รถของตระกูลฉู่จอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตระกูลซ่ง หย่งฟางลงจากรถแล้วเดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งจากข้างทาง ก่อนจะเดินมาที่หน้าประตูบ้าน เธอท่องคาถาอย่างรวดเร็ว
“ขออัญเชิญท่านเทพแห่งห้องสุขา ผู้ที่เชื่อมต่อสวรรค์และโลก สามารถผ่านเข้าออกในโลกมนุษย์และโลกแห่งความตายได้”
เมื่อเธอทิ่มกิ่งไม้ลงกับพื้นเมื่อท่องคาถาเสร็จ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใสและชัดเจน “ขออัญเชิญ!” ทันใดนั้นใบไม้และฝุ่นบนพื้นถูกลมหมุนพัดขึ้นมา
สิบวินาทีต่อมาลมสงบลง และหมอกก็เริ่มก่อตัวขึ้น มีเงาร่างเล็กๆ ที่โค้งงอหลังของมันออกมาจากหมอกสีขาว พร้อมกับไม้เท้าในมือ ปรากฏร่างพร้อมรอยยิ้ม
เป็นเทพเทพแห่งห้องสุขาที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่านมองหย่งฟางด้วยดวงตาที่เป็นมิตร “เจ้าหย่งฟางน้อย”
“ขอคารวะท่านเทพ” หย่งฟางก้มโค้งคำนับอย่างเคารพ
“ไม่ต้องพิธีรีตองนัก ข้าเป็นแค่เทพเล็กๆ ได้รับธูปและกระดาษเงินกระดาษทองจากเจ้าทุกปี ก็ถือว่าเป็นเกียรติแล้ว”
ดูเหมือนว่าเทพแห่งห้องสุขาจะรู้จักหย่งฟาง ในยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นวัดใหญ่หรือวัดเล็ก ตำแหน่งของเทพแห่งห้องสุขาถูกลดความสำคัญลง ไม่ต้องพูดถึงว่าคนทั่วไปรับรู้ถึงการมีอยู่หรือไม่ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการบูชา แต่หย่งฟางยังคงให้ความสำคัญกับการบูชาทุกปีในวันที่ 15 มกราคม
แม้ว่าเทพแห่งห้องสุขา จะมีสถานะคล้ายกับเทพเจ้าเตาไฟ ที่ไม่ว่าจะมีการบูชาหรือไม่ก็ไม่กระทบต่อหน้าที่การงาน แต่การที่ยังมีคนจำท่านได้อยู่ ก็เพียงพอที่จะทำให้พึงพอใจแล้ว
“เจ้าหย่งฟางน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาเรียกข้า ต้องการอะไรหรือ?” เทพแห่งห้องสุขาถามด้วยความเมตตาและอ่อนโยน
หย่งฟางชี้ไปที่บ้านของตระกูลซ่ง และกระซิบบอกท่านเทพแห่งห้องสุขาถึงสิ่งที่เธอต้องการ หลังจากฟังแล้วก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ หย่งฟางท่องคาถานกกระเรียนและส่งเทพแห่งห้องสุขากลับด้วยความเคารพ จากนั้นจึงกลับขึ้นรถของตระกูลฉู่ด้วยท่าทางที่มีความสุข
เมื่อถึงเชิงเขาหลงหย่าก็เป็นเวลาตีห้าแล้ว และท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย หย่งฟางขอบคุณคนขับรถและลงจากรถ เธอไม่ได้ใช้ไฟฉายแต่เดินขึ้นเขาไปอย่างชำนาญ ราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนทางเรียบ คนขับรถยืนงงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะกระพริบตาแล้วสังเกตว่า จริงๆ แล้วหย่งฟางกำลังเดินไปตามเส้นทางเดิน ที่แกะสลักไว้อย่างไม่ชัดเจน แม้ว่ามันจะค่อนข้างชันและเหมาะสำหรับการปีนด้วยมือและเท้า แต่ก็ไม่ใช่การปีนหน้าผา
เมื่อกลับถึงวัด สิ่งแรกที่หยงฟ่างทำคือพุ่งตัวลงนอนหลับบนเบาะที่หน้าห้องโถงใหญ่ โดยไม่สนใจว่าจะสกปรกแค่ไหน และเธอก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย วัดไม่มีห้องนอนหรูหรา ดังนั้นจึงต้องนอนบนเบาะนั่งแทน
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาพลบค่ำ เธอลุกขึ้นอย่างงัวเงีย หลังจากคิดทบทวนอยู่นาน ก็ตัดสินใจอาบน้ำสระผมก่อน แล้วค่อยทำอาหาร พรุ่งนี้เธอจะติดต่อหาทีมก่อสร้างเพื่อขุดทางขึ้นเขา
ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกไหม?
