“เหม่ออะไรหนูอิง”
มือเหี่ยวย่นของแม่บ้านที่รับหน้าที่ทำอาหารในวันนี้ แตะที่ไหล่บางของหญิงสาว จะเรียกว่าหญิงสาวก็ได้ไม่เต็มปากนักแม้เธอจะอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ด้วยรูปร่างที่ผอมบาง ไร้สัดส่วนอย่างที่หญิงสาวควรจะเป็น กับทรงผมที่ตัดสั้นประบ่า ไว้ผมหน้าม้า ยิ่งทำให้อิงวิฬาร์ดูเด็กเข้าไปอีก ไหนจะแก้มกลมๆ คล้ายซาลาเปานั่นอีก
บิดาของเธอพามาส่งเตรียมตัวเข้าหอพักต้อนรับการเปิดเทอมแรกของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย อิงวิฬาร์สอบติดมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงที่มีวิทยาเขตอยู่จังหวัดนครปฐม เด็กสาวละลายสายตาจากสิ่งที่มองอยู่หันกลับไปหาคนที่สะกิดไหล่เมื่อสักครู่
“เปล่าค่ะ อิงแค่มองไปเรื่อย ดูว่าอาหารเพียงพอสำหรับแขกของพี่กล้าหรือเปล่า”
เย็นวันนี้ที่บ้านของไกรดิษ ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของบุพการีและยังใจดีให้เธอกับบิดามาอาศัยนอนในคืนนี้ จัดงานเลี้ยงส่งลูกชายเพียงคนเดียวอย่าง ‘กฤตธวัช’ หรือ ‘พี่กล้า’ ของเธอไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ
ไกรดิษเป็นเจ้าของไร่ส้มในจังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ซึ่งบิดาของเธอเป็นผู้ช่วยบุกเบิกและดูแลมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่ม แต่ไกรดิษนั้นทำธุรกิจหลายอย่าง จึงเลือกพักอาศัยอยู่กับครอบครัวที่บ้านกรุงเทพซะเป็นส่วนใหญ่ นานๆ ครั้งถึงจะเดินทางขึ้นไปดูไร่ส้มสักที ด้วยความไว้วางใจในตัวบิดาของเธอบ่อยครั้งจึงเป็นเพียงแค่การโทรศัพท์ไปถามไถ่เสียมากกว่า และความใจดีนี้ยังเผื่อแผ่มาถึงเธอด้วย อิงวิฬาร์ได้เงินสนับสนุนการศึกษาจนเรียนจบปริญญาตรี
รวมถึงบ้านชั้นเดียวที่ท้ายไร่ ไกรดิษสร้างให้ครอบครัวของเธออยู่อาศัยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม ด้วยความรักและเชื่อมั่นในตัวบิดาของเธอเสมือนพี่น้องที่คลานตามกันออกมา ไกรดิษมักบอกเสมอว่าถ้าไม่ได้บิดาของเธอดูแลไร่ส้ม ก็ไม่มีทางที่ผลผลิตจะมากมายถึงเพียงนี้
“เพื่อนคุณกล้ามีแค่หกคนเอง ป้าว่าหนูอิงไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ป้าจัดการต่อเอง”
“งั้นอิงขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ ถ้าป้าทองจะเก็บของหรืองานเลี้ยงเลิกแล้วไปตามอิงนะคะ อิงจะมาช่วยเก็บค่ะ”
“ไปเถอะจ้ะ คุณไกรบอกให้พวกป้าไปพักผ่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยมาเก็บจานชามพวกนี้ มีงานเลี้ยงทีไรคุณกล้ากับเพื่อนก็ดื่มยาวจนเกือบถึงเช้าทุกที”
