Share

3 ของไม่มีราคา

last update Last Updated: 2025-04-04 20:25:10

มินตาเข้าบ้านมาอย่างเงียบๆ หล่อนลงนั่งที่บันไดขั้นล่างแล้วถอดรองเท้าผ้าใบออก ถอดถุงเท้าออกตาม แล้วม้วนถุงเท้าเป็นก้อนกลมๆ ยัดเข้าไปในรองเท้า หิ้วรองเท้าขึ้นบันไดด้วยฝีเท้าแผ่วเบา จนเกือบจะไม่น่าเชื่อว่านี่คือมินตา...นี่หากเพื่อนร่วมงานมาเห็นท่าเดินเหมือนเท้าแทบจะไม่ได้แตะพื้นของหล่อนละก้อ คงจะได้หัวเราะกันเกรียว เพราะยามอยู่ในออฟฟิศ มินตาจะมีก้าวย่างหนักแน่นรุนแรงเป็นจังหวะ บางทีแค่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็รู้กันแล้วว่าเป็นหล่อน

ประตูด้านหน้ายังไม่ได้ปิดลงกลอน แต่แง้มๆ เอาไว้ หล่อนค่อยๆ ผลักเข้าไปอย่างแผ่วเบา...แต่บานพับที่ค่อนข้างจะฝืดสักหน่อยก็ให้เสียงเอี๊ยดอ๊าด...มินตาจับประตูให้อยู่นิ่งๆ หล่อนกลัวว่าเสียงนี้จะปลุกให้มารดาตื่นลงมา...หล่อนกลับบ้านดึกเสมอก็งานล่วงเวลามันเงินดีเหลือเกิน หล่อนจะยอมให้พลาดไปอย่างไรได้ วันนี้ก็งานล่าช้าเพราะอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่ธันวาได้รับ หล่อนเลยมีงานให้สะสาง เพราะเอาเวลาขับรถพาธันวาไปส่งโรงพยาบาล

พรุ่งนี้ก่อนออกจากบ้าน หล่อนจะเอาน้ำมันมาหยอดบานพับเสียหน่อย ไม่ให้มีเสียงแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก

ย่องๆ จะไปถึงหน้าห้องของหล่อนอยู่แล้ว มินตาก็ชะงักเมื่อแสงสว่างพึ่บขึ้น หล่อนหยุดอยู่ตรงกลางบ้านนี่เอง

“เพิ่งกลับหรือ”

เสียงทักออกจะเยาะๆ ชอบกลอยู่ มินตาพึมพำตอบออกไปเสียงเบา

“ค่ะ”

“ดึกทุกคืนเลยนะ...มัวแต่ไปเที่ยวซ่กๆ อยู่ล่ะซิ งานเลิกตั้งแต่ห้าโมง ก็อยู่ในกรุงเทพแค่นี้ หนทางไปมาสะดวก ไม่น่าจะให้เกินหนึ่งทุ่ม”

หล่อนไม่โต้ตอบเลย เพราะรู้ว่าต่อให้หล่อนอธิบายอย่างไร ก็จะไม่ได้รับการสนใจ เหมือนหล่อนบอกกล่าวกับลมแล้งมากกว่า หล่อนยืนนิ่งๆ แต่นั่นกลับยิ่งไปยั่วให้เกิดความโมโหได้

“ฉันพูดด้วยก็หันหน้ามาหน่อยซิ...อาไร้...ยายมินแกจะยืนหันหลังให้ฉัน...แกนี่เหลือเกิ๊น...กระด้างอะไรยังงี้” เสียงบ่นแหลมๆ มันเข้าไปกระเทือนอยู่ในแก้วหู แต่มันไม่ได้ทำให้หล่อนสะเทือนใจอะไรนักหนาอาจจะเพราะหล่อนชินชาเสียแล้ว หากวันใดคุณมารศรีพูดกับหล่อนดีๆ น้ำเสียงอ่อนหวานซิ ที่จะทำให้มินตาต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่าปกติสักหน่อย หล่อนค่อยๆ หันตัวกลับมา รองเท้ายังถือค้างอยู่ในมือ

