คุณนายฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่ถูกเหวี่ยงลงจากม้าก็ยังไม่รู้สึกกลัวด้วยซ้ำ คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างประคองหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆ วางลงบนสนามหญ้าอย่างนุ่มนวล
แต่หล่อนก็ไม่กล้าบอกใคร
เมื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นอนใส่เฝือกอยู่ในโรงพยาบาล พวกนั้นต่างพากันสงสัยและส่งสายตาอิจฉาในความโชคดี หยูถังทำได้แค่พูดเลี่ยง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีเทพเจ้าคงคุ้มครอง…”
เทพเจ้า?!
คุณนายฉู่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จึงบอกลาพวกพ้องแล้วตรงไปที่อารมบนเขา
หย่งฟางเพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบเขม่าดำไปครึ่งซีก เมื่อเห็นคุณนายฉู่มาเยือนก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “หยูถึง…”
คุณนายฉู่รู้ได้ทันทีว่าอาจารย์ตัวน้อยต้องการให้หล่อนทำอาหาร
ระหว่างที่กำลังรับประท่าน หยูถังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หย่งฟางฟัง อาจารย์หย่งน้อยวางช้อนส้อมลงแล้วลุกขึ้นเข้าไปในวิหารหลัก เมื่อออกมาอีกครั้งถือหนังสือโบราณเล่มหนึ่งวมาด้วย แล้วยื่นให้หยูถังเปิดดู หล่อนเห็นภาพวาดนายพลในชุดเกราะโบราณที่วาดด้วยหมึก
“ใช่แล้ว! ผู้เฒ่าในชุดเกราะที่ฉันฝันถึงก็คือคนนี้!”
หย่งฟางไขความกระจ่าง “เทพเซียนของเราคือทหารก่อนที่จะเหาะไปสวรรค์ ในคืนนั้นที่คุณฝันเห็นอีกร่างหนึ่งของตัวเอง นั่นอาจเป็นเสี้ยววิญญาณที่หายไปจึงตกใจง่ายขึ้น และมีความเป็นไปได้สูงว่าเทพเจ้าช่วยคุณหาวิญญาณที่นั้นกลับมาสู่คุณ ส่วนเหตุการณ์ผิดปกติสองครั้งนั้น ฉันก็ไม่ได้จะให้เครดิตกับท่านเทพทั้งหมดหรอก คุณคิดว่าใช่ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร”
เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?! หยูถังวางตะเกียบแล้วไปล้างมือก่อนจุดธูปอีกครั้ง จากนั้นหล่อนได้ยินเสียงประทัดแตกเปรี้ยงปร้างดังก้องกังวาล
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเหล่าคุณนายที่ได้บาดเจ็บก็หายดี พวกหล่อนจึงมาขอหยูถังด้วยความเคอะเขิน เพราะได้ยินเรื่องที่คุณนายฉู่บูชาเทพเจ้าแล้วโชคดีจึงอยากเดินรอยตาม
“พวกเราเดินป่าที่เขาหลงหย่าสักสองสามวันดีไหม? ได้ข่าวว่าคุณไปที่นั่นบ่อยๆ ไม่ใช่หรือหยูถัง”
พักหลังมานี้พวกหล่อนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของหยูถัง เรื่องประหลาดในเหตุการณ์ขี่ม้านั้นพักไว้ก่อน แต่ที่ดึงความสนใจคือความสดใสบนใบหน้า ราวกับว่าหล่อนดูเด็กลงมาก พวกเธอคิดว่าหยูถังทำศัลยกรรมเสริมความงาม แต่เมื่อถามไปยังสปาที่คุณนายฉู่มักไปประจำ ก็ได้รับคำตอบว่าหล่อนไม่ได้ไปที่นั่นมานานแล้ว แล้วความเปลี่ยนแปลงนั้นมาจากไหน? ที่เดียวที่หล่อนไปคือการขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อไปสักการะที่วัด!
