Home / วาย / อร่อยที่สุดในร้านไม่ใช่จานนี้ / กำเนิดรสเงา CHAPTER 3: สูตรที่ไม่มีในตำรา

Share

กำเนิดรสเงา CHAPTER 3: สูตรที่ไม่มีในตำรา

Author: anatta
last update Last Updated: 2025-10-23 16:26:02

ฝนบ่ายคล้อยไหลลงชายคาเป็นเส้นใส ตรอกข้าง “ขิม” ชื้นเย็นพอดี นิกกับธามตรวจเช็กป้ายคำบนทุกโต๊ะ ฟังไฟด้วยกัน / ถ่ายหลังไฟฟังเสร็จ / ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน เส้นเทาสกอตช์เทปขีดขนานบาร์ยังคมชัดเหมือนร่องดนตรีที่ปูไว้แล้ว รุ่ง—นามปากกา กำเนิดเงา—ยืนหลังเส้นตามสัญญา สมุดปกผ้าเปิดค้างหน้าใหม่ เขาเขียนหัวเรื่องไว้เรียบร้อย: สูตรที่ไม่มีในตำรา

ปรุงก้าวออกจากครัวมาถึงบาร์พร้อมถาดเครื่องเทศ กลิ่นใบโหระพากับหอมแดงเจียวคลุกลมพอดี “คืนนี้อยากลองยืดรส—หวานจากหอมแดง ไม่ใช่น้ำตาล เปรี้ยวจากมะขามให้เป็นสะพานกลับบ้าน” เขาพูดเหมือนอ่านสคริปต์ที่อยู่ในกล้ามเนื้อ

“แล้วคำจะช่วยยังไง” รุ่งถาม

“ช่วยกวักลมห้องให้ตรงจังหวะ” ปรุงยิ้มสั้น “สิบนาทีแรก…ยืดได้ถ้าห้องหายใจพร้อมกัน”

หกโมงตรง ห้องเริ่มเต็ม โต๊ะครอบครัวหนึ่ง โต๊ะเดทหนึ่ง โต๊ะเพื่อนเก่า และมุมหน้าต่างมีอินฟลูเอนเซอร์สองคนถือกิมบอลเล็ก ๆ นิกเคาะแก้วสองที “ไฟเงียบ 30 วินาที” เสียงฝนคู่กับเสียงฉ่าจากเตากลายเป็นเมโทรนอมเดียว รุ่งยืนหลังเส้นเทา เขียนคำสั้น ๆ ลงสมุด อยู่ด้วย แล้วขีดเส้นใต้

ปรุงเอียงกระทะ เปลวไฟเลียขอบเพียงเสี้ยวแล้วถอยตามมือที่กวักลม หัวกะทิหยดเดียวตกลงหม้อ เสียง แต๊ง ของกระบวยชนขอบเหมือนกดเซฟ ลมห้องนิ่งดีอย่างไม่น่าเชื่อ “เริ่มจากคำง่ายก่อน” เขาบอกเด็กครัว “ย่าง—กลับ / ลวก—ยก / ซุป—ชิม”

คอร์สแรกเป็น “มะเขือเผาน้ำยำใส” รุ่งชิมตรงหลังบาร์—ควันบางเปิดประตู ตามด้วยเค็มกลมและหวานจากหอมแดงที่ทอดจนขอบกรอบ รสฟังชัดโดยไม่ต้องอธิบายว่าไม่มีน้ำตาล “มันไม่ประกาศตัวเองดังไป” เขาพึมพำในสมุด

จังหวะที่สองคู่กิมบอลเริ่มขยับเข้าแนวเตา เลนส์ล้ำเส้นเทามาครึ่งฝ่ามือ รุ่งฉีกโพสต์อิทส่งผ่านบาร์ “ตอนนี้ขอฟังไฟด้วยกันก่อน อีกสิบนาทีถ่ายได้—จะได้ภาพรส” คนถือกิมบอลมองหน้าเพื่อน ครู่เดียวก็ถอยยิ้ม ๆ วางกล้องข้างจาน ห้องไม่สะดุด

