Share

4 ไม่ยักรู้

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-04 20:26:27

...พี่จะรีบกลับบ้านให้ไวที่สุด พี่เปลี่ยนใจที่จะไปยุโรปกับญี่ปุ่นต่อแล้ว จะตรงกลับกรุงเทพทันทีหลักจากที่เที่ยวทางภาคตะวันตกของอเมริกานี่เรียบร้อย พี่มีเรื่องบางอย่างที่จะต้องกลับมาสะสางต่อ เรื่องของหัวใจจ้ะ ขอปิดเป็นความลับก่อนนะ แต่เขาประทับใจพี่มาก ขอให้วาดภาพของเขาได้เลยว่าสง่างามเหมือนเจ้าชาย ร่ำรวย และหล่อระเบิด...

มินตาย่นจมูกนิดๆ หล่อนไม่เห็นภาพพจน์อย่างที่มิ่งขวัญบอก ก็พี่สาวของหล่อนเป็นแบบนี้เสมอ หลงใหลง่าย...เห็นหนุ่มๆ ร่ำรวยเข้าหน่อย มิ่งขวัญก็ตาโตเนื้อเต้นไปได้ทุกหน

“พี่มิ่งเอ๊ย...เจ้าชายจริงหรือเปล่า เดี๋ยวก็เป็นเจ้าชายเสกของนางฟ้าเข้าหรอก...เดี๋ยวนี้เจ้าชายเดินดินกินข้าวแกงกันแล้วทั้งน้าน...ฝันหวานจะกลายเป็นฝันสลาย”

////////////////////////////////////////////////////

กางเกงยีนส์เก่าๆ กับเสื้อเชิ้ตที่หล่อนสวมใส่อยู่ ทำให้คุณมารศรีย่นจมูกเข้าใส่เมื่อมินตาเดินเข้ามาในห้องอาหาร หล่อนรีบเอาซองยาวๆ ที่ข้างในเป็นเช็คส่วนตัวของหล่อนเลื่อนไปตรงหน้าเธอโดยเร็ว หล่อนอาจจะบาปก็เป็นได้ ที่ปิดปากมารดาด้วยเงิน แล้วก็ได้ผลเสียด้วยเมื่อหน้าที่บึ้งๆ อยู่เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มได้

“ค่าอะไรอีกล่ะ”

เสียงแหบๆ ของนายโกมุทเอ่ยถาม ดวงตาของเขามองดูซองในมือของภรรยาเขม็ง มินตาเป็นคนตอบคำถามนั้น

“ไม่ใช่เงินหรอกค่ะ พ่อ...เอกสารเรื่องของพี่มิ่งน่ะ” หล่อนกล่าวแก้เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นเรื่องยาว “วันนี้พ่อเป็นยังไงบ้างคะ”

สุขภาพของนายโกมุทไม่ดีนัก หลังจากที่เขาประสบความล้มเหลวในหน้าที่การงาน...เขาตัดสินใจลาออก แล้วก็มานั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านกินใช้เงินจากกองมรดกเก่าๆ ที่พ่อแม่สะสมทิ้งเอาไว้ หลังจากลาออกมาได้สองปี นายโกมุทก็ตรวจพบว่าตัวเองมีปอดที่ไม่แข็งแรงนัก เขาเจ็บออดแอดมาตลอด...และเหมือนหมดความกระตือรือร้นกับเรื่องทุกอย่างในบ้าน อำนาจที่เคยมีมากในมือภรรยาเลยยิ่งมากกว่าเดิม เหมือนนายโกมุทเป็นเพียงเครื่องประดับบ้านหลังนี้เท่านั้น

“ก็เหมือนทุกวัน...” ดวงตาของเขาค่อนข้างเหม่อลอย มันไม่สดใส มินตาไม่เคยเข้าใจพ่อ...หล่อนพยายามจะเข้าใจแต่เหมือนพ่อจะมีโลกส่วนตัวที่ใคร ก็เข้าไปสัมผัสด้วยไม่ได้ แม่เคยบอกว่าพ่อเป็นคนไม่อดทน...

...นี่ถ้าไม่ด่วนลาออก ก็คงจะไปได้อีกไกล ได้เป็นซีสิบก่อนจะเกษียณแน่ๆ...

