พลาธิปกลับมาตั้งหลักที่บ้านเพื่อนหนึ่งคืนเต็ม ๆ ว่าตนจะง้อเมียอย่างไรให้เธอหายโกรธและยอมกลับไปกับเขา ไม่อยากให้เธอทำงานลำบากลำบนอยู่ต่างจังหวัดแบบนี้แล้วตอนนี้กำลังท้องอยู่ด้วยตื่นแต่เช้ากว่าจะได้นอนก็ดึกตลอดสัปดาห์เขาเฝ้าตามดูเมียรักอยู่ไม่ห่างตั้งแต่วันที่เข้าไปหาเธอที่บ้านวันนั้นเขายังไม่ได้ไปหาเธออีกเลย
“พวกมึงช่วยกูคิดวิธีง้อเมียหน่อยดิวะ”
“ฉุดไปดิ ทำเหมือนมึงฉุดเขาไปตอนนั้นไง” กัณฑ์ธรณ์เสนอความคิดเห็น
“มึงเก็บวิธีนี้ไว้ใช้ตอนง้อเมียมึงนะ” กัณฑ์ธรณ์ไม่สนใจเพื่อนของเขาแม้แต่น้อย อยากได้ความคิดก็เสนอ แต่เขาเริ่มมีความคิดดี ๆ แล้ว “กูคิดอะไรดี ๆ ออกแล้ว”
“อะไรของมึงวะ” เขามองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเพื่อนอย่างนึกสงสัย
“คุณจอมอยู่บ้านนั้นกับน้องที่ชื่อหนึ่งที่คอยอยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลใช่มั้ย” พลาธิปพยักหน้า “เออ แล้วยังไงวะ”
“นั่นสิครับ เกี่ยอะไรกับยัยเด็กปากจัดนั่นด้วย” สหัสว่าเสริม
“เด็กนั่นเป็นหลานของแม่บ้านมึงใช่มั้ย มึงแค่โทรบอกแม่บ้านมึงให้เรียกตัวหลานกลับไปก่อนแล้วมึงก็ใช้จังหวะนี้อยู่กับเมียง้อเมียไปสิ”
“ยัยเด็กนั้นเขาจะทำตาม
‘เธอเคยได้ยินใครบางคนมักจะบอกว่า’‘โลกนี้มักโหดร้ายกับคนที่อ่อนแอเสมอ’วันนี้เธอเห็นแล้วว่ามันคือเรื่องจริง ที่ว่าคนอ่อนแอและยอมคนอยู่มักจะโดนเอาเปรียบอยู่เสมอ ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัวเอง ที่วันหนึ่งไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่เธอรักเปรียบเสมือนมารดาแท้ ๆ คนหนึ่งจะทำแบบนี้“มีเรื่องอะไรกัน มาทำอะไรกันเยอะแยะ” พนิตาถามเหล่าคนที่มาชุมนุมเกาะกลุ่มตะโกนเรียกป้าของเธออยู่หน้าบ้านนานสองนาน“นี่หนูนิตา ยายจรรยาอยู่บ้านไหม” หญิงสาวเลิกคิ้วเรียวมองคุณป้าสูงวัยอย่างสงสัย ว่ามาถามหาป้าสะใภ้ของเธอทำไมกัน“ไม่รู้สิคะ ว่าแต่คุณป้ามีอะไรกับป้าจรรเหรอคะ”“ก็ยายจรรยาโกงเงินแชร์พวกเรา” ชายวัยกลางคนหันมาตอบกระชากเสียงแข็งกร้าว“โกงเงิน เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ"เรื่องนี้มันต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ ๆ ป้าสะใภ้ของเธอน่ะหรือจะโกงเงินแชร์ของชาวบ้านพวกนี้ เธอว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถ้าโกงค่าหวยสิค่อยว่าไปอย่าง นอกจากอาชีพรับจ้างทั่วไปแล้ว ป้าของเธอนั้นจะรับเป็นเจ้ามือหวยคอยจดเลขที่ต้องการส่งเจ้ามือรายใหญ่ใหญ่เท่านั้น... แต่นี่โกงแชร์ ไม่น่าเป็นไปได้"ยายจรรยาออกมานะเ
