แชร์

บทที่11 เทพเจ้าคุ้มครอง

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-10 11:05:26

เรื่องนี้... หย่งฟางไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษของเธอจะคิดอย่างไรกั การทำเทวรูปทองคำเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจไม่น้อย

“ตามฉันมา คุณถามเอาเองแล้วกัน”

หย่งฟางพูดพร้อมกับกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้เล็กๆ พาพวกเขาเข้าไปในวิหาร และบอกให้นำของบูชาไปวางบนโต๊ะบูชา เธอหยิบธูปขึ้นมา 3 ดอก ยื่นให้คุณนายฉู่ พร้อมกับส่งไฟแช็กจุดให้ด้วยความชำนาญ จากนั้นปักธูปลงในกระถางธูป ขณะที่ถามคำถามในใจ

ควันธูปลุกลามขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะอ่อนลงในอีกสามวินาทีต่อมา แต่ก็ยังมีประกายไฟพุ่งออกมาอยู่บ้าง หย่งฟางจ้องมองธูปอย่างตั้งใจ

คุณนายฉู่ถามด้วยความคาดหวัง “เทพเจ้ายินยอมหรือไม่?”

หย่งฟางแปลความหมาย “เทพเจ้ายินดีในเจตนาของคุณ แต่การทำเทวรูปทองคำมันฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วเสี่ยงต่อการถูกขโมย ฉะนัน้ทำเป็นทองเคลือบ 18K ก็พอแล้ว”

“เจาะจงขนาดนั้นเลยเหรอ? คุณนายฉู่ถามอย่างแปลกใจ

“นอกจากนี้คุณยังเป็นคนแรกในรอบสิบปี ที่มาทำบุญให้กับเทพเจ้าองค์นี้ ท่านจำคุณได้แล้ว ต่อไปจะคอยคุ้มครองคุณให้ปล่อยภัย”

คุณนายฉู่ปล่อยวางข้อสงสัยทั้งหมด และยิ้มด้วยความยินดี จากนั้นหล่อนก็ไหว้อีกครั้งด้วยความเคารพ “ฉันจะติดต่อกับนักออกแบบทันที ทำการปรับปรุงวิหารนี้ให้เรียบร้อยทั้งภายในและภายนอก จากนั้นจะหาคนมาทำเทวรูปทองเคลือบ 18K!”

คุณนายฉู่เป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการอย่างรวดเร็ว เธอเริ่มโทรศัพท์เพื่อเรียกคนมาดำเนินการ ฉู่เหยียนเองก็ต้องการจุดธูปเพื่อแสดงความเคารพเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน หย่งฟางจึงสอนเขาทีละขั้นตอน

“ถือธูปสามดอกไว้ด้วยมือเดียว แล้วใช้ไฟแช็กจุดไฟ”

ฉู่เหยียนทำตาม ควันที่ปลายธูปลุกลามขึ้น เขากำลังจะเป่าให้ดับ แต่หย่งฟางห้ามไว้

“แค่โบกสองครั้งก็พอแล้ว”

ฉู่เหยียนโบกธูปสองครั้ง จนไฟดับเหลือเพียงปลายธูปที่เป็นสีแดง

หย่งฟางพูดต่อ “จำไว้นะ ต่อไปไม่ว่าจะบูชาเทพองค์ใดก็ห้ามเป่าธูปให้ดับ เข้าใจไหม? ตอนนี้ให้คุณอธิษฐานเงียบๆ ในใจ”

ฉู่เหยียนหลับตาลงและอธิษฐานในใจ หย่งฟางสังเกตเห็นว่าขนตาของเขายาวและหนา นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงตาของเขาดูมีความชื้น และคล้ายกับไก่ที่เธอเคยเห็นในรายการทีวี

ฉู่เหยียนลืมตาขึ้นและมองเธอ

หย่งฟางยังคงรักษาท่าทีอย่างสงบนิ่ง “ใช้มือขวาปักธูปดอกหนึ่งลงในกระถางธูปตรงกลาง”

ฉู่เหยียนทำตามอย่างเคร่งครัด ปักธูปดอกหนึ่งลงในกระถางธูป

“แล้วปักอีกดอกหนึ่งที่ด้านซ้ายของธูปดอกแรก ดอกสุดท้ายที่ด้านขวา เสร็จแล้ว” หย่งฟางสังเกตธูปอย่างตั้งใจ ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็ขมวดคิ้ว “คุณอธิษฐานว่าอะไร?”