คุณมารศรีเดินลงมา หล่อนได้กลิ่นน้ำอบไทยหอมฟุ้ง หญิงสาวยืนก้มหน้าลงน้อยๆ มืออีกข้างทับมาบนมือที่หิ้วรองเท้าอยู่ คุณมารศรีเดินวนไปรอบๆ ตัวหล่อน ผมที่หล่อนจับมันพันๆ ทบไว้ง่ายๆ และหลุดลุ่ยอยู่แล้วหลุดกระจายลงมา เป็นเส้นผมดำมันขลับยาวเกือบถึงกลางหลังเส้นผมที่เหยียดตรงมีน้ำหนักสลวย แต่หล่อนแทบจะไม่ได้ปล่อยให้มันเคลื่อนไหวตามเส้นสายของมัน อย่างง่ายที่สุดคือจับรวบแล้วพันทบสวมหมวกเข้าไปอีกใบ ไม่ค่อยจะมีใครรู้ว่าหล่อนเป็นเจ้าของเส้นผมสวยงามเพียงนี้

“ดูมอมแมมจริงๆ นะเรา”

“มินเพิ่งเลิกงาน”

“งานอีกแล้ว เอะอะอ้างงานยันเต”

“ก็มินทำงานจริงๆ”

หล่อนยังไม่วายจะเถียง แต่แล้วพอนึกได้หล่อนก็นิ่งเงียบเสีย เพราะรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้นเอง คุณมารศรีพยายามจะคาดคั้นถามให้ได้ว่าหล่อนหายไปไหนหลังจากเลิกงาน มิไยที่หล่อนจะยืนยันว่าหล่อนอยู่ในออฟฟิศ มันเป็นธุรกิจเล็กๆ ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันทุกฝ่ายให้งานเดินรุดหน้า มันแข่งกับเวลาแข่งกับระบบแข่งขัน และการหมุนเวียนของดอกเบี้ยที่งดงามเหลือเกินในธนาคาร พวกหล่อนกำลังตั้งตัว...กำลังเริ่มต้นเพื่ออนาคตวันหน้า

“แม่รอแกตั้งแต่ตอนเย็น...ไปนั่งคุยกันก่อน”

“ค่ะ”

“หล่อนเดินมานั่งลงเรียบร้อย ต่อหน้าเธอหล่อนจะวางตัวเป็นสาวสงบเสงี่ยม...ถ้าหากไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง หล่อนก็จะลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อย เก็บเท้าได้มิดชิด วางมือประสานกันเอาไว้บนตัก มินตารู้ว่าหากเพื่อนๆ มาเห็นก็คงจะต้องตาถลนกับอีกรูปแบบหนึ่งของเหล่อน

“พรุ่งนี้ชุดแต่งตัวใหม่ของพี่มิ่งจะมานะ...”

หล่อนมองสบสายตากับเธอแต่ใจหายวับไปแล้ว...หล่อนเข้าใจเพียงแต่เธอเริ่มต้นเท่านั้น

“ก็มีกระจกหนึ่งบาน โต๊ะอีกหนึ่งตัว เก้าอี้อีกตัว...ราคามันก็หมื่นสอง”

มินตาเงียบกริบ หัวใจเท่านั้นที่ไหวระรัว สีหน้าของหล่อนยังเป็นปกติ เงินหมื่นสองจากหยาดเหงื่อแรงงานของหล่อนกำลังจะปลิวไปจากกระเป๋าอีกแล้ว...แต่หล่อนก็มิได้ทักท้วงสักคำ

“ค่ะ...แต่มินไม่มีเงินสด มินจะเขียนเช็คทิ้งเอาไว้ให้แล้วกันนะคะ”

“นี่แม่ไปดูพรมเอาไว้อีกผืนหนึ่ง แหม...มันซ้วยสวย เจ้าของร้านเขาบอกว่า จะเซลห้าสิบเปอร์เซ็นต์ตอนเดือนหน้า คงจะทันเอามาปูห้องให้พี่มิ่งพอดี”

“ค่ะ”

เสียงรับคำของมินตาเบาลงไปอีก... “แม่ดูราคามาก็แล้วกัน...มินจะจัดการให้”

“มีจดหมายของพี่มิ่งถึงแกด้วยนะ แม่เอาไปไว้ในห้องให้แล้ว...” คุณมารศรีนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะถามต่อด้วยเสียงอันอ่อนโยนลงเล็กน้อย “นี่แกกินอะไรมาหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

