Masuk“ระเราเลิกกันเถอะค่ะ”ฉันเอ่ยบอกออกไปมองหน้าพี่มอสที่ยืนสะตั้นอยู่ตรงหน้าฉัน
“เดี๋ยวสิทำไมถึงบอกเลิกพี่ล่ะครับ?”พี่มอสปรี่เข้ามาจับมือฉันพร้อมกับสีหน้าของความร้อนรน
“เมื่อวานพี่ไปที่ห้างมารึเปล่าคะ”
“ก็ใช่ครับ”
“ข้าวเห็นค่ะ..เห็นว่าพี่กำลังกอดกับผู้หญิงคนอื่น..”ฉันบอกออกไปพลันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจเล็กน้อยแม้ว่าเราสองคนจะยังรู้จักและคบกันได้ไม่นานแต่เป็นถึงแฟนคนแรกของฉันเลยนะและฉันก็คาดหวังกับความรักครั้งนี้มากจริงๆ
“อุ๊บ..ฮ่าๆ”ฉันขมวดคิ้วมองพี่มอสที่หัวเราะลั่นออกมา
“มันใช่เรื่องตลกเหรอคะพี่นอกใจข้าวนะ!”ฉันพูดด้วยความโมโห
“ข้าวฟังพี่นะ..ผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวพี่เอง”ฉันเบิกตาโตด้วยความตกใจจริงสิพี่มอสบอกว่าตัวเองมีน้องสาวด้วยนี่หน่างั้นแสดงว่าผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวพี่มอสจริงๆเหรอแต่หน้าตาไม่เหมือนกันเลยนะ
“ข้าว..เฮ้อทำไมน่ารักอย่างนี้นะหึงพี่เหรอครับ”จู่ใบหน้าของฉันมันก็ร้อนขึ้นมาไม่ได้เพราะความเขินแต่อายล้วนๆ!
“อะเอ่อ..ข้าวขอโทษนะคะที่ด่วนสรุปไปเองแบบนี้”ฉันบอกออกไปอย่างรู้สึกผิด เห้อไอเราก็คิดหนักมาตลอดทั้งคืนสุดท้ายก็แค่น้องสาวเองเหรอเนี่ยบ้าจริงฉัน
“ไม่เป็นไรครับ..ถ้างั้นไปเดทกับพี่ได้ไหม?”
“คะ!?”ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ถ้ารู้สึกผิดจริงๆก็ไปเดทกับพี่นะครับ^^”ฉันมองหน้าพี่มอสอย่างอึกอักตอนนี้มันทั้งงงทั้งเขินไปหมดนี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีผู้ชายมาขอออกเดทด้วยแบบนี้แต่ว่าคนเป็นแฟนกันเขามันก็คงเป็นเรื่องปกติแหละมั้ง
“นะครับข้าว..”มือหนาของพี่มอสกลับมาจับมือฉันอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าหล่อที่จ้องมองฉันอย่างรอคอยคำตอบ
จ้องขนาดนี้ฉันจะปฏิเสธได้ยังไงกัน><
“กะก็ได้ค่ะ”
“เย้ๆ”ฉันยิ้มออกมามองพี่มอสที่กระโดดดีใจเหมือนเด็กๆหลังจากปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยฉันกับพี่มอสก็นั่งหาสถานที่ไปเดทกันซึ่งเราตกลงกันว่าจะเจอกันวันเสาร์นี้
ตื่นเต้นจัง><
เป๊าะ
“อ๊ะมันเจ็บนะ!”ฉันเอามือลูบๆหน้าผากตัวเองที่พึ่งโดนไอบ้าเซฟดีดนิ้วใส่
“เหม่ออะไรอยู่ได้สรุปจะสอนมั้ย”ใบหน้าหล่อนั่งเท้าคางมองมาทางฉันให้ตายสิคนบ้าอะไรหล่อขนาดนี้เนี่ยเสียอย่างเดียวโรคจิตไปหน่อย