‘ทุกอย่างต้องมีทางออกเสมอ’เป็นประโยคที่เธอและใครหลาย ๆ คนใช้ปลอบใจตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรไม่ว่าจะร้ายหรือดี มันต้องมีทางออกเสมอ พนิตาตื่นเช้าเป็นประจำดั่งเคย และวันนี้เธอต้องเริ่มตั้งต้นหางานใหม่ทำให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะเอาเงินมาช่วยเหลือป้าสะใภ้ ตอบแทนที่นางเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่มารดาเธอเสียไป เมื่อสิบปีก่อนพนิตาเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านไม้หลังเก่าสอดส่ายสายตามองหาจรรยาแต่ก็ไม่พบ หญิงสาวจึงละความสนใจและออกจากบ้านเพื่อไปหางานใหม่ทำให้เร็วที่สุดเธอรู้ว่างานสมัยนี้มันหายาก แต่เธอจะไม่ยอมแพ้ เมื่อคืนเธอนั่งหางานบนอินเทอร์เน็ตจนดึกดื่น วันนี้เธอจะลองไปเดินหาว่ามีบริษัทไหนเปิดรับสมัครอยู่บ้าง จนแล้วจนรอดหญิงสาวหาสมัครงานตั้งแต่เช้าจรดบ่ายก็ยังไม่มีบริษัทไหนต้องการพนักงานเพิ่มเลย มีแต่จะเอาพนักงานเก่าออกเพื่อลดค่าใช้จ่ายในช่วง ที่เศรษฐกิจไม่ดีเฮ้อ...เสียงถอนหายใจหนักหลังจากที่พนิตาเดินคอตกออกจากบริษัทใหญ่ หญิงสาวหลับตาพริ้มลงราวกับพักสายตาและพยายามคิดหาทางออกว่าจะเอาอย่างไรต่อไป แต่อยู่ ๆ เสียงแจ้งเตือนข้อความผ่านทาง
ร่างสูงเพรียวของพนิตาที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีดำ ทำให้เผยสัดส่วนเว้า ส่วนโค้งบนร่างกายสวยถูกคลุมด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวเพื่อปกปิดและอำพราง เนื้อหนังนุ่มนิ่มขาวนวลเนียนของตนเอาไว้ ทิ้งกายนั่งลงบนโซฟาภายในบริษัท ที่หญิงสาวมาแคสงานอย่างหมดแรงและหมดหนทางที่จะหาเงินมาช่วยป้าจรรยา วันนี้เธอเตรียมตัวและกำลังใจมาเต็มที่ หวังที่จะผ่านการคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ ในรอบสุดท้ายดังที่หวัง แต่ทุกอย่างก็พังลงกับคำว่า“ไม่ผ่านค่ะ คุณน้องผอมเกินไป ยังไม่ใช่แบบที่ต้องการด้วย ไว้มาใหม่รอบหน้านะคะ”สาวประเภทสองหุ่นล่ำร่างใหญ่ในชุดแฟชั่นสีสันฉูดฉาดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขายกมือขึ้นแนบหูราวกับฟังอะไรบางอย่างเมื่อครู่แต่ทว่าผิดกับพนิตาที่นิ่งราวกับโดนสาปเสียอย่างไรอย่างนั้น ก่อนเรียกสติของตนให้กลับมา พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณคนที่คัดเลือกทั้งสามตรงหน้าของเธอ ก่อนเดินคว้าเสื้อแขนยาวที่วางพาดเอาไว้ตอนเดินเข้ามาออกจากห้องไป แล้วมาหยุดนั่งคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งเริงใจ : ผลเป็นยังไงบ้างยัยนิตาเม็ดทราย : นั่นสิบอกมานะ
พนิตานั่งขบคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ผ่านมานี้ หญิงสาว มีความรู้สึกว่าป้าสะใภ้ของตนเปลี่ยนไปจากที่เครียดว่าจะหาเงินมาคืนเหล่า ลูกแชร์ได้ครบตามที่กำหนดหรือไม่ กลับกลายเป็นว่าป้าของเธอไม่เครียดหรือความกังวลใด ๆ มันทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย จนตกเย็นวันนี้เธอไปถามลูกแชร์คนหนึ่งของป้า ว่าได้เงินคืนครบแล้วหรือยัง ซึ่งเขาคนนั้นตอบกลับมาว่าได้คืนครบหมดแล้ว แถมยังบอกเพิ่มอีกด้วยว่า หลายคนก็ได้เงินคืนแล้ว ซึ่งมันจะเป็นไปได้อย่างไร