ถึงหล่อนจะไม่ได้กินอะไรมาเลย มินตาก็ไม่อาจจะกินอะไรได้ลงคออีก หล่อนตีบตันในลำคอ มันตื้อลงไปถึงกระเพาะอาหารนั่นทีเดียว หล่อนเข้ามาในห้องปิดตาลงอย่างเหนื่อยล้า ยืนพิงบานประตูอย่างนั้นอีกนาน รองเท้าที่หิ้วเอาไว้ค่อยๆ หล่นลงไปกองกับพื้น เงินของหล่อนหมดไปกับเรื่องของมิ่งขวัญเสมอๆ

มิ่งขวัญจะกลับบ้านเดือนหน้า...แม่กระตือรือร้นเหลือเกินที่จะจัดห้องให้มิ่งขวัญใหม่ เริ่มต้นจากผ้าม่าน เตียงนอน แล้วก็โต๊ะแต่งตัว เดือนหน้าจะเป็นพรมปูห้อง...มินตาลืมตาขึ้น...พรมหรือ...หล่อนนัยน์ตาตกมองดูพื้นห้องของตัวเอง

ก่อนจะยิ้มหยันๆ ออกมา

หล่อนมีเงินพอจะซื้อพรมแพงๆ ให้มิ่งขวัญใช้ปูห้องแม้จะเป็นตอนที่ลดราคาก็เถอะ หล่อนรู้ว่ารสนิยมของมารดาเป็นอย่างไร คุณมารศรีไม่เคยซื้อของถูกเธออ้างเสมอๆ ว่า

...ของดีราคาไม่เคยถูก ของดีต้องแพง ของไม่แพงไม่ใช่ของดี...

แต่พื้นห้องนี้เป็นเสื่อกกสีน้ำตาลคล้ำๆ ทอด้วยมือเป็นผืนสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดหนึ่งตารางฟุตเอามาปูต่อๆ กัน...มันน่าขันเหลือเกิน มินตาเดินโซเซไปที่เตียงนอนล้มตัวลงนอนโดยที่ไม่ได้ดึงเอาผ้าคลุมเตียงออกเสียก่อน มือข้างหนึ่งพาดไปบนหน้าผาก สองเท้ายังห้อยอยู่เรี่ยๆ พื้น...หล่อนไร้เรี่ยวแรง มันสิ้นไร้แบบนี้ทุกครั้งที่คุณมารศรีมีค่าใช้จ่ายเบิกจ่าย

โต๊ะแต่งตัวหมื่นสองหรือ...แล้วของหล่อนล่ะ...โต๊ะแต่งตัวชุดเก่าดั้งเดิม หล่อนเอาสีมาทาใหม่ให้ขาวนวล...มันเป็นนวลใยแม้ในยามนี้ที่ไม่ได้เปิดไฟในห้อง เพราะหล่อนเปิดหน้าต่างห้องทิ้งเอาไว้ แสงจันทร์สาดส่องเข้ามากระทบมันตกทอดมาถึงหล่อนหลังจากที่เกือบจะถูกโยนทิ้งไปกับรถขยะ หล่อนเอามาปรุงโฉมเสียใหม่ ทาสีใหม่ หาผ้าลูกไม้สวยๆ มาปูทับ แล้วมีกระจาดใบน้อยๆ มาตั้งเรียงรายสำหรับใส่สิ่งของที่ใช้ส่วนตัว...แต่หล่อนจะต้องจ่ายเงินหมื่นสองให้กับมิ่งขวัญ

กระจกหนึ่งบาน โต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้อีกตัว...คงจะสวยงามหยดย้อยกระมัง

หญิงสาวลุกขึ้นมานั่ง เมื่อนึกขึ้นได้ถึงจดหมายของมิ่งขวัญ...เปิดไฟในห้องให้สว่าง แล้วหล่อนจึงเอากรรไกรเล็กๆ ขลิบริมซอง...กระดาษแผ่นบางหล่นลงมา...ลวดลายของกระดาษช่างสวยงาม ข้าวของที่มิ่งขวัญใช้สวยงามเสมอ คุณมารศรีปลูกฝั่งสิ่งนี้ให้กับมิ่งขวัญมาแต่เล็กๆ

ข้อความทั้งหมดเป็นการส่งข่าวความเคลื่อนไหวว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง มิ่งขวัญไปเรียนปริญญาตรี...หล่อนเรียนไม่สู้จะเก่งมากนักหลังจากที่ร่ำเรียนไม่เป็นชิ้นเป็นอันอยู่นาน คุณมารศรีก็อดทนไม่ได้ เธอส่งมิ่งขวัญไปกวดภาษาอย่างหนักแล้วส่งมิ่งขวัญไปอเมริกา หวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นการชุบตัวลูกสาวคนโตให้งดงามพร้อมสรรพกลับมา