“ผมขอให้เทพเจ้ามีสุขภาพแข็งแรง”

เมื่อเห็นท่าทางของหย่งฟาง ฉู่เหยียนจึงรู้สึกไม่มั่นใจจึงพูดต่อ “หรือว่าไม่ควรอธิษฐานแบบนี้? ผมไม่รู้ว่าควรขออะไรดี”

“เทพเจ้าเป็นทิพย์ ท่านแข็งแรงอยู่แล้ว คุณห่วงตัวเองจะดีกว่า”

ฉู่เหยียนถึงกับพูดไม่ออก “...”

คุณนายฉู่ที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์หัวเราะอย่างแห้งๆ “ฮ่าๆ เจ้าลูกคนนี้ช่างซื่อเสียจริง”

เมื่อพวกเขาเดินออกไปที่นอกวิหาร แสงแดดก็สาดส่องมาจนแสบตา คุณนายฉู่ต้องการล้างมือ เห็นมีอ่างน้ำขนาดใหญ่อยู่ในลานกลาง เธอจึงเดินเข้าไป ทันทีที่เปิดฝาไม้ออกมีบางอย่างพ่นน้ำออกมาเป็นสาย เสียงดัง "ป๊อก" น้ำก็พุ่งใส่หน้าเธอเต็มๆ

คุณนายฉู่ตกใจจนหน้าถอดสีและกรีดร้องเสียงดัง หย่งฟางรีบปิดฝาถังน้ำทันที ฉู่เหยียนเข้ามาสำรวจแม่ของเขาเพื่อดูว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงเครื่องสำอางที่เปียก คุณนายฉู่ตกใจและถามด้วยเสียงสั่นเครือ “เมื่อกี้มันคืออะไร?”

“มันเป็นของที่สืบทอดมาจากตระกูลฉู่ ฉันกำลังให้พี่สาวผีแช่น้ำอยู่เจ็ดสิบเจ็ดวันก่อนจะส่งเธอไปสู่สุขติ ดังนั้นถ้าพวกคุณต้องมาที่ศาลเจ้าในช่วงนี้ อย่าเข้าใกล้ถังน้ำนั้น หล่อนเกลียดชังทุกคนในตระกูลฉู่”

คุณนายฉู่กุมหน้าอกของตัวเองและพยักหน้าหลายครั้ง

หย่งฟางถามขึ้นอีกครั้ง “คุณเป็นคนที่มักจะตกใจง่ายใช่ไหม?”

“ใช่ๆ ฉันเป็นแบบนั้น”

หย่งฟางที่เริ่มหวังให้เชฟหลวงอยู่กับเธอนานขึ้น จึงได้บอกถึงยาสมุนไพรจีน 7 ชนิดให้กับคุณนายฉู่ “ต้มและดื่มเหมือนน้ำชามันจะช่วยให้คุณหายตกใจ ดื่มไปก่อนถ้าไม่หายยังไงก็มาหาฉัน หรือไปหาอาจารย์ด้านสมุนไพรก็ได้”

คุณนายฉู่แสดงความภักดีอย่างสุดซึ้ง “อาจารย์หย่ง! ฉันยอมรับแต่อาจารย์และบรรพบุรุษของเราเท่านั้น!!”

หย่งฟางเริ่มคิดถึงคุณนายฉู่ในตอนแรก ที่ยังเป็นหญิงสูงศักดิ์ เพราะอย่างนั้นเธอจะได้รู้สึกไม่ดีที่จะเอาเปรียบมากเกินไป คุณนายฉู่ในวันนี้มีท่าทีเปลี่ยนไปมาก เริ่มรู้สึกผิดที่คิดแผนการรั้งแม่ครัวหลวงไว้ทำอาหาร

“ถ้าคุณยอมรับแค่ฉัน ถ้าอย่างนั้นคุณทำอาหารกลางวันก่อนลงจากเขาจะได้ไหม?” เธออดไม่ได้ที่จะขอ

 รู้ว่าเป็นการเอาเปรียบและทำให้หย่งฟางรู้สึกไม่ดีหน่อยๆ แต่แค่ขอให้ทำอาหารมันคงไม่ได้หนักหนาอะไรนัก

ฉู่เหยียนหมดคำพูด “...”

แต่คุณนายฉู่รู้สึกดีใจอย่างมาก ที่ได้รับการยอมรับจากอาจารย์ “ได้เลยค่ะ!”

