공유

บทที่9 เทพแห่งห้องสุขา

last update 최신 업데이트: 2024-12-09 11:05:01

รถของตระกูลฉู่จอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตระกูลซ่ง หย่งฟางลงจากรถแล้วเดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งจากข้างทาง  ก่อนจะเดินมาที่หน้าประตูบ้าน เธอท่องคาถาอย่างรวดเร็ว

“ขออัญเชิญท่านเทพแห่งห้องสุขา ผู้ที่เชื่อมต่อสวรรค์และโลก สามารถผ่านเข้าออกในโลกมนุษย์และโลกแห่งความตายได้”

เมื่อเธอทิ่มกิ่งไม้ลงกับพื้นเมื่อท่องคาถาเสร็จ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใสและชัดเจน “ขออัญเชิญ!” ทันใดนั้นใบไม้และฝุ่นบนพื้นถูกลมหมุนพัดขึ้นมา

สิบวินาทีต่อมาลมสงบลง และหมอกก็เริ่มก่อตัวขึ้น มีเงาร่างเล็กๆ ที่โค้งงอหลังของมันออกมาจากหมอกสีขาว พร้อมกับไม้เท้าในมือ ปรากฏร่างพร้อมรอยยิ้ม

เป็นเทพเทพแห่งห้องสุขาที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่านมองหย่งฟางด้วยดวงตาที่เป็นมิตร “เจ้าหย่งฟางน้อย”

“ขอคารวะท่านเทพ” หย่งฟางก้มโค้งคำนับอย่างเคารพ

“ไม่ต้องพิธีรีตองนัก ข้าเป็นแค่เทพเล็กๆ ได้รับธูปและกระดาษเงินกระดาษทองจากเจ้าทุกปี ก็ถือว่าเป็นเกียรติแล้ว”

ดูเหมือนว่าเทพแห่งห้องสุขาจะรู้จักหย่งฟาง ในยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นวัดใหญ่หรือวัดเล็ก ตำแหน่งของเทพแห่งห้องสุขาถูกลดความสำคัญลง ไม่ต้องพูดถึงว่าคนทั่วไปรับรู้ถึงการมีอยู่หรือไม่ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการบูชา แต่หย่งฟางยังคงให้ความสำคัญกับการบูชาทุกปีในวันที่ 15 มกราคม

แม้ว่าเทพแห่งห้องสุขา จะมีสถานะคล้ายกับเทพเจ้าเตาไฟ ที่ไม่ว่าจะมีการบูชาหรือไม่ก็ไม่กระทบต่อหน้าที่การงาน แต่การที่ยังมีคนจำท่านได้อยู่ ก็เพียงพอที่จะทำให้พึงพอใจแล้ว

“เจ้าหย่งฟางน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาเรียกข้า ต้องการอะไรหรือ?” เทพแห่งห้องสุขาถามด้วยความเมตตาและอ่อนโยน

หย่งฟางชี้ไปที่บ้านของตระกูลซ่ง และกระซิบบอกท่านเทพแห่งห้องสุขาถึงสิ่งที่เธอต้องการ หลังจากฟังแล้วก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ หย่งฟางท่องคาถานกกระเรียนและส่งเทพแห่งห้องสุขากลับด้วยความเคารพ จากนั้นจึงกลับขึ้นรถของตระกูลฉู่ด้วยท่าทางที่มีความสุข

เมื่อถึงเชิงเขาหลงหย่าก็เป็นเวลาตีห้าแล้ว และท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย หย่งฟางขอบคุณคนขับรถและลงจากรถ เธอไม่ได้ใช้ไฟฉายแต่เดินขึ้นเขาไปอย่างชำนาญ ราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนทางเรียบ คนขับรถยืนงงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะกระพริบตาแล้วสังเกตว่า จริงๆ แล้วหย่งฟางกำลังเดินไปตามเส้นทางเดิน ที่แกะสลักไว้อย่างไม่ชัดเจน แม้ว่ามันจะค่อนข้างชันและเหมาะสำหรับการปีนด้วยมือและเท้า แต่ก็ไม่ใช่การปีนหน้าผา

เมื่อกลับถึงวัด สิ่งแรกที่หยงฟ่างทำคือพุ่งตัวลงนอนหลับบนเบาะที่หน้าห้องโถงใหญ่ โดยไม่สนใจว่าจะสกปรกแค่ไหน และเธอก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย วัดไม่มีห้องนอนหรูหรา ดังนั้นจึงต้องนอนบนเบาะนั่งแทน

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาพลบค่ำ เธอลุกขึ้นอย่างงัวเงีย หลังจากคิดทบทวนอยู่นาน ก็ตัดสินใจอาบน้ำสระผมก่อน แล้วค่อยทำอาหาร พรุ่งนี้เธอจะติดต่อหาทีมก่อสร้างเพื่อขุดทางขึ้นเขา

ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกไหม?