ป้าเธอไปหาเงินมาจากไหนตั้งหลายแสนบาทภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน"ยัยนิตา แกเป็นอะไร ฉันเห็นแกนั่งนิ่งมานานแล้วนะ" เม็ดทรายสะกิดเรียกสติให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์"นั่นสิ ตั้งแต่ร้องเพลงจบจนมานั่งที่โต๊ะก็เงียบไม่พูดไม่จา" ตองเก้าพูดเสริมต่อจากเม็ดทราย"ไม่มีอะไรหรอกแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอะ" บอกปัดเพียงแค่นั้นแล้วคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม พลันสายตาของตนนั้นเหลือบไปเห็นข้อความแจ้งเตือนขึ้นมายังหน้าจอก่อนหยิบมันขึ้นมาอ่านและตอบกลับในนาทีต่อมา"เดี๋ยวฉันมานะ" พูดขึ้นพลางคว้ากระเป๋าสะพายของตนขึ้น แต่ก็ถู
"คุณจะพาฉันไปไหน ฉันจะกลับบ้าน"พนิตาพยายามขืนกายเอาไว้สุดกำลังที่คนร่างเล็กอย่างเธอจะมีและ คอยประคองสติของตนที่มีเพียงเล็กน้อย ภายในกายของเธอตอนนี้ร้อนรุ่มไปเสียทุกส่วนอันที่จริงเธอนั้นรู้สึกร้อนและกระสับกระส่ายตั้งแต่เขาพาเธอออกจากคลับหรูจวบจนถึงที่นี่ ที่ที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือที่ไหนกันแน่"ออกไปตอนนี้มีหวังโดนลากไปรุมโทรมข้างถนนแน่"ชลธรบอกคนที่เขาหมายตาในอ้อมกอดของเขาสลับกับแผงวงจรตัวเลขดิจิตอลแสดงเลขชั้น ชายหนุ่มภาวนาให้ถึงชั้นบนสุดของเขาโดยเร็ว เพราะเขา ดูจากอาการของหญิงสาวคาดว่าน่าจะโดนยาปลุกเซ็กส์มาแน่นอน"ร้อน! ช่วยด้วย ฉันร้อน " ไม่พูดเปล่าพยายามปลดเสื้อผ้าน้อยชิ้นของตนออกจากกายเพื่อที่จะบรรเทาความร้อนระอุภายในกายลงได้บ้าง ชลธรรีบรวบมือคนตัวเล็กเอาไว้ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับประตูลิฟต์เปิดกว้างพอดี ชายหนุ่ม จึงตวัดวงแขนอุ้มคนตัวเล็กขึ้นแนบอกตรงไปยังห้องของตนทันทีปัง!เสียงปิดประตูด้วยเท้าแกร่งดังสนั่นทำเอาหญิงสาวสะดุ้งน้อย ๆ ชายหนุ่มวางคนที่กระสับกระส่ายลงบนโซฟาสีเทาแล้วผละออก
แสงสว่างที่บ่งบอกว่าวันนี้เข้าเช้าวันใหม่ทำให้คนตัวเล็กเปลือยเปล่าที่หลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง ขยับกายด้วยความอ่อนล้าเหลือทน สายตาหวานคมสอดส่ายไปรอบห้องที่ดูไม่คุ้นตา ห้องโทนสีเข้มถูกตกแต่งอย่างดี กระจกบานสูงถูกบดบังด้วยผ้าม่านสีขาวเทา มีเพียงแสงสว่างที่ลอดเข้ามากระทบใบหน้าเท่านั้นพนิตาประคองกายลุกขึ้นนั่งด้วยความลำบาก จนทำให้เธอถึงกับเบ้หน้าด้วยเจ็บแปลบกลางกายสาวไม่น้อย ไม่นานก็พยุงกายพิงกับหัวเตียงกว้างก่อนกะพริบตามองในห้องให้ชัดเจนมากขึ้นว่าที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่"โอ๊ยปวดหัว ปวดไปทั้งตัวเลย" คนตัวเล็กบ่นเสียงแผ่วเบามือน้อยคลึงขมับทั้งสองข้างให้คลายอาการปวดศีรษะลงบ้าง"ตื่นแล้วเหรอคนสวย" จากที่ก้มหน้าก้มตาอยู่เมื่อครู่ก็ต้องเงยขึ้นอย่างรวดเร็วกับเสียงเข้มที่ดังขึ้นมาแทรก"คุณ" ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อพบชายหนุ่มร่างสูงที่เธอเคยเห็นหน้าที่บริษัทโมเดลลิงคราวก่อน ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ แล้วเหตุใดเธอถึงอยู่ในสภาพนี้"คุณทำอะไรฉัน คุณข่มขืนฉัน" คนตัวเล็กสำรวจรร่างกายตัวเองแล้วเอ่ยเสียงดังชลธรที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ มีผ้
