เซฟ PART
“ตายจริงนี่หนูข้าวจริงๆหรอลูก”ผมเงยหน้าขึ้นจากถ้วยโจ๊กมองร่างเล็กที่เดินเข้ามาอย่างเขินอายเธออยู่ในชุดกระโปรงสีขาวผ้าชีฟองโชว์ไหล่ทั้งสองข้างผมจากที่เคยปล่อยและไม่เคยดูแลสนใจมันกลับม้วนขึ้นเผยให้เห็นลำคอขาวที่ประดับด้วยสร้อยสีเงินเส้นเล็ก
ใบหน้าของเธอไม่มีแว่นตาและแม้จะมีหน้าม้าบดบังแต่ทว่ากลับดูมีสีสันจากการทาแก้มทาปากไม่จำเป็นต้องพูดถึงหุ่นเพราะถึงแม้ว่าเธอจะดูผอมไปนิดแต่ทุกสัดส่วนของเธอกลับเด่นชัดไม่ว่าจะเป็นหน้าอกหรือแม้ขาเรียวยาว
“สวยจริงๆเลยน้า..ได้ข่าวว่าจะไปเดทกับแฟนใช่ไหม^^”
“ชะใช่ค่ะ”เธอตอบกลับอย่างเขินอายก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาคาดเดาไม่ถูก
ทั้งๆที่บอกความจริงไปแล้วแต่ก็ยังไม่คิดที่จะบอกเลิกมันสินะแถมยังเปลี่ยนตัวเองจากสาวเฉิ่มเป็นสาวสวยเพื่อไปเดทกับสวะอย่างมันอีกเธอคิดอะไรอยู่ข้าวเจ้าอยากให้ใบหน้าและเรือนร่างของเธอถูกบันทึกไว้ในมือถือของสวะอย่างมันอย่างงั้นเหรอ
“ตาเซฟหนูข้าวสวยมากเลยใช่ไหม^^”ผมมองแม่ที่ดูตื่นเต้นมากกว่าใครประหนึ่งว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวคนโปรดก็ไม่ปาน
“ก็พอดูได้ครับ” ผมเอ่ยตอบหน้านิ่งไม่ใช่แค่พอดูได้อยากที่พูดหรอกแต่นี่มันน่ารักมากเลยต่างหากแต่จะให้ชมแบบนั้นต่อหน้าทุกคนในบ้านผมคงจะอับอายแย่
“นี่หนูข้าวว่างๆก็พาลูกชายป้าไปตัดแว่นด้วยนะสงสัยสายตาไม่ดีแน่ๆอย่าไปฟังนะลูก” ผมส่ายหน้าเอือมๆกับการสปอยล์ขั้นสุดของแม่ตัวเองไม่รู้ว่าหลงอะไรยัยข้าวเน่านั้นมากก็ไม่รู้
“อย่าไปใส่ใจเลยแม่แกเขาอยากได้ลูกผู้หญิงมากน่ะ”จู่ๆพ่อของผมก็เอ่ยขึ้นเรื่องนี้ผมก็รู้ว่าแม่อยากได้ลูกสาวมากแต่ผมมันดันทะลุงรังไข่มาเกิดไงแต่หลังจากที่ผมเกิดได้สัก6-7ปีแม่ก็ตั้งท้องใหม่และหมอก็บอกว่าเป็นเด็กผู้หญิงแน่นอนว่าแม่ผมดีใจมาก
แต่ทว่าน้องสาวของผมก็ไม่ได้เกิดมาเพราะแม่มีอาการครรภ์เป็นพิษทำให้ต้องเอาเด็กออกก่อนกำหนดและแน่นอนว่าน้องของผมไม่รอดแม่เสียใจมากซึมเศร้าอยู่นานหลายปีกว่าจะดีขึ้น
แต่พอมีข้าวเจ้าเข้ามาอยู่ในบ้านแม่ก็ค่อยๆอาการดีขึ้นเป็นอย่างมากแม่ทั้งรักและเอ็นดูข้าวเจ้าประหนึ่งลูกสาวอีกคนก็ถามว่าผมน้อยใจไหมผมเองก็โตพอที่จะคิดได้ว่าคำว่าน้อยใจมันคืออะไรและผมก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจเลยที่แม่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงที่ไม่ใช่ลูกตัวเองแบบนั้น
แต่บางครั้งก็ยอมากไปจนผมหงุดหงิดนี่แหละ-.-
“นี่ตาเซฟกินข้าวเสร็จแล้วก็ไปส่งหนูข้าวหน่อยสิ”
“ครับ?ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วย” ผมเอียงใบหน้าถามอย่างไม่เข้าใจ
“มะไม่เป็นไรค่ะข้าวไปเองได้”
“ได้ไงกันหนูข้าววันนี้อุส่าต์แต่งตัวสวยๆทำผมมาซะดิบดีคิดจะนั่งรถเมล์ให้ผมเผ้าพังรึไงกัน” ผมมองยัยข้าวเน่าที่เงียบไปเหมือนกับไม่รู้จะพูดแก้ยังไง
“แต่ถึงอย่างนั้น..”