และก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าผีสาวในกระเป๋าผ้า

เมื่อเปิดกระเป๋าออก เห็นหมอกดำก้อนนั้นนอนนิ่ง อยู่ในอุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหาร เธอยกหมอกดำขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เมื่อหมอกดำถูกนำออกมาแล้ว ก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างของหมอกนั้นสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าเด็กนี่! ทำไมไม่บอกข้าว่าในกระเป๋ามันเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกที่ดักวิญญาณอย่างนี้! ข้าแทบไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวว่าจะสลายไป! ถ้าอยากจะทำลายข้าก็บอกมาตรงๆ เลย!”

เธอลืมไปเสียสนิท

หย่งฟางจุดธูปสองดอกเพื่อขอโทษ เธอมองดูผีสาวสูดกลิ่นธูปอย่างสบายใจ จึงอดถามไม่ได้ “พี่สาวมีนิสัยที่แข็งกร้าวขนาดนี้ ทำไมถึงถูกบังคับให้แต่งงานล่ะ...”

ไม่มีความจำเป็นต้องรู้คำตอบ เพราะอาจจะเป็นไปได้ว่าแม้แต่ตัวผีสาวเองก็ไม่รู้

หย่งฟางจึงถามต่อ “ถูกขังอยู่ในค่ายกลของตระกูลฉู่มานานกว่าร้อยปี ไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมครั้งนี้ถึงเลือกที่จะออกมาทำร้ายคน?”

ผีสาวสูดกลิ่นธูปอย่างพอใจและหัวเราะเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอ คิดว่าข้าไม่ทำร้ายพวกเขา? พวกคนตระกูลฉู่พวกนั้นต่างหาก ที่เสริมค่ายกลไม่ให้ข้าออกมาได้ แถมพวกเขายังสวมเครื่องรางป้องกันตัวไว้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ยังไงก็ไม่สามารถมีชีวิตเกินห้าสิบปีอยู่ดี ฮิฮิ”

“แต่ตอนที่ฉันไปบ้านนั้น ทำไมถึงไม่เห็นมีเครื่องรางอยู่กับฉู่เหยียน ลูกชายคนรองของตระกูลฉู่?”

“พวกเขาเรียกอาจารย์มาทำพิธีเอาออกไป”

ดังนั้นผีสาวจึงออกมาเพราะค่ายกลเริ่มอ่อนแอลงพอดี และเธอเห็นโอกาสที่จะทำร้ายคนในตระกูลฉู่ จึงใช้จังหวะนั้นเพื่อแก้แค้น หย่งฟางวางผีสาวไว้ในโอ่งที่เก็บน้ำค้างยามเช้า และปล่อยให้เธอแช่อยู่ในนั้น จากนั้นก็ไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาดสดชื่น และหอมรื่นรมย์ รู้สึกเหมือนเกิดใหม่ 

ในเมื่อมีคนรู้สึกเหมือนเกิดใหม่ ก็ย่อมต้องมีคนที่รู้สึกเหมือนตายไปแล้ว

วันนี้บ้านตระกูลซ่งวุ่นวาย… 

ตระกูลซ่งมีแผนจะเชิญคุณนายผู้สูงศักดิ์แปดคนมาที่บ้าน เพื่อจัดกิจกรรมทางสังคมชั้นสูง ประชันฝีมือชงชา และพูดคุยสานสัมพันธ์กัน เมื่อกลุ่มสตรีมาถึง ซ่งฉางชิงผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ควรจะออกมาต้อนรับ แต่เช้าวันนั้นเขาปวดท้องอย่างหนัก ต้องเข้าห้องน้ำทุกสามนาทีจนหมดแรงใบหน้าซีดเซียว จึงตัดสินใจพักอยู่บ้านโดยไม่ออกจากห้อง ให้ภรรยาและลูกเลี้ยงซ่งอิงเป็นผู้ต้อนรับแขกแทน

