3
เล่นชู้ เช้าวันรุ่งขึ้น... แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนของดีไซน์เนอร์สาว แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบเปลือกตาเธอที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายกาย เธอขยี้ตาและลุกขึ้นมานั่งบิดตัวไปมา เธอค่อย ๆ ยกเท้าลงจากเตียงพลางยกมือสองข้างขึ้นเกล้าผมสูงก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไป … ครึ่งชั่วโมงผ่านไป… เสร็จจากการอาบน้ำก็ออกมาประทินโฉม โบ๊ะหน้าอ่อน ๆ สางผมให้เรียบร้อย ก่อนเลือกหาเสื้อตัวสวยกับกางเกงขายาวมาสวมใส่ เธอเดินมาที่กระจกบานใหญ่และสำรวจดูความเรียบร้อย แล้วจึงหยิบกระเป๋าเหวี่ยงพาดบ่า และก็เดินจ้วง ๆ ออกไปจากห้องนอน พิชชาเดินลงบันไดมาก็เจอสมพรกับจิ๋วกำลังทำความสะอาดอยู่ จึงเดินเข้ามาถามสมพร “ป้าพรค่ะ…คุณพ่ออยู่ไหนเหรอคะ” “คุณท่านมีงานด่วนเลยต้องรีบกลับไร่ค่ะ...คุณผู้หญิงกับคุณหนู ๆ ก็กลับไปพร้อมกันค่ะ” “อืม! ถ้างั้นพิ้งค์ไปทำงานก่อนนะคะ” สมพรพยักหน้าและยิ้มให้พิชชา ดีไซน์เนอร์สาวก็เดินมุ่งหน้าไปที่โรงรถเพื่อขับไปที่ห้องเสื้อของเธอ … พิชชาจอดรถตรงข้างร้าน ดับเครื่องยนต์และปลดเข็มขัดนิรภัยออก เอื้อมมือหยิบกระเป๋าสะพาย แล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถ ผลักปิดพลางกดรีโมตล็อครถ ดีไซน์เนอร์เดินฉับ ๆ บนส้นสูงสามนิ้วมุ่งหน้าเข้าไปที่ห้องเสื้อ จึงได้พบกับทิวากรที่นั่งรอเธออยู่ข้างในร้าน “คุณรอฉันนานรึเปล่าค่ะ” “ไม่นานครับ” “งั้นเรามาวัดตัวกันเลยดีกว่าค่ะ” พิชชาจูงมือทิวากรเดินเข้ามาในห้องลองเสื้อและเธอเรียกมอลลี่กับเอบีเข้ามา แล้วจัดการวัดตัวทิวากรทันที มอลลี่เป็นคนวัดตัวและเอบีก็จดทุกสัดส่วนอย่างละเอียดถี่ถ้วน “เรียบร้อยแล้วค่ะ…คุณน้อง” “ขอบคุณนะครับ…พี่มอลลี่ พี่เอบี” “ไม่เป็นไรค่ะ” มอลลี่กับเอบีก็ขอตัวไปทำงานต่อ ปล่อยให้ทั้งสองคนกระหนุงกระหนิงกัน ทิวากรเดินเข้าไปหาพิชชาและจับมือทั้งสองข้างของเธอ กดจมูกลงบนผิวแก้ม สองมือยกโอบเอวอ้อนแอ้นแล้วใช้แรงตวัดร่างเธอเข้ามาแนบชิด “ผมจะรอนะครับ” ทิวากรค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ดีไซน์เนอร์สาว และกำลังจะจูบ แต่ทันใดนั้นใบเฟิร์นก็เดินพรวดพราดเข้ามา พิชชารีบออกห่างจากทิวากรแล้วหันหน้าไปถาม “มีอะไรเหรอคะ” “มีลูกค้าต้องการพบน้องพิ้งค์ ตอนนี้รออยู่ในห้องรับแขกแล้วค่ะ” “อ๋อ! เดี๋ยวพิ้งค์ตามไปนะคะ” ใบเฟิร์นพยักหน้ารับทราบแล้วเดินออกไป