ปรุงเข้าสู่จานหลัก “แกงเขียวหวานไก่บ้าน—สูตรที่ไม่มีในตำรา” เขากำช้อนรับคำ “หัวกะทิเดือดหนึ่งเพลง พักครึ่งก้าว ใบโหระพาตอนห้องหายใจเข้า” กลิ่นโหระพาอุ่นลอยขึ้น พร้อมเสียงถอนหายใจเบาตามหลายโต๊ะ รุ่งจด ยืด—ไม่ยืดเยื้อ วงรอบคำเหมือนกวาดฝาชีเปิดด้วยความสุภาพ

กลางกะ เด็กครัวเกือบเร่งไฟช้อนหนึ่งให้กล้อง ริมตาของปรุงเหลือบ—มือยกหม้อพ้นเตาทัน ไม่ดุ ไม่บ่น เขาแค่บอกช้า “อย่าเร่งไฟเพื่อภาพ เราพักไฟเพื่อคน” ข้าวฟ่างพยักหน้า “รับค่ะพี่” นิกได้ยินจากหน้าบ้าน เธอยิ้มโล่ง—กติกาที่เขียนกลายเป็นภาษาในห้องจริง ๆ

ผู้ชายวัยกลางคนที่พาลูกมาเอ่ยกับพนักงาน “สิบวินาทีตอนเริ่ม…ทำให้ลูกผมไม่เก้อเวลาเจอของแปลก” การ์ด “ฟังห้อง” ได้ข้อความสั้น ๆ ใหม่ “อยู่ด้วย (จากโต๊ะ 3)” รุ่งอ่านแล้วหัวใจอุ่นเหมือนซุปที่เคี่ยวถูกทาง

พักไฟรอบถัดมา ปรุงมาพิงสเตนเลสตรงบาร์ หยดเหงื่อที่ขมับเขาเย็นลงช้า ๆ

“คำนายนิ่งดี—ห้องนิ่งตาม”

“ไฟของนายคุมจังหวะดี—คำเลยไม่ต้องตะโกน” รุ่งตอบ

มีเหตุสะดุดเล็กน้อยเมื่อโต๊ะอินฟลูเอนเซอร์กระซิบ “ไฟสูงสโลว์หน่อยได้ไหม” ปรุงยิ้มสุภาพ “ขอโทษครับ เราไม่เร่งไฟเพื่อกล้อง ถ่ายได้หลังฟัง” น้ำเสียงเรียบพอให้รู้ว่ากติกาเป็นของห้อง ไม่ใช่ของคนเดียว รุ่งเห็นหัวไหล่ทั้งคู่ตกลงอย่างเข้าใจ

คอร์สของหวานเป็นน้ำแข็งใสกะทิอ่อนกับกล้วยเชื่อม ปรุงบอกทีม “ลดหวานหนึ่งการตัก—ปล่อยให้หวานหอมแดงของทั้งคืนอยู่ยาว” หลายโต๊ะหัวเราะเบา ๆ กับภาษาของเขา แม้ไม่ได้ยินชัดหมดก็สัมผัสได้ว่าคืนนี้ครัวกำลังเล่านิทานด้วยรส

กะสุดท้ายผ่านด้วย “ยืน–ยืด–ใจดี” ตามที่ปรุงเขียนไว้บนไวต์บอร์ด รุ่งปิดสมุดช้า ๆ รู้สึกว่าบท “สูตรที่ไม่มีในตำรา” กำลังเขียนตัวมันเองโดยเขาแค่จดตาม เมื่อไฟหน้าบ้านหรี่ลง เขาเก็บป้ายคำเข้ากล่องช่วยนิก กลิ่นใบโหระพาตีขึ้นครั้งสุดท้ายเหมือนย้ำลายเซ็นของค่ำคืนนี้

หลังร้าน ปรุงเปิดประตูเหล็กให้ลมเย็นพัดผ่านตรอก สันแสงจากโคมถนนพาดผิวสเตนเลสเป็นริ้วเงิน เสียงฝนเบาที่กลับมาใหม่ทำให้โลกทั้งซอยเหมือนกลายเป็นห้องซ้อมของสองคน