ในตอนแรกทุกอย่างดูปกติ คุณนายทั้งหลายมาถึงทีละสองสามคน และเริ่มกิจกรรมอย่างสงบเรียบร้อย แต่เมื่อพวกหล่อนกำลังเพลิดเพลินกับการชมดอกไม้ กลับได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยมา

ทันใดนั้นคุณนายคนหนึ่งที่เพิ่งออกจากห้องน้ำ ก็กลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ซ่งไท่ไท่รู้สึกไม่สบายใจ จึงเข้าไปถามด้วยรอยยิ้มว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุณนายคนนั้นกลับมองหล่อนด้วยความโกรธ 

"ครั้งหน้าถ้ามีงานที่บ้านเธอ อย่ามาเชิญฉันอีก"

นี่คือภรรยาของบริษัทอัญมณี!

ซ่งไท่ไท่หน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดไป คุณนายคนอื่นๆ ก็เริ่มปิดจมูกกันเป็นแถว 

"กลิ่นอะไร ทำไมยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ"

"เหมือน...อุจจาระ"  แต่คุณนายทั้งหลายก็พูดคำหยาบไม่ออก แต่ทุกคนต่างคิดเหมือนกัน ไม่มีใครพูดอะไร  ทั้งหมดคว้ากระเป๋าเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ซ่งไท่ไท่พยายามขวางไว้

บางคนยังพอพูดดีได้บ้าง "ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า"

แต่บางคนกลับเหมือนกับภรรยาบริษัทอัญมณี "ครั้งหน้าก็ไม่ต้องเชิญฉันอีก"

ภรรยาของซ่งฉางชิงยังคงหน้าด้านขวางไม่ให้พวกหล่อนกลับไป ซ่งอิงเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจไปดูในห้องน้ำด้วยตัวเอง เมื่อเธอเปิดฝาชักโครกดู และเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน ก็แทบจะอาเจียนออกมาทันที รีบกดชักโครกแต่แทนที่น้ำจะลงไปกลับมีฟองอากาศผุดขึ้นมา สองวินาทีต่อม ชักโครกระเบิดขึ้น น้ำและสิ่งปฏิกูลกระจายเต็มห้อง กระเด็นมาเปรอะตัวของซ่งอิงด้วย

ซ่งอิงวิ่งออกมาพร้อมกับตะโกนอย่างสิ้นหวัง "แม่!!!!!!"

บรรดาคุณนายที่ยังไม่ทันได้กลับ เห็นภาพนั้นเข้าต่างก็อาเจียนและวิ่งหนีออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ซ่งไท่ไท่เองก็เริ่มอาเจียนแห้ง ซ่งอิงทั้งร้องไห้และพยายามเข้าไปหาแม่ของหล่อน แต่ภรรยาของซ่งฉางชิงยกมือห้ามไว้ สุดท้ายซ่งอิงต้องไปจัดการทำความสะอาดตัวเองก่อนจะกลับมาหามารดา และพบว่าพ่อของเธอก็ประสบเหตุชักโครกระเบิดเช่นกัน ขณะทำธุระอยู่ 

ทั้งบ้านซ่งและในรัศมีหลายสิบเมตรเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น

ครอบครัวซ่งไม่มีทางเลือก ต้องโทรเรียกช่างมาซ่อมและทำความสะอาด จากนั้นก็ย้ายไปพักที่โรงแรม แต่เมื่อไปถึงโรงแรมชักโครกในห้องพักก็อุดตันและระเบิดอีกครั้ง ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมชักโครก และทำความสะอาดสองห้องชุดในโรงแรมสูงถึงหกหมื่นหยวน

ในวันต่อมาเมื่อกลับมาที่บ้าน ชักโครกก็ยังคงอุดตันอยู่ ครอบครัวซ่งต้องทนทุกข์อยู่อย่างนี้ถึงสามวัน จนกระทั่งตัดสินใจหาทางแก้ด้วยการไปปรึกษานักพรตผู้มีชื่อเสียง

อาจารย์ถามไถ่เทพเจ้าแล้วได้คำตอบว่า "ครอบครัวคุณทำให้เทพแห่งห้องสุขาโกรธ"

"อะไรนะ? ยังมีเทพแห่งห้องสุขาอีกเหรอ? เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่ แล้วเราทำให้เขาโกรธได้ยังไง?"

"เทพแห่งห้องสุขาบอกว่า คุณถ่ายอุจจาระบนหัวเขา เขาโกรธมาก"

"......"

