Home / รักโบราณ / อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์ / 4. เสียงกระซิบในวังหลวง

Share

4. เสียงกระซิบในวังหลวง

last update Huling Na-update: 2025-10-28 20:52:01

ยามราตรีปกคลุมดินแดนไอยคุปต์อีกครา... แม้ดวงจันทร์จะส่องแสงเหนือแม่น้ำไนล์ หากแต่มิอาจกลบเงามืดแห่งริษยาและเพลิงอิจฉาที่ค่อย ๆ ก่อตัวในพระราชวังหลวง

ข่าวลือเรื่อง ‘นางทาสจากแดนชมพูทวีป’ ผู้ทำให้ฟาโรห์เมเรนคาเร ทรงเปลี่ยนจากความเฉยชา เป็นพระราชาที่ทรงเริ่มยิ้มแย้มและมีพระบัญชากับนางผู้นี้ถี่บ่อยยิ่งนัก... ได้แพร่กระจายไปราวไฟลามต้นกก

และภายในห้องสนมเอก ที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักกลางอันงดงามระยับนั้นเอง กลิ่นชาดหอมกรุ่นจรุง... ปะปนกับกลิ่นความเคลือบแคลงใจ

“เจ้าเห็นหรือไม่... ฟาโรห์มิทรงทอดพระเนตรพวกเราอีกต่อไป...” สุ้มเสียงของ ‘เนเฟรตารี’ สนมเอกแห่งวังหลวง ทายาทของตระกูลขุนนางสูงศักดิ์จากเมืองเธบส์ เอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรุ่ม กระวนกระวาย

“แต่ทรงวาดภาพดอกบัว… หัวร่อต่อกระซิกกับนางทาสไร้ตัวตนจากแคว้นล่มสลาย!!!” สนมอีกผู้หนึ่งกล่าวเสริมเสียงแหลมเจือพิษริษยา สายตาดุร้ายจิกมองออกไปยังนอกตำหนักสนมที่อยู่รวมกันนับสิบคน นางมักสอพลอยกยอสนมเอกอยู่เนืองๆ และเพียรพยายามยกตนข่มสนมบรรณาการต่างถิ่นต่างแดนอยู่ตลอด และไม่ยอมน้อยหน้าและลงให้สนมคนใด... ยกเว้นสนมเอกเนเฟรตารี เท่านั้น

ในตำหนักกลางที่พำนักของเหล่าสนมทั้งหลาย จะมีตำหนักสนมเอกอยู่ทั้งหมดสี่ตำหนัก เรียงรายตามแต่ฟาโรห์จะแต่งตั้งขึ้นตามชาติตระกูลต้นกำเนิดความเป็นมาของนางแต่ละคน สนมเอก สนมรองต้น สนมรองฝ่ายซ้าย สนมรองฝ่ายขวา ทั้งสามนางจะขึ้นตรงกับสนมเอกแต่เพียงผู้เดียว สำหรับสนมบรรณาการที่ไม่มีตำแหน่งจะเป็นเพียง สนมปลายแถว ไม่มีที่นั่งในพระราชพิธีใดใด จะถูกจัดให้นั่งรวมกลุ่มกันเรียงรายตามลำดับก่อนหลังที่ทรงรับเข้ามาสู่ตำหนักบูรพา

“อัมพุ… เจ้าคือผู้ใดกัน!!! เนเฟรตารีเอ่ยชื่อนั้นอย่างเยียบเย็น

“นางช่างร้ายกาจนัก!!! ซ่อนคมมีดไว้ใต้พู่กัน ซ่อนเวทมนตร์ไว้ในกลิ่นดอกไม้”

ณ ตำหนักกลางยามดึก เสียงดังกรอบแกรบจากผืนทรายด้านนอกดังเบา ๆ เมื่อสาวใช้คนหนึ่งรีบร้อนโผเข้าประตูหน้าตำหนักของสนมเอก คลานไปคุกเข่าหน้าสนมเอกเนเฟรตารี

“สนมเอก… ข้าได้ยินจากสาวใช้ตำหนักทิศตะวันออกว่า…”