ทางขึ้นเขาที่มุ่งหน้าไปยังวัดเสวียนเว่ยได้รับการซ่อมแซมแล้ว หยูถังพาบรรดาเหล่าคุณนายสหายสนิทขึ้นมาด้วยกัน แต่ไม่เห็นหย่งฟางที่มักจะล้างหน้าอยู่ตรงบ่อน้ำ จึงบอกให้พวกพ้องรอก่อน แล้วเดินเข้าไปที่ห้องนอนของแล้วผลักประตูเบาๆ มันไม่ได้ล็อค
หยูถังคิดในใจว่า เมื่อได้วันมงคลจากหย่งฟางสำหรับการเริ่มซ่อมแซมวิหารหลัก หล่อนจะต้องให้ช่างติดตั้งประตูล็อคด้วยลายนิ้วมือให้กับห้องนอนและห้องข้างเคียง
“อาจารย์เถาน้อย” หยูถังตบเตียงเบาๆ โดยหย่งฟางกำลังนอนคว่ำอยู่ เธอตื่นขึ้นแต่อย่างไม่เต็มตา แล้วพูดอย่างสงบ “หยูถัง คุณมาแล้วเหรอ...”
“…” คุณนายฉู่อายุมากกว่าเด็กสาวไม่รู้เท่าไหร่ แต่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมาเยี่ยมญาติผู้สูงอายุ
“อาจารย์เถาน้อย ทางขึ้นเขาซ่อมแซมได้ดีมาก วันนี้ฉันขึ้นมาสบายๆ เลย!”
หย่งฟางลืมตามองอีกครั้งแล้วหลับตาลง “คุณใช้เวลาเท่าไหร่ในการขึ้นมา?”
คุณนายฉู่มองนาฬิกาข้อมือแล้วพูด “สี่สิบห้านาที”
หย่งฟางพอใจมาก เธอบอกว่าวัดตั้งอยู่บนเขาที่ไม่สูงนัก แต่ก่อนนี้ผู้คนมักบ่นว่าเส้นทางขึ้นเขายากลำบากหรือหาเส้นทางไม่เจอ แต่ตอนนี้ถูกซ่อมแซมอย่างดี สามารถเดินขึ้นไปได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องปีน
คงอีกไม่นานวัดจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นแต่เธอก็เหนื่อยมากจริงๆ เมื่อวานนี้ถนนบนเขาเสร็จสมบูรณ์ ตอนจ่ายเงินค่าก่อสร้าง เห็นตัวเลขในบัญชีถูกถอนออกไปยาวเหยียด รู้สึกเหมือนวิญญาณถูกดึงออกไปครึ่งหนึ่ง เหนื่อยจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ รู้สึกเศร้ามากเหลือเกิน
“ฉันพาพวกเพื่อนๆ ของมาจุดธูปไหว้เทพเจ้า ถ้าเธอง่วง ฉันจะพาพวกเขาไปเยี่ยมชมวัดก่อน”
แต่ทันใดนั้นหย่งฟางก็สูดจมูกเหมือนจะร้องไห้ หยูถังคิดในใจว่าต้องมีใครบางคนรังแกอาจารย์เถาน้อยของเธอ แ ละกำลังจะถามว่าเป็นใคร แต่แล้วก็ได้ยินหย่งฟางพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง
“คุณหยูถัง ถ้าฉันไม่ได้กินซาลาเปาไส้ไข่ปูของร้านซวี่จีตอนเช้า ฉันจะเสียใจมาก”
“...”
ได้ยินดังนั้นคุณนายฉู่ก็รีบสั่งเดลิเวอรี่ทันที อาหารเช้าของร้านซวี่จีจะถูกส่งขึ้นเขาภายในสองชั่วโมง ระหว่างรอ อาหารหย่งฟางก็ตื่นเต็มตาแล้ว เธอสวมชุดนอนลายหมีออกมาจากห้อง และทำการทำนายดวงชะตาให้กับเหล่าคุณนายทั้งห้าคน
หย่งฟางพูด “ช่วงนี้คุณโชคไม่ดี เดินก็ล้ม ประตูก็หนีบมือ เล่นไพ่นกกระจอกก็แพ้ตลอด เพราะทำต้นหอมหมื่นลี้ที่บ้านตาย”
“!!”