และก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าผีสาวในกระเป๋าผ้า
เมื่อเปิดกระเป๋าออก เห็นหมอกดำก้อนนั้นนอนนิ่ง อยู่ในอุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหาร เธอยกหมอกดำขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เมื่อหมอกดำถูกนำออกมาแล้ว ก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างของหมอกนั้นสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าเด็กนี่! ทำไมไม่บอกข้าว่าในกระเป๋ามันเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกที่ดักวิญญาณอย่างนี้! ข้าแทบไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวว่าจะสลายไป! ถ้าอยากจะทำลายข้าก็บอกมาตรงๆ เลย!”
เธอลืมไปเสียสนิท
หย่งฟางจุดธูปสองดอกเพื่อขอโทษ เธอมองดูผีสาวสูดกลิ่นธูปอย่างสบายใจ จึงอดถามไม่ได้ “พี่สาวมีนิสัยที่แข็งกร้าวขนาดนี้ ทำไมถึงถูกบังคับให้แต่งงานล่ะ...”
ไม่มีความจำเป็นต้องรู้คำตอบ เพราะอาจจะเป็นไปได้ว่าแม้แต่ตัวผีสาวเองก็ไม่รู้
หย่งฟางจึงถามต่อ “ถูกขังอยู่ในค่ายกลของตระกูลฉู่มานานกว่าร้อยปี ไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมครั้งนี้ถึงเลือกที่จะออกมาทำร้ายคน?”
ผีสาวสูดกลิ่นธูปอย่างพอใจและหัวเราะเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอ คิดว่าข้าไม่ทำร้ายพวกเขา? พวกคนตระกูลฉู่พวกนั้นต่างหาก ที่เสริมค่ายกลไม่ให้ข้าออกมาได้ แถมพวกเขายังสวมเครื่องรางป้องกันตัวไว้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ยังไงก็ไม่สามารถมีชีวิตเกินห้าสิบปีอยู่ดี ฮิฮิ”
“แต่ตอนที่ฉันไปบ้านนั้น ทำไมถึงไม่เห็นมีเครื่องรางอยู่กับฉู่เหยียน ลูกชายคนรองของตระกูลฉู่?”
“พวกเขาเรียกอาจารย์มาทำพิธีเอาออกไป”
ดังนั้นผีสาวจึงออกมาเพราะค่ายกลเริ่มอ่อนแอลงพอดี และเธอเห็นโอกาสที่จะทำร้ายคนในตระกูลฉู่ จึงใช้จังหวะนั้นเพื่อแก้แค้น หย่งฟางวางผีสาวไว้ในโอ่งที่เก็บน้ำค้างยามเช้า และปล่อยให้เธอแช่อยู่ในนั้น จากนั้นก็ไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาดสดชื่น และหอมรื่นรมย์ รู้สึกเหมือนเกิดใหม่
ในเมื่อมีคนรู้สึกเหมือนเกิดใหม่ ก็ย่อมต้องมีคนที่รู้สึกเหมือนตายไปแล้ว
วันนี้บ้านตระกูลซ่งวุ่นวาย…
ตระกูลซ่งมีแผนจะเชิญคุณนายผู้สูงศักดิ์แปดคนมาที่บ้าน เพื่อจัดกิจกรรมทางสังคมชั้นสูง ประชันฝีมือชงชา และพูดคุยสานสัมพันธ์กัน เมื่อกลุ่มสตรีมาถึง ซ่งฉางชิงผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ควรจะออกมาต้อนรับ แต่เช้าวันนั้นเขาปวดท้องอย่างหนัก ต้องเข้าห้องน้ำทุกสามนาทีจนหมดแรงใบหน้าซีดเซียว จึงตัดสินใจพักอยู่บ้านโดยไม่ออกจากห้อง ให้ภรรยาและลูกเลี้ยงซ่งอิงเป็นผู้ต้อนรับแขกแทน
ในตอนแรกทุกอย่างดูปกติ คุณนายทั้งหลายมาถึงทีละสองสามคน และเริ่มกิจกรรมอย่างสงบเรียบร้อย แต่เมื่อพวกหล่อนกำลังเพลิดเพลินกับการชมดอกไม้ กลับได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยมา
ทันใดนั้นคุณนายคนหนึ่งที่เพิ่งออกจากห้องน้ำ ก็กลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ซ่งไท่ไท่รู้สึกไม่สบายใจ จึงเข้าไปถามด้วยรอยยิ้มว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุณนายคนนั้นกลับมองหล่อนด้วยความโกรธ
"ครั้งหน้าถ้ามีงานที่บ้านเธอ อย่ามาเชิญฉันอีก"
นี่คือภรรยาของบริษัทอัญมณี!
ซ่งไท่ไท่หน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดไป คุณนายคนอื่นๆ ก็เริ่มปิดจมูกกันเป็นแถว
"กลิ่นอะไร ทำไมยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ"
"เหมือน...อุจจาระ" แต่คุณนายทั้งหลายก็พูดคำหยาบไม่ออก แต่ทุกคนต่างคิดเหมือนกัน ไม่มีใครพูดอะไร ทั้งหมดคว้ากระเป๋าเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ซ่งไท่ไท่พยายามขวางไว้
บางคนยังพอพูดดีได้บ้าง "ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า"
แต่บางคนกลับเหมือนกับภรรยาบริษัทอัญมณี "ครั้งหน้าก็ไม่ต้องเชิญฉันอีก"
ภรรยาของซ่งฉางชิงยังคงหน้าด้านขวางไม่ให้พวกหล่อนกลับไป ซ่งอิงเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจไปดูในห้องน้ำด้วยตัวเอง เมื่อเธอเปิดฝาชักโครกดู และเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน ก็แทบจะอาเจียนออกมาทันที รีบกดชักโครกแต่แทนที่น้ำจะลงไปกลับมีฟองอากาศผุดขึ้นมา สองวินาทีต่อม ชักโครกระเบิดขึ้น น้ำและสิ่งปฏิกูลกระจายเต็มห้อง กระเด็นมาเปรอะตัวของซ่งอิงด้วย
ซ่งอิงวิ่งออกมาพร้อมกับตะโกนอย่างสิ้นหวัง "แม่!!!!!!"
บรรดาคุณนายที่ยังไม่ทันได้กลับ เห็นภาพนั้นเข้าต่างก็อาเจียนและวิ่งหนีออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ซ่งไท่ไท่เองก็เริ่มอาเจียนแห้ง ซ่งอิงทั้งร้องไห้และพยายามเข้าไปหาแม่ของหล่อน แต่ภรรยาของซ่งฉางชิงยกมือห้ามไว้ สุดท้ายซ่งอิงต้องไปจัดการทำความสะอาดตัวเองก่อนจะกลับมาหามารดา และพบว่าพ่อของเธอก็ประสบเหตุชักโครกระเบิดเช่นกัน ขณะทำธุระอยู่
ทั้งบ้านซ่งและในรัศมีหลายสิบเมตรเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น
ครอบครัวซ่งไม่มีทางเลือก ต้องโทรเรียกช่างมาซ่อมและทำความสะอาด จากนั้นก็ย้ายไปพักที่โรงแรม แต่เมื่อไปถึงโรงแรมชักโครกในห้องพักก็อุดตันและระเบิดอีกครั้ง ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมชักโครก และทำความสะอาดสองห้องชุดในโรงแรมสูงถึงหกหมื่นหยวน
ในวันต่อมาเมื่อกลับมาที่บ้าน ชักโครกก็ยังคงอุดตันอยู่ ครอบครัวซ่งต้องทนทุกข์อยู่อย่างนี้ถึงสามวัน จนกระทั่งตัดสินใจหาทางแก้ด้วยการไปปรึกษานักพรตผู้มีชื่อเสียง
อาจารย์ถามไถ่เทพเจ้าแล้วได้คำตอบว่า "ครอบครัวคุณทำให้เทพแห่งห้องสุขาโกรธ"
"อะไรนะ? ยังมีเทพแห่งห้องสุขาอีกเหรอ? เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่ แล้วเราทำให้เขาโกรธได้ยังไง?"
