คุณนายฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่ถูกเหวี่ยงลงจากม้าก็ยังไม่รู้สึกกลัวด้วยซ้ำ คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างประคองหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆ วางลงบนสนามหญ้าอย่างนุ่มนวล
แต่หล่อนก็ไม่กล้าบอกใคร
เมื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นอนใส่เฝือกอยู่ในโรงพยาบาล พวกนั้นต่างพากันสงสัยและส่งสายตาอิจฉาในความโชคดี หยูถังทำได้แค่พูดเลี่ยง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีเทพเจ้าคงคุ้มครอง…”
เทพเจ้า?!
คุณนายฉู่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จึงบอกลาพวกพ้องแล้วตรงไปที่อารมบนเขา
หย่งฟางเพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบเขม่าดำไปครึ่งซีก เมื่อเห็นคุณนายฉู่มาเยือนก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “หยูถึง…”
คุณนายฉู่รู้ได้ทันทีว่าอาจารย์ตัวน้อยต้องการให้หล่อนทำอาหาร
ระหว่างที่กำลังรับประท่าน หยูถังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หย่งฟางฟัง อาจารย์หย่งน้อยวางช้อนส้อมลงแล้วลุกขึ้นเข้าไปในวิหารหลัก เมื่อออกมาอีกครั้งถือหนังสือโบราณเล่มหนึ่งวมาด้วย แล้วยื่นให้หยูถังเปิดดู หล่อนเห็นภาพวาดนายพลในชุดเกราะโบราณที่วาดด้วยหมึก
“ใช่แล้ว! ผู้เฒ่าในชุดเกราะที่ฉันฝันถึงก็คือคนนี้!”
หย่งฟางไขความกระจ่าง “เทพเซียนของเราคือทหารก่อนที่จะเหาะไปสวรรค์ ในคืนนั้นที่คุณฝันเห็นอีกร่างหนึ่งของตัวเอง นั่นอาจเป็นเสี้ยววิญญาณที่หายไปจึงตกใจง่ายขึ้น และมีความเป็นไปได้สูงว่าเทพเจ้าช่วยคุณหาวิญญาณที่นั้นกลับมาสู่คุณ ส่วนเหตุการณ์ผิดปกติสองครั้งนั้น ฉันก็ไม่ได้จะให้เครดิตกับท่านเทพทั้งหมดหรอก คุณคิดว่าใช่ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร”
เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?! หยูถังวางตะเกียบแล้วไปล้างมือก่อนจุดธูปอีกครั้ง จากนั้นหล่อนได้ยินเสียงประทัดแตกเปรี้ยงปร้างดังก้องกังวาล
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเหล่าคุณนายที่ได้บาดเจ็บก็หายดี พวกหล่อนจึงมาขอหยูถังด้วยความเคอะเขิน เพราะได้ยินเรื่องที่คุณนายฉู่บูชาเทพเจ้าแล้วโชคดีจึงอยากเดินรอยตาม
“พวกเราเดินป่าที่เขาหลงหย่าสักสองสามวันดีไหม? ได้ข่าวว่าคุณไปที่นั่นบ่อยๆ ไม่ใช่หรือหยูถัง”
พักหลังมานี้พวกหล่อนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของหยูถัง เรื่องประหลาดในเหตุการณ์ขี่ม้านั้นพักไว้ก่อน แต่ที่ดึงความสนใจคือความสดใสบนใบหน้า ราวกับว่าหล่อนดูเด็กลงมาก พวกเธอคิดว่าหยูถังทำศัลยกรรมเสริมความงาม แต่เมื่อถามไปยังสปาที่คุณนายฉู่มักไปประจำ ก็ได้รับคำตอบว่าหล่อนไม่ได้ไปที่นั่นมานานแล้ว แล้วความเปลี่ยนแปลงนั้นมาจากไหน? ที่เดียวที่หล่อนไปคือการขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อไปสักการะที่วัด!