หลังจากนั้นทิวากรหันหน้ามามองพิชชา “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” “ค่ะ…บ๊ายบาย” ทิวากรโบกมือบ๊ายบายและหันหลังเดินจากไป ... ดีไซน์เนอร์สาวเดินเข้ามาในห้องรับแขก เห็นมอลลี่ยืนถือสมุดบันทึกกับปากกาพร้อมที่จะจดงาน พอเข้าไปนั่งลงบนโซฟามอลลี่ก็แนะนำผู้หญิงสูงวัยทั้งสองคนให้พิชชารู้จัก คนที่นั่งทางด้านซ้ายคือ คุณหญิงดวงมณี เป็นเจ้าของร้านเพชร&จิวเวลรี่และส่วนทางด้านขวาคือ คุณหญิงโสภิษนภา เป็นหุ้นส่วนกับคุณหญิงดวงมณีและผู้ถือหุ้นใน โรงแรมSky-high อีกด้วย พิชชายกมือไหว้ทำความเคารพคุณหญิงทั้งสองคน “สวัสดีค่ะคุณหญิงดวงมณี สวัสดีค่ะคุณหญิงโสภิษนภา ทางห้องเสื้อของเรายินดีให้บริการค่ะ” “ฉันฟังเรื่องของคุณมาเยอะมาก…ก็เลยอยากได้คุณมาร่วมงานของเรา” “ใช่ค่ะ ฉันประทับใจผลงานของคุณในงานประมูลเครื่องเพชรของมาดามคริสต้า เลยอยากได้คุณมาร่วมงานด้วย” คุณหญิงดวงมณีและคุณหญิงโสภิษนภาพูดชื่นชมในผลงานของพิชชากันใหญ่จนเธอเริ่มเขิน “ขอบคุณนะคะ แต่ถ้าไม่มีผู้ช่วยที่ดี ฉันก็คงทำผลงานออกมาได้ไม่ดีขนาดนี้หรอกค่ะ” พิชชาหันข้างมามองมอลลี่แล้วยิ้มให้กับเขาก่อนที่จะหันกลับไปพูดคุยกับคุณหญิงทั้งสองคน แล้วมาพูดรายละเอียดของงานกัน “แล้วคุณหญิงต้องการให้ฉันทำอะไรค่ะ” “ฉันอยากให้พวกคุณออกแบบชุดฟินาเล่ให้เข้ากับชุดเครื่องเพชร Blue Diamond งานจะจัดขึ้นที่ โรงแรมSky-high ในเดือนหน้า” “ได้ค่ะ…ทางเราจะทำให้สุดความสามารถค่ะ” พอคุยงานเสร็จคุณหญิงทั้งสองก็ขอตัวไปทำธุระอีกที่หนึ่ง พิชชาเดินไปส่งคุณหญิงทั้งสองที่หน้าร้าน คุณหญิงโสภิษนภาหันหลังมาพูดกับพิชชาอย่างเป็นกันเอง “ฉันจะรอดูผลงานของคุณนะคะ” “ยินดีค่ะ” พิชชาโค้งรับพลางยิ้มให้คุณหญิงทั้งสองอย่างอ่อนน้อม ก่อนที่พวกเธอจะเดินออกไปจากร้าน ... พิชชาคุยงานเกือบสองชั่วโมง พอรู้ตัวอีกทีก็เที่ยงครึ่งแล้ว เธอเลยจะไปหาอะไรรองท้องและแวะไปหามินตราสักหน่อย “พวกพี่ค่ะ...พิ้งค์จะออกไปหาเพื่อนมินที่ร้านคงจะไม่กลับมาแล้ว ฝากพวกพี่ปิดร้านด้วยนะคะ” ใบเฟิร์นตอบกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ได้ค่ะ” เอบีกับมอลลี่เงยหน้ามองมาพิชชาแล้วอมยิ้ม เธอเลยเดินออกไปขึ้นรถและขับรถมุ่งหน้าไปที่ร้านมินตรา … พิชชาจอดรถไว้หน้าร้านและเดินเข้าไปข้างในร้าน ดีไซน์เนอร์สาวเดินมาหยุดตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ เห็นมินตรากำลังยืนชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าอยู่ “เอ้า! พิ้งค์...จะมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะ” “บอกแกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ” “จ้ะ! นี่แกจะสั่งอะไรไหม...เดี๋ยวฉันทำให้” “คลับแซนด์วิชกับลาเต้ร้อน” “ได้เลย…แกไปนั่งก่อนเดี๋ยวฉันทำให้” พิชชามานั่งที่ประจำของเธอ ทุกครั้งที่มาร้านของมินตราต้องนั่งตรงนี้ พิชชาวางกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมบนเก้าอี้ข้าง ๆ และนั่งพิงอย่างสบายใจ รออาหารมาเสิร์ฟ ผ่านไปสามนาที… มินตราเดินยกอาหารมาวางไว้บนโต๊ะกลมที่พิชชานั่งอยู่ พอวางอาหารครบ มินตราก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับพิชชาและพูดคุยกันตามประสาเพื่อนสาว “เมื่อวานนี้ มีพนักงานบอกว่าแกมาหาฉัน…มีอะไรหรือเปล่า” “เผอิญว่าบีน่ามาหาฉันที่ร้าน...และจะชวนพวกเราไปทานข้าวด้วยกันน่ะ” “เป็นอย่างนี้นี่เอง…ฉันคิดว่าแกคิดถึงฉันซะอีก” มินตรานั่งกอดอกและถอนหายใจ “แกไปเถอะ” “ทำไมล่ะ” “พิ้งค์! ฉันรู้ว่าพวกเราเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ฉันรับไม่ได้ที่ต้องคบกับยัยนั่น แกรู้ไหม…ที่ยัยบีน่ากลับมาไทยไม่ใช่ว่าหมดสัญญา แต่โดนทางโมเดลลิ่งปลดออก เพราะยัยนั่นไปเล่นชู้กับผู้ว่าจ้าง ที่สำคัญคน ๆ นั้นมีภรรยาอยู่แล้ว” “...” ดีไซน์เนอร์สาวถึงกับเงียบกริบและครุ่นคิดเรื่องที่เพื่อนรักเล่ามา “ฉันไม่โกรธแกหรอกนะ ที่จะคบกับยัยบีน่า แต่ฉันขอเตือนแกในฐานะเพื่อนรักของแกเลยนะ...ว่าแกควรอยู่ให้ห่างจากยัยนั่นซะ” พิชชานั่งมองหน้ามินตราที่นั่งกอดอกและเบือนหน้าหนี ทำให้เธอรู้สึกผิดกับเพื่อนรัก … พิชชากำลังขับรถเข้ามาจอดที่โรงรถ ตอนนี้เธอจอดรถ แต่ยังไม่ลงมาจากรถ ปลดเข็มขัดนิรภัยออกและนั่งเท้าข้อศอกเอาไว้กับประตูรถแล้วกุมขมับ นึกถึงคำพูดของมินตราที่บอกกับเธอเรื่องซาบีน่า พอเธอนั่งคิดไปคิดมาอยู่บนรถ ในระหว่างนั้นจิ๋วเดินมาดูและเคาะกระจกรถเบา ๆ เรียกพิชชาที่นั่งอยู่บนรถ “คุณพิ้งค์ค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวสะดุ้งและหันมามองข้างกระจกรถก็เห็นจิ๋วยืนอยู่ เธอเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายก่อนจะก้าวลงจากรถ สั่งจิ๋วหยิบกระเป๋าเอกสารจากหลังรถไปไว้ที่ห้องทำงานด้วย เธอเดินเข้าบ้านตรงขึ้นไปบนห้องนอน พอเข้าไปก็โยนกระเป๋าสะพายไว้บนเตียงและจึงล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงนุ่มๆ พอหัวถึงหมอนเธอก็เผลอหลับไป40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน