“พี่กล้าคะ”
“อื้อ…หอมจังเลย”
กฤตธวัชไม่เคยจูบหรือหอมคู่นอนคนไหนมาก่อน แต่กับผู้หญิงคนนี้…ทำไมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของเธอถึงทำให้เขารู้สึกหลงใหลอย่างไม่อาจห้ามใจได้ อยากจะกกกอด สูดดมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับไม่เคยพอ มือหนาเลื่อนไปตามเรือนร่างบอบบาง ผ่านเนื้อผ้านุ่มอย่างไม่รู้ตัว
แม้จะประหลาดใจอยู่ลึกๆ ที่เธอเลือกสวมชุดนอนเรียบง่ายแทนที่จะเป็นชุดเดรสเซ็กซี่ยั่วยวนอย่างที่เขาคุ้นเคย แต่กลับทำให้เขาหลงใหลยิ่งในเสน่ห์ที่ไม่ถูกปรุงแต่งมากนัก
จากเดิมที่เธอนอนพิงอยู่บนตัวเขา กฤตธวัชใช้จังหวะเพียงเล็กน้อยพลิกตัวเธอให้มาอยู่ใต้อาณัติ เขาโน้มเข้ามาจูบโดยไม่ทันให้อิงวิฬาร์ได้ตั้งตัว ริมฝีปากร้อนแนบสนิทก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปเกลี่ยไล้สัมผัสภายในเบาๆ จนร่างบางที่แข็งทื่อเผยอริมฝีปากรับสัมผัสชุ่มฉ่ำอย่างลืมตัว
ส่วนบนของชุดนอนเลิกขึ้นมากองอยู่เหนืออกอิ่มโดยไร้สิ่งใดปิดบัง สองเต้างามชูยอดสีชมพูระเรื่อชวนให้น่าลิ้มลอง อิงวิฬาร์ผู้หญิงที่ภายนอกดูเรียบร้อยใส่เสื้อยืดหลวมๆ หรือเดรสยาวคลุมเข่า เมื่อเปลื้องอาภรณ์ออกกลับเผยให้เห็นสัดส่วนซ่อนรูปอย่างน่าหลงใหล หน้าอกขนาดพอดีมือเรียงร้อยสู่เอวบางที่โค้งรับกับสะโพกกลมกลึงอย่างลงตัว
กฤตธวัชใช้ปลายนิ้วไล้ลงมาช้าๆ ก่อนจะเกี่ยวขอบกางเกงผ้านุ่มติดมือเลื่อนลงมากองที่ปลายเท้า เผยให้เห็นเนินเนื้ออ่อนไหวที่ทำให้เขาไม่อาจยับยั้งแรงปรารถนาได้อีกต่อไป เขาก้มลงเล้าโลม ลิ้นร้อนตวัดแหวกความซ่อนเร้นเบื้องล่างจนร่างบางเกร็งแน่น นิ้วเท้าจิกเข้ากับผ้าปูโดยไม่รู้ตัว
“พี่กล้า…”
เสียงหวานครางออกมาอย่างลืมตัว กฤตธวัชนึกชมเพื่อนรักที่เลือกของขวัญได้อย่างถูกใจยิ่ง แม้ยามส่งเสียงร้อง กิริยาท่าทางทำให้เขาอดหวนคิดถึงเด็กสาวข้างห้องที่ป่านนี้คงหลับสบายอยู่บนเตียงนอนกับผู้เป็นบิดาไม่รู้เรื่องราว
“อ่า”
คนถูกใจของขวัญชิ้นงามผละออกมาเมื่อเห็นเรือนร่างใต้อาณัติพร้อมแล้วกับความชุ่มฉ่ำ เขาถอดเสื้อผ้าออกอย่างไม่ไยดี โยนลงกับพื้นโดยไร้ทิศทาง
อิงวิฬาร์ใบหน้าแดงซ่านมากกว่าเดิมเมื่อเห็นจุดกึ่งกลางชายที่ผงาดผึ่งโดยมีแสงรำไรสอดส่องพอให้เห็นถึงขนาดของความใหญ่โต เรียวขางามบีบเข้าหากันอย่างลืมตัว
กฤตธวัชใช้มือรูดขึ้นลงเพื่อให้พร้อมสำหรับการออกศึก…เขาจับมันจ่อไปที่เนินทางรักแล้วกดเข้าไปอย่างช้าๆ อิงวิฬาร์ที่ไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้มาก่อนถึงกับสะบัดใบหน้างาม กรีดร้องออกมา มือบางดันตัวของเขาไว้ไม่สอดใส่เข้ามามากกว่านี้
“อิงเจ็บ…”
เสียงหวานเอ่ยบอก พร้อมแรงกระเพื่อมที่หน้าอกระคนความตื่นเต้นและความรู้สึกผิดต่อบุพการี สิ่งที่มารดาพร่ำสอนมาตลอดเรื่องการรักนวลสงวนตัว แต่วันนี้เธอกลับสมยอมผู้ชายโดยง่าย แต่ถึงอย่างไรครั้งแรกของเธอก็ตกเป็นของผู้ชายที่เธอรัก…เธอยินดี