“คืนนี้คำของนาย…ยืดรสให้ยาวกว่าเดิม” ปรุงพูดเบา

“คืนนี้ไฟของนาย…ทำให้คำผมไม่สั่น” รุ่งตอบ

ทั้งคู่หัวเราะแผ่ว ๆ อย่างคนเพิ่งพ้นสนามรบเล็ก มือของปรุงยื่นมาขอ “ผ้าขาว” ที่พาดบ่ารุ่งโดยไม่ตั้งใจ นิ้วแตะหลังมือ—นานกว่าปกติครึ่งจังหวะ รุ่งไม่ดึงกลับ เขาขยับข้าม “เส้นเทา” ครึ่งเท้า “ขอพักไฟคำสิบวินาที” เขากระซิบ

สิบนับในใจเหมือนตอนเริ่มคอร์ส ปรุงก้มลง จูบของเขาช้าและแนบแน่น—ไม่เร่ง ไม่ยั่ว เป็น “ไฟกลาง” ที่อบอุ่นแต่ชัด รุ่งหลับตา ปล่อยให้กลิ่นหอมแดงเจียวจาง ๆ ปะทะปลายจมูกประสานกับกลิ่นสบู่จากปลอกคอเชฟ กล้ามเนื้อไหล่สองข้างค่อย ๆ คลาย ราวกับคำว่า ไว้ใจ ถูกเขียนซ้ำด้วยริมฝีปาก

เมื่อถอนช้า ๆ ปรุงหัวเราะในลำคอ “สามคำ—พักไฟ–หายใจ–ยาว”

“และอย่าปล่อยให้รสทิ้งกันกลางทาง” รุ่งต่อให้ ก่อนแนบหน้าผากกันสั้น ๆ ประตูหลังร้านปิดลงด้วยเสียงเบา กริ๊ง ของกระดิ่งไม้ เหมือนสัญญาณว่าคืนนี้ ห้องเรียนบทจูบแรกจบแล้ว—อย่างพอดี

ไม่นานนัก รุ่งกลับถึงห้องเช่า ฝนยังซัดหน้าต่างเป็นริ้ว เขาวางช้อนเงินที่เชฟให้ยืมไว้ข้างแป้นพิมพ์ พิมพ์หัวเรื่อง สูตรที่ไม่มีในตำรา แล้วปล่อยคำไหล: หวานจากหอมแดงที่ยืดยาวโดยไม่หลอก เปรี้ยวเป็นสะพานกลับบ้าน การกวักลมแทนการเป่า เส้นเทาที่ทำให้ทุกคนยืนได้โดยไม่ล้ำกัน และคำสั้น ๆ ที่ใช้คุมไฟทั้งห้อง—ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน เขาปิดท้ายด้วยสามบรรทัด อย่าเร่งไฟเพื่อกล้อง / อย่าพูดจนคำไหม้ / และอย่าปล่อยให้รสทิ้งกันกลางทาง แล้วกดเผยแพร่โดยไม่แท็ก ไม่โลเคชัน

อีกฟากหนึ่ง ปรุงนั่งขั้นบันไดหลังร้าน อ่านบทนั้นบนหน้าจอมือถือ เสียงฝนเป็นเมโทรนอมใจ เขาหยุดตรงประโยค “เปรี้ยวคือสะพานกลับบ้านของลิ้น” แล้วยิ้มให้ครูเก่าในความทรงจำ ข้อความเด้งเข้ากลุ่มไลน์ทีมครัวจากนิก “พรุ่งนี้ทดลองป้ายทางการ ไฟเงียบ 30 วินาที ทุกคอร์สแรกนะคะ” ธามกดอีโมจิพนมมือ ข้าวฟ่างส่งหัวใจสีเขียว

รุ่งกำลังจะปิดคอม อีเมลใหม่ก็เข้ามา—จาก กวิน บรรณาธิการ: “อยากชวนคุณขึ้นเวทีอ่าน ช้อนกับปากกา—เราจะทำเวทีเงียบให้ 10 วินาทีแรก ไม่ต้องเปิดหน้า ถ้าคุณสะดวก” ใต้เมลแนบโปสเตอร์ร่างเรียบ ๆ สีครีม มีรูปช้อนทับปากกาไขว้กัน รุ่งมองโปสเตอร์นั้นนานกว่าปกติ ก่อนพิมพ์ตอบคำเดียว ตกลง