คนแก่กว่าเก็บถาดใส่อาหารและภาชนะบางส่วนที่ไม่ได้ใช้แล้วติดมือกลับไปล้างทำความสะอาดในครัวด้วย อิงวิฬาร์หันไปมองคนแผ่นหลังกว้างที่นั่งหันหลังให้เธอ กำลังพูดคุยหัวเราะสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อน จึงยืนมองอยู่อย่างนั้นอีกสักพัก ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เธอหลงรักตั้งแต่ยังใส่ชุดนักเรียนยังไม่มีคอซอง จนถึงวัยเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังหลงรักอยู่
กฤตธวัชที่แม้จะอายุมากกว่าเธอถึงสี่ปี แต่ก็เป็นเพื่อนเล่นในวัยเยาว์ที่เข้ากันได้ดีแม้จะต่างเพศ ทุกปิดเทอมเด็กชายกฤตธวัชที่ร่างกายแข็งแรงกว่าจะพาเธอวิ่งเล่นในไร่ส้ม แม้ยามเธอหกล้มเขาก็ให้เธอขี่หลังพามาส่งบ้าน ช่วยทำแผล ยามเธอร้องไห้งอแงเพราะเจ็บแผลที่เข่า เขาก็ช่วยเป่าแผลให้จนหายเจ็บ เขาปลอบโยนเธอ ดูแลเธอ พอรู้ตัวอีกทีเพื่อนรุ่นพี่ในวัยเด็กก็กลายเป็นรักแรกในหัวใจของเด็กหญิงวัยประถมต้นเสียแล้ว
“กล้า กูว่ามีคนมองมึงว่ะ…น้องคนนั้น”
ภาม หนึ่งในเพื่อนสนิทที่นั่งสังสรรค์กับกฤตธวัช แต่นั่งหันหน้ามาทางเธอ พยักพเยิดปากให้กฤตธวัชหันมามอง อิงวิฬาร์หลบสายตาแทบไม่ทันเมื่อเห็นการกระทำนั้น ก่อนจะรีบหยิบแก้วน้ำส้มของตัวเองที่เพิ่งวางลงบนโต๊ะขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ด้วยอาการหัวใจเต้นโครมคราม
“น้องคนนั้นเป็นใครวะ น่ารักดีแต่เหมือนอายุจะทำให้พรากผู้เยาว์เลยว่ะ”
กฤตธวัชแทบไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร เด็กสาวที่แอบปลื้มเขามาตั้งแต่เด็ก พอเริ่มโตขึ้นกฤตธวัชจึงตีตัวออกห่าง ด้วยความไม่อยากให้อิงวิฬาร์คิดไปไกล และเขาไม่มีทางจะมองเธอไปมากกว่าลูกสาวของหัวหน้าคนงานในไร่ส้มของบิดา เธอยังเด็กและไม่ใช่คนที่เขาต้องการจะสานสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวด้วย
อิงวิฬาร์ก็พอจะรู้ตัวว่าเธอไม่ใช่คนที่คู่ควรกับเขา โชคดีที่เธอไม่กล้าพอที่จะสารภาพรักออกไป ความคลุมเครือระหว่างเขาและเธอจึงมีไม่มากนัก หลังๆ แปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัดทุกครั้งที่เจอหน้ากันเสียมากกว่า ช่วงแรกเธอไม่เข้าใจว่าทำไมกฤตธวัชเพื่อนรุ่นพี่ที่แสนดีถึงเปลี่ยนไป เขาเดินผ่านเธอไปแบบเฉยเมยราวกับธาตุอากาศ หลังๆ เธอโตพอที่จะไม่ใส่ใจ ในเมื่อเขาไม่อยากมีเธอเข้าไปวุ่นวายในชีวิต เธอก็ก้าวถอยหลังกลับมาที่สถานะลูกชายของผู้มีพระคุณกับลูกสาวของหัวหน้าคนงานในไร่ส้มตามเดิม
เกือบสองปีที่กฤตธวัชไม่ได้ติดตามไกรดิษไปที่ไร่ส้ม จนมาเจอกันอีกครั้งในวันที่เขากำลังจะไปเรียนที่ต่างประเทศ และเธอที่มาพักอาศัยบ้านหลังใหญ่ของเจ้านายบิดาเพียงชั่วคราวเพื่อรอเวลาให้มหาวิทยาลัยเปิดให้ขนของเข้าหอพัก…แค่คืนเดียวเท่านั้นที่เขาและเธอจะได้เจอกัน ก่อนจะจากลากันอีกหลายปี
มารดาของเธอไม่ได้มาด้วย อิงวิฬาร์มองบิดาที่กำลังคุยออกรสกับเจ้านาย ก่อนจะหันกลับมามองคนในใจอีกครั้ง ก็เห็นว่าเขากำลังมองเธออยู่เช่นกัน อิงวิฬาร์พยายามส่งยิ้มทักทาย และยกแก้วน้ำส้มให้ทำทีว่าชนแก้วกับเขาในระยะไกล และก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่เขาทำเป็นไม่สนใจ คล้ายกับว่าเธอเป็นเพียงธาตุอากาศไร้ตัวตน ก่อนจะหันหลังกลับไปสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนตามเดิม
อิงวิฬาร์ยืนน้ำตาคลอ ทำไมเขาถึงใจร้ายกับเธอได้ถึงเพียงนี้ ในเมื่อเขาไม่ได้สนใจเธอก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไป อิงวิฬาร์ถือแก้วน้ำส้มเข้าไปล้างเก็บในครัว และเตรียมตัวไปอาบน้ำเข้านอน ไกรดิษให้เธอกับบิดาพักที่ชั้นสองของบ้านซึ่งเป็นห้องรับแขก อยู่ข้างๆ ห้องของกฤตธวัช
…เธอควรจะชินได้แล้วอิงวิฬาร์…
“มึงไม่สนใจน้องเขาหน่อยเหรอวะกล้า กูเห็นยืนมองอยู่นาน”
“สนใจบ้าอะไร ถึงจะไม่ใช่เด็กในบ้านก็ลูกคนงานในไร่อยู่ดี”
“เป็นกูไม่ติดนะ ถ้าน้องเขาจะมองกูหยาดเยิ้มแบบนั้น”
“พอเลย”
กฤตธวัชห้ามปรามเพื่อนก่อนที่จะลามปามไปมากกว่านี้ แม้ปากจะบอกว่าไม่สนใจ แต่ทำไมในใจกลับรู้สึกไม่ชอบที่เธอตกเป็นหัวข้อสนทนาในวงเหล้าเช่นนี้
“มึงไม่เอาแน่เหรอวะกล้า”
“อะไรของมึงวะจิ”
“ถ้ามึงไม่เอา กูเอานะ กูขอปลอบน้องเขาเองนะเว้ย”
จิรายุหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่มีฉายาเสือผู้หญิงนั่งมองเหตุการณ์อยู่นาน ตบไหล่กฤตธวัชอย่างลองเชิง ก่อนจะลุกตามอิงวิฬาร์ที่เดินหายเข้าไปในห้องครัวทางหลังบ้าน การกระทำนั้นทำให้คนถูกตบไหล่นั่งไม่ติดเก้าอี้
“เฮ้ยๆ ไอ้จิของจริงวะ”
เสียงกลุ่มเพื่อนที่เหลือดังกระหึ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิมผสานกับอาการที่เริ่มเมามาย บ้างก็ว่าอิงวิฬาร์เสร็จจิรายุแน่ บ้างก็ว่าจิรายุไม่มีทางได้เผด็จศึกหรอก แต่เสียงส่วนใหญ่ไปทางอิงวิฬาร์ไม่น่ารอด
“เป็นอะไรวะกล้า นั่งสั่นขาเป็นเจ้าเข้าเลย”
“เดี๋ยวกูมานะเว้ย”
“แล้วมึงจะรีบไปไหน”
เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มร้องทัก เมื่อเห็นกฤตธวัชลุกขึ้นอย่างรีบร้อน
“กูจะไปเอาน้ำแข็งในครัว”
“ไหนถังที่จะเอาไปใส่น้ำแข็งของมึง”