“มีอันใด จึงร้อนรนเข้ามาหาข้า ข้ามิได้เรียกหา ...บังควรรึ เจ้าอยากถูกลงโทษอย่างนั้นรึ!!!” สนมเอกขึ้นเสียงแหลมดุด่าข้ารับใช้

“มิได้...เจ้าค่ะ ข้า...ข้ามีเรื่องอยากเอามาเล่าให้สนมเอกได้รับรู้” เสียงสาวรับใช้ลนลานเกรงกลัว กล่าวอย่างตะกุกตะกัก

“…ฟาโรห์ทรงอยู่ในห้องบรรทม และเรียกหาแต่ อัมพุ นางทาสนั่น...มาถวายการวาดภาพก่อนบรรทมแทบทุกคืน ... เจ้าค่ะ”

เนเฟรตารีลุกพรวดจากเบาะทอง ปลายเล็บที่ทาสีครั่งแดงกำแน่นจนเล็บจิกลงเนื้อ แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นยังไม่เท่ากับความคับแค้นแทบอกระเบิดที่ได้ยินคำพูดประโยคนั้น

“พอกันที!!! เราจะไม่ยอมให้นางทาสนั่นใช้ปลายพู่กันมาทำลายศักดิ์ศรีพวกเราอีก”

น้ำเสียงตวาดดังลั่น จนสนมอื่นๆ ที่อยู่ข้างตำหนักใหญ่โผล่หน้าออกมาซุบซิบด้วยกระหายใคร่รู้เรื่องราว

อีกมุมหนึ่งภายในวังหลวง อัมพุชินีมิได้รู้เลยว่าตนเองตกเป็นเป้าในเงามืด เธอยังคงเดินไปตามเส้นทางหินอ่อนเรียงรายด้วยเสาสลักรูปเทพีฮาเธอร์ มุ่งหน้าไปยังสวนบัวหลวงส่วนพระองค์ ตามคำบัญชาของฟาโรห์เมเรนคาเร ซึ่งทรงประสงค์จะให้เธอวาดภาพใหม่ถวาย

ค่ำคืนนั้น... พระองค์มิได้เสด็จมาดังเคย ทิ้งให้หญิงสาวนั่งรออยู่ริมสระบัวและความเงียบงัน และในเวลาเดียวกัน... แผนร้ายก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว

รุ่งเช้า ณ ห้องพระโอสถหลวง...

เสียงโกลาหลดังขึ้นเมื่อข้าหลวงนางหนึ่งรุดเข้าไปแจ้งว่า...

“น้ำโอสถที่จะถวายพระองค์เมื่อค่ำคืนก่อน มีผู้ลอบเจือสารพิษบางอย่าง…”

เหล่าหมอหลวงตรวจพบว่า ในหม้อดินน้ำสมุนไพรบัวหลวงนั้น มิใช่เพียงกลิ่นบัว แต่กลับเจือสารจากรากพิษแห่งทะเลทราย จะส่งผลร้ายแรงต่อจิตประสาท

“ใครกันที่กล้าทำร้ายฟาโรห์!!!”

กลางท้องพระโรง พระเนตรของฟาโรห์เคร่งขรึมเย็นเยียบยิ่งนัก แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง... คือ พระสุรเสียงรับสั่งตะคอกลั่นสะท้อนกำแพงดังก้องกังวาน

“เรียกอัมพุ มา!!!… ข้าต้องการรู้จากปากนาง”

อัมพุชินีก้าวเข้าสู่ท้องพระโรงท่ามกลางสายตาเกลียดชังและหวาดระแวงของเหล่าสนมและข้าราชบริพาร

พระพักตร์ของฟาโรห์เมเรนคาเรยังคงสงบนิ่ง มิได้แสดงอาการใดที่บ่งบอกถึงความลำเอียง

“อัมพุ… เจ้าคือผู้จัดเตรียมน้ำบัวหลวงเมื่อคืนนี้!!!”