ร่างเล็กบอบบางของพนิตากำลังตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า การทำผม รวมทั้งชุดเดรสรัดรูปสีแดงที่สวมใส่อวดส่วนเว้าส่วนโค้งอยู่หน้ากระจกเรียกความมั่นใจให้ตัวเองในการไปทำงานที่คลับคืนนี้ หลังจากที่ตนไม่ได้ไปทำมาสองสามวันแล้ว"จะไปไหน?" เสียงเข้มของชลธรถามขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องแต่งตัวภายในห้องนอนของตน ซึ่งในตอนนี้เขายกให้พนิตาไปแล้ว"ไปทำงานที่คลับค่ะ คุณมีอะไรรึเปล่าคะ" พนิตากำลังสวมต่างหูห่วงกลมถามขึ้นเมื่อมองภาพสะท้อนของชลธรผ่านกระจกแต่งหน้าบานใหญ่“ทำงาน”“ใช่ ฉันจะไปทำงาน” หันมาบอกชายหนุ่มที่ยืนพิงประตูหน้าห้องแต่งตัวมองการกระทำของคนตัวเล็กที่กำลังดูความเรียบร้อยของเครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้า วันนี้พนิตาแต่งหน้าอ่อน ๆ เพื่อเติมสีสันให้ใบหน้าสวยไม่ซีดเซียวจนเกินไป“เราตกลงกันแล้วไง ตอนที่คุณเป็นผู้หญิงของผม จะให้เงินเดือนคุณเดือนละห้าแสนเอาไว้ใช้ แล้วจะไปทำงานทำไม”หนุ่มหล่อร่างสูงโปร่งมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเธอ ตกลงเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว ทำไมจะต้องไปทำงานให้มันลำบากทำไมกัน
“คุณว่าที่นี่เป็นยังไง"ชลธรถามพนิตาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กวาดสายตามองรอบหาดทรายสีขาว เกลียวคลื่นลมทะเลซัดสาดกระทบฝั่งอย่างสบายใจกว่าที่เคยเป็น"นิตาว่าสวยดีค่ะ บรรยากาศดี ยิ่งตอนเย็น ๆ แบบนี้มันโรแมนติกมากเลยนะคะ แต่จะว่าไปมันไม่ใช่หน้าที่ของคุณชลเลยนะคะที่จะต้องมาดูสถานที่เองแบบนี้ มันต้องเป็นทางทีมงานของแม็กกาซีนไม่ใช่เหรอคะที่ต้องจัดหาสถานที่" พนิตาว่าออกมาอย่างสงสัย มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาเลย หรือว่าชายหนุ่มจะตกลงกับเพื่อนเพื่อมาดูสถานที่แทน"มันก็ใช่ที่ไม่ใช่หน้าที่ของผม จริง ๆ แล้วผมมาที่นี่ไม่ได้มาทำงานหรอก แค่เอางานมาเป็นข้ออ้างเฉย ๆ แค่นี้เอง"บอกตามตรงโดยไม่ปิดบังทำเอาร่างเล็กสูงเพรียวที่กำลังชื่นชมบรรยากาศแสนสบายที่หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ ถึงกับหันขวับทันควันนี่เขาหลอกเธอโดยอ้างว่ามาทำงานหรอกเหรอ“นี่คุณชลหลอกนิตาเหรอคะ ทำไมเป็นคนแบบนี้ล่ะ” หันขวับถามชายหนุ่มเสียงแข็งแววตาขุ่นเคือง และเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่งแล้วถามชลธรอีกครั้ง“แล้วที่บอกว่าที่นี่เป็นรีสอร์ตของเพื่อนคุณชลนี่เรื่องจริงหรือโกหกกันแน่คะ” เธอชักจะเริ่ม