ครอบครัวซ่งหมดคำพูด แล้วถ้าไม่ให้ถ่ายในห้องน้ำ แล้วจะให้ไปถ่ายที่ไหนล่ะ?! สุดท้ายหลังจากนัดะรตคนนี้เจรจาไกล่เกลี่ย เทพแห่งห้องสุขาจึงยอมสงบศึกกับครอบครัวซ่ง และทุกอย่างก็กลับคืนสู่ปกติ

แต่หน้าตาของครอบครัวซ่งนั้นเสียหายไปหมดแล้ว...

บทนี้ก็จะมีกลิ่นตุๆ หน่อย 5555 ส้วมระเบิดดด

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่ 117 ซ่งชางชิงและสือว่านซือ

    ความเสียสละและจิตใจอันยิ่งใหญ่ของหลงหยวนหยวน ทำให้หย่งฟางรู้สึกประทับใจ หลังจากเก็บกระดูกมังกร ลูกบอลวิญญาณ เทพธิดาน้อยและสัมภาระ หย่งฟางก็ใช้ค่ายกลย่อพื้นที่ออกไปจากเกาะอีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงสมาคมเทียนซือ หย่งฟางส่งมอบกระดูกมังกรให้หัวหน้าหลิวที่รอคอยอยู่อาจารย์หลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขารีบสั่งให้เหล่านักพรตอาวุโสช่วยกันนำกระดูกมังกรไปรวมเข้ากับเส้นมังกรของแผ่นดิน"ทำได้ดีมาก" หัวหน้าหลิวกล่าวชื่นชม พร้อมส่งสิ่งของบางอย่างให้หย่งฟาง"สิ่งนี้ให้กับหลงหยวนหยวน ถือเป็นรางวัลและคำขอบคุณจากทางสมาคม"เมื่อเปิดดูพบว่ามันคือ เครื่องรางเขามังกร ขนาดเล็กที่หากงูมังกรตัวนั้นได้ใช้ จะช่วยเพิ่มพูนพลังตบะได้อย่างมาก หย่งฟางกล่าวขอบคุณอาจารย์หลิวแทนหลงหยวนหยวน ก่อนเดินออกมาจากห้องทำงาน เมื่อไม่มีธุระใดๆ แล้ว เธอก็พาทุกคนกลับไปยังวัด ซึ่งเวลานั้นเป็นช่วงเย็นพอดีในศาลาเล็กๆ เหล่าสมาชิกสำนักกำลังนั่งชมรายการ สุดยอดปรมาจารย์ ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ เสียงโวยวายของห่าวจาวไฉและจินเหยาไต้ดังขึ้นอย่างไม่หยุด"ทำไมไม่ให้หยวนหยวนของเราคว้าแชมป์! พวกเขาไม่เข้าใจถึงคุณค่าของวิชาและพลังที่หยวนหยวนใช้เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่116 ตัวแทนสมาคมเทียนซือ

    ไม่ใช่แค่ชาวเน็ตจากพื้นที่อื่น ที่เคยได้ยินชื่อเสียงของหย่งฟางและวัดเสวียนเว่ยเท่านั้น แม้แต่คนถานจิงเองรวมถึงคนที่เคยไปไหว้พระขอพรที่วัดเสวียนเว่ย ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยเห็นความสามารถ ในการจับผีหรือปราบปีศาจของหย่งฟาง พวกเขาคิดว่าเธอแค่เก่งเรื่องวาดยันต์หรือทำนายโชคชะตา แต่พอลงมือจริงๆ...ไม่ใช่สิ! หย่งฟางเธอทำได้จริงเหรอ?! โคตรเท่เลย!!!ทุกคนดูผ่านหน้าจอมือถือ เหมือนกำลังชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์สุดอลังการ หย่งฟางปรากฏตัวจากฟากฟ้า ใช้เส้นด้ายแดงสังหารปีศาจทะเลบ้าคลั่ง ราวกับทูตสาวจากสวรรค์ที่ลงมาปราบมาร ปลายนิ้วเรียวยาวเคลื่อนผ่านเส้นด้ายแดง เสริมด้วยใบหน้าสวยตราตรึงทำให้ทุกคนตะลึง ดวงตากลมโตเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางๆ บ่งบอกถึงความสง่างามและเสน่ห์ที่แฝงความขี้เล่น"พี่สาว! ฉันเป็นผี! จับฉันที!!!"หลังจากเหตุการณ์นี้ ทุกคนเริ่มค้นหาผลงานภาพยนตร์ และซีรีส์ที่หย่งฟางเคยแสดง เพื่อจะได้เห็นใบหน้างดงามนั้นอีก และพวกเขาก็พบว่า...ในซีรีส์ย้อนยุค เธอดูดีมาก ท่วงท่าสง่างาม ทรงผมและเครื่องแต่งกายดูเข้ากันทุกมุม โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ทั้งสวยงามและดุดัน หย่งฟางคือคนที่เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่115 กระดูกมังกร