เช้าวันรุ่งขึ้น—ฝนบาง โปสเตอร์ “ช้อนกับปากกา” โผล่ในกล่องเมลของนิกด้วย พร้อมบันทึกเล็ก ๆ จากกวิน “ขอบคุณที่ครัวสร้างภาษาของห้อง เราอยากลองสร้างภาษาของเวที” ปรุงยกคางให้ทีม “คืนนี้เรายังยืนไฟกลาง—และพรุ่งนี้…เราจะไปยืนข้างเวทีเงียบ”

หน้าจอโทรศัพท์ของรุ่งสว่างอีกครั้ง—ดีเอ็มนิรนามแนบรูปช้อนเงินเหมือนของเขา พร้อมแคปชัน “ส. เห็นนะ” เขาสูดลมเท่าตั้งไฟกลาง แล้วเขียนโน้ตคำต่อไปในสมุด: คำที่ปกป้อง—เพื่อเตรียมรับมือทุกเสียงที่จะดังขึ้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อร่อยที่สุดในร้านไม่ใช่จานนี้   กำเนิดรสเงา CHAPTER 12: ยืนในที่สว่าง — ช้อนกับปากกา ประกาศพาร์ตเนอร์

    เช้าอากาศใส ลมคลองพัดกลิ่นสนิมเปียกมาชนประตูเหล็ก “ขิม” นิก แขวนโปสเตอร์ใหม่บนบานไม้: ยืนในที่สว่าง — ช้อนกับปากกา ประกาศพาร์ตเนอร์ (เวทีเงียบ 10 วินาที) ใต้โปสเตอร์คือป้ายเล็กสามบรรทัด—เส้นเทา = ที่ยืนของลิ้น / คำที่ปกป้อง / เราไม่ล่าดาว เราหุงข้าว เธอวางกล่อง “ฟังห้อง” ข้างประตูเหมือนวางสมุดเยี่ยมหน้าบ้านรุ่ง มาถึงพร้อมถุงผ้าที่มีต้นฉบับบทความ “ยืนในที่สว่าง (ที่ตั้งเอง)” เขาวางลงบนโต๊ะสนทนา กลอกตายิ้มกับตัวเองเมื่อเห็นสติ๊กเกอร์จากพี่ชาย “บ้านภูมิใจ” แปะอยู่บนปก ปรุง เดินออกจากครัว ยกถาดเครื่องเทศวางบนบาร์ กลิ่นโหระพา–พริกคั่วผสานอากาศเช้า “คืนนี้คอร์สสั้น ชัด และซื่อ—เหมือนคำของนาย” เขาพูดเรียบ รุ่งตอบด้วยการแตะหลังมือเบา ๆ เหมือนเซ็นรับของสำคัญสิบโมง ดาว—ทีมสารคดีชุมชน—มาถึงพร้อมกล้องตัวเดียว “เราจะเก็บเสียงเวทีเงียบสิบวินาทีแรกเหมือนเดิมนะคะ” เจ้าหน้าที่สุขาภิบาล แวะตรวจตามนัด “ตะแกรงดูดควันโอเค ป้ายทางหนีไฟชัด ขอให้เวทีคืนนี้มี ‘ไฟสะอาด’ เท่านี้พอ” น้ำเสียงเธอเป็นเหตุเป็นผลจนทั้งทีมยิ้มง่ายขึ้นเที่ยงกว่า กวิน แบกหลอดโปสเตอร์กับกล่องสติ๊กเกอร์โลโก้ช้อน–ปากกามา “ประกาศพรีออเดอ

  • อร่อยที่สุดในร้านไม่ใช่จานนี้   กำเนิดรสเงา CHAPTER 11: วันอ่านออกเสียง — บ้านของไฟ กลายเป็นบ้านของภาษา