“โทษทีๆ”ฉันเอ่ยบอกก่อนจะเริ่มสอนอย่างจริงจังพอยิ่งใกล้วันที่จะต้องไปเดทฉันก็คิดมากสุดๆไงทั้งเดทแรกทั้งแฟนคนแรกทุกอย่างมันน่าตื่นเต้นไปหมดเลยแถมเรายังไปกันสองต่อสองอีก
ปกติก็ทำได้แค่นั่งกินข้าวด้วยกันไม่เคยนัดเจอกันข้างนอกเลยแถมตอนกินข้าวก็มีคนอยู่เยอะมันเลยทำให้ฉันไม่ค่อยรู้สึกเขินมากเท่าไหร่แต่ครั้งนี้เราสองคนนัดกินข้าวกันที่ร้านแห่งหนึ่งแถมยังเป็นห้องปิดซึ่งพี่มอสเป็นคนเสนอเขาบอกว่าเดทแรกไม่อยากให้ใครมารบกวนและจะได้โฟกัสที่ฉันคนเดียว
งื้ออพูดแล้วก็เขินพี่มอสเนี่ยน่ารักที่สุดในโลกเลยT^T
“นี่เซฟ”
“อือ”
“นายว่าฉันใส่แว่นกับถอดแว่นแบบไหนดูดีกว่า”ฉันหันไปถามเซฟคือที่ฉันนั่งเหม่อๆก็เพราะว่าไม่รู้จะแต่งตัวแบบไหนดีไงคือพี่มอสเขาก็ค่อนข้างดูดีเลยแหละแต่ฉันนี่สิเหมือนมนุษย์ป้าก็ไม่ปาน
หน้าก็แต่งไม่เป็นผมก็ทำไม่เป็นเลยได้แต่ปล่อยธรรมดาๆหรือไม่ก็มัดรวบแบบลวกๆเท่านั้นส่วนแว่นตาฉันรู้นะว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับฉันเท่าไหร่แต่ฉันไม่ชอบใส่คอนแท็กเลนส์เพราะมันเคืองตาแถมายังแห้งง่ายอีก
“ดูไม่ดีทั้งคู่นะ”
เพี้ยะ!
“โอ้ยยัยข้าวเน่า!”ร่างสูงถลึงตาใส่ฉันเมื่อโดนฝ่ามืออรหันต์ของฉันฟาดที่แขนเขาอย่างแรง ก็ใครใช้ให้พูดจาบั่นทอนจิตใจแบบนั้นกัน
“นายนี่พึ่งไม่ได้จริงๆ”ฉันส่ายหน้าเอือมๆถึงฉันจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้สวยเลิศเลอแต่ก็ไม่ได้หน้าตาแย่ขนาดนั้นไหมฉันว่าหน้าตากับรูปร่างฉันมันก็พอไปวัดไปวาได้นะแต่ทุกคนคงไม่ได้สังเกตเพราะฉันเอาแต่ใส่แว่นหนาๆกับสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่
“ไหนลองถอดแว่น”จู่ๆไอบ้าเซฟก็พูดขึ้น
“ไม่เอาแล้วตั้งใจเรียนไปซะ’
“เร็วๆ”ฉันถอนหายใจออกมามองเซฟที่จ้องอย่างกดดันเอาเถอะอย่างน้อยก็อาจจะได้รับคำแนะนำจากเขาที่ดูดีประดุจเทพลงมาจากสวรรค์ก็แล้วกัน
“เป็นไง” ฉันเอ่ยถามหลังจากถอดแว่นออกมองใบหน้าหล่อที่ทำหน้าตาครุ่นคิด
“รวบผมขึ้นหน่อย” ฉันทำตามอย่างว่าง่ายจับผมของตัวเองรวบขึ้นสูง
“อืม..จืดชืดจริงๆ”
“ห๊ะ?”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ดูแย่ซะทีเดียวเพราะผิวเธอทั้งขาวและเนียน”
“โรคจิต!” ฉันพูดขึ้นก่อนจะรีบเอาผมลงและกลับมาสวมแว่นตามเดิมนี่ฉันคิดผิดสินะที่คิดว่าจะได้คำแนะนำดีๆจากไอบ้าเซฟเนี่ย