“อิงวิฬาร์งั้นเหรอ”
“ค่ะพี่กล้า อิงเอง”
กฤตธวัชถอดถอนกายออก แล้วลงไปยืนนิ่งข้างเตียง สายตาที่เว้าวอนเธอเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นสายตาเย็นชาตามเดิม
“ทำไมอิงเข้ามาอยู่ในห้องพี่ แต่ช่างเถอะถ้ารู้ว่าเป็นอิงพี่คงไม่ทำ”
พี่คงไม่ทำ…ประโยคนี้ทำให้น้ำตาของเธอร่วงแหมะทันที แม้จะเป็นหยดเดียวแต่ก็หนักหนาเหลือเกิน เธอมันน่ารังเกียจมากสำหรับเขาขนาดนั้นเลยหรือขนาดที่รู้ว่าถ้าเป็นเธอเขาคงไม่ทำ สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างนั้นเลยใช่ไหม
…เธอมันช่างไร้ค่าเสียจริง อิงวิฬาร์…
กฤตธวัชโยนผ้าห่มที่ตกลงไปอยู่ข้างเตียงคลุมร่างกายเปลือยเปล่าของเธอเหมือนไม่อยากจะมองให้เปลืองสายตา ส่วนเขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันกายปกปิดท่อนล่างอย่างลวกๆ ก่อนจะเปิดไฟในห้องให้สว่างขึน เพื่อที่จะได้ยื่นข้อตกลงอย่างชัดเจน
“อิงคงรู้ใช่ไหมว่าพี่ไม่ได้รักอิง และถ้าจะให้รับผิดชอบด้วยการแต่งงานก็คงเป็นไปไม่ได้”
อิงวิฬาร์นิ่ง เงียบ ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตา เธอกลืนก้อนความเจ็บปวดไว้ในใจ เธอเองก็มีส่วนผิดที่ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นทั้งที่เธอมีสติมากกว่าเขา และก็คงจะเป็นการหวังสูงมากเกินไปถ้าจะให้เขารับผิดชอบด้วยการแต่งงาน
“อิงไม่คิดแบบนั้นหรอกค่ะ”
ด้วยสถานะที่ต่ำต้อยกว่า ถึงอย่างไรเธอก็เป็นแค่ลูกสาวของคนงานในไร่ส้มที่ทำงานให้บิดาของเขา
“เข้าใจง่ายแบบนี้ก็ดี เพราะอิงก็เสนอตัวเข้ามาหาพี่เอง…เอาแบบนี้แล้วกันอิงกำลังจะเข้าเรียนปริญญาตรีใช่ไหม พี่จะให้เงินอิงไว้ใช้ เอาเลขบัญชีมาสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อิงไม่ได้เดือดร้อน”
นี่เขากำลังตีค่าพรหมจรรย์ของเธอเป็นตัวเงินอยู่อย่างนั้นหรือ
“เก็บไว้ใช้เหอะอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องขอพ่อแม่”
เมื่อเห็นเธอไม่ส่งเลขบัญชีมาให้ จึงเดินไปหยิบเงินก้อนหนึ่งโยนมาเธอตรงหน้าแทน
“พี่มีเงินสดแค่นี้ และถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นนะ อิงเองก็ยังเด็กและต้องเจอคนอีกมากมาย พี่ก็ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ อย่าให้เรื่องแค่นี้มาพังอนาคตของเราสองคนเลย”
“เรื่องแค่นี้…ค่ะ อิงเข้าใจ”
อิงวิฬาร์ก้มลงหยิบเงินก้อนโตที่เขาโยนมาให้ สายตาเพียงกวาดมองก็พอจะประเมินมูลค่าได้ว่าน่าจะราวห้าหมื่นบาท นี่เธอมีค่าสำหรับเขาแค่นี้เองหรือ…หรือเธอกำลังคาดหวังให้เขาเห็นค่าพรหมจรรย์ของเธอและจบด้วยการแต่งงาน