แม่มักจะกระฟัดกระเฟียดเสมอๆ แต่หล่อนก็ไม่อยากจะโทษพ่อ...พ่อมีสิทธิ์จะลาออกจากงาน พ่อทำได้ในสิทธิ์ข้อนั้น

“แต่วันนี้อากาศดีนะ...พ่อจะออกไปดูพวกช่างมันปรับปรุงเรือนเล็กริมน้ำด้านโน้น”

ดวงตาของมินตาฉายแววยินดีขึ้นมาชั่วแวบ

“ได้ช่างมาแล้วหรือคะ มินไม่ยักรู้...”

“ช่างมาจากบ้านนอก...พ่อแกไปเฟ้นหาเอามา เห็นคุยนักหนาว่าเป็นช่างไม้ฝีมือเยี่ยม”

“แพงไหมคะ”

“ไม่แพงหรอกลูก...พ่อเสียดายบ้านเก่า...มันจะผุเสียหมด...เอามาปรับปรุงเสียใหม่ มันยังใช้ได้...”

“มินขอนะคะ”

หล่อนโพล่งออกไป แล้วก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองเมื่อเห็นคุณมารศรีค้อนขวับเข้าให้

“นี่แกเป็นอีกลูกช่างขอด้วยรึ”

ทั้งเธอทั้งมินตาไม่ทันได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปแวบๆ ของนายโกมุท...มารู้สึกกันอีกทีก็ตอนที่นายโกมุทเกาะพื้นโต๊ะลุกขึ้นยืน “ฉันจะไปล่ะนะ...”

“คุณเพิ่งดื่มนมไปแก้วเดียวเอง”

“ฉันอิ่มแล้ว...เรื่องเรือนหลังเล็กนั่นเอาซิ มิน...ถ้าลูกอยากจะได้เอาไปได้เลย”

มินตายิ้มชื่น ก่อนจะค่อยๆ เฝื่อนลงเมื่อคุณมารศรีมองมาเขม็ง ครั้นลับร่างของบิดาแล้ว เธอก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงประชดๆ

“ทำไมล่ะ แม่มิน อยู่บ้านหลังนี้สุขสบายไม่พอหรือไงจ๊ะ ถึงดิ้นรนขอบ้านหลังนั้นน่ะ หรือจะเก็บสะสมสมบัติเอาไว้ตั้งแต่พ่อแม่ยังไม่ตาย”

“มินไม่ใช่คนงกสมบัติสักหน่อย” หล่อนปฏิเสธข้อหาหลังก่อน สีหน้าของหล่อนเป็นปกติจนยากจะรู้ว่าหล่อนคิดสิ่งใดอยู่ในใจ “แม่ก็รู้ว่ามินกลับไม่ค่อยจะเป็นเวลา มินเกรงใจที่ต้องให้ปรางคอยเปิดประตูรั้ว ถ้ามินไปอยู่ที่เรือนเล็กโน่น มินก็เข้าออกได้สะดวก ไม่ต้องรบกวนแล้วบางทีมินก็มีงานที่ต้องเอากลับมาทำที่บ้าน มันเกะกะไปหมด แม่ก็เคยเห็นๆ”

“แก้ตัวงี้ คล่องปากเชียวนะ”

เธอตวัดตาค้อน แต่เช็คอุ่นๆ ในกระเป๋าเสื้อทำให้ไม่อยากจะพูดมากไปกว่านี้ นอกจากสำทับเพิ่มเติมอีกนิดว่า”แล้วแกอย่าลืมล่ะว่าแกยังต้องจ่ายเงินค่าพรมปูห้องพี่มิ่ง อย่าเพิ่งเอาเงินไปทุ่มซื้อของเข้าเรือนโน้น”

“มินจะขนของที่ห้องลงไป แล้วที่โน่นก็มีเครื่องเรือนเก่าๆ อยู่ เอามาปัดๆ ฝุ่นก็ยังใช้ได้ดี มินไปก่อนนะคะ”

หล่อนจรดฝีเท้าลงกับพื้นอย่างแผ่วเบา ครั้นพ้นสายตาของมารดา การเดินเหินของหล่อนก็สะดวกขึ้น มินตานั่งอยู่ที่หัวบันได หล่อนสวมถุงเท้าก่อน แล้วจึงสอดเข้าไปในรองเท้าผูกเชือกจนกระชับ จึงเดินลงไปที่รถยนต์...ขับออกไปจากบ้าน พอเลี้ยวพ้นแนวกำแพง หล่อนก็ได้ยินเสียงกดแตรเร่งจากด้านหลัง มองจากกระจกข้าง หญิงสาวก็อมยิ้มชะลอรถแล้วก็จอดแอบเข้าข้างทาง ให้รถยนต์คันนั้นขึ้นมาจอดเทียบไขกระจกลง