ทางขึ้นเขาที่มุ่งหน้าไปยังวัดเสวียนเว่ยได้รับการซ่อมแซมแล้ว หยูถังพาบรรดาเหล่าคุณนายสหายสนิทขึ้นมาด้วยกัน แต่ไม่เห็นหย่งฟางที่มักจะล้างหน้าอยู่ตรงบ่อน้ำ จึงบอกให้พวกพ้องรอก่อน แล้วเดินเข้าไปที่ห้องนอนของแล้วผลักประตูเบาๆ มันไม่ได้ล็อค
หยูถังคิดในใจว่า เมื่อได้วันมงคลจากหย่งฟางสำหรับการเริ่มซ่อมแซมวิหารหลัก หล่อนจะต้องให้ช่างติดตั้งประตูล็อคด้วยลายนิ้วมือให้กับห้องนอนและห้องข้างเคียง
“อาจารย์เถาน้อย” หยูถังตบเตียงเบาๆ โดยหย่งฟางกำลังนอนคว่ำอยู่ เธอตื่นขึ้นแต่อย่างไม่เต็มตา แล้วพูดอย่างสงบ “หยูถัง คุณมาแล้วเหรอ...”
“…” คุณนายฉู่อายุมากกว่าเด็กสาวไม่รู้เท่าไหร่ แต่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมาเยี่ยมญาติผู้สูงอายุ
“อาจารย์เถาน้อย ทางขึ้นเขาซ่อมแซมได้ดีมาก วันนี้ฉันขึ้นมาสบายๆ เลย!”
หย่งฟางลืมตามองอีกครั้งแล้วหลับตาลง “คุณใช้เวลาเท่าไหร่ในการขึ้นมา?”
คุณนายฉู่มองนาฬิกาข้อมือแล้วพูด “สี่สิบห้านาที”
หย่งฟางพอใจมาก เธอบอกว่าวัดตั้งอยู่บนเขาที่ไม่สูงนัก แต่ก่อนนี้ผู้คนมักบ่นว่าเส้นทางขึ้นเขายากลำบากหรือหาเส้นทางไม่เจอ แต่ตอนนี้ถูกซ่อมแซมอย่างดี สามารถเดินขึ้นไปได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องปีน
คงอีกไม่นานวัดจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นแต่เธอก็เหนื่อยมากจริงๆ เมื่อวานนี้ถนนบนเขาเสร็จสมบูรณ์ ตอนจ่ายเงินค่าก่อสร้าง เห็นตัวเลขในบัญชีถูกถอนออกไปยาวเหยียด รู้สึกเหมือนวิญญาณถูกดึงออกไปครึ่งหนึ่ง เหนื่อยจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ รู้สึกเศร้ามากเหลือเกิน
“ฉันพาพวกเพื่อนๆ ของมาจุดธูปไหว้เทพเจ้า ถ้าเธอง่วง ฉันจะพาพวกเขาไปเยี่ยมชมวัดก่อน”
แต่ทันใดนั้นหย่งฟางก็สูดจมูกเหมือนจะร้องไห้ หยูถังคิดในใจว่าต้องมีใครบางคนรังแกอาจารย์เถาน้อยของเธอ แ ละกำลังจะถามว่าเป็นใคร แต่แล้วก็ได้ยินหย่งฟางพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง
“คุณหยูถัง ถ้าฉันไม่ได้กินซาลาเปาไส้ไข่ปูของร้านซวี่จีตอนเช้า ฉันจะเสียใจมาก”
“...”
ได้ยินดังนั้นคุณนายฉู่ก็รีบสั่งเดลิเวอรี่ทันที อาหารเช้าของร้านซวี่จีจะถูกส่งขึ้นเขาภายในสองชั่วโมง ระหว่างรอ อาหารหย่งฟางก็ตื่นเต็มตาแล้ว เธอสวมชุดนอนลายหมีออกมาจากห้อง และทำการทำนายดวงชะตาให้กับเหล่าคุณนายทั้งห้าคน
หย่งฟางพูด “ช่วงนี้คุณโชคไม่ดี เดินก็ล้ม ประตูก็หนีบมือ เล่นไพ่นกกระจอกก็แพ้ตลอด เพราะทำต้นหอมหมื่นลี้ที่บ้านตาย”
“!!”
“ลองย้ายไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้แล้วปลูกใหม่ จะช่วยแก้เคล็ดได้” หย่งฟางให้คำแนะนำ จากนั้นเธอมองไปที่คนต่อไป
“หน้าผากคุณดูหมอง มีคนแก่ในบ้านป่วย”
“!!!!!!”