ในที่สุดคุณนายฉู่ก็ทำอาหาร 5 อย่างและซุป 1 ถ้วยให้กับหย่งฟาง ก่อนที่จะกล่าวคำอำลาลงเขาไปพร้อมกับลูกชายสุดที่รัก หย่งฟางมองดูพวกเขาเดินหายไปจากระยะสายตา จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะเล็กๆ แล้วตักอาหารทั้ง 5 อย่างขึ้นมาวางบนช้อนใหญ่ๆ และกินมันเข้าปากอย่างรวดเร็ว

น้ำตาเธอไหลออกมา อาหารที่ทำโดยเชฟหลวงมันอร่อยมากจริงๆ  ฮือออ เธอกินอย่างหลงใหลจนท้องอิ่ม แล้วนำอาหารที่เหลือใส่ชามเล็กๆ อุ่นเอาไว้เพื่อให้มื้อเย็นก็เป็นอันเรียบร้อย

คุณนายฉู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทในสังคมไฮโซ มักจะมีเวลาว่างในช่วงเช้าห้าวันต่อสัปดาห์ เพื่อไปเดินออกกำลังกายที่ทะเลสาบซื่อหลี่เป็นเวลาสองชั่วโมง แต่ตอนนี้หล่อนเปลี่ยนสถานที่เดินออกกำลังกายเป็นภูเขาหลงหย่าแทน หล่อนขับรถมาถึงตอนตีห้าแล้วจึงขึ้นเขา ยังชวนเพื่อนๆ เหล่านั้นมาด้วยกัน แต่พวกเขากลับบอกว่าที่นั่นยังไม่ได้พัฒนา มันอาจจะอันตรายเกินไป

คุณนายฉู่พยายามอธิบาย แต่เพื่อนๆ ของหล่อนก็ยังไม่สนใจ จึงไม่ได้บังคับใครแต่ก็ยังคงขึ้นเขาอย่างตั้งใจ ใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จากนั้นก็เข้าไปในศาลเจ้า เพื่อทำอาหารให้หย่งฟาง ถ้าพบว่าในวันก่อนหน้าไม่มีวัตถุดิบพอ ก็จะไปซื้อมาเพิ่มอีกด้วย

หย่งฟางรู้สึกซาบซึ้งมาก จนเรียกเธอด้วยชื่อ ‘หยูถัง’ ทุกคำ

แปลกมากที่หลังจากที่หล่อนกับลูกชายฉู่เหยียน ไปบูชาเทพเจ้าของศาลเจ้า ในคืนนั้นฝันเห็นนายพลเฒ่าผู้หนึ่งสวมชุดเกราะ พร้อมกับผู้หญิงสองคนที่มีหน้าตาเหมือนหล่อนอย่างกับแกะมาหา  จากนั้นก็ไม่พูดอะไรแล้วใช้ฝ่ามือตีผู้หญิงสองคน ที่ดูเหมือนหล่อนเข้าไปในร่างของเธอ

หลังจากที่ฝันและยังคงดื่มชาลดความตกใจที่หย่งฟางให้ ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยตกใจง่ายอีกต่อไป ถึงแม้สถานที่เดินออกกำลังกายจะแตกต่างจากเพื่อนๆ แต่ก็ยังคงไปร่วมกิจกรรมต่างๆ กับพวกหล่อนอยู่เสมอ เช่นการดื่มชาช่วงบ่ายหรือการชมงานศิลปะ เมื่อพวกหล่อนพูดคุยเรื่องซุบซิบหรือข่าวต่างๆ ด้วยความตื่นเต้น คุณนายฉู่กลับรู้สึกสงบอย่างมากและแสดงสีหน้าที่เรียบเฉย

พวกเขาต่างบอกว่าหล่อนกำลังเสแสร้ง

คุณนายฉู่ไม่ได้อธิบาย แต่รู้สึกว่าความคิดของหล่อนไม่เหมือนกับพวกนั้นอีกต่อไป แม้ว่าจะยังไปเจอกับคนในวงสังคมเพื่อฆ่าเวลา จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำโดยต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น คุณนายฉู่เกิดเป็นตะคริวที่ขา ขณะที่โค้ชหันหลังให้ หล่อนสำลักน้ำไปหลายครั้ง และไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ ขณะที่ความกลัวเข้ามาครอบงำจิตใจ มีพลังบางอย่างผลักหล่อนขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้สามารถส่งเสียงออกมา และได้รับการช่วยเหลือจากโค้ช