“เพคะ…” เสียงของอัมพุชินีแผ่วเบา หากแต่หนักแน่น

“ข้ากระหม่อมใช้สมุนไพรจากตำรับเดิม... มิได้เปลี่ยนสิ่งใด... ข้ากล้าถวายสัตย์ต่อฟาโรห์ และต่อเบื้องหน้าของเทพีศักดิ์สิทธิ์ ไอซิส

ท่ามกลางความตึงเครียด เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น...

“แล้วกล่องเครื่องสมุนไพรของนาง... เหตุใดจึงพบรากพิษแห่งทะเลทราย!!!”

คำกล่าวนั้นออกจากปากของเนเฟรตารี ซึ่งปรากฏกายขึ้นอย่างกรีดกราย หันหน้าชำเลืองด้วยสายตาเยาะหยันไปที่อัมพุชินี พร้อมด้วยข้ารับใช้ของนางสองคนที่สะบัดหน้าไม่พอใจ

ในสถานการณ์ตึงเครียด ข้าราชบริพารต่างจับจ้อง หากแต่ฟาโรห์กลับหรี่พระเนตร คล้ายตรึกตรองวิเคราะห์อย่างลุ่มลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณ

“จงนำอัมพุ...ไปยังห้องขังชั่วคราว ข้าต้องสอบสวนให้รู้...และสิ้นสงสัย”

คำบัญชานั้นทำให้หัวใจของเธอหล่นลงสู่พื้นหินอ่อนแทบหมดแรง เธอถูกคุมตัวไปยังคุกกำแพงหินใต้พระราชวัง... สถานที่แห่งนี้ทั้งคับแคบ ทั้งร้อนระอุ เต็มไปด้วยความมืดมน แทบไร้ลมหายใจ

สามวันผ่านไป

ไม่มีใครมาเยี่ยมเยือน ไม่มีข่าวจากพระองค์ ไม่มีแสงอาทิตย์ ในความเงียบสงัดนั้น อัมพุชินีหลับตานิ่ง นั่งสมาธิ มือประสานกันในท่ารูปดอกบัวบนตัก... อย่างเดียวดาย แม้ข้ารับใช้ที่ติดตามมาสองคนก็ไม่อาจฝ่าฝืนคำบัญชา สั่งห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เข้ามาอยู่ในคุกกับเธอ

หากแม้นชะตาจะพรากเธอไป… เธอก็ยินดี หากแต่ความสัตย์จริงยังคงเป็นพยานให้เธอ ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ในสายตาแห่งองค์ฟาโรห์

จนกระทั่งรุ่งสางวันที่สี่…

ประตูหินถูกเปิดด้วยพระหัตถ์ของฟาโรห์เมเรนคาเร พระองค์ทรงยืนอยู่ตรงหน้าในอาภรณ์เรียบง่าย มิใช่ชุดทรงในราชพิธี พระเนตรทอดมองอัมพุชินีอย่างจับจ้อง ก่อนตรัสเบาๆ

“ข้าพบว่า ร่องรอยในกล่องสมุนไพรของเจ้านั้น... มีรอยรากพิษกระบองเพชรสด ซึ่งเจ้าไม่เคยใช้… นั่นยืนยันว่ามีผู้วางกลลวง” พระหัตถ์ของพระองค์ยื่นมาประคองมือสั่นเทาของเธอให้ลุกขึ้นยืนต่อหน้าพระองค์

“ข้าขออภัยต่อเจ้า... อัมพุ”

น้ำตาหยดหนึ่งไหลจากดวงตาของหญิงสาวลงบนฝ่าพระหัตถ์ของฟาโรห์หัวใจหิน แต่บัดนี้หัวใจที่บุด้วยกำแพงน้ำแข็งเริ่มหลอมละลายลง ด้วยน้ำตาของนางทาสจากแดนไกล

“ข้ากระหม่อมไม่เคยถือโทษโกรธพระองค์… แต่ข้าเจ็บปวดนักเพราะพระองค์ไม่ทรงเชื่อที่ข้าได้ทูลไป”

พระองค์มิได้ตรัสใดใดต่อ หากแต่จูงมืออัมพุชินีขึ้นมาจากคุกด้วยพระองค์เอง ท่ามกลางสายตาเหล่าสนมและข้าราชบริพาร ทันทีที่ถึงท้องพระโรง พระองค์ทรงตรัสต่อที่ประชุม...