เหล่าคุณนายไฮโซที่รู้สถานการณ์ของบ้านตัวเองแทบไม่เชื่อหู
“อาจารย์! พ่อของหล่อนเพิ่งผ่าตัดเมื่อสามวันก่อน! ส่วนหล่อนได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่สนามม้า พอออกจากโรงพยาบาลก็รีบไปดูแลพ่อ ตอนนี้ดูสีหน้าของหล่อนสิ เหนื่อยล้าสุดๆ”
“ไม่ต้องกังวล พ่อของคุณจะฟื้นตัวอย่างปลอดภัยผ่านพ้นเคราะห์นี้ไปได้ และจะมีชีวิตยืนยาวถึงแปดสิบปี” จากนั้นเธอมองไปที่คนต่อไป
“คุณดูสดใส หน้าตาเปล่งปลั่ง ลูกสาวของคุณเพิ่งผ่านการสอบสำคัญ น่าจะเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ต้องห่วง คะแนนสอบจะดีมาก จะสอบติดมหาวิทยาลัยดีๆ แน่นอน”
“!!!!”
หลังจากทำนายดวงชะตาครบทุกคน แก๊งคุณนายเหล่านั้นต่างพากันตกตะลึง พวกหล่อนร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ และยืนยันว่าคำทำนายนั้นเป็นความจริง จึงมีความเชื่อมั่นในความสามารถของหย่งฟางอย่างเต็มที่ ดังนั้นเมื่อจุดธูปไหว้เทพเจ้า พวกหล่อนก็ขอพรด้วยความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม
ทุกคนขอพรในใจ และหย่งฟางก็ทำนายดวงจากธูปให้เช่นกัน สำหรับคนแรกที่ไม่ต้องการให้ใครได้ยินคำขอพรของตัวเอง หย่งฟางเข้าใจและให้หยูถังพาทั้งสี่คนออกไปข้างนอก ให้แต่ละคนต่อแถวเข้ามาทีละคน
ตอนนี้ที่อยู่ในวิหารคือคุณนายคนที่หนึ่ง ซึ่งรู้สึกอายและหดหู่เล็กน้อย “ฉัน…ฉันหวังว่าสามีจะกลับบ้าน เขาไม่กลับบ้านมาเป็นเดือนแล้ว…”
หย่งฟางมองธูป “คุณอี้ฉิน เทพเจ้าตอบรับคำขอของคุณแล้ว และท่านบอกว่าไม่ใช่ความผิดของคุณ อย่าโทษตัวเอง อย่าเสียใจ ส่วนสามีของคุณ รอข่าวดีที่บ้านได้เลย และคุณจะเป็นผู้แสวงบุญคนที่สองในรอบสิบปีที่ผ่านมา ท่านเทพจำคุณได้แล้ว และจะคุ้มครองคุณ”
คุณนายอี้ฉินออกไปด้วยความยินดี
คุณนายคนที่สองก้าวเข้ามาในห้องด้วยแววตาแห่งความศรัทธา “ขอเทพเจ้าช่วยให้ลูกชายของฉันหาคู่ได้สำเร็จ และพาคู่กลับบ้านเร็วๆ!”