“ไม่ต้องเกรงใจเลยลูก..ตาเซฟเองก็เต็มใจไปส่งหนูนะใช่ไหมลูกรัก^^” ผมมองสายตาพิฆาตของแม่ที่ส่งตรงมาทางผมประหนึ่งว่าถ้าไม่พูดดีๆออกไปผมอาจจะโดนฝ่ามือของแม่ฟาดเข้าให้ได้
“ครับตามนั้นเลย-.-” ผมบอกออกไปแต่ยัยข้าวเน่าก็คงรู้แหละว่าผมแค่ทำตามคำสั่งของแม่เฉยๆ
“ให้ไปส่งที่ไหน” ผมเอ่ยถามหลังจากที่ทำธุระอะไรเสร็จแล้วก็ขึ้นไปแต่งตัวเล็กน้อยก่อนจะลงมาเพื่อไปส่งข้าวเจ้า
“ขอโทษนะที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะฉัน”
“รู้ตัวก็ดี” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“นี่เธอมองเห็นเหรอไม่ใส่แว่นอ่ะ” ผมถามด้วยความอยากรู้รู้มาว่าถ้าไม่ใส่แว่นก็จะมองเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
“ฉันใส่คอนแท็กเลนสายตาน่ะแต่ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แต่ใส่แว่นแล้วมันไม่เข้ากับชุดก็เลยต้องยอมใส่แบบนี้มา” เธอเอ่ยบอกด้วยท่าทีเขินๆอายๆแต่ผมเห็นแล้วกลับรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆยอมให้ตัวเองลำบากเพื่อคนอย่างไอมอสเลยเหรอวะ
“สรุปให้ไปส่งที่ไหน?”
“ร้านอาหารxxx” ผมพยักหน้ารับไปเดทกันที่ร้านอาหารหรูๆซะด้วยแหะ
“ห้องปิด?”
“นายรู้ได้ไง”
“เหอะ” ผมเค้นหัวเราะออกมาทำไมจะไม่รู้ความคิดสวะๆของไอมอสกันมันคงจะใช้ช่วงเวลานั้นในการหลอกล่อเธอให้จนมุมสินะ
“ทำไมถึงไม่เชื่อคำพูดฉัน” ผมไม่ตอบแต่ถามคำถามออกไปแทนก่อนจะมองใบหน้าสวยที่ทำหน้าอึกอัก
“กะ..เอ่อ..”
“คงจะหลงมันมากสินะ”
“มะไม่ใช่แบบนั้นก็พี่มอสเขายืนยันแล้วว่าเป็นน้องสาวจริงๆ”
“ทั้งๆที่ฉันบอกไปว่าน้องสาวมันอายุ9ขวบอะนะ?”
“คือว่า..” ผมเบนสายตาหนีอย่างหัวเสียที่เธอเลือกจะเชื่อคำพูดไอสวะอย่างมันแทนผมที่อยู่ข้างเธอมาหลายปีแบบนี้
“เห็นแก่เด็กตาดำๆหรอกนะฉันจะเล่าความจริงให้ฟัง”
“ความจริงอะไร?” ใบหน้าสวยหันมามองผมอย่างใจจดใจจ่อดูจากปฏิกิริยาแล้วเธอเองก็คงจะมีความกังวลใจกับการไปเดทครั้งนี้ไม่น้อยสินะ
“ไอมอสน่ะมันไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิดมันชอบหลอกผู้หญิงซื่อบื้อแบบเธอให้หลงรักก่อนที่จะ..”
