป็นสาวสวยนี่“ยินดีด้วยนะข้าว” ฉันยิ้มรับอ้อมกอดจากป้าซึ่งก็ลาออกจากงานแม่บ้านแล้วแต่ก็ยังอยู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้ย้ายไปไหนเพราะพ่อกับแม่บอกว่าป้าได้เข้ามาเป็นครอบครัวด้วยตั้งแต่วันที่ฉันกับเซฟหมั้นกันแล้วแต่ป้าก็มักจะทำงานตามที่เคยทำแม้จะน้อยลงก็ตามที“น่าเสียดายนะที่ตาเซฟไม่ได้อยู่ด้วย” คุณแม่เอ่ยขึ้นพูดแล้วก็เศร้าเพราะหลังจากท่ีเซฟเรียนจบเขาก็เข้าทำงานที่บริษัทเพื่อเรียนรู้งานและตอนนี้ก็ทำงานอยู่สาขาต่างประเทศได
หลังเลิกเรียนฉันก็กลับมาบ้านน่าตกใจตรงที่พอฉันกลับมาถึงพ่อกับแม่ของเซฟก็เรียกฉันไปคุยทันทีพวกท่านขอโทษฉันที่ทำให้ฉันต้องเจอกับเหตุการณ์แย่ๆในมหาลัยและบอกว่าเรื่องของนิต้าพวกท่านจะจัดการให้เองซึ่งฉันก็ได้แต่เอ่ยขอบคุณไปRrrr“อ๊ะเซฟ” ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อเซฟโทรเข้ามา“เซฟ!”(เอ่อไม่ใช่ไอเซฟหรอกพวกพี่เป็นเพื่อนมันเอง) ฉันชะงักไป“อ่าค่ะ..”(ไอเซฟมันเป็นไข้จนน่าจะกลับบ้านไม่ไหวแล้วน่ะน้องช่วยมารับมันหน่อยได้ไหม?) ฉันเบิกตาโตทันทีทั้งๆที่บอกแล้วว่าให้กลับมานอนพักก่อนแต่เซฟก็ยังดื้อดึงบอกงานใกล้เสร็จแล้วอยู่นั่น“ได้ค่ะจะรีบไปเลยค่ะ!” ฉันพูดก่อนจะตัดสายและรีบนั่งแท็กซี่ไปมหาลัยทันทีนี่เป็นครั้งแรกเลยแหะที่มามหาลัยช่วงกลางคืนบรรยากาศน่าขนลุกชะมัด“สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายพวกเพื่อนๆของเซฟอย่างเกร็งๆกลิ่นน้ำมันเครื่องพุ่งออกมาจนฉันย่นจมูกสภาพแต่ละคนก็เปรอะเปื้อนไปหมดพวกพี่ๆเขาพอเห็นฉันก็ตกใจทันทีอ่าพวกเขาคงไม่ชินกับที่ฉันไม่ใส่แว่นรึเปล่านะ แล้วก็พอรู้ว่าจะมาเจอเพื่อนๆเขาฉันก็แอบแต่งหน้ามาเล็กน้อยด้วยก็นะมาหน้าสดๆก็เขินอยู่“มันนอนตายอยู่นู่นน่ะ”“เอ้าไอเวรไปแช่งเพื่อนอีก..มันแค่นอนห
เซฟ PARTปรื๊ดด!!“เวรเอ้ย” ผมสถบออกมาเมื่อจู่ๆก็มีใครไม่รู้มาตัดหน้ารถผมถ้าตีนไม่ไวมีหวังร่างแหลกไปแล้ว“นิต้า?” ผมขมวดคิ้วเป็นเธอนั่นเองที่กระโดดมาตัดหน้ารถผม“ไม่อยากเจอเลยว่ะแม่ง” ผมสถบในใจกะจะรีบไปคุยกับข้าวเจ้าแท้ๆ“อะไรของเธออีก” ผมลดกระจกลงพร้อมกับเอ่ยถาม“นิต้ามีเรื่องจะคุย”“พูดมา”“ตรงนี้น่ะหรอ” เวรเอ้ยลืมไปเลยว่าอยู่กลางถนน“ขึ้นมา” สุดท้ายผมก็ต้องให้นิต้าขึ้นมาบนรถสงสัยต้องขายรถนี้ทิ้งซะแล้วสิ“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะไม่สบายหรอ”“ไม่ต้องมายุ่ง” ผมตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์และหันมาตั้งใจขับรถแทนไว้เดี๋ยวค่อยปล่อยเธอลงก่อนถึงมหาลัยก็ได้“จะคุยอะไรก็รีบๆพูดมา” ทั้งๆที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยแต่ก็เอาแต่นั่งเงียบอยู่ได้ผู้หญิงมันเป็นงี้หมดทุกคนเลยรึไงกันชอบยั่วให้โมโหอยู่ได้วันนี้สภาพร่างกายก็ไม่ดีสุดทั้งปวดหัวตัวร้อนจนแม่บอกให้พักผ่อนแต่เพราะผมต้องรีบทำโปรเจคจบให้เสร็จคืนนี้เพื่อที่พรุ่งนี้ที่เป็นวันเกิดผมจะได้ใช้เวลาอยู่กับข้าวเจ้าทั้งวัน“นี่นายจะให้ผู้หญิงแบบนั้นมาอยู่ข้างกายนายจริงๆหรอ?” ผมขมวดคิ้วทันทีเปิดปากพูดออกมาก็ไม่เข้าหูสักนิด“แบบนั้นมันแบบไหน”“ก็ยัยนั่นทั้งขี้เหร่ฐานะก็ไม่