“กดแตรซะแสบแก้หูเชียวนะ คุณเอ...วันนี้ทำไมออกแต่เช้า”

บุรุษหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณเอหัวเราะเบาๆ เขาเป็นคนหนุ่มรุ่นพี่ของมินตาก็รุ่นเดียวกันกับมิ่งขวัญ แต่เติบโตมาด้วยกัน จนคุ้นเคย ระยะหลังๆ ที่ต่างฝ่ายได้เติบโตกันมากขึ้นนี่ต่างหากที่ทำให้ห่างเหินกันไป ไม่สู้จะได้พบหน้ากันนักทั้งที่รั้วบ้านก็ชิดติดกัน เดินเข้าเดินออกถึงกันได้ทางประตูข้าง

“คุณแม่ใช้ให้ไปบ้านคุณยาย...ไปรับเด็กคนรับใช้มาใหม่ คุณยายฝึกเด็กไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”

“ดีนะ...มีคนฝึกให้ก่อน เอามาไว้บ้านจะไม่ต้องขัดตาคุณป้า...”

แม่ของเขากับแม่ของหล่อน ก็ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ แค่นึกถึงมินตาก็ยังเอือมๆ นึกถึงภาพตัวเองยามต้องอยู่ต่อหน้าผู้หญิงทั้งสองกับบทเสงี่ยมหงิม พับเพียบเรียบร้อยที่หล่อนได้เพียรพยายามทำได้...ไม่เหมือนมิ่งขวัญที่กระชดกระช้อยนุ่มนวลเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว สีหน้าของหล่อนมีรอยยิ้มขันๆ ที่ทำให้ดวงหน้าของหล่อนสว่างขึ้นอีกมาก

“ไม่ค่อยจะได้เจอมิน งานยุ่งล่ะซิ”

“ยุ่งมาก...ตัวเป็นเกลียว...หัวเป็นน็อตเชียวละ”

“มิน่า...” เขามองดูหัวหล่อนก่อน “ผมเผ้าถึงเหมือนไม่ได้เจอหวีเลย ยุ่งไปหมดแล้ว ยายมินเอ๊ย...มอมแมมอย่างนี้อีกกี่ปีจะขายออก”

“พูดเป็นแม่อีกคนแล้ว ขายไม่ออกก็ไม่เห็นจะเป็นไร อยู่เป็นสาวโสดให้เบิกบานใจเล่นดีกว่า”

“เห็นว่ารวยแล้วด้วย”

“คุณเอนี่ไปฟังข่าวลือจากไหน มินก็ยังจ๊นจน” หล่อนออกเสียงกระดกลิ้นแต่นัยน์ตาเป็นประกายพราว “นี่คงไม่ได้ชวนจอดรถคุยกันเรื่องสัพเพเหระแบบนี้นะ มินจะต้องรีบไป”

“กลางวันนี้กินข้าวด้วยกันไหม”

มินทำตาโต เกือบจะไม่เชื่อหูตัวเอง สาวิตต์ชวนหล่อนไปกินข้าวมื้อกลางวัน...หล่อนต้องบังคับตัวเองไม่ให้แสดงความลิงโลดออกมามากกว่านี้...ทั้งที่ใจข้างในเต้นโครมครามไปหมดแล้ว

“ที่ไหนคะ...แล้วเลี้ยงมินเนื่องในโอกาสอะไรกัน”

“ก็เลี้ยงเฉยๆ อยากคุยด้วยเท่านั้น...ไม่ค่อยจะมีเวลาคุยกัน เคยแวะเข้าไปตอนเย็นๆ คุณน้าก็บอกว่ามินกลับมืดทุกวัน”

นี่เขารู้ด้วยหรือว่าหล่อนทำอะไรบ้าง เหมือนสูบลมเข้าไปในหัวใจของหล่อนเพิ่มอีก มือของตัวเองแท้ๆ มินตายังรู้สึกว่ามันเกะกะไปหมดแล้ว

“บอกมินมาแล้วกันว่าจะไปกินที่ไหน มินจะไปรอ”

“พี่ไปรับที่ออฟฟิศก็ได้นะ”

“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง มินไปเองดีกว่า”

เรื่องอะไรจะให้พวกเพื่อนๆ มันโห่เอา...แต่ไหนแต่ไรแล้วที่มินตาไม่เคยมี ‘นัด’ กับเพศตรงข้าม หากอยู่ๆ มีผู้ชายบุกบั่นไปหา และพาหล่อนออกไปทานมื้อกลางวันคงจะเป็นเรื่องที่พูดล้อเล่นกันได้เป็นเดือนๆ แล้วมินตาก็ยังไม่อยากถูกค่อนแคะด้วย ในเมื่อสาวิตต์กับหล่อนแตกต่างกันมาก เพื่อนๆ หล่อนคงจะไม่ยอมเชื่อเด็ดขาดว่าสาวิตต์จะมาชอบพอหล่อน

อย่างน้อยหากจะเป็นความสุขมินตาก็อยากเก็บไว้ชื่นชมคนเดียว เพราะหล่อนรู้ว่าสุขนี้จะเป็นแต่ความฝันเท่านั้น มันจะไม่เป็นจริงเป็นอันขาด

สาวิตต์บอกสถานที่ โดยที่มินตาก็ไม่ทันได้คิดมาก หล่อนเพียงแต่กระหยิ่มยินดี และตลอดทางที่ขับรถไปถึงออฟฟิศหล่อนรื่นเริงพอจะฮัมเพลงหวานๆ ไปตลอดทางทีเดียว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   137 (อวสาน) มินตา-ศิลา รักเราดีที่สุดในโลกเลย

    “ไม่ใช่ห้องนี้”มินตาตัวแข็ง เมื่อเขาเปิดประตูห้องที่หล่อนเป็นคนตกแต่งเพื่อเป็นห้องหอของเขากับมิ่งขวัญหล่อนพยายามจะถอยกลับ แต่ศิลาผลักหล่อนออกเดินไปข้างหน้า“ฉันยอมมาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ห้องนี้” หล่อนยังเสียงแข็งและมีท่าทีปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“คุณแต่งมันเอง...ก็ใช้เสียเองซิ” เขาบอกนุ่มๆ “ที่ทางของคุณเอง“ฉันทำเพื่อพี่มิ่ง” หล่อนยืนยัน หล่อนรักมิ่งขวัญไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น“แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชอบ” เขาดักคอ “ผมรู้ว่ารสนิยมของมิ่งขวัญเกิดจากตัวคุณเป็นหลัก...ลืมซะว่าผมเคยสั่งว่าอย่างไร นั่นเป็นข้ออ้างจะเอาตัวคุณมาทำงานต่างหากเล่า ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นห้องหอมีหรือที่คุณจะยอมมาทำ ตอนนั้นคุณชังน้ำหน้าผมจะแย่”“ตอนนี้ก็ใช่”“ผมไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อ...”เขาปิดประตูไว้ข้างหลังแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น ตอบหล่อนด้วยถ้อยคำหนักแน่นเขาจะไม่ยอมเสียหล่อนไปศิลาบอกตัวเองว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนาให้จงได้ ต่อให้ยากเท่ายากก็ตามที“เราจะต้องคุยกันตามลำพังสองต่อสองแล้วละ มินตา”เขาบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม และแน่นอนว่ามีกังวานของความรักอยู่มากมาย เขาไม้ปฏิเสธใจตัวเอง“ไม่...” หล่อนป

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   136 ตื๊อเมีย น่ะครองโลกเสมอ