วันถัดมาเป็นคลาสขี่ม้า คุณนายฉู่และเพื่อนๆ เปลี่ยนชุดเป็นเรียบร้อย และเตรียมตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่แล้วม้าตัวหนึ่งเกิดตกใจและไม่สามารถควบคุมได้ มันวิ่งชนไปทั่วจนทำให้ม้าทุกตัวต่างวิ่งพล่านไปทั่วสนาม มีคนที่ตกจากม้าแล้วล้มลงไปบ้าง บางคนก็โดนกระแทก แล้วถูกลากไปกับพื้นหลายเมตร บางคนถูกเตะที่หน้าอก อุบัติเหตุนี้รุนแรงมาก และทุกคนรวมทั้งโค้ชต่างถูกส่งไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา

ยกเว้นคุณนายฉู่เพียงคนเดียว ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย

สายมูตัวจริงต้องยกให้คุณนายฉู่ แค่บอกว่าจะสร้างก็ได้รับการคุ้มครองแล้ววว

เทพเจ้าในดีกับตระกูลนี้มากกกก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่ 117 ซ่งชางชิงและสือว่านซือ

    ความเสียสละและจิตใจอันยิ่งใหญ่ของหลงหยวนหยวน ทำให้หย่งฟางรู้สึกประทับใจ หลังจากเก็บกระดูกมังกร ลูกบอลวิญญาณ เทพธิดาน้อยและสัมภาระ หย่งฟางก็ใช้ค่ายกลย่อพื้นที่ออกไปจากเกาะอีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงสมาคมเทียนซือ หย่งฟางส่งมอบกระดูกมังกรให้หัวหน้าหลิวที่รอคอยอยู่อาจารย์หลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขารีบสั่งให้เหล่านักพรตอาวุโสช่วยกันนำกระดูกมังกรไปรวมเข้ากับเส้นมังกรของแผ่นดิน"ทำได้ดีมาก" หัวหน้าหลิวกล่าวชื่นชม พร้อมส่งสิ่งของบางอย่างให้หย่งฟาง"สิ่งนี้ให้กับหลงหยวนหยวน ถือเป็นรางวัลและคำขอบคุณจากทางสมาคม"เมื่อเปิดดูพบว่ามันคือ เครื่องรางเขามังกร ขนาดเล็กที่หากงูมังกรตัวนั้นได้ใช้ จะช่วยเพิ่มพูนพลังตบะได้อย่างมาก หย่งฟางกล่าวขอบคุณอาจารย์หลิวแทนหลงหยวนหยวน ก่อนเดินออกมาจากห้องทำงาน เมื่อไม่มีธุระใดๆ แล้ว เธอก็พาทุกคนกลับไปยังวัด ซึ่งเวลานั้นเป็นช่วงเย็นพอดีในศาลาเล็กๆ เหล่าสมาชิกสำนักกำลังนั่งชมรายการ สุดยอดปรมาจารย์ ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ เสียงโวยวายของห่าวจาวไฉและจินเหยาไต้ดังขึ้นอย่างไม่หยุด"ทำไมไม่ให้หยวนหยวนของเราคว้าแชมป์! พวกเขาไม่เข้าใจถึงคุณค่าของวิชาและพลังที่หยวนหยวนใช้เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่116 ตัวแทนสมาคมเทียนซือ

    ไม่ใช่แค่ชาวเน็ตจากพื้นที่อื่น ที่เคยได้ยินชื่อเสียงของหย่งฟางและวัดเสวียนเว่ยเท่านั้น แม้แต่คนถานจิงเองรวมถึงคนที่เคยไปไหว้พระขอพรที่วัดเสวียนเว่ย ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยเห็นความสามารถ ในการจับผีหรือปราบปีศาจของหย่งฟาง พวกเขาคิดว่าเธอแค่เก่งเรื่องวาดยันต์หรือทำนายโชคชะตา แต่พอลงมือจริงๆ...ไม่ใช่สิ! หย่งฟางเธอทำได้จริงเหรอ?! โคตรเท่เลย!!!ทุกคนดูผ่านหน้าจอมือถือ เหมือนกำลังชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์สุดอลังการ หย่งฟางปรากฏตัวจากฟากฟ้า ใช้เส้นด้ายแดงสังหารปีศาจทะเลบ้าคลั่ง ราวกับทูตสาวจากสวรรค์ที่ลงมาปราบมาร ปลายนิ้วเรียวยาวเคลื่อนผ่านเส้นด้ายแดง เสริมด้วยใบหน้าสวยตราตรึงทำให้ทุกคนตะลึง ดวงตากลมโตเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางๆ บ่งบอกถึงความสง่างามและเสน่ห์ที่แฝงความขี้เล่น"พี่สาว! ฉันเป็นผี! จับฉันที!!!"หลังจากเหตุการณ์นี้ ทุกคนเริ่มค้นหาผลงานภาพยนตร์ และซีรีส์ที่หย่งฟางเคยแสดง เพื่อจะได้เห็นใบหน้างดงามนั้นอีก และพวกเขาก็พบว่า...ในซีรีส์ย้อนยุค เธอดูดีมาก ท่วงท่าสง่างาม ทรงผมและเครื่องแต่งกายดูเข้ากันทุกมุม โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ทั้งสวยงามและดุดัน หย่งฟางคือคนที่เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่115 กระดูกมังกร