ตอนจบเวลาผ่านไปร่วมสองเดือน อัทธ์ยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้านของสริตาตั้งแต่วันนั้น แม้จะโดนหญิงสาวไล่ออกจะบ่อย แต่มีหรือคนอย่างเขาจะสนขอเพียงอย่างเดียวคือได้หญิงสาวกลับมาในอ้อมอกเท่านั้น“นิล พี่ช่วยนะ” ชายหนุ่มที่กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของหญิงสาว เมื่อเห็นสริตาเดินสะพายกระเป๋าพร้อมทั้งยกกล่องพัสดุที่จะส่งลูกค้ามายังท้ายรถยนต์ของตัวเองจึงรีบวิ่งไปช่วยด้วยความที่ไม่อยากให้เธอยกของหนักเกรงจะกระทบลูกในท้อง“ไม่ต้อง ออกไปห่าง ๆ เลย” หญิงสาวไล่ชายหนุ่มเสียงแข็ง แต่มีหรือคนหน้ามึนอย่างเขาจะยอมทำตาม“พี่ช่วยดีกว่า”ชายหนุ่มบอกเพียงแค่นั้นแย่งของจากมือสริตาแล้วจัดวางยังท้ายรถพร้อมทั้งวิ่งไปเอากล่องที่วางอยู่ในบ้านยกมาวางรวมกับสิ่งที่เพิ่งวางไปเมื่อครู่การกระทำของเขาทำให้สริตาไม่ค่อยที่จะพอใจสักเท่าไหร่“คุณอัทธ์คะ เลิกมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันได้แล้วค่ะ” หญิงสาวกอดอกพูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยสีหน้าไม่พอใจ“เลิกยุ่งกับเมียไม่ได้เหรอก” เขาตอบอย่างใจเย็น ก่อนมายืนส่งยิ้มละมุนตรงหน้าหญิงสาวและเอ
บทที่ 17“จะไม่เข้าไปจริง ๆ เหรอครับนายหัว”จอมพลหันไปถามเจ้านายที่กำลังนั่งมองบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งผ่านทางหน้าต่างกระจกรถยนต์อยู่นานสองนาน ไม่ยอมทำอะไรเสียทีตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงของอีกวันเสียแล้ว อันที่จริงเขาอยากจะมาให้ถึงตั้งแต่เมื่อวานเพื่อที่จะให้ได้พบสริตาโดยเร็ว“รอสักพักค่อยเข้าไป” นายหนัวหนุ่มตอบลูกน้องโดยที่สายตาคมไม่ลาจากสิ่งตรงหน้าตั้งแต่มาถึงที่นี่เขาเฝ้ามองตลอดว่าจะมีใครออกจากบ้านหลังเล็กนั่นหรือไม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครออกมาไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังอุ้มหนูน้อยตรงมายังแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเบาไม่ห่างจากตัวบ้านมากนัก“ยายพาออกมาเล่นข้างนอกแล้ว หยุดงอแงได้แล้วนะ” ผู้เป็นยายวางหลานลงกับแคร่ไม้ไผ่และนั่งลงข้าง ๆ พูดกับหลานอย่างเอ็นดู เขาจอดรออยู่ใกล้ ๆ พอจะได้ยินสิ่งที่หญิงวัยกลางคนคุยกับเด็กคนนั้น“นายหัวจะไม่ลงไปจริง ๆ เหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เจ้านายของตนให้ความสนใจเด็กน้อยที่ถูกอุ้มออกมาจากบ้าน อั
บทที่ 16เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ สริตากลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับลูกชายและมารดาของตนพร้อมกับลูกน้อยอีกคนที่อยู่ในท้อง หลังจากที่กลับมาบ้านสริตาทำตัวให้ปกติที่สุด ทำทุกอย่างตามเดิมในแบบฉบับที่เคยเป็น“ทำไมถึงลาออกไม่ทำงานที่อยากทำล่ะลูก”คนแม่ถามลูกสาวที่กำลังนั่งแพ็คกระเป๋าแฟชั่นลงกล่องให้ลูกค้า เงยหน้ามองมารดาที่อุ้มลูกชายของตนอยู่“ต่อให้นิลทำงานที่ชอบต่ำไม่มีเวลาให้แม่กับอนลนิลคงไม่มีความสุขหรอก ต่อให้ขายของออนไลน์เงินจะยังไม่มาแต่มันก็ดีนะแม่” หญิงสาวลาออกจากงานมาอยู่บ้านขายของออนไลน์กับครอบครัวและยังมีเวลาให้ลูกน้อยอีกด้วย“จะเอาแบบนี้เหรอ แล้วที่หายไปไปไหนมา”“ทำงานค่ะ ต่างจังหวัดมันไม่ค่อยมีสัญญาณสักเท่าไหร่”“แล้วของพวกนี้จะเอาไปส่งตอนไหนเนี่ย” สิริกรเปลี่ยนบทสนทนาเพื่อไม่ให้ลูกสาวต้องคิดมาและ กอย่างไม่อยากสักถามให้มากความ“พรุ่งนี้ค่ะแม่ ว่าจะไปส่งก่อนไปหาหมอ เดี๋ยวคืนนี้นิลต้องตอบแชทลูกค้าอีกหลายคน ฝากแม่พาอนลนอนด้วยนะคะ”นางพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนบอกลูกสาวแย่งเป็นห่วง “เราน่ะก็พักผ่อนเยอะ ๆ อย่า
บทที่ 15นับจากวันที่สริตาถูกช่วยออกมาจากเกาะ ได้มาพักอยู่ที่บ้านมารดาของธันว์เพื่อให้สภาพร่างกายของหญิงสาวดีขึ้น สริตามีอาการอ่อนเพลีย ไม่ยอมพูดจากับใครแม้กระทั่งตัวของเขา หญิงสาวเก็บตัวเงียบหากปล่อยนานกว่านี้คงไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอนธันว์ตัดสินใจเข้ามาคุยกับหฯงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นเธอออกจากห้องมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอก“นมครับน้องนิล” ชายหนุ่มถือนมสดหนึ่งแก้วมาวางกันโต๊ะที่สริตายืนอยู่ใกล้ ๆเธอเพียงหันมามองและยิ้มจาง ๆ กับเขาเท่านั้น“มองหน้าแบบนี้มีอะไรจะถามหรือคะ” สริตาถามขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบไม่พูดไม่จามาหลายวัน“พี่อยากจะถามเรื่องของนิลกับไอ้อัทธ์”สิ้นเสียงของธันว์ทำให้สริตามองหน้าเขานิ่ง ๆ เวยความเศร้าโศก ครั้นจะอ้าปากตอบคำถามของชายหนุ่ม อยู่ ๆ ก็เกิดผะอืดผะอมจนต้องวิ่งออกไปอาเจียน การการของหญิงสาวทำให้ธันว์ต้องรีบเข้าไปลูบหลังให้จนกระทั่งมารดาของเขาเดินเข้ามา“เรามีธุระไม่ใช่หรือตาธันว์ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้สริตาอยู่กับมารดาของตนตามลำพังเ
บทที่ 14 นับจากวันนั้นที่สริตาออกจากโรงพยาบาลโดยการที่แอบออกมาแต่ก็ถูกจัดได้ เขาก็พาเธอมที่นี่อีกครั้งร่วมรักกับเธอทุกวันจนเกือบสัปดาห์ หญิงสาวไม่ได้ออกไปไหนได้แต่อยู่ภายในบ้านหลังนี้เพราะแน่นอนว่าโซ่ตรวนที่เขาใส่ไว้ให้ที่ข้อเท้ามีเพียงอัทธ์เท่านั้นที่จะปลดปล่อยเธอได้ ร่างสวยงามของคนตัวเล็กเริ่มทรุดโทรมราวกับตรอมใจที่หมดหนทางออกไปจากเกาะแห่งนี้เพราะตนคิดถึงลูกน้อยสุดหัวใจแก๊ก แก๊กเสียงเปิดประตูทางหน้าบ้านมันไม่ทำให้สริตาเงยหน้าจากการกอดเข่าอย่างเศร้าหมอง เพราะคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากอัทธ์คนใจร้ายคนนั้นเป็นแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของเธอเสียงพูดจากจากผู้มาใหม่ สริตาจึงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยตราบน้ำตามองคนตรงหน้า“คุณเป็นใคร!” สริตาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งคอจนแทบจะเป็นผงผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรนอกเสียจากหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดบางสิ่งดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนเอ่ยถามพร้อมย่อกายลงนั่งในระดับเดียวกับสริตา “น้องนิลเพื่อนของนิ้วนางใช่ไหม”