"เทพแห่งห้องสุขาบอกว่า คุณถ่ายอุจจาระบนหัวเขา เขาโกรธมาก"
"......"
ครอบครัวซ่งหมดคำพูด แล้วถ้าไม่ให้ถ่ายในห้องน้ำ แล้วจะให้ไปถ่ายที่ไหนล่ะ?! สุดท้ายหลังจากนัดะรตคนนี้เจรจาไกล่เกลี่ย เทพแห่งห้องสุขาจึงยอมสงบศึกกับครอบครัวซ่ง และทุกอย่างก็กลับคืนสู่ปกติ
แต่หน้าตาของครอบครัวซ่งนั้นเสียหายไปหมดแล้ว...
บทนี้ก็จะมีกลิ่นตุๆ หน่อย 5555 ส้วมระเบิดดด
หลังจากที่หย่งฟางล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอจุดโคมไฟยาวในวิหารหลักเตรียมเข้านอน แต่จู่ๆ ก็เกิดลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในอาราม จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีก็ดังขึ้นหลงหยวนหยวนที่กำลังขดตัวอยู่บนกิ่งไม้สะดุ้งตัว ก่อนจะกลับไปนอนขดตัวนุ่มนิ่มเหมือนเดิม หนิงหมี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ "เสี่ยวชิว!!"ลมเย็นสงบลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่หยุดไป เสียงเล็กๆ ดังขึ้น "ว๊า ไม่มีอะไรสนุกเลย!"จากนั้นเด็กสาวในชุดกันหนาวลายดอกไม้สีแดงสด ที่มีเปียสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หนิงหมี่โผเข้ากอดเธอแน่น"พวกเราจำกลิ่นอายของเธอได้น่า เธอหลอกเราไม่ได้หรอก! ในที่สุดก็มาหาสักที ฮือๆ แล้วนี่เธอยังใส่ชุดที่ฉันเลือกให้อีก! อุ่นไหม?"หูอวี่จู้พยักหน้า "อุ่นมาก แต่ไม่รู้ทำไมพอใส่แล้ว รู้สึกอยากพูดสำเนียงตงเป่ยขึ้นมาซะงั้น"หย่งฟางรินนมเสริมแคลเซียมให้เธอหนึ่งแก้ว หูอวี่จู้จิบไปอึกหนึ่งก่อนพูด "คิดถึงฉันไหม? ไม่มีฉันอยู่คงเหงาน่าดูใช่ไหม?"หย่งฟางหันไปถามหนิงหมี่ "เธอเผาอะไรไปให้เธอเนี่ย?"หนิงหมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ " "ฟู่เส้านักรัก: ภรรยาสุดที่รัก อย่าคิดหนี!""หยู่ถังอุทาน "นี่มันนิยายที่หนิวลี่อ่านอยู่ข้างหัวเตีย
วันปีใหม่ วันแรกของปี เป็นวันที่สำคัญที่สุด สำหรับการคุ้มครองวัดและสำนัก หย่งฟางถูกปลุกตอนตีสี่ โดยเทพบรรพชนที่ปรากฏในฝันพร้อมหอกด้ายแดง แต่เธอไม่ยอมตื่น จากนั้นหนิงหมี่และหยู่ถังที่อยู่ข้างเตียงก็เขย่าตัวปลุก“อาจารย์! ฉันฝันถึงเทพบรรพชน ท่านบอกให้พวกเรารีบตื่นไปเปิดประตู!”หยู่ถังที่ยังตกใจอยู่เอ่ยขึ้น “ฉันก็ฝันถึง! บรรพบุรุษท่าน...ดุนิดหน่อย”ใช่แล้ว เทพบรรพชนในฝัน ถือหอกด้ายแดงมาเร่งให้พวกเธอตื่น เมื่อหย่งฟางโดนเขย่าปลุก ในที่สุดก็เลิกง่วงทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง หย่งฟางทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า แต่หนิงหมี่กับหยู่ถังกลับรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเสียงประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ทันใดนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท พบว่ามีแสงไฟหลายพันจุด ส่องสว่างใบหน้าของผู้คนนับพัน เหล่าผู้ศรัทธาที่เดินทางมายังวัดเสวียนเว่ย ต่างนำธูปของตนเองมาด้วย เดินขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อมาที่นี่แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าประตูยังไม่เปิด พวกเขาจึงรวมตัวกันนั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องใบหน้าของพวกเขา เมื่อมองดูก็ให้ความรู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อย หนิงหมี่และหยู่ถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เสียงประตูเปิดทำให้ผู้คนทั้งห