เมื่อเห็นว่าอิงวิฬาร์รับฟังโดยไม่มีข้อเรียกร้องสิ่งอื่นใด ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาหรือคำต่อว่าให้เขาต้องหนักใจไปมากกว่าเดิม กฤตธวัชจึงเลือกที่จะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำและชำระล้างร่างกาย พร้อมความคิดบางอย่างที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว…ว่าเขาทำถูกต้องแล้วใช่ไหม
เสียงน้ำที่ไหลกระทบพื้นดึงสติว่าเธอควรออกไปจากห้องนี้ซะ ไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรือความรู้สึกผิดเอ่ยออกมาจากปากของเขา มีแต่การกระทำที่ดูถูก เหยียดหยามและตีมูลค่าตัวเธอเป็นเงินก้อนหนึ่งเท่านั้น อิงวิฬาร์หยิบเสื้อผ้าที่ถูกเขาถอดออกอย่างง่ายดายขึ้นมาใส่ รวบทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่อีกนิดก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง
บิดายังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง เธอวางเงินก้อนที่ไม่คิดจะใช้ลงในกระเป๋าเดินทางใบโตสำหรับเตรียมเข้าหอพัก ร่างบางเดินเข้าไปในห้องน้ำ นั่งคู้ตัวกอดเข่าอยู่ในนั้น มือบางข้างหนึ่งปิดปากแน่นอย่างไม่ต้องการให้เสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา เธอร้องไห้จนตัวโยนแต่ก็ต้องพยายามสะกดกั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ให้ไปถึงหูของบิดา เพราะไม่ต้องการให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เธอจะร้องไห้ให้ถึงที่สุด เสียใจให้ถึงที่สุด แค่ในคืนนี้เท่านั้น…จะไม่มีวันพรุ่งนี้ที่จะต้องมานั่งเสียใจอีกต่อไป เรื่องราวทุกอย่างจะจบลงที่นี่ทันทีที่เธอก้าวออกจากบ้านหลังนี้ จะไม่มีกฤตธวัชคนที่เธอเคยรักหรือกฤตธวัชคนที่เหยียดหยามน้ำใจของเธออีก
อิงวิฬาร์จะตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตที่ดี อย่างที่เขาเคยพูดว่าอยากให้เธอเป็น...แต่ไม่ใช่เพื่อเขาอีกแล้ว
สายน้ำที่กระทบพื้นเบื้องล่างเจือด้วยสีแดงระเรื่อ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าติดร่างกายเขามาจากอะไร เลือดที่แสดงจึงพรหมจารีของเธอ กฤตธวัชไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คืออนาคตของอิงวิฬาร์ไม่ควรมาหยุดอยู่ที่เขาในเวลานี้ บุพการีของเธอคงเสียใจไม่น้อย หากไม่ได้เห็นลูกสาวคนเดียวประสบความสำเร็จในชีวิตการเรียน และเขาเอง...ก็ไม่อาจรักเธอได้มากไปกว่าน้องสาวคนหนึ่งในตอนนี้
กฤตธวัชอยากเอ่ยคำขอโทษกับอิงวิฬาร์ ขอโทษที่ไม่อาจรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยการแต่งงานได้ เขาจึงเร่งชำระล้างร่างกายให้สะอาด แต่เมื่อกลับออกมาก็พบเพียงความว่างเปล่า แต่จะให้เดินไปเคาะประตูเรียกอิงวิฬาร์ในตอนนี้ก็ไม่กล้าพอ เพราะเกรงว่าบิดาของเธอจะตื่นขึ้นมาซักถาม และเรื่องราวทั้งหมดอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้