บทที่ 13“นิล นิล เป็นไงบ้าง” เขาถามขึ้นอย่างดีใจ เมื่อสริตาขยับนิ้วมือเล็กน้อยทำให้อัทธ์รู้สึกตัวเงยหน้ามองใบหน้างามที่เริ่มมีสีเลือดจาง ๆ กว่าตอนที่มาโรงพยาบาลใหม่ ๆดวงตาหวานกระพริบถี่ ๆ เพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างรอบห้อง ที่นี่คงไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากห้องพักในโรงพยาบาล พลันสายตาดันไปปะทะกับใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้าพอดี สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปราบปลื้มเสียเต็มประดา“นิลเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่ดีตรงไหนไหม” เขาถามเออีกครั้งเมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งเงียบ“ฉันอยากพัก” สริตาบอกพียงแค่นั้นแล้วหันหลังให้กับอัทธ์เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนเดินออกไปนอกห้องเพื่อั้จะตามหมอให้มาตรวจดูอาการของสริตาว่าหายดีหรือยังมีอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ไม่นานแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาตรวจดูอาการของสริตา หญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรนอกเสียจากพักผ่อนน้อยจึงทำให้อ่อนเพลียพักที่โรงพยาบาลก็กลับบ้านได้แล้วอัทธ์เหมือนกำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอ แต่กูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือจนต้องรีบออกไป หลังจากที่ชายหนุ่มไม่ได้อยู่
บทที่ 12มือเรียวสั่นสะท้านเมื่อกำลังปลดเข็มขัดและกระดุมออกจากกางเกงของเขาให้เร็วที่สุด แต่ยิ่งเร่งเท่าไรมันยิ่งยากและช้าเท่านั้น ทำเอาคนที่คอยจับจ้องการกระทำของเธอตอนนี้ใจจะขาดเสียให้ได้ ในที่สุด หญิงสาวก็จัดการรูดกางเกงของเขาลงทำให้ท่อนเอ็นแข็งกร้าวผงาดต่อหน้าต่อตา“จับมันสิ ลูบมัน” เขาสั่งเร่งเร้าเพราะเธอมัวแต่ยืนไม่จัดการสักทีสริตาทำใจกล้าย่อกายนั่งคุกเขาจับท่อนลำอวบตรงหน้ากำมันและรูดขึ้นรูดลงเบา ๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ส่วนหัวปลายอย่างเน้น ๆ ทำเอาเขาสะท้านไปทั้งกาย“อ่า แบบนั้นแหละ อืม”เสียงทุ้มเข้มครางกระหึ่มคล้ายถูกใจในการกนะทำของหญิงสาว“เอาเข้าปากเร็ว ๆ สิ”คนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนจาดมือเรียวสวยมาเป็นปากบางกระจับ ลิ้นเล็กค่อย ๆ ไล้เลียส่วนปลายท่อนเอ็นอย่างเชื่องช้า เพียงแค่สัมผัสน้อยนิดก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเดือดเลือดพล่านไม่น้อย“อ่า เก่งมาก เอาอีกสิอยากไปจากที่นี่ก็ต้องลงทุนหน่อย”สิ้นเสียงพร่าแสนยั่วยวนของเขามันกระตุ้นเธอได้ไม้น้อย ลิ้นเล็กตะวัดไล้เลียอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งตัวตนของเขาเข้าป