    สายลมจากคลองพัดกลิ่นใบตองและสนิมเปียกเข้าตรอก “ขิม” ตั้งแต่เช้า นิก เขียนบรรทัดหนา ๆ บนไวต์บอร์ดหน้าบ้าน วันอ่านออกเสียง — เรื่องเล่าจากครัว ใต้หัวข้อมีสามกติกาคล้ายคำสาบานของห้อง—ไฟเงียบ 10 วินาที / เส้นเทา = ที่ยืนของลิ้น / ถ่ายหลังไฟฟังเสร็จ ด้านขวามีป้ายเล็ก “โต๊ะเงา 5 นาที / ไม่ถ่าย–ไม่พูด—พักไฟให้ใจตั้งตัว”รุ่ง แกะกล่องหนังสือทดลองพิมพ์ ช้อนกับปากกา วางเรียงบนโต๊ะไม้เก่า ใจเขาเต้นแรงพอ ๆ กับเสียงปั๊มน้ำท้ายตรอก “คำคืนนี้ไม่ควรแค่เล่า ต้อง ยืน ให้ได้ด้วย” เขาพึมพำกับตัวเอง เหลือบเห็นโน้ตจากพี่ชายในไลน์—พ่อกับแม่อ่าน “คืนครู” แล้ว เขาบอกว่าเข้าใจคำว่าไฟยิ้ม—เขายิ้มบาง ๆ เหมือนมีใครวางมือหนักแน่นบนหลังปรุง ออกมาจากครัวพร้อมถาดเครื่องเทศ กลิ่นโหระพาและควันถ่านอุ่นจังหวะห้องให้คงที่ “คืนนี้เลย์เอาต์คอร์สจะสั้นแต่ชัด—เปิดด้วยหัวปลีลวก พักไฟหนึ่งเพลง เขียวหวานหนึ่งดัชนี แล้วจบด้วยกล้วยเชื่อมกะทิอ่อน”“ระหว่างยกจาน ผมจะอ่านย่อหน้า—ไฟพูดก่อน, สูตรที่ไม่มีในตำรา, แผนที่ลิ้น” รุ่งชูสมุดปกผ้า “เราจะสลับไฟกับคำให้เดินคู่—ไม่แย่งเตา ไม่แย่งไมค์”บ่ายแก่ ทีมสารคดีชุมชนของ ดาว ตั้งกล้องตัวเดี

  • อร่อยที่สุดในร้านไม่ใช่จานนี้   กำเนิดรสเงา CHAPTER 10: คืนครู — มือที่สอนให้ไฟยิ้ม

    เช้าอากาศใสผิดฤดู ลมจากคลองพัดกลิ่นใบตองและดินชื้นมาถึงตรอกข้าง “ขิม” รุ่ง วางโทรศัพท์ลงหลังได้ยินเสียงพี่ชายย้ำชัด “พวกเราอยู่ข้างนาย” ประโยคสั้นเหมือนมือใหญ่ ๆ มาวางหลัง ช่วยให้ไหล่ที่ตั้งรับคำท้าตลอดสัปดาห์คลายตัวลง เขาสะพายถุงผ้าพาบท “คำที่ปกป้อง (ฉบับบ้าน)” มาวางให้ นิก ที่เคาน์เตอร์ “ฝากติดหน้าร้านเย็นนี้หน่อย—คืนนี้ คืนครู อยากให้บ้านของไฟรู้ว่าบ้านของคำยืนอยู่ด้วย”นิกชูนิ้วโป้ง “เรียบร้อยค่ะ—และฉันทำป้ายเล็กเพิ่ม ‘ฟังไฟก่อน—ฟังครูก่อน’ วางทุกโต๊ะ”สิบโมงครึ่ง รถกระบะเก่าแต่สะอาดจอดชิดปากตรอก หญิงสูงวัยรูปร่างเล็ก ผิวสีอุ่นดั่งหม้อกะทิที่ตั้งไฟกลาง เดินลงมายิ้มเห็นฟันขาว—แม่เอียด ครูเก่าของ ปรุง หาบถาดเครื่องเทศและหม้อดินสองใบเหมือนทหารถือธง “หลาน ๆ อยู่ไหน” เสียงคมใสกว่าที่คิด“ในครัวครับแม่” ปรุงออกมารับหม้อดิน สีหน้าเข้มที่คนในเมืองคุ้นเปลี่ยนเป็นเด็กบ้านเดียวกันในทันที เขาเอาผ้าขาวรองก้นหม้อ “แม่เอา ‘ไตปลา’ มาด้วยเหรอครับ”“เอา น้ำแกงใต้ มาเผื่อ—แต่วันนี้แม่อยากให้ฝั่งนี้ได้กิน ‘แกงคั่วหัวปลีปลาย่าง’” แม่เอียดเคาะฝาหม้อเบา ๆ “หัวปลีมันเหมือนหัวใจคน—ถ้าซอยบาง ๆ พอดี แล้วพัก