“ทำไมจู่ๆก็ถามอะไรแบบนี้?” เซฟเอ่ยถามฉัน
“คือพี่มอสเขาขอเดทฉันวันเสาร์นี้น่ะ”
“ฮะ!..นี่เธอยังไม่เลิกกับมันอีกรึไงตาบอดเหรอไม่เห็นที่มันกอดผู้หญิงคนอื่นไงวะ!” ฉันมองเซฟที่จู่ๆก็หัวร้อนเฉยเลย
“ใจเย็นๆพี่มอสเขาบอกว่านั่นน้องสาวเขาเอง”
“น้องสาว?แล้วเธอก็เชื่อง่ายๆแบบนั้นอะนะ?” เซฟตะคอกใส่ฉันเสียงดังส่วนฉันก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรและมันก็เป็นความจริงที่ฉันเลือกที่จะเชื่อคำพูดของพี่มอสอย่างง่ายดาย
“กะก็อาจจะเป็นน้องสาวจริงๆก็ได้พี่มอสก็บอกอยู่ว่าเขามีน้องสาว”
“ใช่มันมีแต่น้องสาวมันอายุ9ขวบ”
“ห๊ะ!จริงเหรอนายโกหกฉันแน่ๆ”
“เหอะแล้วทีแบบนี้ไม่เห็นจะเชื่อง่ายๆบ้างล่ะ!” เซฟพูดประชดจนฉันชะงักไปทันที
นั่นสินะทำไมฉันถึงเชื่อคำพูดของพี่มอสง่ายๆกันแต่บางทีเซฟก็อาจจะโกหกฉันอยู่ก็ได้
“รีบไปบอกเลิกมันซะถ้าไม่อยากเสียใจ” เซฟพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าห้องน้ำไป
โอ้ยนี่สรุปฉันควรเชื่อคำพูดของใครดีเนี่ยพี่มอสที่เป็นแฟนของฉันหรือเซฟที่เป็น..เอิ่มเป็นไรดีอ่ะเพื่อนก็ไม่น่าจะใช่นะงั้นเป็นเจ้านายก็แล้วกัน-.-
“นี่เซฟฉันออกไปแล้วนะ” ฉันเอ่ยบอกหลังจากที่เจ้าตัวเข้าไปนานมากๆสงสัยคงไม่มีอารมณ์จะเรียนต่อแล้วแหะฉันเองก็ไม่ค่อยมีอารมณ์จะสอนต่อแล้วเหมือนกัน
เซฟไม่ได้ตอบอะไรกลับมาฉันเลยลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปทันที
พี่เขาเตือนหนูแล้วนะข้าวว ตั้งสติแล้วไปบอกเลิกมันเลยลู๊กกกก
หลายปีต่อมาฟอดดด“ตั้งใจทำงานนะ^^” ฉันหอมแก้มสามีฟอดใหญ่ก่อนที่เราสองคนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองซึ่งโต๊ทำงานของฉันก็เพียงแค่อยู่นอกประตูเท่านั้นที่จริงเคยนั่งอยู่ในห้องเดียวกันแล้วแหละแต่ตัดสินใจย้ายไปนั่งข้างนอกแทนก็จะอะไรซะอีกล่ะหมอนั่งอยู่ด้วยกันไอหื่นกามนี่ก็เล่นจับฉันกดเช้ากดเย็นจนงานการล่าช้าไปหมดสุดท้ายฉันเลยตัดสินใจที่จะย้ายโต๊ะออกมาข้างนอกแทนบ้ากามจริงๆสามีใครก็ไม่รู้“สวัสดีครับพี่ข้าว”“อ่าวหวัดดี” ฉันมองพนักงานใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ร่างสูงส่งยิ้มให้กับพร้อมกับวางกล่องขนมลงตรงหน้าฉัน“ทานให้อร่อยนะครับ^^”“อะเอ่อ..