หย่งฟางมองธูป มีประกายไฟระยิบระยับ “คุณซาน เทพเจ้าบอกว่าลูกชายของคุณมีคู่แล้ว ความปรารถนาของคุณจะสำเร็จแน่นอน แค่รอข่าวดีที่บ้านก็พอ และคุณเป็นผู้แสวงบุญคนที่สามในรอบสิบปีที่ผ่านมา เทพเจ้าบอกว่าจะคุ้มครองความรักของลูกชายของคุณให้สมหวัง”
คุณนายซานซานยิ้มหน้าบานออกไป
คุณนายคนที่สามเข้ามาในห้องด้วยความเขินอาย “ฉันอยากมีลูกคนที่สอง แต่สามีไม่ค่อยไหว…”
หย่งฟางมองธูปแล้วตอบว่า “คุณลี่ สองวันหลังจากนี้คือวันขึ้น 5 ค่ำ ให้ลองกับสามีคุณในวันนั้น เทพเจ้าบอกว่าคุณเป็นผู้แสวงบุญคนที่สี่ในรอบสิบปี ท่านจะคุ้มครองคุณ โอ้ เทพเจ้ายังให้ฉันส่งมอบยันต์นี้ให้ด้วย ให้สามีคุณพกติดตัวไว้” หย่งฟางหยิบยันต์จากใต้ฐานที่บูชาธูป พับเป็นสามเหลี่ยมและยื่นให้หล่อน
คุณนายลี่ออกไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
และจากนั้นคุณนายคนที่สี่ก็เดินเข้ามา “ขอเทพเจ้าคุ้มครองให้ฉันชนะไพ่นกกระจอกทุกตา”
คุณนายฉู่พาเดอะแก๊งมาดูดวง ดูท่าแต่ละคนคงติดใจเสียแล้ววว
คุณนายคนสุดท้ายนี่หายใจเข้าหายใจออกเป็นการพนันเลยนะ 55555
ความเสียสละและจิตใจอันยิ่งใหญ่ของหลงหยวนหยวน ทำให้หย่งฟางรู้สึกประทับใจ หลังจากเก็บกระดูกมังกร ลูกบอลวิญญาณ เทพธิดาน้อยและสัมภาระ หย่งฟางก็ใช้ค่ายกลย่อพื้นที่ออกไปจากเกาะอีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงสมาคมเทียนซือ หย่งฟางส่งมอบกระดูกมังกรให้หัวหน้าหลิวที่รอคอยอยู่อาจารย์หลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขารีบสั่งให้เหล่านักพรตอาวุโสช่วยกันนำกระดูกมังกรไปรวมเข้ากับเส้นมังกรของแผ่นดิน"ทำได้ดีมาก" หัวหน้าหลิวกล่าวชื่นชม พร้อมส่งสิ่งของบางอย่างให้หย่งฟาง"สิ่งนี้ให้กับหลงหยวนหยวน ถือเป็นรางวัลและคำขอบคุณจากทางสมาคม"เมื่อเปิดดูพบว่ามันคือ เครื่องรางเขามังกร ขนาดเล็กที่หากงูมังกรตัวนั้นได้ใช้ จะช่วยเพิ่มพูนพลังตบะได้อย่างมาก หย่งฟางกล่าวขอบคุณอาจารย์หลิวแทนหลงหยวนหยวน ก่อนเดินออกมาจากห้องทำงาน เมื่อไม่มีธุระใดๆ แล้ว เธอก็พาทุกคนกลับไปยังวัด ซึ่งเวลานั้นเป็นช่วงเย็นพอดีในศาลาเล็กๆ เหล่าสมาชิกสำนักกำลังนั่งชมรายการ สุดยอดปรมาจารย์ ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ เสียงโวยวายของห่าวจาวไฉและจินเหยาไต้ดังขึ้นอย่างไม่หยุด"ทำไมไม่ให้หยวนหยวนของเราคว้าแชมป์! พวกเขาไม่เข้าใจถึงคุณค่าของวิชาและพลังที่หยวนหยวนใช้เ
ไม่ใช่แค่ชาวเน็ตจากพื้นที่อื่น ที่เคยได้ยินชื่อเสียงของหย่งฟางและวัดเสวียนเว่ยเท่านั้น แม้แต่คนถานจิงเองรวมถึงคนที่เคยไปไหว้พระขอพรที่วัดเสวียนเว่ย ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยเห็นความสามารถ ในการจับผีหรือปราบปีศาจของหย่งฟาง พวกเขาคิดว่าเธอแค่เก่งเรื่องวาดยันต์หรือทำนายโชคชะตา แต่พอลงมือจริงๆ...ไม่ใช่สิ! หย่งฟางเธอทำได้จริงเหรอ?! โคตรเท่เลย!!!ทุกคนดูผ่านหน้าจอมือถือ เหมือนกำลังชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์สุดอลังการ หย่งฟางปรากฏตัวจากฟากฟ้า ใช้เส้นด้ายแดงสังหารปีศาจทะเลบ้าคลั่ง ราวกับทูตสาวจากสวรรค์ที่ลงมาปราบมาร ปลายนิ้วเรียวยาวเคลื่อนผ่านเส้นด้ายแดง เสริมด้วยใบหน้าสวยตราตรึงทำให้ทุกคนตะลึง ดวงตากลมโตเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางๆ บ่งบอกถึงความสง่างามและเสน่ห์ที่แฝงความขี้เล่น"พี่สาว! ฉันเป็นผี! จับฉันที!!!"