  • อร่อยที่สุดในร้านไม่ใช่จานนี้   กำเนิดรสเงา CHAPTER 9: คำที่ปกป้อง — ตั้งไฟกลางให้ปลอดภัยกว่าคำล่าแชร์

    เช้าอังคาร กล่องอินบ็อกซ์ของ “กำเนิดเงา” มีดีเอ็มสั้น ๆ จากบัญชีส้อมจิ๋ว—“ถ้าอยากปกป้องจริง ลองปกป้องครอบครัวนายดู” ไม่มีรูปหยาบคาย ไม่มีคำด่าโต้ง ๆ แต่คมพอจะบาดใจ รุ่ง นั่งมองหน้าจอเงียบ ๆ สองลมหายใจก่อนปิดมันลง ร่างกายเบนไปทางประตูอัตโนมัติราวกับห้องทั้งห้องรู้ว่าเขาควรไปที่ไหน—ร้าน “ขิม”ปรุง กำลังชั่งเครื่องเทศอยู่หลังกำแพงเหล็กสเตนเลส พอเห็นสีหน้าของรุ่ง เขาวางช้อนตักลงช้า ๆ “เจ็บตรงไหน บอกเป็นคำ”“มีคนส่งท้า—แตะครอบครัว” รุ่งตอบตามตรง ปรุงพยักหน้า ไม่เร่งปลอบ ไม่เร่งโกรธ “งั้นวันนี้เราตั้งไฟกลางให้คำก่อน—ให้คำปกป้องเรา ไม่ใช่เราปกป้องตัวเองด้วยความหัวร้อน”นิก ผู้จัดการลากไวต์บอร์ดออกมาตรงบาร์ “งั้นเรามีสองอย่าง—แผนครัว กับแผนคำ” เธอเขียนหัวข้อใหญ่ คำที่ปกป้อง แล้วแตกข้อย่อยเป็นบรรทัดคมสั้น ๆฟัง—ก่อน—ตอบคุยงาน ไม่คุยชีวิตคนอื่นที่ไม่ได้ให้สิทธิ์ถ้าคำก้าวล้ำ—เชิญออกอย่างสุภาพ แต่ชัด ข้างล่างเธอวงคำ ไฟเงียบ 30 วินาที และขีดเส้นเทาบนพื้นให้คมขึ้นอีกชั้น “เส้นนี้—ที่ยืนของลิ้น และที่ยืนของคำสุภาพ”บ่ายวันเดียวกัน กวิน โผล่มาพร้อมปกเล่มเวอร์ชันใหม่ “ผมขอหยิบภาษาคุณไปขึ้นหน้าเว็บ

  • อร่อยที่สุดในร้านไม่ใช่จานนี้   กำเนิดรสเงา CHAPTER 8: บทบก.ในเงา — เมื่อคำกับครัวเผชิญกล้องอย่างไม่หนี