    พิมสุดามาแล้วกลับไปแล้ว ปล่อยให้มินตาได้ครุ่นคิดตามลำพัง แม้จะมีปรางคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ แต่มินตาก็เหมือนอยู่คนเดียว...หล่อนคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเมื่อไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คว้าติดอีกหล่อนจะทำอย่างไรดีนั่นคือสิ่งที่มินตาต้องคิด...มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย เพราะเท่ากับต้องเอาอนาคตมาเป็นเดิมพัน...อนาคตที่มินตาไม่แน่ใจ และหล่อนก็รู้ว่าเพราะตัวเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมา/////////////////////////////ผู้ชายสองคนต่างวัยแต่มีสายเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกันได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง คนแก่ดูจะยิ่งแก่ ในขณะที่คนหนุ่มก็มิได้ทำท่าลำพองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันชั่วอึดใจในความเงียบงันแล้วศิลาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “สาวิตต์เป็นอย่างไรบ้าง”“ก็ยังเหมือนเดิม...เก็บตัวเอง...และไม่พูดไม่จากับใครเลย”“เขาคงจะหายสักวันหนึ่ง“นั่นคือความหวัง”“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกัน”คุณทรงศักดิ์ทำท่าเหมือนไม่คาดคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ต่อ...ให้อภัยพ่อกับพี่แล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นคือความจริง เขายังไม่อาจจะให้อภัย เพียงแต่เขาคิดว่าเขาจะวางมือในส่วนนี้...หลายปีที่เ

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   135 เขารักเธอ มินต่า

    “ไล่ปรางหรือคะ...” มินตาแสนจะตกใจ “ทำไมล่ะคะ ปรางทำผิดตรงไหน”“มันเป็นพวกแกนี่ รับเอาไปซิ นังนั่นมันเลี้ยงไม่เชื่อง หวังว่าที่พูดมานี่แกคงจะเข้าใจนะ”“ค่ะ มินตารับคำ ดวงหน้าสลด ครอบครัวของหล่อนคือซาก...มันคืออดีตที่เหมือนจะเนิ่นนานผ่านมาแล้ว ดวงตาของหล่อนซุ่มไปด้วนน้ำตา ป่วยการจะพูดมากไปกว่านี้อีกเมื่อคุณมารศรีและมิ่งขวัญปั้นปึ่งใส่ มินตามาไหว้พ่อ นั่งพับเพียบอยู่นานจนศิลาต้องเป็นฝ่ายสะกิดหล่อน“กลับดีกว่ามั้ง มินตา...เขาประคองหล่อนลุกขึ้น ท่าทีถนอมเป็นนักหนาบาดตาของมิ่งขวัญสุดขีด หล่อนไม่อาจจะยอมรับออกมาดังๆ ว่าลึกลงไปนั้นหล่อนเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง...ทั้งที่หล่อนเคยทระนงในตัวเองมาตลอด ผู้ชายคนนั้นคือชายที่หล่อนรักและเมื่อความจริงเปิดเผยออกมารักกลายเป็นร้าง และขมขื่นที่สุดจะหารสชาติใดมากกว่านี้ ในชีวิตคงจะไม่มีอีกแล้วแน่นอน“แม่คะ...มิ่งตัดสินใจแน่นอนแล้ว พอเสร็จงานพ่อ มิ่งจะไปอยู่เมืองนอก เราไปด้วยกันไหนคะ แม่...เอาบ้านนี้ให้เช่า...ถ้าไม่คิดจะขาย เราคงจะพอมีเงินสักก้อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พอให้มิ่งหายช้ำใจแล้วค่อยกลับมาใหม่...หรือบางทีเราอยู่ทางโน้นกันเลยก็ได้ มิ่งก็พอจะมีเพื่อนที

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   134 เสียพ่อแล้วยังมาเสียลูก

    ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง และมินตาก็นิ่งงันปราศจากเสียงกรีดร้องจนเขาใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าหล่อนเสียใจแค่ไหนกันการรับรู้ในการสูญเสียหนนี้ มือของเขาลูบไล้เส้นผม“มินตา ได้ยินผมหรือเปล่า”“ก็ดีเหมือนกัน” หล่อนพึมพำออกมา “จะได้จบสิ้นกันแท้จริงๆ”“ไม่....” เขาปฏิเสธเสียงลั่น“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”“อย่าพูดแบบนี้...ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด จะไม่ให้อภัยคนที่รู้สำนึกหรอกหรือ มินตา...ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เพียงแต่ ตอนนั้นความแค้นทำให้ผมบ้าเลือดและลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”“ฉันให้อภัย แล้วก็โยนมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ...”ศิลากำลังจะพูดอีก แต่เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะเสียงก่อนและประตูเปิดเข้ามาหลังจากนั้นครรชิตเดินนำหน้าธันวาเข้ามาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้ใหญ่ที่บรรจุดอกไม้สวยงามสีสันสดใสชายหนุ่มขยับห่างออกจากเตียงนิดหนึ่ง ครรชิตทักทายและแสดงความห่วงใย ต่อสภาพบาดเจ็บของเขาสักห้านาทีก่อนจะหันไปหามินตา“ไง...มิน หน้าตาเหมือนคนเจ็บหนัก”“เกือบจะตายแต่ไม่ยักจะตาย...”“ประชดใครล่ะนั่น”ถูกดักคอแบบนี้มินตาทำตาวาว “มินไม่มี