ขอบใจนะ” ฉันพูดอย่างเกร็งๆคือทุกคนในบริษัทต่างรู้ว่าฉันกับเซฟเราสองคนเป็นสามีภรรยากันแต่สำหรับน้องคนนี้คงยังไม่รู้สินะแกร้กฉันมองเซฟที่เปิดประตูออกมาได้จังหวะพอดีใบหน้าหล่อจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นมิตรทันทีฉันพึ่งจะออกมาแท้ๆเขาจะออกมาทำไมเนี่ย“สวัสดีครับท่านประธาน”“มาทำอะไร”“เอาขนมมาให้พี่ข้าวเจ้าครับ^^”“จะจีบ?”“อะเอ่อจะว่างั้นก็ได้ครับ^^” ฉันได้แต่ยืนเหงื่อแตกพลั่กๆหนูลูกพึ่งมาทำงานแท้ๆจะโดนตาบ้านั่นไล่ออกมั้ยเนี่ยนิสัยหวงเมียใครๆก็รู้
2ปีต่อมาฉันกลายเป็นนักศึกษาปี4และที่สำคัญคือ…ฉันเรียนจบแล้วจ้าา!! ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันรับปริญญาฉันเองแหละทุกคน>“ยินดีด้วยนะลูก”“ยินดีกับเกียรตินิยมอันดับ1ด้วยนะลูกสะใภ้” ฉันรับช่อดอกไม้มาด้วยความเขินอาย2ปีที่ผ่านมาฉันได้รับความรักจากพวกท่านทั้งสองเยอะมากๆพวกท่านเอ็นดูฉันสุดๆเดี๋ยวก็พาไปอวดคนนั้นคนนี้อ๊ะจริงสิฉันน่ะไม่ได้เป็นสาวเฉิ่มแล้วนะแว่นตาก็ไม่ได้ใส่แล้วเหตุเพราะฉันเองก็อยากปรับตัวให้เข้ากับเซฟด้วยเช่นกันแม้ว่าเจ้าตัวจะย้ำนักย้ำหนาว่าไม่เป็นไรแต่ที่ฉันปรับเปลี่ยนตัวเองมันไม่ใช่เพื่อคนอื่นแต่ก็เพื่อตัวฉันเองด้วยเช่นกันความจริงแล้วตาบ้านั่นก็แค่หึงน่ะเพราะฉันน่ะมันเป็นสาวสวยนี่“ยินดีด้วยนะข้าว” ฉันยิ้มรับอ้อมกอดจากป้าซึ่งก็ลาออกจากงานแม่บ้านแล้วแต่ก็ยังอยู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้ย้ายไปไหนเพราะพ่อกับแม่บอกว่าป้าได้เข้ามาเป็นครอบครัวด้วยตั้งแต่วันที่ฉันกับเซฟหมั้นกันแล้วแต่ป้าก็มักจะทำงานตามที่เคยทำแม้จะน้อยลงก็ตามที“น่าเสียดายนะที่ตาเซฟไม่ได้อยู่ด้วย” คุณแม่เอ่ยขึ้นพูดแล้วก็เศร้าเพราะหลังจากท่ีเซฟเรียนจบเขาก็เข้าทำงานที่บริษัทเพื่อเรียนรู้งานและตอนนี้ก็ทำงานอยู่สาขาต่างประเทศได
หลังเลิกเรียนฉันก็กลับมาบ้านน่าตกใจตรงที่พอฉันกลับมาถึงพ่อกับแม่ของเซฟก็เรียกฉันไปคุยทันทีพวกท่านขอโทษฉันที่ทำให้ฉันต้องเจอกับเหตุการณ์แย่ๆในมหาลัยและบอกว่าเรื่องของนิต้าพวกท่านจะจัดการให้เองซึ่งฉันก็ได้แต่เอ่ยขอบคุณไปRrrr“อ๊ะเซฟ” ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อเซฟโทรเข้ามา“เซฟ!”(เอ่อไม่ใช่ไอเซฟหรอกพวกพี่เป็นเพื่อนมันเอง) ฉันชะงักไป“อ่าค่ะ..”