หลังจากเหตุการณ์นี้ ทุกคนเริ่มค้นหาผลงานภาพยนตร์ และซีรีส์ที่หย่งฟางเคยแสดง เพื่อจะได้เห็นใบหน้างดงามนั้นอีก และพวกเขาก็พบว่า...ในซีรีส์ย้อนยุค เธอดูดีมาก ท่วงท่าสง่างาม ทรงผมและเครื่องแต่งกายดูเข้ากันทุกมุม โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ทั้งสวยงามและดุดัน หย่งฟางคือคนที่เ
เช้าวันใหม่ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงสาย หย่งฟางขยับตัวในผ้านวมนุ่มอย่างสบายใจ ก่อนจะลุกจากเตียงเชื่องช้า หนิงหมี่และเสี่ยวชิวตื่นกันตั้งแต่เช้า กำลังนั่งเล่นการ์ดพยายามสร้างบ้านจากการ์ดกันอยู่ หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ หญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องน้ำในขณะนั้นบ้านการ์ดที่สองสาวสร้างถูกผลักล้มไปแล้ว บนโต๊ะเล็กมีจานแตงโมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ วางเรียงไว้อย่างสวยงามแทน หนิงหมี่กับเสี่ยวชิวนั่งเคี้ยวพลางบ่นพึมพำ “อาจารย์หย่ง มีผู้ชายหล่อมากคนหนึ่งฝากมาให้ ลองกินดูสิ” พร้อมกับใช้ส้อมเงินเล็กๆ จิ้มแตงโมชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้หย่งฟางคนที่ฝากมาก็น่าจะเป็นฉู่เหยียนหรือไม่ก็ฉู่สวี่ หย่งฟางงับแตงโมพลางถาม “ผู้ชายหล่อที่ว่าเนี่ย คนโตหรือคนเล็กล่ะ?”หนิงหมี่เอียงคอครุ่นคิดก่อนตอบ “แยกไม่ออกหรอก หล่อทั้งคู่ แต่คนที่ให้แตงโมใส่แว่นนะ”พอได้ยินแบบนั้นหย่งฟางก็รู้ทันทีว่าเป็นฉู่สวี่ น้ำแตงโมหวานฉ่ำซึมซาบอยู่ในโพรงปาก หญิงสาวเดินออกจากห้องพักครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเคาะห้องฝั่งตรงข้าม ประตูถูกเปิดออกเป็นฉู่สวี่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำสนิท ปลายชุดยาวถึงช่วงกล้ามขาเรียวกระชับ ปลายผมที่ยังเปียกเล็กน้อยปกคลุ
หย่งฟางสัมผัสพลังงานรอบตัว ทำให้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมหมู่บ้านหลีเจียจึงสงบสุขได้เช่นนี้ ธรรมชาติแห่งคุณธรรมและความเมตตา นักพรตชราตาบอดผู้นี้ มีความเข้าใจในคุณธรรม และเส้นทางแห่งสวรรค์ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกรุณา แม้เขาจะมองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ว่าการร้องของกบในทุ่งนาคือชีวิต เสียงจิ้งหรีดในยามค่ำคืนคือชีวิตและที่สำคัญที่สุด ซากศพในหอเด็กหญิงก็คือชีวิตเช่นกันทุกค่ำหลังพระอาทิตย์ตกดิน นักพรตชราจะคลำทางไปยังหอเด็กหญิงเพียงลำพัง เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณให้กับเด็กที่เสียชีวิต เขาสวดมนต์เสียงเบา มือหมุนลูกประคำ แม้เสียงจะไม่ดังนัก แต่เปี่ยมด้วยพลังและความเมตตา ผู้หญิงในหมู่บ้านมักแอบตามมา ฟังเสียงสวดมนต์ในความมืดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินเมื่อเขาทำพิธีเสร็จ พวกเธอก็จะใช้สีผ้าห่อศพ เพื่อระบุว่าศพไหนเป็นของลูกตัวเอง จากนั้นก็ขุดหลุมเล็กๆ ใกล้ๆ เพื่อฝังลูกด้วยความระมัดระวัง หอเด็กหญิงค่อยๆ ถูกทำลายลง เหลือไว้เพียงหลุมฝังศพเล็กๆ สองร้อยกว่าหลุมกระจายอยู่รอบบริเวณนักพรตใช้เวลาครึ่งปี ในการมาที่หอเด็กหญิงในยามค่ำคืน เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณจนเสร็จสิ้น และระหว่างนั้น เด็กหญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ใต้กองศพ ก็ถูก