“ลองย้ายไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้แล้วปลูกใหม่ จะช่วยแก้เคล็ดได้” หย่งฟางให้คำแนะนำ จากนั้นเธอมองไปที่คนต่อไป
“หน้าผากคุณดูหมอง มีคนแก่ในบ้านป่วย”
“!!!!!!”
เหล่าคุณนายไฮโซที่รู้สถานการณ์ของบ้านตัวเองแทบไม่เชื่อหู
“อาจารย์! พ่อของหล่อนเพิ่งผ่าตัดเมื่อสามวันก่อน! ส่วนหล่อนได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่สนามม้า พอออกจากโรงพยาบาลก็รีบไปดูแลพ่อ ตอนนี้ดูสีหน้าของหล่อนสิ เหนื่อยล้าสุดๆ”
“ไม่ต้องกังวล พ่อของคุณจะฟื้นตัวอย่างปลอดภัยผ่านพ้นเคราะห์นี้ไปได้ และจะมีชีวิตยืนยาวถึงแปดสิบปี” จากนั้นเธอมองไปที่คนต่อไป
“คุณดูสดใส หน้าตาเปล่งปลั่ง ลูกสาวของคุณเพิ่งผ่านการสอบสำคัญ น่าจะเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ต้องห่วง คะแนนสอบจะดีมาก จะสอบติดมหาวิทยาลัยดีๆ แน่นอน”
“!!!!”
หลังจากทำนายดวงชะตาครบทุกคน แก๊งคุณนายเหล่านั้นต่างพากันตกตะลึง พวกหล่อนร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ และยืนยันว่าคำทำนายนั้นเป็นความจริง จึงมีความเชื่อมั่นในความสามารถของหย่งฟางอย่างเต็มที่ ดังนั้นเมื่อจุดธูปไหว้เทพเจ้า พวกหล่อนก็ขอพรด้วยความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม
ทุกคนขอพรในใจ และหย่งฟางก็ทำนายดวงจากธูปให้เช่นกัน สำหรับคนแรกที่ไม่ต้องการให้ใครได้ยินคำขอพรของตัวเอง หย่งฟางเข้าใจและให้หยูถังพาทั้งสี่คนออกไปข้างนอก ให้แต่ละคนต่อแถวเข้ามาทีละคน
ตอนนี้ที่อยู่ในวิหารคือคุณนายคนที่หนึ่ง ซึ่งรู้สึกอายและหดหู่เล็กน้อย “ฉัน…ฉันหวังว่าสามีจะกลับบ้าน เขาไม่กลับบ้านมาเป็นเดือนแล้ว…”
หย่งฟางมองธูป “คุณอี้ฉิน เทพเจ้าตอบรับคำขอของคุณแล้ว และท่านบอกว่าไม่ใช่ความผิดของคุณ อย่าโทษตัวเอง อย่าเสียใจ ส่วนสามีของคุณ รอข่าวดีที่บ้านได้เลย และคุณจะเป็นผู้แสวงบุญคนที่สองในรอบสิบปีที่ผ่านมา ท่านเทพจำคุณได้แล้ว และจะคุ้มครองคุณ”
คุณนายอี้ฉินออกไปด้วยความยินดี
คุณนายคนที่สองก้าวเข้ามาในห้องด้วยแววตาแห่งความศรัทธา “ขอเทพเจ้าช่วยให้ลูกชายของฉันหาคู่ได้สำเร็จ และพาคู่กลับบ้านเร็วๆ!”