    เช้าวันใหม่ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงสาย หย่งฟางขยับตัวในผ้านวมนุ่มอย่างสบายใจ ก่อนจะลุกจากเตียงเชื่องช้า หนิงหมี่และเสี่ยวชิวตื่นกันตั้งแต่เช้า กำลังนั่งเล่นการ์ดพยายามสร้างบ้านจากการ์ดกันอยู่ หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ หญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องน้ำในขณะนั้นบ้านการ์ดที่สองสาวสร้างถูกผลักล้มไปแล้ว บนโต๊ะเล็กมีจานแตงโมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ วางเรียงไว้อย่างสวยงามแทน หนิงหมี่กับเสี่ยวชิวนั่งเคี้ยวพลางบ่นพึมพำ “อาจารย์หย่ง มีผู้ชายหล่อมากคนหนึ่งฝากมาให้ ลองกินดูสิ” พร้อมกับใช้ส้อมเงินเล็กๆ จิ้มแตงโมชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้หย่งฟางคนที่ฝากมาก็น่าจะเป็นฉู่เหยียนหรือไม่ก็ฉู่สวี่ หย่งฟางงับแตงโมพลางถาม “ผู้ชายหล่อที่ว่าเนี่ย คนโตหรือคนเล็กล่ะ?”หนิงหมี่เอียงคอครุ่นคิดก่อนตอบ “แยกไม่ออกหรอก หล่อทั้งคู่ แต่คนที่ให้แตงโมใส่แว่นนะ”พอได้ยินแบบนั้นหย่งฟางก็รู้ทันทีว่าเป็นฉู่สวี่ น้ำแตงโมหวานฉ่ำซึมซาบอยู่ในโพรงปาก หญิงสาวเดินออกจากห้องพักครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเคาะห้องฝั่งตรงข้าม ประตูถูกเปิดออกเป็นฉู่สวี่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำสนิท ปลายชุดยาวถึงช่วงกล้ามขาเรียวกระชับ ปลายผมที่ยังเปียกเล็กน้อยปกคลุ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที114 ทะยานสู่ฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นเทพ

    หย่งฟางสัมผัสพลังงานรอบตัว ทำให้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมหมู่บ้านหลีเจียจึงสงบสุขได้เช่นนี้ ธรรมชาติแห่งคุณธรรมและความเมตตา นักพรตชราตาบอดผู้นี้ มีความเข้าใจในคุณธรรม และเส้นทางแห่งสวรรค์ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกรุณา แม้เขาจะมองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ว่าการร้องของกบในทุ่งนาคือชีวิต เสียงจิ้งหรีดในยามค่ำคืนคือชีวิตและที่สำคัญที่สุด ซากศพในหอเด็กหญิงก็คือชีวิตเช่นกันทุกค่ำหลังพระอาทิตย์ตกดิน นักพรตชราจะคลำทางไปยังหอเด็กหญิงเพียงลำพัง เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณให้กับเด็กที่เสียชีวิต เขาสวดมนต์เสียงเบา มือหมุนลูกประคำ แม้เสียงจะไม่ดังนัก แต่เปี่ยมด้วยพลังและความเมตตา ผู้หญิงในหมู่บ้านมักแอบตามมา ฟังเสียงสวดมนต์ในความมืดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินเมื่อเขาทำพิธีเสร็จ พวกเธอก็จะใช้สีผ้าห่อศพ เพื่อระบุว่าศพไหนเป็นของลูกตัวเอง จากนั้นก็ขุดหลุมเล็กๆ ใกล้ๆ เพื่อฝังลูกด้วยความระมัดระวัง หอเด็กหญิงค่อยๆ ถูกทำลายลง เหลือไว้เพียงหลุมฝังศพเล็กๆ สองร้อยกว่าหลุมกระจายอยู่รอบบริเวณนักพรตใช้เวลาครึ่งปี ในการมาที่หอเด็กหญิงในยามค่ำคืน เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณจนเสร็จสิ้น และระหว่างนั้น เด็กหญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ใต้กองศพ ก็ถูก