"จะมีเหตุผลอะไรได้อีก?"หยู่ถังมองหย่งฟางด้วยความตกใจหลีชิงอวี่แสดงท่าทางระแวดระวังเต็มที่ "คุณหย่ง ตกลงคุณเป็นใครกันแน่?""ฉันคือศิษย์วัดเสวียนเว่ย หย่งฟางค่ะ""คุณเป็นนักพรต?!" หลีชิงอวี่มีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปหย่งฟางพยักหน้าตอบแต่หลีชิงอวี่ถามต่อ "คุณทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณได้ไหม?""ทำได้""ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกคุณ"สาวอีกสองคนร้องไห้พลางพูดขึ้น "พี่สาว ได้โปรดอย่าบอกออกไปเลย ฉันกลัวว่าแม่ของฉันจะถูกจับเข้าคุก..."หลีชิงอวี่กุมมือของน้องสาวทั้งสองไว้แน่น "ไม่ต้องกลัว" จากนั้นเธอหันไปมองหย่งฟางและขอร้อง "ถ้าคุณฟังเรื่องทั้งหมดแล้วคิดจะไปแจ้งตำรวจ ขอให้จับฉันคนเดียวก็พอ"หย่งฟางตอบ "ฉันรับรองแบบนั้นไม่ได้""ไม่เป็นไร" หลีชิงอวี่ยิ้มบางๆ "ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง"หลังพูดจบ หลีชิงอวี่ก็เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่น่าเศร้า จากอดีตของเธอออกมาอย่างช้าๆ ในปี 1988 ที่หมู่บ้านหลีเจีย มีร่างเด็กผู้หญิงกองรวมกันในสถานที่ที่พวกเขาเรียกว่า ‘หอเด็กหญิง’ ทับทมกันจนสูงถึงสองร้อยร่าง แต่นั่นไม่ได้เป็นหอจริงๆ มันคือซากศพของเด็กผู้หญิงที่กองกันจนสูงราวกับเป็นหอคอยเหล่าผู้หญิงร
ผีสาวพุ่งเข้ามาหาหย่งฟาง หญิงสาวหรี่ตาลงคว้ามือจับเล็บยาวสีแดงเพลิงไว้แล้วบิดข้อมือผีตัวนั้น ก่อนจะพลิกแขนที่เหมือนไร้เรี่ยวแรงทิ่มเข้าไปที่ดวงตา ที่มีเลือดไหลซึมออกมา ผีสาวหลับตาและถอยหลังไปหนึ่งก้าว หย่งฟางไม่รอช้าฟาดฝ่ามือเข้าไปที่หลังมือของผีตนนั้น ถึงกับถอยหลังไปไกลหลายเมตร ก่อนที่ร่างของมันจะเสียหลักล้มลงนอนบนพื้นผีสาวอีกตัวในชุดแดงร้องคำรามเสียงดัง พร้อมพุ่งเข้ามาอ้าปากกว้างกางกรงเล็บที่เหยียดตรง ตั้งใจจะจับคอของหย่งฟาง แต่นักพรตสาวเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายลม หลบการโจมตีของผีตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับยกขาถีบเข้าที่ท้องของมัน ผีสาวร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันหยุดนิ่งไปชั่วครู่หยู่ถังคิดในใจ ผียังเจ็บได้ด้วยเหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นผีสาวก็ไม่ถอยหลัง มันพุ่งเข้าหาหย่งฟางอีกครั้งด้วยความดุดัน ในขณะเดียวกัน ผีสาวที่ล้มลงไปก่อนหน้านี้ก็ฟื้นตัวเหมือนปลาที่กระโดดจากพื้น ตอนนี้หย่งฟางต้องรับมือกับผีสาวถึงสองตัวหยู่ถังไม่คิดมาก รีบตะโกนถาม “อาจารย์หย่ง! ให้ฉันไปหยิบอุปกรณ์ให้ไหม?”“ไม่ต้อง” หย่งฟางตอบสั้นๆ ในขณะที่ยังต่อสู้อยู่ผีทั้งสองตัวบ้าคลั่งมากขึ้น การโจมตีของพวกมันเริ่มทวีควา