เซฟ PART“เป็นอะไร”ผมเอ่ยถามข้าวเจ้าที่นั่งเงียบมาตลอดการเดินทาง“แค่กๆ” นี่ไม่ใช่เสียงไอของเธอแต่เป็นของผมเองรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวหลังจากที่ได้กินข้าวตอนเข้าเรียนคาบบ่ายก็แถมจะฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลยสักนิดสงสัยน่าจะเป็นไข้แต่ก็สมควรอยู่เล่นหามรุ่งหามค่ำทำโปรเจ็กจบจนโดนยุงกัดตัวลายก็ยอมเพราะว่าใกล้ถึงวันเกิดของผมแล้วและผมก็อยากใช้เวลาในช่วงวันเกิดกับคนที่ผมชอบโชคดีที่พวกเพื่อนๆ มันเข้าใจพร้อมหามรุ่งหามค่ำไปกับผมด้วย“หูตึงรึไงยังข้าวเน่าฉันถามว่าเธอเป็นอะไร” หลังจากจอดติดไฟแดงผมก็หันมาถามเธอด้วยสีหน้าจริงจังแต่ทว่าในดวงตาของเธอกลับมีน้ำตาคลออยู่“เห้ยเป็นอะไรใครทำอะไรอีก” ผมใช้สองมือจับใบหน้าของเธอให้หันมามองผมตรงๆ รู้สึกกระวนกระวายกลัวว่าเธอจะโดนใครไม่รู้โจมตีอีก“ปะป่าวแค่ฝุ่นมันเข้าตาน่ะ” ผมขมวดคิ้วแต่ทว่าก็ต้องรีบปล่อยมือออกเพราะไฟเขียวแล้วไว้ถึงบ้านค่อยคุยกันก็ได้วะ“ฉันไปช่วยป้าเตรียมมื้อเย็นก่อนนะ” ผมมองข้าวเจ้าที่พูดขึ้นโดยไม่สบตาผม“เดี๋ยว” ผมรั้งแขนเธอไว้เพราะรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ“ไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ..มีไรจะพูดก็พูดออกมาเลยฉันไม่ชอบที่เธอเป็นแบบนี้” ผมพูดตรงๆ ผมชอบที่เราสอง
“นี่เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก” ฉันรีบดันใบหน้าหล่อให้ถอยออกมองริมฝีปากของอีกฝ่ายที่เลอะลิปสติกของฉันเซฟในตอนนี้เขาหายใจแรงมากเหมือนพยายามควบคุมความต้องการของตัวเองอยู่แกร้กฉันกระพริบตาปริบๆมองเซฟที่ทำการปลดสร้อยเกรียร์ของเขาออกก่อนจะมาสวมให้กับฉันนี่มันหมายความว่ายังไงกัน..“เซฟ..” ฉันเอ่ยชื่อเขาอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนี้การให้สร้อยเกรียร์ของคณะวิศวะเขาว่ากันว่ามันคือของแทนใจที่จะให้กับหญิงสาวที่รักไม่ใช่หรอร่างสูงเงียบไปแต่ทว่าใบหน้าของเขากลับขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดนี่เขาชอบฉันจริงๆสินะ“ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบฉันไง” ฉันเอ่ยถามมองเซฟที่หลบสายตาฉันเขาเขินแหละแต่เก๊กอยู่“ก็ไม่ได้ชอบ” เจ้าตัวตอบปฏิเสธกลับมาแต่ฉันดันคิดว่ามันน่าเอ็นดูมากที่ปากของเขาไม่ตรงกับใจถึงขนาดนี้“ไม่ได้ชอบแล้วให้สร้อยเกียร์กับฉันทำไม” ฉันถามพรางยื่นใบหน้าไปไกลๆจนอีกฝ่ายชะงักไป“นายรู้รึเปล่าว่าการให้นสร้อยนี่กับฉันมันหมายความว่าอะไร?“กะก็แค่สร้อยธรรมดาๆ” เซฟยังคงปากแข็ง“ถ้างั้นฉันถอดนะ” ฉันทำท่าจะถอด“ชอบ”“....”“ฉันชอบเธอข้าวเจ้า” ฉันได้แต่ยืนช็อกกับคำสารภาพรักของเซฟ“เพราะงั้น..” จู่ๆเซฟก็ดึงฉันไปกอดใบหน้าหล่อฝ