    เช้าตรู่วันอังคาร “ขิม” เปิดครึ่งบานให้ลมเย็นพาดพื้นสเตนเลส นิก เขียนหัวข้อบนไวต์บอร์ดตัวโต—กล้องกับความทรงจำ (ซ้อมคุย) ใต้หัวข้อมีสามบรรทัด ไฟเงียบ 30 วินาที / เส้นเทา = ที่ยืนของลิ้น / ถ่ายหลังไฟฟังเสร็จ เธอหันไปทางทีม “วันนี้สำนักพิมพ์จะมาคุยปกกับเรา และทีมสารคดีชุมชนจะเก็บภาพเบื้องหลัง ต้องใช้ภาษาเดียวกันทั้งห้อง”ปรุง วางถาดเครื่องเทศบนบาร์ “ครัวคุมไฟกลางตามเดิม ถ้ากล้องขอ—อย่าเร่งไฟเพื่อภาพ เราพักไฟเพื่อคน”ธาม ชูป้ายผืนเล็กที่เพิ่งทำ “We listen first.” ตัวอักษรคู่ไทย–อังกฤษดูขำ ๆ แต่พอวางใกล้เส้นเทาแล้วกลายเป็นโล่ข้าวฟ่าง ยกมือ “ถ้าลูกค้ายื่นกล้องล้ำเส้น หนูขอใช้คำ ‘ช่วยเป็นทีมเดียวกับครัว’ ได้ไหมคะ” นิกยิ้ม “ได้เลย คำนั้นของกำเนิดเงา—ใช้อย่างสุภาพและแน่น”สายหน่อย รุ่ง มาพร้อมสมุดปกผ้า เขาวางแผ่นพิมพ์ คำที่ปกป้อง (ฉบับครัว) ลงบนโต๊ะสนทนา ข้อความสั้น ๆ กระชับ: เราไม่ได้ทำไฟเงียบเพื่อโชว์ เราทำเพื่อฟังกัน / เราไม่ปิดหน้าเพื่อหลบ แต่เพื่อให้คำทำงาน / ถ้าอยากรู้จัก ใส่หูมาก่อนใส่เลนส์ นิกอ่านแล้วพยักหน้า “น้ำหนักดี—ไม่บาด”เที่ยงครึ่ง กวิน มาถึงในเชิ้ตสีงาขาวถือหลอดโปสเตอร์ยาว เ

  • อร่อยที่สุดในร้านไม่ใช่จานนี้   กำเนิดรสเงา CHAPTER 7: รอยมีดเก่า — มีดคมคือมีดปลอดภัย

    เช้ามืด ประตูหลัง “ขิม” มีพัสดุสีน้ำตาลพิงอยู่บนราวเหล็ก ปรุง แกะเชือกป่านอย่างใจเย็น ข้างในเป็นมีดเชฟดามสตีลเงางาม นอนบนผ้าขาวเรียบ พร้อมการ์ดสั้น ๆ ลายมือคุ้นตา—“ถึงปรุง / จาก ภูมิ” เขาลูบสันมีดช้า ๆ เสียงเหล็กเสียดนิ้วดังแผ่วเหมือนเรียกความทรงจำให้ลืมตา รอยขีดเล็กใกล้สันมีดยังอยู่—ร่องรอยคืนที่ฝึกหั่นหอมด้วยกันเมื่อสิบปีก่อน“ของสวย” ธาม วางกล่องน้ำแข็งแล้วมอง “ของใคร”“ของเก่า…จากคนเก่า” ปรุงวางมีดลงบนผ้าขาว “ชื่อ ภูมิ”ธามพยักหน้า “จะใช้ไหม” “ใช้ได้—แต่ต้องฟังก่อน” ปรุงยิ้มบาง “มีดเก่าต้องเคารพ เหมือนรอยเก่าในใจ”ก่อนเที่ยง นิก กำลังเขียนตารางล้างตะแกรงดูดควันตามคู่มือสุขาภิบาลที่เพิ่งผ่าน ตรวจเส้นเทาบนพื้นหลังบาร์ให้คมชัดเหมือนเดิม—พื้นที่ฟังไฟโดยไม่กวนมือครัว กล่องไม้ “ฟังห้อง” ถูกเช็ดและวางที่เดิมรุ่ง โผล่เข้าตรอก หมวกแก๊ปเดิม สมุดปกผ้าอยู่ในมือ เขาเห็นมีดบนผ้าขาวแล้วเงียบครึ่งหายใจ “ของเขา?”ปรุงพยักหน้า “ใช่”รุ่งวางสมุดลง เขียนสามคำสั้น ๆ บนกระดาษแผ่นเล็กแล้วคว่ำไว้ “คืนนี้ถ้าอยากได้คำ…ค่อยเปิด”สิบโมงครึ่ง ชายเสื้อลินินสีอ่อนมายืนหน้าประตูหลัง เคาะ ก๊อง–แก๊ง สองจังหวะ—รห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status