มิ่งขวัญเดินทางโดยสายการบินที่แพงที่สุด หล่อนจะได้บินกลับบ้านทุกปิดภาค กลับมาพร้อมกับมีข่าวของหล่อนลงตีพิมพ์...ชื่อของหล่อนเป็นที่รู้จักตามหน้านิตยสาร และมิ่งขวัญก็เคยมีรูปลงนิตยสารเพราะหล่อนเป็นสาวสวยเพียงพอ

เมื่อมิ่งขวัญอยู่ใกล้ๆ กับมินตา มิ่งขวัญจะสดสวยและทำให้มินตาดูหมองมัวไปเสียสิ้น

ทุกๆ ปี มินตาไม่กล้าคำนวณเงินหรอกว่ามิ่งขวัญใช้เงินเท่าไร...แต่คุณมารศรีไม่เคยปริปากบ่นสักคำ เธอมีเงินส่งไปเสมอๆ ตามที่มิ่งขวัญร้องขอมา ยิ่งนานปีก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น มินตาเป็นคนไปธนาคาร หล่อนรู้ยอดเงินที่จัดส่งไปทุกครั้ง รู้แล้วหล่อนก็ได้แต่ใจหาย

แต่มิ่งขวัญก็เป็นพี่สาวของหล่อน หักใจได้ดังนี้คราวไร มินตาก็หายใจได้โล่งอกขึ้น กับข้อความย่อหน้าสุดท้ายของมิ่งขวัญทำให้มินตาต้องอ่านอยู่นานกว่าปกติสักหน่อย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   137 (อวสาน) มินตา-ศิลา รักเราดีที่สุดในโลกเลย

    “ไม่ใช่ห้องนี้”มินตาตัวแข็ง เมื่อเขาเปิดประตูห้องที่หล่อนเป็นคนตกแต่งเพื่อเป็นห้องหอของเขากับมิ่งขวัญหล่อนพยายามจะถอยกลับ แต่ศิลาผลักหล่อนออกเดินไปข้างหน้า“ฉันยอมมาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ห้องนี้” หล่อนยังเสียงแข็งและมีท่าทีปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“คุณแต่งมันเอง...ก็ใช้เสียเองซิ” เขาบอกนุ่มๆ “ที่ทางของคุณเอง“ฉันทำเพื่อพี่มิ่ง” หล่อนยืนยัน หล่อนรักมิ่งขวัญไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น“แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชอบ” เขาดักคอ “ผมรู้ว่ารสนิยมของมิ่งขวัญเกิดจากตัวคุณเป็นหลัก...ลืมซะว่าผมเคยสั่งว่าอย่างไร นั่นเป็นข้ออ้างจะเอาตัวคุณมาทำงานต่างหากเล่า ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นห้องหอมีหรือที่คุณจะยอมมาทำ ตอนนั้นคุณชังน้ำหน้าผมจะแย่”“ตอนนี้ก็ใช่”“ผมไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อ...”เขาปิดประตูไว้ข้างหลังแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น ตอบหล่อนด้วยถ้อยคำหนักแน่นเขาจะไม่ยอมเสียหล่อนไปศิลาบอกตัวเองว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนาให้จงได้ ต่อให้ยากเท่ายากก็ตามที“เราจะต้องคุยกันตามลำพังสองต่อสองแล้วละ มินตา”เขาบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม และแน่นอนว่ามีกังวานของความรักอยู่มากมาย เขาไม้ปฏิเสธใจตัวเอง“ไม่...” หล่อนป

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   136 ตื๊อเมีย น่ะครองโลกเสมอ