หยู่ถังชะงักไปครู่หนึ่ง หย่งฟางดึงกระดาษทิชชูออกจากหน้า สูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้น เสียงพูดของเธอแหบพร่าเล็กน้อย “ฉันจะไปเผาของให้ลูกบอลเล็ก”หย่งฟางยืนขึ้น หยู่ถังเดินตามไป ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ ด้านในมีของสำหรับทำพิธี รวมถึงเงินกระดาษทอง หย่งฟางค้นหาของอยู่พักหนึ่ง เลือกของพื้นฐานสามอย่าง กระดาษเหลืองที่มีรู, กระดาษทอง, และตุ๊กตากระดาษคนรับใช้ แต่คิดว่ามันดูน้อยเกินไปหน่อย“บ้านกระดาษนี้ดูเล็กไป ลูกบอลเล็กอยู่กับพ่อแม่เธอ ห้องอาจจะไม่พอ ที่นี่ไม่มีรถกระดาษ ไม่มีมือถือกระดาษด้วย ลูกบอลเล็กชอบดูไลฟ์สดทุกคืน”หย่งฟางพูดไป คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน หยู่ถังรู้ว่าทุคนต่างมีความรู้สึกแปลกๆ แต่คนที่ดูเหมือนรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากที่สุด นอกจากหนิงหมี่แล้วก็คือหย่งฟาง ถึงหญิงสาวจะดูเหมือนคนที่ไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว แต่ความจริงเธอใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หยู่ถังรีบพูด “งั้นเราลงเขาไปซื้อของจากร้านของเซี่ยเฟยที่บ้านเลขที่ 48 กันเถอะ จะได้เผาให้เธอ”การออกไปข้างนอก สูดอากาศที่อื่นบ้าง อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” หย่งฟางพยักหน้า “ชวนหนิงหมี่ไปด
มหกรรมการต่อสู้กับนักพรตชั่วจากเป็นประเทศ N ได้ปิดฉากลง ทุกคนเดินออกจากคุกใต้ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ด้วยเส้นกั้น สมาชิกครอบครัวสกุลสือทั้งหมดถูกควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ นำไปยังห้องสอบสวน เพื่อตรวจสอบว่าเคยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย และยังเกี่ยวเนื่องกับการกบฏต่อชาติ ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหัวหน้าจ้าวจากสำนักสืบสวนพิเศษ และผู้นำระดับสูงเดินทางมาถึง ส่วนหานลี่ตงจะถูกดำเนินการไต่สวนและลงโทษโดยหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งชาติ ในสงครามครั้งนี้ นอกจากสือว่านซื่อที่ถูกพลังแห่งชาติตีกลับจนเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยวิญญาณของเซี่ยถังอยู่ในมือของเซี่ยเฟย เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูวิญญาณของน้องสาว หย่งฟางเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อน "ถึงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่พลังของเธอก็สูญสิ้นไปแล้ว เคยกินมนุษย์ เคยเป็นปีศาจจิ้งจอก ถึงเลี้ยงวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมรับ คุณเองก็น่ารู้อยู่แล้ว" แต่เซี่ยเฟยยังคงไม่ยอมปล่อยมือ หันมองหย่งฟางพลางยิ้มอ่อน "รบกวนอาจารย์หย่งช่วยส่งวิญญาณด้วยเถอะ อาถัง!" เซี่ยเฟยร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเซี่ยถังมองพี่ชายด้ว
ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของจิ้งจอกขาวเซี่ยถัง พลังโชคชะตาแห่งชาติที่ควรจะส่งต่อให้ประเทศ N กลับไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่หานลี่ตงเก็บไว้ใช้ส่วนตัวนี่คือสาเหตุที่เขามีชีวิตยืนยาวกว่าร้อยปี หย่งฟางขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ “หึ คนประเทศของแก รู้หรือเปล่าว่าแกขโมยพลังมังกรนี้มา”หานลี่ตงเพียงยิ้ม “รู้หรือไม่รู้ แล้วจะทำไม? หากไม่มีฉัน พวกมันจะตั้งหลักในเอเชียตะวันออกได้หรือ? น่าขำจริงๆ”หย่งฟางเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าขโมยคนนี้เป็นพวกหยิ่งยโสและหลงตัวเอง หานลี่ตงใช้พลังโชคชะตาแห่งชาติของ ประเทศ สร้างแรงกดดันที่แพร่กระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกคนรวมถึงเทพธิดาหนิงหมี่ ต่างรู้สึกหายใจยากลำบากขึ้น ต่อหน้าพลังแห่งชาติพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อประคองตัว หย่งฟางยกมือขึ้นแสงสีแดงฉายออกมาจากฝ่ามือ ก่อตัวเป็นเขตป้องกันครึ่งวงกลม ภายในเขตนี้ทุกคนจึงพอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หลี่ที่ยังเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่ ยกมือกุมหน้าอกพูดขึ้น “ขโมยสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ระวังเถอะ สวรรค์จะลงโทษเจ้า!”หานลี่ตงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์จะลงโทษฉัน? ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแ
ชายที่อยู่ข้างสือว่านซื่อเผยรอยยิ้มบางๆ หย่งฟางเห็นท่าทางของเขาแล้ว ตะโกนออกไปทันที“หานลี่ตง!”ขณะที่คนจากหน่วยงานแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ต่างเรียกชื่อชายคนนั้นไปในแบบของตัวเอง“พี่ซู?!”“พี่ฉี?!”“พี่มู่?!”หลังจากเสียงของทั้งสามคนจบลง พวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง “เขาไม่ใช่พี่ซู พี่ฉี พี่มู่ จากหน่วยงานแห่งชาติหรือ?!”ในที่สุดหย่งฟางก็ได้คำตอบ เมื่อหัวหน้าจ้าวตรวจสอบประวัติ ของผู้มีพลังพิเศษในระบบของหน่วยงานแห่งชาติ เพื่อที่จะอยู่ในประเทศและหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเวลาร้อยปี คนอย่าง ‘หานลี่ตง’ ย่อมต้องมีตัวตนแฝงในระบบหน่วยงาน และเชื่อมโยงกับผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ อย่างแนบเนียนจากปฏิกิริยาของทั้งสามคนทำให้เห็นชัดว่า หานลี่ตงมีตัวตนในฐานะผู้มีพลังพิเศษ ที่ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างสมบูรณ์ คนที่อยู่ข้างหลังหย่งฟาง ต่างเผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ขณะจ้องมองสือว่านซื่อและหานลี่ตงด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นตั้งท่าจะทำมือในลักษณะของไต้ซือ แต่ถูกหย่งฟางหยุดไว้ทันที “เลิกแสร้งทำเสียที หานลี่ตง คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”นักพรตสาวกล่าวพร้อมกับกระชากเส้นด้ายสีแดงในมือให้กระชับ ขณะนั้นเ