บทที่ 11สริตาลืมตาขึ้นด้วยความเคยชินนับตั้งแต่มายู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันที่เธอต้องจัดการอะไรต่าง ๆ มากมายทั้งทำความสะอาดบ้านหลังน้อยหรือแม้กระทั้งซักเสื้อผ้าของตนเอง ที่นี่ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนกับตอนที่เธออยู่บ้านหรือกรุงเทพฯ คนที่นี่บางคนใช้เครื่องซักผ้า แต่สำหรับเธอแล้วต้องซักด้วยมือเท่านั้นไม่กล้าไปเอ่ยปากขอยืมจากใครหญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเบามือเพื่อที่จะเอาเสื้อผ้าชุดชั้นในที่ถูกโดนทิ้งไว้ในตะกร้าออกมารอหลังจากที่ทำอาหารเช้าเสร็จจะเดินไปที่ลำธารเช่นเคย สริตาเปิดตู้เย็นเล็กของบ้านหาของสดผักสดที่อัทธ์สั่งลูกน้องซื้อมาให้เธอทุกสัปดาห์ออกมาจัดเตรียมเช้านี้อยากจะทำอะไรง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเสียเวลา แต่ในจังหวะที่เธอจะเปิดเตาแก๊สปิกนิกที่ใช้ประจำกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น“ทำไมไม่ติดล่ะ”เธอพยายามเปิดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ติดจึงละความพยายามและออกไปดูด้านนอกว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยเธอได้บ้างหรือไม่ เพราะคราวก่อนจำได้ว่าเคยมีเตาถ่านวางอยู่ข้างบ้านสั่นนั้นมันอาจจะช่วยเธอได้“มีเตาอยู่ด้วย ว่าแต่มันจุดยังไงล่ะทีนี้” สริต
บทที่ 10สามวันที่อัทธ์ออกไปทำธุระของเขาตั้งแต่วันก่อน มันทำให้เธอหายใจหายคอได้สะดวกที่ไม่พบคนใจร้ายให้วุ่นวายใจหรือใช้งานหนักเยี่ยงทาสทว่าในยามที่เขาไม่อยู่สริตาจึงใช้เวลาหลังเลิกงานคอยสอดส่องหาทางหนีทีไร่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะการที่จะออกจากกรงขังของเขาได้นอกจากจะมีเรือเท่านั้น แต่นี่ไม่พบเรือสักลำถ้าหากอัทธ์กลับมาเธออยากจะลองอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบางทีเขาอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้ในขณะที่สริตากำลังฮำเพลงระหว่างเดินกลับบ้านเล็กท้ายเกาะก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนที่ดังขึ้นตรงบริเวณที่มีเรืออยู่จนต้องหันไปมอง คนตัวเล็กพยายามหรี่ตามองว่าใครกันที่เสียงดังเช่นนี้ จนกระทั่งรู้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงนั้นคืออัทธ์“นายหัวรอผมก่อนเดี๋ยวผมช่วย” ลูกน้องของอัทธ์ร้องห้ามเมื่อเจ้านายของตัวเองเดินปรี่ไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหาด ด้วยความที่กลัวเจ้านายจะเป็นอันตรายจึงรีบวิ่งไปประคองกระนั้นคนเมามายกลับไม่ยอมพร้อมบอกให้ไม่ต้องมายุ่งเสียอย่างนั้น “ไม่ต้องกูเดินเองได้”