    พิมสุดามาแล้วกลับไปแล้ว ปล่อยให้มินตาได้ครุ่นคิดตามลำพัง แม้จะมีปรางคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ แต่มินตาก็เหมือนอยู่คนเดียว...หล่อนคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเมื่อไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คว้าติดอีกหล่อนจะทำอย่างไรดีนั่นคือสิ่งที่มินตาต้องคิด...มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย เพราะเท่ากับต้องเอาอนาคตมาเป็นเดิมพัน...อนาคตที่มินตาไม่แน่ใจ และหล่อนก็รู้ว่าเพราะตัวเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมา/////////////////////////////ผู้ชายสองคนต่างวัยแต่มีสายเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกันได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง คนแก่ดูจะยิ่งแก่ ในขณะที่คนหนุ่มก็มิได้ทำท่าลำพองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันชั่วอึดใจในความเงียบงันแล้วศิลาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “สาวิตต์เป็นอย่างไรบ้าง”“ก็ยังเหมือนเดิม...เก็บตัวเอง...และไม่พูดไม่จากับใครเลย”“เขาคงจะหายสักวันหนึ่ง“นั่นคือความหวัง”“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกัน”คุณทรงศักดิ์ทำท่าเหมือนไม่คาดคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ต่อ...ให้อภัยพ่อกับพี่แล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นคือความจริง เขายังไม่อาจจะให้อภัย เพียงแต่เขาคิดว่าเขาจะวางมือในส่วนนี้...หลายปีที่เ

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   135 เขารักเธอ มินต่า

    “ไล่ปรางหรือคะ...” มินตาแสนจะตกใจ “ทำไมล่ะคะ ปรางทำผิดตรงไหน”“มันเป็นพวกแกนี่ รับเอาไปซิ นังนั่นมันเลี้ยงไม่เชื่อง หวังว่าที่พูดมานี่แกคงจะเข้าใจนะ”“ค่ะ มินตารับคำ ดวงหน้าสลด ครอบครัวของหล่อนคือซาก...มันคืออดีตที่เหมือนจะเนิ่นนานผ่านมาแล้ว ดวงตาของหล่อนซุ่มไปด้วนน้ำตา ป่วยการจะพูดมากไปกว่านี้อีกเมื่อคุณมารศรีและมิ่งขวัญปั้นปึ่งใส่ มินตามาไหว้พ่อ นั่งพับเพียบอยู่นานจนศิลาต้องเป็นฝ่ายสะกิดหล่อน“กลับดีกว่ามั้ง มินตา...เขาประคองหล่อนลุกขึ้น ท่าทีถนอมเป็นนักหนาบาดตาของมิ่งขวัญสุดขีด หล่อนไม่อาจจะยอมรับออกมาดังๆ ว่าลึกลงไปนั้นหล่อนเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง...ทั้งที่หล่อนเคยทระนงในตัวเองมาตลอด ผู้ชายคนนั้นคือชายที่หล่อนรักและเมื่อความจริงเปิดเผยออกมารักกลายเป็นร้าง และขมขื่นที่สุดจะหารสชาติใดมากกว่านี้ ในชีวิตคงจะไม่มีอีกแล้วแน่นอน“แม่คะ...มิ่งตัดสินใจแน่นอนแล้ว พอเสร็จงานพ่อ มิ่งจะไปอยู่เมืองนอก เราไปด้วยกันไหนคะ แม่...เอาบ้านนี้ให้เช่า...ถ้าไม่คิดจะขาย เราคงจะพอมีเงินสักก้อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พอให้มิ่งหายช้ำใจแล้วค่อยกลับมาใหม่...หรือบางทีเราอยู่ทางโน้นกันเลยก็ได้ มิ่งก็พอจะมีเพื่อนที

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   134 เสียพ่อแล้วยังมาเสียลูก

    ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง และมินตาก็นิ่งงันปราศจากเสียงกรีดร้องจนเขาใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าหล่อนเสียใจแค่ไหนกันการรับรู้ในการสูญเสียหนนี้ มือของเขาลูบไล้เส้นผม“มินตา ได้ยินผมหรือเปล่า”“ก็ดีเหมือนกัน” หล่อนพึมพำออกมา “จะได้จบสิ้นกันแท้จริงๆ”“ไม่....” เขาปฏิเสธเสียงลั่น“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”“อย่าพูดแบบนี้...ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด จะไม่ให้อภัยคนที่รู้สำนึกหรอกหรือ มินตา...ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เพียงแต่ ตอนนั้นความแค้นทำให้ผมบ้าเลือดและลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”“ฉันให้อภัย แล้วก็โยนมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ...”ศิลากำลังจะพูดอีก แต่เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะเสียงก่อนและประตูเปิดเข้ามาหลังจากนั้นครรชิตเดินนำหน้าธันวาเข้ามาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้ใหญ่ที่บรรจุดอกไม้สวยงามสีสันสดใสชายหนุ่มขยับห่างออกจากเตียงนิดหนึ่ง ครรชิตทักทายและแสดงความห่วงใย ต่อสภาพบาดเจ็บของเขาสักห้านาทีก่อนจะหันไปหามินตา“ไง...มิน หน้าตาเหมือนคนเจ็บหนัก”“เกือบจะตายแต่ไม่ยักจะตาย...”“ประชดใครล่ะนั่น”ถูกดักคอแบบนี้มินตาทำตาวาว “มินไม่มี

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   133 มินตาแท้งลูก

    สาวิตต์นอนอยู่บนเตียง...ขาของเขาข้างหนึ่งที่ถกขากางเกงขึ้นไปถูกพันด้วยผ้าขาวหนาเปอะ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของเธอ มีรอยช้ำปูดโปนนั่นยังทำใจได้ว่ามันจะหาย แต่ดูซิ...ดูสีหน้าและแววตาของเขามันดูเลื่อนลอย...และมองมาทางเธอย่างว่างเปล่า“เอ...”เธอถลาเข้าไปหาเขา แล้วก็หยุดอีกหนหนึ่ง เมื่อสาวิตต์ทำเหมือนไม่รับรู้ด้วย เขายังมองเบิ่งไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเธอ คุณสีดาหันขวับมาหาสามี ถามเสียงสั่น“อะไรกันคะนี่ ตาเอเป็นอะไร...ทำไมเขาทำหน้าตาแบบนั้น”คุณทรงศักดิ์โอบบ่าของภรรยาเอาไว้ ร่างแบบบางของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น“หมอบอกว่าเหมือนเขาจะช็อก พูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นพักๆ เหมือนคนสะเทือนใจมากเกินไป”“แล้วแกจะหายไหม”“ต้องอาศัยเวลา แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาตัว บางทีอาจจะต้องลางาน...หรืออาจจะต้องถึงขั้นลาออกก็ได้”“ไม่!”เธอร้อง หันมาซบหน้ากับบ่าของสามี นานแล้วที่คนสองคนไม่เคยหันหน้าเข้าหากันอีก ต่างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความบาดหมางในเรื่องเล็กน้อยถูกทำให้ใหญ่มากขึ้น และไม่อาจจะเชื่อมต่อติดกันได้อีกเลยแต่ตอนนี้หัวอกของความเป็นพ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอ

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   132 ทุกอย่างเริ่มเข้าที่

    ปืน...มินตาบอกเมื่อเห็นสาวิตต์หยิบมันออกมาวางไว้บนโต๊ะกลมเล็กข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งลง แววตาที่เขามองดูศิลาทำให้มินตายะเยือกไปตลอดตัว มันบ่งบอกว่าหากเขาจะลั่นไกปืน เขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดชั่งใจอีกเลย มินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพูดกับสาวิตต์ดีๆ“คุณเอ ขอให้มินนะ...อย่าถึงกับฆ่ากันเลย...”“บอกแล้วว่าอย่ายุ่ง ไม่ฆ่าเธอด้วยก็บุญเท่าไหร่รึว่าอยากตายตามผัว”“คุณเอจะทำไมได้นะคะ”“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ นึกถึงที่มันทำกับพี่ซิ เพราะมัน...” สาวิตต์ชี้มือไปยังศิลาอย่างคั่งแค้น นั่นคือชายที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็กึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน เขาไม่เคยเชื่อใครพูดอย่างไร เขาก็มักจะหัวเราะขบขันเสียเสมอว่าทุกคนที่พูดนั้น ล้วนแล้วแต่มีอาการทางจิตที่คิดมากเกินการไปเองทั้งนั้น แต่แล้วเขากลับมารู้เป็นคนสุดท้าย รู้เพื่อทำให้โลกที่เคยสวยงามสำหรับเขามันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจึงมองหาทางออกใดไม่พบนอกจากทางนี้ ฆ่าศิลาเสีย ก็เท่ากับฆ่าไอ้เด็กเวรคนนั้นด้วย เมื่อหนนั้นมันเลือกรอดได้อาจจะเพราะดวงมันแข็ง แต่คราวนี้ไม่มีวันที่ดวงมันจะแข็งเท่าครั้งนั้นอีก มันจะต้องตายนั่นคือทางที่เขาเลือกให้มั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status