“เออ…นี่ไง”
เจ้าของบ้านชูถังใส่น้ำแข็งที่เพิ่งคว้าขึ้นมาถือไว้เมื่อสักครู่ แล้วทำหน้าว่าอย่ามาจับผิด
“กูรู้ว่ามึงจะไปขวางไอ้จิ แต่มึงจะเข้าไปขัดขวางทำไมวะ ปกติมึงก็ใช้แม่บ้านไปเอาให้นี่หว่า”
“ดึกขนาดนี้แม่บ้านที่ไหนจะอยู่รอให้มึงใช้ กูจะเข้าไปเอาน้ำแข็งจริงๆ”
“เออๆ รีบไป คืนนี้พวกกูมีของขวัญส่งท้ายให้มึงก่อนไปต่างประเทศ”
ภามคนที่นั่งตรงข้ามรีบเอ่ย เป็นการตัดบทสนทนาของเพื่อนอีกคน พร้อมกับเปิดหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูรูปผู้หญิงใส่ชุดหวาบหวิว แต่กฤตธวัชไม่มีอารมณ์จะสนใจในตอนนี้ แม้เขาจะชอบความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดมากแค่ไหนก็ตาม
“อะไรของพวกมึงวะ”
“คนนี้ไงของขวัญของมึง พวกกูจัดให้ก่อนมึงไปเจอสาวแหม่ม”
“เออๆ เดี๋ยวกูมา”
กฤตธวัชรีบส่งโทรศัพท์คืน ทำหน้าไม่สนใจก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปทางห้องครัว รู้ดีว่าจิรายุมีเล่ห์เหลี่ยมเรื่องผู้หญิงขนาดไหน และยิ่งเป็นผู้หญิงไม่ประสีประสาแบบอิงวิฬาร์ด้วยแล้วยิ่งไม่น่ารอด ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ยิ่งได้ยินเสียงร้องว่าเจ็บ อย่าเข้ามา เขายิ่งก้าวเท้าให้ไวกว่าเดิม
“ทำอะไรของมึงวะไอ้จิ”
“พี่กล้าคะ” “อื้อ…หอมจังเลย” กฤตธวัชไม่เคยจูบหรือหอมคู่นอนคนไหนมาก่อน แต่กับผู้หญิงคนนี้…ทำไมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของเธอถึงทำให้เขารู้สึกหลงใหลอย่างไม่อาจห้ามใจได้ อยากจะกกกอด สูดดมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับไม่เคยพอ มือหนาเลื่อนไปตามเรือนร่างบอบบาง ผ่านเนื้อผ้านุ่มอย่างไม่รู้ตัว แม้จะประหลาดใจอยู่ลึกๆ ที่เธอเลือกสวมชุดนอนเรียบง่ายแทนที่จะเป็นชุดเดรสเซ็กซี่ยั่วยวนอย่างที่เขาคุ้นเคย แต่กลับทำให้เขาหลงใหลยิ่งในเสน่ห์ที่ไม่ถูกปรุงแต่งมากนัก จากเดิมที่เธอนอนพิงอยู่บนตัวเขา กฤตธวัชใช้จังหวะเพียงเล็กน้อยพลิกตัวเธอให้มาอยู่ใต้อาณัติ เขาโน้มเข้ามาจูบโดยไม่ทันให้อิงวิฬาร์ได้ตั้งตัว ริมฝีปากร้อนแนบสนิทก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปเกลี่ยไล้สัมผัสภายในเบาๆ จนร่างบางที่แข็งทื่อเผยอริมฝีปากรับสัมผัสชุ่มฉ่ำอย่างลืมตัว ส่วนบนของชุดนอนเลิกขึ้นมากองอยู่เหนืออกอิ่มโดยไร้สิ่งใดปิดบัง สองเต้างามชูยอดสีชมพูระเรื่อชวนให้น่าลิ้มลอง อิงวิฬาร์ผู้หญิงที่ภายนอกดูเรียบร้อยใส่เสื้อยืดหลวมๆ หรือเดรสยาวคลุมเข่า เมื่อเปลื้องอาภรณ์ออกกลับเผยให้เห็นสัดส่วนซ่อนร
“กูยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย รีบมาช่วยกูเร็วๆ สิวะ” จิรายุที่โวยวายอยู่ในห้องน้ำข้างห้องครัว ทุบประตูร้องขอความช่วยเหลือ อิงวิฬาร์ที่รู้ทันและระวังตัวเรื่องการถูกลวนลามอยู่แล้ว บิดาเคยสอนการป้องกันตัวมาบ้างไว้ใช้ยามจำเป็น แต่ก็ไม่คิดว่าจะจำเป็นเร็วขนาดนี้ ขณะที่เธอกำลังยืนล้างแก้วน้ำอยู่ก็มีชายหนุ่มพุ่งมากอดจากทางด้านหลัง จึงเจอท่าศอกกระทุ้งท้องเข้าให้ หนึ่งในเพื่อนของกฤตธวัชลงไปงอตัวเป็นกุ้งอยู่กับพื้น “แล้วใครจับมึงขังไว้ในนี้วะ” “เอ่อ…” จิรายุอยากจะเล่าใจแทบขาดใจแต่ก็ทำได้แค่ปิดปากเงียบ เดิมทีเขาอยากจะลองใจเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาลอย่างกฤษธวัช เพราะรู้ดีว่าเพื่อนเป็นคนปากแข็งไม่ตรงกับใจแค่ไหน จึงเข้ามาลองใจเล่นๆ เพราะเห็นสายตาไม่พอใจเวลาเพื่อนคนอื่นเอ่ยปากถึงเด็กสาวหน้าตาน่ารักผมแก้มซาลาเปาคนนั้นแต่ก็ไม่คิดว่าอาการเมามายจะทำให้สะดุดพรมเช็ดเท้าหน้าห้องครัว พุ่งถลาไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงอ่างล้างจาน แทนที่เธอจะหันกลับมารับเขาแต่กลับกลายเป็นว่าได้ศอกมากระทุ้งหน้าท้องแทน แถมเธอยังลากเขาเข้าไปขังไว้ในห้องน้ำ
“เหม่ออะไรหนูอิง” มือเหี่ยวย่นของแม่บ้านที่รับหน้าที่ทำอาหารในวันนี้ แตะที่ไหล่บางของหญิงสาว จะเรียกว่าหญิงสาวก็ได้ไม่เต็มปากนักแม้เธอจะอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ด้วยรูปร่างที่ผอมบาง ไร้สัดส่วนอย่างที่หญิงสาวควรจะเป็น กับทรงผมที่ตัดสั้นประบ่า ไว้ผมหน้าม้า ยิ่งทำให้อิงวิฬาร์ดูเด็กเข้าไปอีก ไหนจะแก้มกลมๆ คล้ายซาลาเปานั่นอีกบิดาของเธอพามาส่งเตรียมตัวเข้าหอพักต้อนรับการเปิดเทอมแรกของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย อิงวิฬาร์สอบติดมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงที่มีวิทยาเขตอยู่จังหวัดนครปฐม เด็กสาวละลายสายตาจากสิ่งที่มองอยู่หันกลับไปหาคนที่สะกิดไหล่เมื่อสักครู่ “เปล่าค่ะ อิงแค่มองไปเรื่อย ดูว่าอาหารเพียงพอสำหรับแขกของพี่กล้าหรือเปล่า” เย็นวันนี้ที่บ้านของไกรดิษ ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของบุพการีและยังใจดีให้เธอกับบิดามาอาศัยนอนในคืนนี้ จัดงานเลี้ยงส่งลูกชายเพียงคนเดียวอย่าง ‘กฤตธวัช’ หรือ ‘พี่กล้า’ ของเธอไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ไกรดิษเป็นเจ้าของไร่ส้มในจังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ซึ่งบิดาของเธอเป็นผู้ช่วยบุกเบิกและดูแลมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่ม