“จะอะไรนายอย่าเว้นให้มันตื่นเต้นได้ไหมเนี่ย!” อีกฝ่ายเขย่าแขนผมรัวๆเพื่อให้ผมรีบพูดทีแบบนี้มาทำเป็นอยากรู้เชียวนะ
“ถ่ายคลิปแบล็คเมล์”
“ห๊ะจริงเหรอ!นายไม่ได้โกหกฉันใช่ไหมเนี่ย!”
“แล้วแต่จะคิด” ผมพูดขึ้นก่อนจะสตาร์ทรถออกไปในเมื่อผมพูดความจริงไปแล้วเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ดีเหมือนกันปล่อยให้เป็นบทเรียนราคาแพงไปซะต่อไปจะได้ไม่ไว้ใจใครง่ายๆแบบนั้นอีก
รถของผมจอดลงที่หน้าร้านอาหารทั้งๆที่คิดว่าเธอจะยอมแพ้และบอกให้ขับรถกลับบ้านแท้ๆที่สุดท้ายเจ้าตัวก็นั่งนิ่งไม่พูดอะไรจนมาถึงร้านอาหารที่ว่าในที่สุด
“นี่เธอไม่เชื่อฉันสินะ” ผมเอ่ยขึ้นรู้สึกหงุดหงิดชะมัดผมแม่งไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยรึไงวะ
“ไม่ใช่แบบนั้น” เธอตอบกลับมาทันทีแต่ก็เอาเถอะลองไปโดนดูบ้างเดี๋ยวก็รู้เอง
“ขอบใจที่มาส่งนะเซฟ”
“อืมโชคดีแล้วกัน” ผมมองร่างเล็กที่ยืนหยุดอยู่หน้าร้านอย่างชั่งใจดูก็รู้ว่ากลัวจนฉี่จะราดแต่ก็ยังจะเข้าไปในถ้ำเสือเนี่ยนะ
จริงๆเล้ย คิดอะไรอยู่กันแน่วะ
แต่ก็เอาเถอะในเมื่อเลือกแล้วก็ปล่อยไปแล้วกันผมมันก็แค่คนนอกคงไม่มีปัญญาไปสู้คนที่มีสถานะเป็นแฟนอย่างไอมอสได้หรอกอีกอย่างนี่ก็ร้านอาหารถึงจะเป็นห้องปิดแต่ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นพนักงานก็คงจะได้ยินเสียงเอง
ส่วนไอมอสมันก็คงไม่คิดจะทำอะไรชั่วๆในร้านอาหารหรอกมั้งคงจะแค่แกล้งมาเป็นแฟนหนุ่มแสนดีอ่อนโยนให้ยัยนั่นตายใจเสียมากกว่า
“เห้ออ” ผมถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ภายในใจรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูกแล้วทำไมผมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ
“เป็นห่วง?” เหอะไม่ใช่หรอกมั้งคนอย่างผมเนี่ยนะจะเป็นห่วงยัยเฉิ่มแบบเธอ ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่จริงๆ
อะไรเอ่ยปากแข็ง คำตอบคือ คุณเซฟนี่เองงง
ครืดด ฉันมองประตูที่ถูกเปิดออกโดยพนักงานสาวก่อนจะเผยให้เห็นพี่มอสแฟนของฉันที่นั่งอยู่ก่อนแล้วไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อคำพูดของไอบ้าเซฟนะแต่ที่ฉันยืนยันที่จะเข้ามาก็เพราะอยากทดสอบด้วยตัวเอง“ว้าวน้องข้าวนี่น้องข้าวจริงๆเหรอครับ” พี่มอสดูตกใจมากกับการแปลงโฉมครั้งใหญ่ของฉันส่วนฉันก็ทำได้แค่ส่งยิ้มอ่อนๆให้เขาพอได้ฟังเรื่องที่เซฟเล่าร่างกายของฉันมันก็รู้สึกขนลุกแปลกๆขึ้นมา“มันไม่ได้ดูแปลกใช่ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามมองพี่มอสที่ส่ายหน้ารัวๆ“ไม่ครับสวยมากเหมือนคนละคนเลย” ฉันหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งพร้อมกับประตูที่ปิดลง“ทานข้าวกันครับ” คนตรงหน้าเอ่ยชวนเราสองคนนั่งทานข้าวกันอย่างปกติทุกอย่างเป็นปกติมากและพี่มอสเองก็ไม่ได้แสดงท่าทางที่น่าสงสัยอะไรเลยสักนิดหรือเรื่องที่เซฟเล่าจะไม่ใช่ความจริง ตาบ้านั่นต้องแต่งเรื่องมาหลอกให้ฉันขวัญเสียแน่ๆคงจะอิจฉาที่ฉันมีแฟนที่แสนดีแบบพี่มอสสินะ“อาหารถูกปากไหมพี่ตั้งใจจองร้านนี้มากเลยนะ”“อร่อยมากเลยค่ะ^^” ฉันพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้างเพราะอาหารมันอร่อยจริงๆ“ว่าแต่ทำไมถึงเปลี่ยนลุคขนาดนี้เลยล่ะครับ”“อ๋า..กะก็มันคือเดทแรกนิคะพี่มอสเองก็เป็นแฟนคนแรกของข้าวด้วย”
เซฟ PART“ตายจริงนี่หนูข้าวจริงๆหรอลูก”ผมเงยหน้าขึ้นจากถ้วยโจ๊กมองร่างเล็กที่เดินเข้ามาอย่างเขินอายเธออยู่ในชุดกระโปรงสีขาวผ้าชีฟองโชว์ไหล่ทั้งสองข้างผมจากที่เคยปล่อยและไม่เคยดูแลสนใจมันกลับม้วนขึ้นเผยให้เห็นลำคอขาวที่ประดับด้วยสร้อยสีเงินเส้นเล็กใบหน้าของเธอไม่มีแว่นตาและแม้จะมีหน้าม้าบดบังแต่ทว่ากลับดูมีสีสันจากการทาแก้มทาปากไม่จำเป็นต้องพูดถึงหุ่นเพราะถึงแม้ว่าเธอจะดูผอมไปนิดแต่ทุกสัดส่วนของเธอกลับเด่นชัดไม่ว่าจะเป็นหน้าอกหรือแม้ขาเรียวยาว“สวยจริงๆเลยน้า..ได้ข่าวว่าจะไปเดทกับแฟนใช่ไหม^^”“ชะใช่ค่ะ”เธอตอบกลับอย่างเขินอายก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาคาดเดาไม่ถูกทั้งๆที่บอกความจริงไปแล้วแต่ก็ยังไม่คิดที่จะบอกเลิกมันสินะแถมยังเปลี่ยนตัวเองจากสาวเฉิ่มเป็นสาวสวยเพื่อไปเดทกับสวะอย่างมันอีกเธอคิดอะไรอยู่ข้าวเจ้าอยากให้ใบหน้าและเรือนร่างของเธอถูกบันทึกไว้ในมือถือของสวะอย่างมันอย่างงั้นเหรอ“ตาเซฟหนูข้าวสวยมากเลยใช่ไหม^^”ผมมองแม่ที่ดูตื่นเต้นมากกว่าใครประหนึ่งว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวคนโปรดก็ไม่ปาน“ก็พอดูได้ครับ” ผมเอ่ยตอบหน้านิ่งไม่ใช่แค่พอดูได้อยากที่พูดหรอกแต่นี่มันน่ารักมากเลยต่างหากแต่จะให้ช
“ระเราเลิกกันเถอะค่ะ”ฉันเอ่ยบอกออกไปมองหน้าพี่มอสที่ยืนสะตั้นอยู่ตรงหน้าฉัน“เดี๋ยวสิทำไมถึงบอกเลิกพี่ล่ะครับ?”พี่มอสปรี่เข้ามาจับมือฉันพร้อมกับสีหน้าของความร้อนรน“เมื่อวานพี่ไปที่ห้างมารึเปล่าคะ”“ก็ใช่ครับ”“ข้าวเห็นค่ะ..เห็นว่าพี่กำลังกอดกับผู้หญิงคนอื่น..”ฉันบอกออกไปพลันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจเล็กน้อยแม้ว่าเราสองคนจะยังรู้จักและคบกันได้ไม่นานแต่เป็นถึงแฟนคนแรกของฉันเลยนะและฉันก็คาดหวังกับความรักครั้งนี้มากจริงๆ“อุ๊บ..ฮ่าๆ”ฉันขมวดคิ้วมองพี่มอสที่หัวเราะลั่นออกมา“มันใช่เรื่องตลกเหรอคะพี่นอกใจข้าวนะ!”ฉันพูดด้วยความโมโห“ข้าวฟังพี่นะ..ผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวพี่เอง”ฉันเบิกตาโตด้วยความตกใจจริงสิพี่มอสบอกว่าตัวเองมีน้องสาวด้วยนี่หน่างั้นแสดงว่าผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวพี่มอสจริงๆเหรอแต่หน้าตาไม่เหมือนกันเลยนะ“ข้าว..เฮ้อทำไมน่ารักอย่างนี้นะหึงพี่เหรอครับ”จู่ใบหน้าของฉันมันก็ร้อนขึ้นมาไม่ได้เพราะความเขินแต่อายล้วนๆ!“อะเอ่อ..ข้าวขอโทษนะคะที่ด่วนสรุปไปเองแบบนี้”ฉันบอกออกไปอย่างรู้สึกผิด เห้อไอเราก็คิดหนักมาตลอดทั้งคืนสุดท้ายก็แค่น้องสาวเองเหรอเนี่ยบ้าจริงฉัน“ไม่เป็นไรครับ..ถ้างั้นไปเดทกับ
วันต่อมาทำไม? ทำไม? ทำไมฉันต้องออกมาซื้อของกับไอบ้านี่ด้วยอ๊ากกกก!!เหตุมันเกิดขึ้นเนื่องจากว่าฉันได้รับไหว้วานให้ไปซื้อของที่ห้างซึ่งตอนแรกฉันก็กะจะไปเองนี่แหละแต่ไอบ้าเซฟมันดันลงมาพอดีพอแม่ของเขาถามว่ามีแพลนจะออกไปไหนทำอะไรไหมไอบื้อนั่นก็บอกว่าไม่มีและไงคะก็ได้เลยมาด้วยกันแบบงงๆนี่ไงทั้งๆที่ฉันปฏิเสธไปแล้วว่าจะมาเองแต่คุณหญิงก็คะยั้นคะยอบอกให้เซฟขับรถไปส่งฉันจนสุดท้ายก็ไม่มีใครต้านทานคำพูดอันทรงพลังได้ฉันเลยต้องยอมนั่งรถมากับไอตาหื่นกามนี่สองต่อสองทั้งๆที่พึ่งเกิดเรื่องอะไรแบบนั้นไปเมื่อวานนี้เองแท้ๆ“นั่งดีๆฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกหน่ายัยข้าวเน่า”จู่ๆไอบ้าเซฟก็พูดขึ้นมาแต่เขาไม่ได้มองมาทางฉันเพราะกำลังตั้งใจขับรถอยู่“ไม่ฉันจะนั่งแบบนี้”ฉันพูดขึ้นอย่างจริงจังเพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีก็เลยนั่งหันทั้งตัวหันทั้งหน้าไปจ้องอีกฝ่าย“ตามใจขอให้ตะคริวกินแล้วกัน”ฉันรับฟังแบบไม่ใส่ใจแต่ทว่าพอนั่งท่านี้นานๆก็แอบเมื่อยนะแถมยังรู้สึกเวียนหัวอีกฮื่ออ“อุแหวะ”ทันทีที่มาถึงห้างที่แรกที่ฉันไปก็คือห้องน้ำก่อนจะเข้าไปอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงเนื่องจากเมารถเป็นเพราะไอบ้าเซฟคนเดียวเลยมาทำให้ฉันหวาดระแวงไปหม