…แต่ทำไมเขาต้องรู้สึกผิดถึงเพียงนี้ด้วย ในเมื่อเธอเองก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะเข้าหาเขาก่อน ไม่ใช่เหรอ…
กฤตธวัชสะบัดศีรษะไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าปูที่นอนผืนใหม่มาเปลี่ยน สายตาเผลอเหลือบไปมองรอยเลือดสีแดงสดเช่นเดียวกับที่เขาเพิ่งชำระร่างกายออกไป ยังคงเปื้อนอยู่บนผ้าผืนเก่า มันไม่ควรจะเป็นความผิดของเขาทั้งหมดด้วยซ้ำ สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นเพราะเขาไม่รู้ และเธอเองก็เป็นคนที่เข้ามาสวมรอยเป็นหญิงสาวที่เพื่อนของเขาจัดหามาให้ จนเกิดเรื่องเลยเถิดไปถึงเพียงนี้ และถ้าพรุ่งนี้จะต้องเจอหน้ากันอีกเขาก็ยังอยากเอ่ยขอโทษเธออยู่ดี ไม่อยากปล่อยให้ความรู้สึกนี้ติดค้างไปในอนาคต
“พี่กล้าคะ”
“อื้อ…หอมจังเลย”
กฤตธวัชไม่เคยจูบหรือหอมคู่นอนคนไหนมาก่อน แต่กับผู้หญิงคนนี้…ทำไมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของเธอถึงทำให้เขารู้สึกหลงใหลอย่างไม่อาจห้ามใจได้ อยากจะกกกอด สูดดมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับไม่เคยพอ มือหนาเลื่อนไปตามเรือนร่างบอบบาง ผ่านเนื้อผ้านุ่มอย่างไม่รู้ตัว
แม้จะประหลาดใจอยู่ลึกๆ ที่เธอเลือกสวมชุดนอนเรียบง่ายแทนที่จะเป็นชุดเดรสเซ็กซี่ยั่วยวนอย่างที่เขาคุ้นเคย แต่กลับทำให้เขาหลงใหลยิ่งในเสน่ห์ที่ไม่ถูกปรุงแต่งมากนัก
จากเดิมที่เธอนอนพิงอยู่บนตัวเขา กฤตธวัชใช้จังหวะเพียงเล็กน้อยพลิกตัวเธอให้มาอยู่ใต้อาณัติ เขาโน้มเข้ามาจูบโดยไม่ทันให้อิงวิฬาร์ได้ตั้งตัว ริมฝีปากร้อนแนบสนิทก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปเกลี่ยไล้สัมผัสภายในเบาๆ จนร่างบางที่แข็งทื่อเผยอริมฝีปากรับสัมผัสชุ่มฉ่ำอย่างลืมตัว
ส่วนบนของชุดนอนเลิกขึ้นมากองอยู่เหนืออกอิ่มโดยไร้สิ่งใดปิดบัง สองเต้างามชูยอดสีชมพูระเรื่อชวนให้น่าลิ้มลอง อิงวิฬาร์ผู้หญิงที่ภายนอกดูเรียบร้อยใส่เสื้อยืดหลวมๆ หรือเดรสยาวคลุมเข่า เมื่อเปลื้องอาภรณ์ออกกลับเผยให้เห็นสัดส่วนซ่อนรูปอย่างน่าหลงใหล หน้าอกขนาดพอดีมือเรียงร้อยสู่เอวบางที่โค้งรับกับสะโพกกลมกลึงอย่างลงตัว
กฤตธวัชใช้ปลายนิ้วไล้ลงมาช้าๆ ก่อนจะเกี่ยวขอบกางเกงผ้านุ่มติดมือเลื่อนลงมากองที่ปลายเท้า เผยให้เห็นเนินเนื้ออ่อนไหวที่ทำให้เขาไม่อาจยับยั้งแรงปรารถนาได้อีกต่อไป เขาก้มลงเล้าโลม ลิ้นร้อนตวัดแหวกความซ่อนเร้นเบื้องล่างจนร่างบางเกร็งแน่น นิ้วเท้าจิกเข้ากับผ้าปูโดยไม่รู้ตัว
“พี่กล้า…”
เสียงหวานครางออกมาอย่างลืมตัว กฤตธวัชนึกชมเพื่อนรักที่เลือกของขวัญได้อย่างถูกใจยิ่ง แม้ยามส่งเสียงร้อง กิริยาท่าทางทำให้เขาอดหวนคิดถึงเด็กสาวข้างห้องที่ป่านนี้คงหลับสบายอยู่บนเตียงนอนกับผู้เป็นบิดาไม่รู้เรื่องราว