หย่งฟางมองธูป มีประกายไฟระยิบระยับ “คุณซาน เทพเจ้าบอกว่าลูกชายของคุณมีคู่แล้ว ความปรารถนาของคุณจะสำเร็จแน่นอน แค่รอข่าวดีที่บ้านก็พอ และคุณเป็นผู้แสวงบุญคนที่สามในรอบสิบปีที่ผ่านมา เทพเจ้าบอกว่าจะคุ้มครองความรักของลูกชายของคุณให้สมหวัง”
คุณนายซานซานยิ้มหน้าบานออกไป
คุณนายคนที่สามเข้ามาในห้องด้วยความเขินอาย “ฉันอยากมีลูกคนที่สอง แต่สามีไม่ค่อยไหว…”
หย่งฟางมองธูปแล้วตอบว่า “คุณลี่ สองวันหลังจากนี้คือวันขึ้น 5 ค่ำ ให้ลองกับสามีคุณในวันนั้น เทพเจ้าบอกว่าคุณเป็นผู้แสวงบุญคนที่สี่ในรอบสิบปี ท่านจะคุ้มครองคุณ โอ้ เทพเจ้ายังให้ฉันส่งมอบยันต์นี้ให้ด้วย ให้สามีคุณพกติดตัวไว้” หย่งฟางหยิบยันต์จากใต้ฐานที่บูชาธูป พับเป็นสามเหลี่ยมและยื่นให้หล่อน
คุณนายลี่ออกไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
และจากนั้นคุณนายคนที่สี่ก็เดินเข้ามา “ขอเทพเจ้าคุ้มครองให้ฉันชนะไพ่นกกระจอกทุกตา”
คุณนายฉู่พาเดอะแก๊งมาดูดวง ดูท่าแต่ละคนคงติดใจเสียแล้ววว
คุณนายคนสุดท้ายนี่หายใจเข้าหายใจออกเป็นการพนันเลยนะ 55555
หลังจากที่หย่งฟางล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอจุดโคมไฟยาวในวิหารหลักเตรียมเข้านอน แต่จู่ๆ ก็เกิดลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในอาราม จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีก็ดังขึ้นหลงหยวนหยวนที่กำลังขดตัวอยู่บนกิ่งไม้สะดุ้งตัว ก่อนจะกลับไปนอนขดตัวนุ่มนิ่มเหมือนเดิม หนิงหมี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ "เสี่ยวชิว!!"ลมเย็นสงบลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่หยุดไป เสียงเล็กๆ ดังขึ้น "ว๊า ไม่มีอะไรสนุกเลย!"จากนั้นเด็กสาวในชุดกันหนาวลายดอกไม้สีแดงสด ที่มีเปียสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หนิงหมี่โผเข้ากอดเธอแน่น"พวกเราจำกลิ่นอายของเธอได้น่า เธอหลอกเราไม่ได้หรอก! ในที่สุดก็มาหาสักที ฮือๆ แล้วนี่เธอยังใส่ชุดที่ฉันเลือกให้อีก! อุ่นไหม?"หูอวี่จู้พยักหน้า "อุ่นมาก แต่ไม่รู้ทำไมพอใส่แล้ว รู้สึกอยากพูดสำเนียงตงเป่ยขึ้นมาซะงั้น"หย่งฟางรินนมเสริมแคลเซียมให้เธอหนึ่งแก้ว หูอวี่จู้จิบไปอึกหนึ่งก่อนพูด "คิดถึงฉันไหม? ไม่มีฉันอยู่คงเหงาน่าดูใช่ไหม?"หย่งฟางหันไปถามหนิงหมี่ "เธอเผาอะไรไปให้เธอเนี่ย?"หนิงหมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ " "ฟู่เส้านักรัก: ภรรยาสุดที่รัก อย่าคิดหนี!""หยู่ถังอุทาน "นี่มันนิยายที่หนิวลี่อ่านอยู่ข้างหัวเตีย
วันปีใหม่ วันแรกของปี เป็นวันที่สำคัญที่สุด สำหรับการคุ้มครองวัดและสำนัก หย่งฟางถูกปลุกตอนตีสี่ โดยเทพบรรพชนที่ปรากฏในฝันพร้อมหอกด้ายแดง แต่เธอไม่ยอมตื่น จากนั้นหนิงหมี่และหยู่ถังที่อยู่ข้างเตียงก็เขย่าตัวปลุก“อาจารย์! ฉันฝันถึงเทพบรรพชน ท่านบอกให้พวกเรารีบตื่นไปเปิดประตู!”หยู่ถังที่ยังตกใจอยู่เอ่ยขึ้น “ฉันก็ฝันถึง! บรรพบุรุษท่าน...