1อาทิตย์ต่อมาฉันยืนอยู่หน้าห้องของเซฟเพราะวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องมาสอนงานให้เขาแต่ทว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจู่ๆไอบ้านี่มันก็ทำตัวแปลกๆพอมองหน้าฉันทีไรเจ้าตัวก็จะรีบหลบหน้าไปทันทีจากที่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันเขาก็เงียบหายไปเลย“แปลกแหะ”แกร้ก“จะยืนบื้ออีกนานไหม”ฉันมองร่างสูงที่เปิดประตูออกมาบ่นใส่ฉันว่าแต่เขารู้ได้ยังไงว่าฉันยืนอยู่หน้าห้องเขากันหลังจากเข้าห้องไปฉันก็ไปนั่งประจำที่แต่สิ่งที่แปลกคือหมอนี่มันห่างจากฉันเป็นกิโลเลยนี่สิ“นี่ขยับมาหน่อยสิ”“สอนตรงนั้นนั่นแหละ”ฉันขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดมองใบหน้าหล่อที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาฉันเลยสักนิดไอบ้านี่มันเป็นอะไรของมันเนี่ยเมนส์มารึไง“ฉันไม่อยากตะโกนเขยิบเข้ามา”ฉันเอ่ยบอกมองเซฟที่ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะขยับมาอยู่ใกล้ฉันแต่ก็เว้นระยะห่างอยู่ดีแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วรีบๆสอนงานให้เขาเพราะคืนนี้ฉันมีนัดวีดีโอคอลกับพี่มอสแฟนสุดน่ารักของฉันน่ะสิ“วันนี้พอแค่นี้ละกัน” ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากสอนต่อเนื่องมาเกือบ3ชั่วโมงและเซฟก็ตั้งใจเรียนรู้ดีเอาจริงๆหมอนี่มันก็เก่งพอตัวเลยนะสอนอะไรไปนิดๆหน่อยๆก็ทำได้แล้ว“นี่ยัยข้าวบูด”ฉันชะงักมือที่กำล
เซฟ PART“เก็บแต้มอีกแล้วเหรอมึง”“เออ..คนนี้ไม่น่าจะเกินอาทิตย์เดี๋ยวก็ได้มาร้องครางใต้ร่างกูละ”ผมมองไอมอสที่พอเดินเข้ามาก็พูดจาหมาไม่แดกทันทีน่าอนาถใจแทยยัยข้าวบูดชะมัดเลือกแฟนทั้งทีทำไมถึงไปเลือกไอเศษสวะแบบนี้มาก็ไม่รู้“อย่างเอาอ่ะครับเพื่อน”ผมถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์มองพวกมันที่คุยเรื่องผู้หญิงกันอย่างสนุกปากตอนแรกที่ได้ยินยัยนั่นบอกมีแฟนผมก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองแต่สุดท้ายมันก็คือเรื่องจริงสินะ“ไอเซฟวันนี้ไปดื่มป่ะ?” “ไม่อ่ะ”ผมตอบปฏิเสธก่อนจะก้มมองรองเท้าตัวเองที่มีรอยรองเท้าของยัยข้าวเน่าประทับอยู่ผมเห็นข้อความที่ยัยนั่นตอบกลับมาแล้วมันน่านักจริงๆรอก่อนเถอะกลับบ้านไปจะทำโทษให้เข็ด“ยิ้มอะไรของมึงวะขนลุก”ผมหุบยิ้มทันทีไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยิ้มอยู่แถมยังยิ้มทั้งๆที่นึกหน้ายัยข้าวเน่านั่นอีกหลังจากจบคลาสเรียนผมก็แยกตัวออกมาเพื่อตรงกลับบ้านในหัวนี่คิดแผนการแกล้งยัยข้าวเน่าสารพัดอย่าง“เห้ยไอเซฟ”ผมมองไอมอสที่เรียกผมไอเวรนี่ต่อหน้าสาวทำเป็นสุภาพบุรุษแต่ความจริงแล้วเป็นไอสวะดีๆนี่เองเห็นว่าชอบไปหลอกเอาสาวเฉิ่มๆโลกส่วนตัวสูงมานอนด้วยก่อนจะถ่ายคลิปขู่เรียกเอาเงินแล้วยั