“อ่า”
คนถูกใจของขวัญชิ้นงามผละออกมาเมื่อเห็นเรือนร่างใต้อาณัติพร้อมแล้วกับความชุ่มฉ่ำ เขาถอดเสื้อผ้าออกอย่างไม่ไยดี โยนลงกับพื้นโดยไร้ทิศทาง
อิงวิฬาร์ใบหน้าแดงซ่านมากกว่าเดิมเมื่อเห็นจุดกึ่งกลางชายที่ผงาดผึ่งโดยมีแสงรำไรสอดส่องพอให้เห็นถึงขนาดของความใหญ่โต เรียวขางามบีบเข้าหากันอย่างลืมตัว
กฤตธวัชใช้มือรูดขึ้นลงเพื่อให้พร้อมสำหรับการออกศึก…เขาจับมันจ่อไปที่เนินทางรักแล้วกดเข้าไปอย่างช้าๆ อิงวิฬาร์ที่ไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้มาก่อนถึงกับสะบัดใบหน้างาม กรีดร้องออกมา มือบางดันตัวของเขาไว้ไม่สอดใส่เข้ามามากกว่านี้
“อิงเจ็บ…”
เสียงหวานเอ่ยบอก พร้อมแรงกระเพื่อมที่หน้าอกระคนความตื่นเต้นและความรู้สึกผิดต่อบุพการี สิ่งที่มารดาพร่ำสอนมาตลอดเรื่องการรักนวลสงวนตัว แต่วันนี้เธอกลับสมยอมผู้ชายโดยง่าย แต่ถึงอย่างไรครั้งแรกของเธอก็ตกเป็นของผู้ชายที่เธอรัก…เธอยินดี
“อิงวิฬาร์งั้นเหรอ”
“ค่ะพี่กล้า อิงเอง”
กฤตธวัชถอดถอนกายออก แล้วลงไปยืนนิ่งข้างเตียง สายตาที่เว้าวอนเธอเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นสายตาเย็นชาตามเดิม
“ทำไมอิงเข้ามาอยู่ในห้องพี่ แต่ช่างเถอะถ้ารู้ว่าเป็นอิงพี่คงไม่ทำ”
พี่คงไม่ทำ…ประโยคนี้ทำให้น้ำตาของเธอร่วงแหมะทันที แม้จะเป็นหยดเดียวแต่ก็หนักหนาเหลือเกิน เธอมันน่ารังเกียจมากสำหรับเขาขนาดนั้นเลยหรือขนาดที่รู้ว่าถ้าเป็นเธอเขาคงไม่ทำ สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างนั้นเลยใช่ไหม
…เธอมันช่างไร้ค่าเสียจริง อิงวิฬาร์…
กฤตธวัชโยนผ้าห่มที่ตกลงไปอยู่ข้างเตียงคลุมร่างกายเปลือยเปล่าของเธอเหมือนไม่อยากจะมองให้เปลืองสายตา ส่วนเขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันกายปกปิดท่อนล่างอย่างลวกๆ ก่อนจะเปิดไฟในห้องให้สว่างขึน เพื่อที่จะได้ยื่นข้อตกลงอย่างชัดเจน
“อิงคงรู้ใช่ไหมว่าพี่ไม่ได้รักอิง และถ้าจะให้รับผิดชอบด้วยการแต่งงานก็คงเป็นไปไม่ได้”
อิงวิฬาร์นิ่ง เงียบ ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตา เธอกลืนก้อนความเจ็บปวดไว้ในใจ เธอเองก็มีส่วนผิดที่ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นทั้งที่เธอมีสติมากกว่าเขา และก็คงจะเป็นการหวังสูงมากเกินไปถ้าจะให้เขารับผิดชอบด้วยการแต่งงาน
“อิงไม่คิดแบบนั้นหรอกค่ะ”
ด้วยสถานะที่ต่ำต้อยกว่า ถึงอย่างไรเธอก็เป็นแค่ลูกสาวของคนงานในไร่ส้มที่ทำงานให้บิดาของเขา
“เข้าใจง่ายแบบนี้ก็ดี เพราะอิงก็เสนอตัวเข้ามาหาพี่เอง…เอาแบบนี้แล้วกันอิงกำลังจะเข้าเรียนปริญญาตรีใช่ไหม พี่จะให้เงินอิงไว้ใช้ เอาเลขบัญชีมาสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อิงไม่ได้เดือดร้อน”