    เช้าวันใหม่ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงสาย หย่งฟางขยับตัวในผ้านวมนุ่มอย่างสบายใจ ก่อนจะลุกจากเตียงเชื่องช้า หนิงหมี่และเสี่ยวชิวตื่นกันตั้งแต่เช้า กำลังนั่งเล่นการ์ดพยายามสร้างบ้านจากการ์ดกันอยู่ หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ หญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องน้ำในขณะนั้นบ้านการ์ดที่สองสาวสร้างถูกผลักล้มไปแล้ว บนโต๊ะเล็กมีจานแตงโมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ วางเรียงไว้อย่างสวยงามแทน หนิงหมี่กับเสี่ยวชิวนั่งเคี้ยวพลางบ่นพึมพำ “อาจารย์หย่ง มีผู้ชายหล่อมากคนหนึ่งฝากมาให้ ลองกินดูสิ” พร้อมกับใช้ส้อมเงินเล็กๆ จิ้มแตงโมชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้หย่งฟางคนที่ฝากมาก็น่าจะเป็นฉู่เหยียนหรือไม่ก็ฉู่สวี่ หย่งฟางงับแตงโมพลางถาม “ผู้ชายหล่อที่ว่าเนี่ย คนโตหรือคนเล็กล่ะ?”หนิงหมี่เอียงคอครุ่นคิดก่อนตอบ “แยกไม่ออกหรอก หล่อทั้งคู่ แต่คนที่ให้แตงโมใส่แว่นนะ”พอได้ยินแบบนั้นหย่งฟางก็รู้ทันทีว่าเป็นฉู่สวี่ น้ำแตงโมหวานฉ่ำซึมซาบอยู่ในโพรงปาก หญิงสาวเดินออกจากห้องพักครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเคาะห้องฝั่งตรงข้าม ประตูถูกเปิดออกเป็นฉู่สวี่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำสนิท ปลายชุดยาวถึงช่วงกล้ามขาเรียวกระชับ ปลายผมที่ยังเปียกเล็กน้อยปกคลุ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที114 ทะยานสู่ฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นเทพ

    หย่งฟางสัมผัสพลังงานรอบตัว ทำให้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมหมู่บ้านหลีเจียจึงสงบสุขได้เช่นนี้ ธรรมชาติแห่งคุณธรรมและความเมตตา นักพรตชราตาบอดผู้นี้ มีความเข้าใจในคุณธรรม และเส้นทางแห่งสวรรค์ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกรุณา แม้เขาจะมองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ว่าการร้องของกบในทุ่งนาคือชีวิต เสียงจิ้งหรีดในยามค่ำคืนคือชีวิตและที่สำคัญที่สุด ซากศพในหอเด็กหญิงก็คือชีวิตเช่นกันทุกค่ำหลังพระอาทิตย์ตกดิน นักพรตชราจะคลำทางไปยังหอเด็กหญิงเพียงลำพัง เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณให้กับเด็กที่เสียชีวิต เขาสวดมนต์เสียงเบา มือหมุนลูกประคำ แม้เสียงจะไม่ดังนัก แต่เปี่ยมด้วยพลังและความเมตตา ผู้หญิงในหมู่บ้านมักแอบตามมา ฟังเสียงสวดมนต์ในความมืดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินเมื่อเขาทำพิธีเสร็จ พวกเธอก็จะใช้สีผ้าห่อศพ เพื่อระบุว่าศพไหนเป็นของลูกตัวเอง จากนั้นก็ขุดหลุมเล็กๆ ใกล้ๆ เพื่อฝังลูกด้วยความระมัดระวัง หอเด็กหญิงค่อยๆ ถูกทำลายลง เหลือไว้เพียงหลุมฝังศพเล็กๆ สองร้อยกว่าหลุมกระจายอยู่รอบบริเวณนักพรตใช้เวลาครึ่งปี ในการมาที่หอเด็กหญิงในยามค่ำคืน เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณจนเสร็จสิ้น และระหว่างนั้น เด็กหญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ใต้กองศพ ก็ถูก