(ไอเซฟมันเป็นไข้จนน่าจะกลับบ้านไม่ไหวแล้วน่ะน้องช่วยมารับมันหน่อยได้ไหม?) ฉันเบิกตาโตทันทีทั้งๆที่บอกแล้วว่าให้กลับมานอนพักก่อนแต่เซฟก็ยังดื้อดึงบอกงานใกล้เสร็จแล้วอยู่นั่น“ได้ค่ะจะรีบไปเลยค่ะ!” ฉันพูดก่อนจะตัดสายและรีบนั่งแท็กซี่ไปมหาลัยทันทีนี่เป็นครั้งแรกเลยแหะที่มามหาลัยช่วงกลางคืนบรรยากาศน่าขนลุกชะมัด“สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายพวกเพื่อนๆของเซฟอย่างเกร็งๆกลิ่นน้ำมันเครื่องพุ่งออกมาจนฉันย่นจมูกสภาพแต่ละคนก็เปรอะเปื้อนไปหมดพวกพี่ๆเขาพอเห็นฉันก็ตกใจทันทีอ่าพวกเขาคงไม่ชินกับที่ฉันไม่ใส่แว่นรึเปล่านะ แล้วก็พอรู้ว่าจะมาเจอเพื่อนๆเขาฉันก็แอบแต่งหน้ามาเล็กน้อยด้วยก็นะมาหน้าสดๆก็เขินอยู่“มันนอนตายอยู่นู่นน่ะ”“เอ้าไอเวรไปแช่งเพื่อนอีก..มันแค่นอนห
เซฟ PARTปรื๊ดด!!“เวรเอ้ย” ผมสถบออกมาเมื่อจู่ๆก็มีใครไม่รู้มาตัดหน้ารถผมถ้าตีนไม่ไวมีหวังร่างแหลกไปแล้ว“นิต้า?” ผมขมวดคิ้วเป็นเธอนั่นเองที่กระโดดมาตัดหน้ารถผม“ไม่อยากเจอเลยว่ะแม่ง” ผมสถบในใจกะจะรีบไปคุยกับข้าวเจ้าแท้ๆ“อะไรของเธออีก” ผมลดกระจกลงพร้อมกับเอ่ยถาม“นิต้ามีเรื่องจะคุย”“พูดมา”“ตรงนี้น่ะหรอ” เวรเอ้ยลืมไปเลยว่าอยู่กลางถนน“ขึ้นมา” สุดท้ายผมก็ต้องให้นิต้าขึ้นมาบนรถสงสัยต้องขายรถนี้ทิ้งซะแล้วสิ“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะไม่สบายหรอ”“ไม่ต้องมายุ่ง” ผมตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์และหันมาตั้งใจขับรถแทนไว้เดี๋ยวค่อยปล่อยเธอลงก่อนถึงมหาลัยก็ได้“จะคุยอะไรก็รีบๆพูดมา” ทั้งๆที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยแต่ก็เอาแต่นั่งเงียบอยู่ได้ผู้หญิงมันเป็นงี้หมดทุกคนเลยรึไงกันชอบยั่วให้โมโหอยู่ได้วันนี้สภาพร่างกายก็ไม่ดีสุดทั้งปวดหัวตัวร้อนจนแม่บอกให้พักผ่อนแต่เพราะผมต้องรีบทำโปรเจคจบให้เสร็จคืนนี้เพื่อที่พรุ่งนี้ที่เป็นวันเกิดผมจะได้ใช้เวลาอยู่กับข้าวเจ้าทั้งวัน“นี่นายจะให้ผู้หญิงแบบนั้นมาอยู่ข้างกายนายจริงๆหรอ?” ผมขมวดคิ้วทันทีเปิดปากพูดออกมาก็ไม่เข้าหูสักนิด“แบบนั้นมันแบบไหน”“ก็ยัยนั่นทั้งขี้เหร่ฐานะก็ไม่
เซฟ PART“เป็นอะไร”ผมเอ่ยถามข้าวเจ้าที่นั่งเงียบมาตลอดการเดินทาง“แค่กๆ” นี่ไม่ใช่เสียงไอของเธอแต่เป็นของผมเองรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวหลังจากที่ได้กินข้าวตอนเข้าเรียนคาบบ่ายก็แถมจะฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลยสักนิดสงสัยน่าจะเป็นไข้แต่ก็สมควรอยู่เล่นหามรุ่งหามค่ำทำโปรเจ็กจบจนโดนยุงกัดตัวลายก็ยอมเพราะว่าใกล้ถึงวันเกิดของผมแล้วและผมก็อยากใช้เวลาในช่วงวันเกิดกับคนที่ผมชอบโชคดีที่พวกเพื่อนๆ มันเข้าใจพร้อมหามรุ่งหามค่ำไปกับผมด้วย“หูตึงรึไงยังข้าวเน่าฉันถามว่าเธอเป็นอะไร” หลังจากจอดติดไฟแดงผมก็หันมาถามเธอด้วยสีหน้าจริงจังแต่ทว่าในดวงตาของเธอกลับมีน้ำตาคลออยู่“เห้ยเป็นอะไรใครทำอะไรอีก” ผมใช้สองมือจับใบหน้าของเธอให้หันมามองผมตรงๆ รู้สึกกระวนกระวายกลัวว่าเธอจะโดนใครไม่รู้โจมตีอีก“ปะป่าวแค่ฝุ่นมันเข้าตาน่ะ” ผมขมวดคิ้วแต่ทว่าก็ต้องรีบปล่อยมือออกเพราะไฟเขียวแล้วไว้ถึงบ้านค่อยคุยกันก็ได้วะ“ฉันไปช่วยป้าเตรียมมื้อเย็นก่อนนะ” ผมมองข้าวเจ้าที่พูดขึ้นโดยไม่สบตาผม“เดี๋ยว” ผมรั้งแขนเธอไว้เพราะรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ“ไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ..มีไรจะพูดก็พูดออกมาเลยฉันไม่ชอบที่เธอเป็นแบบนี้” ผมพูดตรงๆ ผมชอบที่เราสอง
“นี่เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก” ฉันรีบดันใบหน้าหล่อให้ถอยออกมองริมฝีปากของอีกฝ่ายที่เลอะลิปสติกของฉันเซฟในตอนนี้เขาหายใจแรงมากเหมือนพยายามควบคุมความต้องการของตัวเองอยู่แกร้กฉันกระพริบตาปริบๆมองเซฟที่ทำการปลดสร้อยเกรียร์ของเขาออกก่อนจะมาสวมให้กับฉันนี่มันหมายความว่ายังไงกัน..“เซฟ..” ฉันเอ่ยชื่อเขาอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนี้การให้สร้อยเกรียร์ของคณะวิศวะเขาว่ากันว่ามันคือของแทนใจที่จะให้กับหญิงสาวที่รักไม่ใช่หรอร่างสูงเงียบไปแต่ทว่าใบหน้าของเขากลับขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดนี่เขาชอบฉันจริงๆสินะ“ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบฉันไง” ฉันเอ่ยถามมองเซฟที่หลบสายตาฉันเขาเขินแหละแต่เก๊กอยู่“ก็ไม่ได้ชอบ” เจ้าตัวตอบปฏิเสธกลับมาแต่ฉันดันคิดว่ามันน่าเอ็นดูมากที่ปากของเขาไม่ตรงกับใจถึงขนาดนี้“ไม่ได้ชอบแล้วให้สร้อยเกียร์กับฉันทำไม” ฉันถามพรางยื่นใบหน้าไปไกลๆจนอีกฝ่ายชะงักไป“นายรู้รึเปล่าว่าการให้นสร้อยนี่กับฉันมันหมายความว่าอะไร?“กะก็แค่สร้อยธรรมดาๆ” เซฟยังคงปากแข็ง“ถ้างั้นฉันถอดนะ” ฉันทำท่าจะถอด“ชอบ”“....”“ฉันชอบเธอข้าวเจ้า” ฉันได้แต่ยืนช็อกกับคำสารภาพรักของเซฟ“เพราะงั้น..” จู่ๆเซฟก็ดึงฉันไปกอดใบหน้าหล่อฝ