นี่เขากำลังตีค่าพรหมจรรย์ของเธอเป็นตัวเงินอยู่อย่างนั้นหรือ
“เก็บไว้ใช้เหอะอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องขอพ่อแม่”
เมื่อเห็นเธอไม่ส่งเลขบัญชีมาให้ จึงเดินไปหยิบเงินก้อนหนึ่งโยนมาเธอตรงหน้าแทน
“พี่มีเงินสดแค่นี้ และถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นนะ อิงเองก็ยังเด็กและต้องเจอคนอีกมากมาย พี่ก็ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ อย่าให้เรื่องแค่นี้มาพังอนาคตของเราสองคนเลย”
“เรื่องแค่นี้…ค่ะ อิงเข้าใจ”
อิงวิฬาร์ก้มลงหยิบเงินก้อนโตที่เขาโยนมาให้ สายตาเพียงกวาดมองก็พอจะประเมินมูลค่าได้ว่าน่าจะราวห้าหมื่นบาท นี่เธอมีค่าสำหรับเขาแค่นี้เองหรือ…หรือเธอกำลังคาดหวังให้เขาเห็นค่าพรหมจรรย์ของเธอและจบด้วยการแต่งงาน
เมื่อเห็นว่าอิงวิฬาร์รับฟังโดยไม่มีข้อเรียกร้องสิ่งอื่นใด ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาหรือคำต่อว่าให้เขาต้องหนักใจไปมากกว่าเดิม กฤตธวัชจึงเลือกที่จะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำและชำระล้างร่างกาย พร้อมความคิดบางอย่างที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว…ว่าเขาทำถูกต้องแล้วใช่ไหม
เสียงน้ำที่ไหลกระทบพื้นดึงสติว่าเธอควรออกไปจากห้องนี้ซะ ไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรือความรู้สึกผิดเอ่ยออกมาจากปากของเขา มีแต่การกระทำที่ดูถูก เหยียดหยามและตีมูลค่าตัวเธอเป็นเงินก้อนหนึ่งเท่านั้น อิงวิฬาร์หยิบเสื้อผ้าที่ถูกเขาถอดออกอย่างง่ายดายขึ้นมาใส่ รวบทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่อีกนิดก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง
บิดายังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง เธอวางเงินก้อนที่ไม่คิดจะใช้ลงในกระเป๋าเดินทางใบโตสำหรับเตรียมเข้าหอพัก ร่างบางเดินเข้าไปในห้องน้ำ นั่งคู้ตัวกอดเข่าอยู่ในนั้น มือบางข้างหนึ่งปิดปากแน่นอย่างไม่ต้องการให้เสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา เธอร้องไห้จนตัวโยนแต่ก็ต้องพยายามสะกดกั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ให้ไปถึงหูของบิดา เพราะไม่ต้องการให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เธอจะร้องไห้ให้ถึงที่สุด เสียใจให้ถึงที่สุด แค่ในคืนนี้เท่านั้น…จะไม่มีวันพรุ่งนี้ที่จะต้องมานั่งเสียใจอีกต่อไป เรื่องราวทุกอย่างจะจบลงที่นี่ทันทีที่เธอก้าวออกจากบ้านหลังนี้ จะไม่มีกฤตธวัชคนที่เธอเคยรักหรือกฤตธวัชคนที่เหยียดหยามน้ำใจของเธออีก
อิงวิฬาร์จะตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตที่ดี อย่างที่เขาเคยพูดว่าอยากให้เธอเป็น...แต่ไม่ใช่เพื่อเขาอีกแล้ว