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่113 อาแปะ

    "จะมีเหตุผลอะไรได้อีก?"หยู่ถังมองหย่งฟางด้วยความตกใจหลีชิงอวี่แสดงท่าทางระแวดระวังเต็มที่ "คุณหย่ง ตกลงคุณเป็นใครกันแน่?""ฉันคือศิษย์วัดเสวียนเว่ย หย่งฟางค่ะ""คุณเป็นนักพรต?!" หลีชิงอวี่มีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปหย่งฟางพยักหน้าตอบแต่หลีชิงอวี่ถามต่อ "คุณทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณได้ไหม?""ทำได้""ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกคุณ"สาวอีกสองคนร้องไห้พลางพูดขึ้น "พี่สาว ได้โปรดอย่าบอกออกไปเลย ฉันกลัวว่าแม่ของฉันจะถูกจับเข้าคุก..."หลีชิงอวี่กุมมือของน้องสาวทั้งสองไว้แน่น "ไม่ต้องกลัว" จากนั้นเธอหันไปมองหย่งฟางและขอร้อง "ถ้าคุณฟังเรื่องทั้งหมดแล้วคิดจะไปแจ้งตำรวจ ขอให้จับฉันคนเดียวก็พอ"หย่งฟางตอบ "ฉันรับรองแบบนั้นไม่ได้""ไม่เป็นไร" หลีชิงอวี่ยิ้มบางๆ "ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง"หลังพูดจบ หลีชิงอวี่ก็เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่น่าเศร้า จากอดีตของเธอออกมาอย่างช้าๆ ในปี 1988 ที่หมู่บ้านหลีเจีย มีร่างเด็กผู้หญิงกองรวมกันในสถานที่ที่พวกเขาเรียกว่า ‘หอเด็กหญิง’ ทับทมกันจนสูงถึงสองร้อยร่าง แต่นั่นไม่ได้เป็นหอจริงๆ มันคือซากศพของเด็กผู้หญิงที่กองกันจนสูงราวกับเป็นหอคอยเหล่าผู้หญิงร

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่112 หลอกผี

    ผีสาวพุ่งเข้ามาหาหย่งฟาง หญิงสาวหรี่ตาลงคว้ามือจับเล็บยาวสีแดงเพลิงไว้แล้วบิดข้อมือผีตัวนั้น ก่อนจะพลิกแขนที่เหมือนไร้เรี่ยวแรงทิ่มเข้าไปที่ดวงตา ที่มีเลือดไหลซึมออกมา ผีสาวหลับตาและถอยหลังไปหนึ่งก้าว หย่งฟางไม่รอช้าฟาดฝ่ามือเข้าไปที่หลังมือของผีตนนั้น ถึงกับถอยหลังไปไกลหลายเมตร ก่อนที่ร่างของมันจะเสียหลักล้มลงนอนบนพื้นผีสาวอีกตัวในชุดแดงร้องคำรามเสียงดัง พร้อมพุ่งเข้ามาอ้าปากกว้างกางกรงเล็บที่เหยียดตรง ตั้งใจจะจับคอของหย่งฟาง แต่นักพรตสาวเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายลม หลบการโจมตีของผีตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับยกขาถีบเข้าที่ท้องของมัน ผีสาวร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันหยุดนิ่งไปชั่วครู่หยู่ถังคิดในใจ ผียังเจ็บได้ด้วยเหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นผีสาวก็ไม่ถอยหลัง มันพุ่งเข้าหาหย่งฟางอีกครั้งด้วยความดุดัน ในขณะเดียวกัน ผีสาวที่ล้มลงไปก่อนหน้านี้ก็ฟื้นตัวเหมือนปลาที่กระโดดจากพื้น ตอนนี้หย่งฟางต้องรับมือกับผีสาวถึงสองตัวหยู่ถังไม่คิดมาก รีบตะโกนถาม “อาจารย์หย่ง! ให้ฉันไปหยิบอุปกรณ์ให้ไหม?”“ไม่ต้อง” หย่งฟางตอบสั้นๆ ในขณะที่ยังต่อสู้อยู่ผีทั้งสองตัวบ้าคลั่งมากขึ้น การโจมตีของพวกมันเริ่มทวีควา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status