ดุนิดหน่อย”ใช่แล้ว เทพบรรพชนในฝัน ถือหอกด้ายแดงมาเร่งให้พวกเธอตื่น เมื่อหย่งฟางโดนเขย่าปลุก ในที่สุดก็เลิกง่วงทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง หย่งฟางทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า แต่หนิงหมี่กับหยู่ถังกลับรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเสียงประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ทันใดนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท พบว่ามีแสงไฟหลายพันจุด ส่องสว่างใบหน้าของผู้คนนับพัน เหล่าผู้ศรัทธาที่เดินทางมายังวัดเสวียนเว่ย ต่างนำธูปของตนเองมาด้วย เดินขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อมาที่นี่แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าประตูยังไม่เปิด พวกเขาจึงรวมตัวกันนั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องใบหน้าของพวกเขา เมื่อมองดูก็ให้ความรู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อย หนิงหมี่และหยู่ถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เสียงประตูเปิดทำให้ผู้คนทั้งห
หยู่ถังชะงักไปครู่หนึ่ง หย่งฟางดึงกระดาษทิชชูออกจากหน้า สูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้น เสียงพูดของเธอแหบพร่าเล็กน้อย “ฉันจะไปเผาของให้ลูกบอลเล็ก”หย่งฟางยืนขึ้น หยู่ถังเดินตามไป ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ ด้านในมีของสำหรับทำพิธี รวมถึงเงินกระดาษทอง หย่งฟางค้นหาของอยู่พักหนึ่ง เลือกของพื้นฐานสามอย่าง กระดาษเหลืองที่มีรู, กระดาษทอง, และตุ๊กตากระดาษคนรับใช้ แต่คิดว่ามันดูน้อยเกินไปหน่อย“บ้านกระดาษนี้ดูเล็กไป ลูกบอลเล็กอยู่กับพ่อแม่เธอ ห้องอาจจะไม่พอ ที่นี่ไม่มีรถกระดาษ ไม่มีมือถือกระดาษด้วย ลูกบอลเล็กชอบดูไลฟ์สดทุกคืน”หย่งฟางพูดไป คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน หยู่ถังรู้ว่าทุคนต่างมีความรู้สึกแปลกๆ แต่คนที่ดูเหมือนรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากที่สุด นอกจากหนิงหมี่แล้วก็คือหย่งฟาง ถึงหญิงสาวจะดูเหมือนคนที่ไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว แต่ความจริงเธอใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หยู่ถังรีบพูด “งั้นเราลงเขาไปซื้อของจากร้านของเซี่ยเฟยที่บ้านเลขที่ 48 กันเถอะ จะได้เผาให้เธอ”การออกไปข้างนอก สูดอากาศที่อื่นบ้าง อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” หย่งฟางพยักหน้า “ชวนหนิงหมี่ไปด
มหกรรมการต่อสู้กับนักพรตชั่วจากเป็นประเทศ N ได้ปิดฉากลง ทุกคนเดินออกจากคุกใต้ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ด้วยเส้นกั้น สมาชิกครอบครัวสกุลสือทั้งหมดถูกควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ นำไปยังห้องสอบสวน เพื่อตรวจสอบว่าเคยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย และยังเกี่ยวเนื่องกับการกบฏต่อชาติ ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหัวหน้าจ้าวจากสำนักสืบสวนพิเศษ และผู้นำระดับสูงเดินทางมาถึง ส่วนหานลี่ตงจะถูกดำเนินการไต่สวนและลงโทษโดยหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งชาติ ในสงครามครั้งนี้ นอกจากสือว่านซื่อที่ถูกพลังแห่งชาติตีกลับจนเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยวิญญาณของเซี่ยถังอยู่ในมือของเซี่ยเฟย เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูวิญญาณของน้องสาว หย่งฟางเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อน "ถึงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่พลังของเธอก็สูญสิ้นไปแล้ว เคยกินมนุษย์ เคยเป็นปีศาจจิ้งจอก ถึงเลี้ยงวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมรับ คุณเองก็น่ารู้อยู่แล้ว" แต่เซี่ยเฟยยังคงไม่ยอมปล่อยมือ หันมองหย่งฟางพลางยิ้มอ่อน "รบกวนอาจารย์หย่งช่วยส่งวิญญาณด้วยเถอะ อาถัง!" เซี่ยเฟยร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเซี่ยถังมองพี่ชายด้ว
ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของจิ้งจอกขาวเซี่ยถัง พลังโชคชะตาแห่งชาติที่ควรจะส่งต่อให้ประเทศ N กลับไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่หานลี่ตงเก็บไว้ใช้ส่วนตัวนี่คือสาเหตุที่เขามีชีวิตยืนยาวกว่าร้อยปี หย่งฟางขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ “หึ คนประเทศของแก รู้หรือเปล่าว่าแกขโมยพลังมังกรนี้มา”หานลี่ตงเพียงยิ้ม “รู้หรือไม่รู้ แล้วจะทำไม? หากไม่มีฉัน พวกมันจะตั้งหลักในเอเชียตะวันออกได้หรือ? น่าขำจริงๆ”หย่งฟางเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าขโมยคนนี้เป็นพวกหยิ่งยโสและหลงตัวเอง หานลี่ตงใช้พลังโชคชะตาแห่งชาติของ ประเทศ สร้างแรงกดดันที่แพร่กระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกคนรวมถึงเทพธิดาหนิงหมี่ ต่างรู้สึกหายใจยากลำบากขึ้น ต่อหน้าพลังแห่งชาติพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อประคองตัว หย่งฟางยกมือขึ้นแสงสีแดงฉายออกมาจากฝ่ามือ ก่อตัวเป็นเขตป้องกันครึ่งวงกลม ภายในเขตนี้ทุกคนจึงพอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หลี่ที่ยังเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่ ยกมือกุมหน้าอกพูดขึ้น “ขโมยสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ระวังเถอะ สวรรค์จะลงโทษเจ้า!”หานลี่ตงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์จะลงโทษฉัน? ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแ
ชายที่อยู่ข้างสือว่านซื่อเผยรอยยิ้มบางๆ หย่งฟางเห็นท่าทางของเขาแล้ว ตะโกนออกไปทันที“หานลี่ตง!”ขณะที่คนจากหน่วยงานแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ต่างเรียกชื่อชายคนนั้นไปในแบบของตัวเอง“พี่ซู?!”“พี่ฉี?!”“พี่มู่?!”หลังจากเสียงของทั้งสามคนจบลง พวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง “เขาไม่ใช่พี่ซู พี่ฉี พี่มู่ จากหน่วยงานแห่งชาติหรือ?!”ในที่สุดหย่งฟางก็ได้คำตอบ เมื่อหัวหน้าจ้าวตรวจสอบประวัติ ของผู้มีพลังพิเศษในระบบของหน่วยงานแห่งชาติ เพื่อที่จะอยู่ในประเทศและหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเวลาร้อยปี คนอย่าง ‘หานลี่ตง’ ย่อมต้องมีตัวตนแฝงในระบบหน่วยงาน และเชื่อมโยงกับผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ อย่างแนบเนียนจากปฏิกิริยาของทั้งสามคนทำให้เห็นชัดว่า หานลี่ตงมีตัวตนในฐานะผู้มีพลังพิเศษ ที่ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างสมบูรณ์ คนที่อยู่ข้างหลังหย่งฟาง ต่างเผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ขณะจ้องมองสือว่านซื่อและหานลี่ตงด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นตั้งท่าจะทำมือในลักษณะของไต้ซือ แต่ถูกหย่งฟางหยุดไว้ทันที “เลิกแสร้งทำเสียที หานลี่ตง คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”นักพรตสาวกล่าวพร้อมกับกระชากเส้นด้ายสีแดงในมือให้กระชับ ขณะนั้นเ