สายน้ำที่กระทบพื้นเบื้องล่างเจือด้วยสีแดงระเรื่อ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าติดร่างกายเขามาจากอะไร เลือดที่แสดงจึงพรหมจารีของเธอ กฤตธวัชไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คืออนาคตของอิงวิฬาร์ไม่ควรมาหยุดอยู่ที่เขาในเวลานี้ บุพการีของเธอคงเสียใจไม่น้อย หากไม่ได้เห็นลูกสาวคนเดียวประสบความสำเร็จในชีวิตการเรียน และเขาเอง...ก็ไม่อาจรักเธอได้มากไปกว่าน้องสาวคนหนึ่งในตอนนี้
กฤตธวัชอยากเอ่ยคำขอโทษกับอิงวิฬาร์ ขอโทษที่ไม่อาจรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยการแต่งงานได้ เขาจึงเร่งชำระล้างร่างกายให้สะอาด แต่เมื่อกลับออกมาก็พบเพียงความว่างเปล่า แต่จะให้เดินไปเคาะประตูเรียกอิงวิฬาร์ในตอนนี้ก็ไม่กล้าพอ เพราะเกรงว่าบิดาของเธอจะตื่นขึ้นมาซักถาม และเรื่องราวทั้งหมดอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้
…แต่ทำไมเขาต้องรู้สึกผิดถึงเพียงนี้ด้วย ในเมื่อเธอเองก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะเข้าหาเขาก่อน ไม่ใช่เหรอ…
กฤตธวัชสะบัดศีรษะไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าปูที่นอนผืนใหม่มาเปลี่ยน สายตาเผลอเหลือบไปมองรอยเลือดสีแดงสดเช่นเดียวกับที่เขาเพิ่งชำระร่างกายออกไป ยังคงเปื้อนอยู่บนผ้าผืนเก่า มันไม่ควรจะเป็นความผิดของเขาทั้งหมดด้วยซ้ำ สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นเพราะเขาไม่รู้ และเธอเองก็เป็นคนที่เข้ามาสวมรอยเป็นหญิงสาวที่เพื่อนของเขาจัดหามาให้ จนเกิดเรื่องเลยเถิดไปถึงเพียงนี้ และถ้าพรุ่งนี้จะต้องเจอหน้ากันอีกเขาก็ยังอยากเอ่ยขอโทษเธออยู่ดี ไม่อยากปล่อยให้ความรู้สึกนี้ติดค้างไปในอนาคต
“พี่กล้าคะ” “อื้อ…หอมจังเลย” กฤตธวัชไม่เคยจูบหรือหอมคู่นอนคนไหนมาก่อน แต่กับผู้หญิงคนนี้…ทำไมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของเธอถึงทำให้เขารู้สึกหลงใหลอย่างไม่อาจห้ามใจได้ อยากจะกกกอด สูดดมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับไม่เคยพอ มือหนาเลื่อนไปตามเรือนร่างบอบบาง ผ่านเนื้อผ้านุ่มอย่างไม่รู้ตัว แม้จะประหลาดใจอยู่ลึกๆ ที่เธอเลือกสวมชุดนอนเรียบง่ายแทนที่จะเป็นชุดเดรสเซ็กซี่ยั่วยวนอย่างที่เขาคุ้นเคย แต่กลับทำให้เขาหลงใหลยิ่งในเสน่ห์ที่ไม่ถูกปรุงแต่งมากนัก จากเดิมที่เธอนอนพิงอยู่บนตัวเขา กฤตธวัชใช้จังหวะเพียงเล็กน้อยพลิกตัวเธอให้มาอยู่ใต้อาณัติ เขาโน้มเข้ามาจูบโดยไม่ทันให้อิงวิฬาร์ได้ตั้งตัว ริมฝีปากร้อนแนบสนิทก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปเกลี่ยไล้สัมผัสภายในเบาๆ จนร่างบางที่แข็งทื่อเผยอริมฝีปากรับสัมผัสชุ่มฉ่ำอย่างลืมตัว ส่วนบนของชุดนอนเลิกขึ้นมากองอยู่เหนืออกอิ่มโดยไร้สิ่งใดปิดบัง สองเต้างามชูยอดสีชมพูระเรื่อชวนให้น่าลิ้มลอง อิงวิฬาร์ผู้หญิงที่ภายนอกดูเรียบร้อยใส่เสื้อยืดหลวมๆ หรือเดรสยาวคลุมเข่า เมื่อเปลื้องอาภรณ์ออกกลับเผยให้เห็นสัดส่วนซ่อนร
“กูยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย รีบมาช่วยกูเร็วๆ สิวะ” จิรายุที่โวยวายอยู่ในห้องน้ำข้างห้องครัว ทุบประตูร้องขอความช่วยเหลือ อิงวิฬาร์ที่รู้ทันและระวังตัวเรื่องการถูกลวนลามอยู่แล้ว บิดาเคยสอนการป้องกันตัวมาบ้างไว้ใช้ยามจำเป็น แต่ก็ไม่คิดว่าจะจำเป็นเร็วขนาดนี้ ขณะที่เธอกำลังยืนล้างแก้วน้ำอยู่ก็มีชายหนุ่มพุ่งมากอดจากทางด้านหลัง จึงเจอท่าศอกกระทุ้งท้องเข้าให้ หนึ่งในเพื่อนของกฤตธวัชลงไปงอตัวเป็นกุ้งอยู่กับพื้น “แล้วใครจับมึงขังไว้ในนี้วะ” “เอ่อ…” จิรายุอยากจะเล่าใจแทบขาดใจแต่ก็ทำได้แค่ปิดปากเงียบ เดิมทีเขาอยากจะลองใจเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาลอย่างกฤษธวัช เพราะรู้ดีว่าเพื่อนเป็นคนปากแข็งไม่ตรงกับใจแค่ไหน จึงเข้ามาลองใจเล่นๆ เพราะเห็นสายตาไม่พอใจเวลาเพื่อนคนอื่นเอ่ยปากถึงเด็กสาวหน้าตาน่ารักผมแก้มซาลาเปาคนนั้นแต่ก็ไม่คิดว่าอาการเมามายจะทำให้สะดุดพรมเช็ดเท้าหน้าห้องครัว พุ่งถลาไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงอ่างล้างจาน แทนที่เธอจะหันกลับมารับเขาแต่กลับกลายเป็นว่าได้ศอกมากระทุ้งหน้าท้องแทน แถมเธอยังลากเขาเข้าไปขังไว้ในห้องน้ำ
“เหม่ออะไรหนูอิง” มือเหี่ยวย่นของแม่บ้านที่รับหน้าที่ทำอาหารในวันนี้ แตะที่ไหล่บางของหญิงสาว จะเรียกว่าหญิงสาวก็ได้ไม่เต็มปากนักแม้เธอจะอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ด้วยรูปร่างที่ผอมบาง ไร้สัดส่วนอย่างที่หญิงสาวควรจะเป็น กับทรงผมที่ตัดสั้นประบ่า ไว้ผมหน้าม้า ยิ่งทำให้อิงวิฬาร์ดูเด็กเข้าไปอีก ไหนจะแก้มกลมๆ คล้ายซาลาเปานั่นอีกบิดาของเธอพามาส่งเตรียมตัวเข้าหอพักต้อนรับการเปิดเทอมแรกของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย อิงวิฬาร์สอบติดมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงที่มีวิทยาเขตอยู่จังหวัดนครปฐม เด็กสาวละลายสายตาจากสิ่งที่มองอยู่หันกลับไปหาคนที่สะกิดไหล่เมื่อสักครู่ “เปล่าค่ะ อิงแค่มองไปเรื่อย ดูว่าอาหารเพียงพอสำหรับแขกของพี่กล้าหรือเปล่า” เย็นวันนี้ที่บ้านของไกรดิษ ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของบุพการีและยังใจดีให้เธอกับบิดามาอาศัยนอนในคืนนี้ จัดงานเลี้ยงส่งลูกชายเพียงคนเดียวอย่าง ‘กฤตธวัช’ หรือ ‘พี่กล้า’ ของเธอไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ไกรดิษเป็นเจ้าของไร่ส้มในจังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ซึ่งบิดาของเธอเป็นผู้ช่วยบุกเบิกและดูแลมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่ม