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่113 อาแปะ

    "จะมีเหตุผลอะไรได้อีก?"หยู่ถังมองหย่งฟางด้วยความตกใจหลีชิงอวี่แสดงท่าทางระแวดระวังเต็มที่ "คุณหย่ง ตกลงคุณเป็นใครกันแน่?""ฉันคือศิษย์วัดเสวียนเว่ย หย่งฟางค่ะ""คุณเป็นนักพรต?!" หลีชิงอวี่มีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปหย่งฟางพยักหน้าตอบแต่หลีชิงอวี่ถามต่อ "คุณทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณได้ไหม?""ทำได้""ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกคุณ"สาวอีกสองคนร้องไห้พลางพูดขึ้น "พี่สาว ได้โปรดอย่าบอกออกไปเลย ฉันกลัวว่าแม่ของฉันจะถูกจับเข้าคุก..."หลีชิงอวี่กุมมือของน้องสาวทั้งสองไว้แน่น "ไม่ต้องกลัว" จากนั้นเธอหันไปมองหย่งฟางและขอร้อง "ถ้าคุณฟังเรื่องทั้งหมดแล้วคิดจะไปแจ้งตำรวจ ขอให้จับฉันคนเดียวก็พอ"หย่งฟางตอบ "ฉันรับรองแบบนั้นไม่ได้""ไม่เป็นไร" หลีชิงอวี่ยิ้มบางๆ "ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง"หลังพูดจบ หลีชิงอวี่ก็เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่น่าเศร้า จากอดีตของเธอออกมาอย่างช้าๆ ในปี 1988 ที่หมู่บ้านหลีเจีย มีร่างเด็กผู้หญิงกองรวมกันในสถานที่ที่พวกเขาเรียกว่า ‘หอเด็กหญิง’ ทับทมกันจนสูงถึงสองร้อยร่าง แต่นั่นไม่ได้เป็นหอจริงๆ มันคือซากศพของเด็กผู้หญิงที่กองกันจนสูงราวกับเป็นหอคอยเหล่าผู้หญิงร

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่112 หลอกผี

    ผีสาวพุ่งเข้ามาหาหย่งฟาง หญิงสาวหรี่ตาลงคว้ามือจับเล็บยาวสีแดงเพลิงไว้แล้วบิดข้อมือผีตัวนั้น ก่อนจะพลิกแขนที่เหมือนไร้เรี่ยวแรงทิ่มเข้าไปที่ดวงตา ที่มีเลือดไหลซึมออกมา ผีสาวหลับตาและถอยหลังไปหนึ่งก้าว หย่งฟางไม่รอช้าฟาดฝ่ามือเข้าไปที่หลังมือของผีตนนั้น ถึงกับถอยหลังไปไกลหลายเมตร ก่อนที่ร่างของมันจะเสียหลักล้มลงนอนบนพื้นผีสาวอีกตัวในชุดแดงร้องคำรามเสียงดัง พร้อมพุ่งเข้ามาอ้าปากกว้างกางกรงเล็บที่เหยียดตรง ตั้งใจจะจับคอของหย่งฟาง แต่นักพรตสาวเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายลม หลบการโจมตีของผีตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับยกขาถีบเข้าที่ท้องของมัน ผีสาวร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันหยุดนิ่งไปชั่วครู่หยู่ถังคิดในใจ ผียังเจ็บได้ด้วยเหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นผีสาวก็ไม่ถอยหลัง มันพุ่งเข้าหาหย่งฟางอีกครั้งด้วยความดุดัน ในขณะเดียวกัน ผีสาวที่ล้มลงไปก่อนหน้านี้ก็ฟื้นตัวเหมือนปลาที่กระโดดจากพื้น ตอนนี้หย่งฟางต้องรับมือกับผีสาวถึงสองตัวหยู่ถังไม่คิดมาก รีบตะโกนถาม “อาจารย์หย่ง! ให้ฉันไปหยิบอุปกรณ์ให้ไหม?”“ไม่ต้อง” หย่งฟางตอบสั้นๆ ในขณะที่ยังต่อสู้อยู่ผีทั้งสองตัวบ้าคลั่งมากขึ้น การโจมตีของพวกมันเริ่มทวีควา

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status