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   133 มินตาแท้งลูก

    สาวิตต์นอนอยู่บนเตียง...ขาของเขาข้างหนึ่งที่ถกขากางเกงขึ้นไปถูกพันด้วยผ้าขาวหนาเปอะ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของเธอ มีรอยช้ำปูดโปนนั่นยังทำใจได้ว่ามันจะหาย แต่ดูซิ...ดูสีหน้าและแววตาของเขามันดูเลื่อนลอย...และมองมาทางเธอย่างว่างเปล่า“เอ...”เธอถลาเข้าไปหาเขา แล้วก็หยุดอีกหนหนึ่ง เมื่อสาวิตต์ทำเหมือนไม่รับรู้ด้วย เขายังมองเบิ่งไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเธอ คุณสีดาหันขวับมาหาสามี ถามเสียงสั่น“อะไรกันคะนี่ ตาเอเป็นอะไร...ทำไมเขาทำหน้าตาแบบนั้น”คุณทรงศักดิ์โอบบ่าของภรรยาเอาไว้ ร่างแบบบางของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น“หมอบอกว่าเหมือนเขาจะช็อก พูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นพักๆ เหมือนคนสะเทือนใจมากเกินไป”“แล้วแกจะหายไหม”“ต้องอาศัยเวลา แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาตัว บางทีอาจจะต้องลางาน...หรืออาจจะต้องถึงขั้นลาออกก็ได้”“ไม่!”เธอร้อง หันมาซบหน้ากับบ่าของสามี นานแล้วที่คนสองคนไม่เคยหันหน้าเข้าหากันอีก ต่างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความบาดหมางในเรื่องเล็กน้อยถูกทำให้ใหญ่มากขึ้น และไม่อาจจะเชื่อมต่อติดกันได้อีกเลยแต่ตอนนี้หัวอกของความเป็นพ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอ

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   132 ทุกอย่างเริ่มเข้าที่

    ปืน...มินตาบอกเมื่อเห็นสาวิตต์หยิบมันออกมาวางไว้บนโต๊ะกลมเล็กข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งลง แววตาที่เขามองดูศิลาทำให้มินตายะเยือกไปตลอดตัว มันบ่งบอกว่าหากเขาจะลั่นไกปืน เขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดชั่งใจอีกเลย มินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพูดกับสาวิตต์ดีๆ“คุณเอ ขอให้มินนะ...อย่าถึงกับฆ่ากันเลย...”“บอกแล้วว่าอย่ายุ่ง ไม่ฆ่าเธอด้วยก็บุญเท่าไหร่รึว่าอยากตายตามผัว”“คุณเอจะทำไมได้นะคะ”“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ นึกถึงที่มันทำกับพี่ซิ เพราะมัน...” สาวิตต์ชี้มือไปยังศิลาอย่างคั่งแค้น นั่นคือชายที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็กึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน เขาไม่เคยเชื่อใครพูดอย่างไร เขาก็มักจะหัวเราะขบขันเสียเสมอว่าทุกคนที่พูดนั้น ล้วนแล้วแต่มีอาการทางจิตที่คิดมากเกินการไปเองทั้งนั้น แต่แล้วเขากลับมารู้เป็นคนสุดท้าย รู้เพื่อทำให้โลกที่เคยสวยงามสำหรับเขามันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจึงมองหาทางออกใดไม่พบนอกจากทางนี้ ฆ่าศิลาเสีย ก็เท่ากับฆ่าไอ้เด็กเวรคนนั้นด้วย เมื่อหนนั้นมันเลือกรอดได้อาจจะเพราะดวงมันแข็ง แต่คราวนี้ไม่มีวันที่ดวงมันจะแข็งเท่าครั้งนั้นอีก มันจะต้องตายนั่นคือทางที่เขาเลือกให้มั

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status