“ต่อแต่นี้ไป... อัมพุ จักไม่เป็นนางทาส นางคือ ‘ผู้ถวายโอสถและจิตรกรหลวง’ ประจำราชสำนัก” เสียงฮือฮาดังขึ้น... ขณะสนมเอกเนเฟรตารีกัดฟันแน่น เสียงดังกรอดๆ แอบชำเลืองอัมพุชินีอย่างแค้นเคือง

ในเงามืดนั้น...

แผนแรกแม้ล้มเหลว แต่เกมการเมืองในวังไอยคุปต์เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

และ อัมพุชินี... กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางของแรงริษยาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   20. ณ ราตรี...จำพลัดพราก (จบภาค 1)

    ยามราตรีในนครวาเซตเงียบสงัดกว่าทุกคืนที่ผ่านมา แสงจันทร์เต็มดวงทอดเงาแสงสีเงินงามลงบนกลีบบัวหลวงที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำแห่งสระบัวข้างพระตำหนักทรงบรรทม สายลมบางเบาหอบไออบอุ่นจากแม่น้ำไนล์ พัดโชยเอากลิ่นดอกบัวนิลุบลสีฟ้าครามลอดผ่านม่านประตูด้านหน้าของของตำหนักชั้นในเคล้ากลิ่นสมุนไพรให้ลอยตลบอยู่ภายในห้องนอนของอัมพุชินีภายในห้องเล็กของตำหนักเคยเป็นที่ประทับรับรององค์ฟาโรห์ยามดึกสงัดคราพระองค์ทรงกลัดกลุ้มในพระทัย และเป็นที่ซึ่งเพลงรักของพระองค์กับอัมพุชินีได้บรรเลงขึ้นอย่างไพเราะผสมผสานเสียงพิณซึ่งขับขานอยู่ทุกชั่วยามในทุกราตรีอันแสนหวานแต่มาบัดนี้เต็มไปด้วยความหม่นหมองตรอมตรมของการจากลา แม้ไม่มีถ้อยคำใดเปล่งออกมา แต่กลับดังอยู่ในทุกจังหวะเต้นกลางหัวใจของหญิงสาวบนโต๊ะไม้หอมมีจดหมายผืนเล็กพับวางอยู่ข้างแท่นประทีป ด้านบนเขียนด้วยลายมือที่สั่นเทา“ขอทรงประทานอภัย ที่ข้ากระหม่อมจากไปโดยมิได้ทูลลา”หยาดน้ำตาหลายหยดร่วงลงประทับบนลายหมึกนั้น คือเครื่องหมายแทนหัวใจที่แสนทุกข์ทรมานยากต่อการจากลาเสียเหลือเกินณ ราตรีนั้น การตัดสินใจของอัมพุชินีเด็ดเดี่ยว ยากจะฉุดรั้ง...ก่อนหน้าเพียงไม่กี่ชั่วยาม

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   19. พิธีบูชาเทพเฮกา ณ วิหารเมเนเฟอร์

    รุ่งอรุณแห่งวันใหม่งดงามด้วยแสงสีทองซึ่งปกคลุมขอบฟ้าเหนือบริเวณพระราชวังหลวง เสียงสวดสรรเสริญพระนามเทพเจ้าดังกังวานจากลานหินกว้างหน้าวิหาร ‘เมเนเฟอร์' วิหารศักดิ์สิทธิ์ภายในเขตชั้นในของพระราชวังของนครวาเซตแห่งนี้ อันเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพของ 'เทพเฮกา' เทพแห่งเวทมนตร์และพลังชีวิตกลิ่นหอมจากยางไม้เมอร์และอบเชยลอยตลบอบอวล แสงประทีปพันดวงสะท้อนบนกำแพงหินแกะสลักลวดลายเทพผู้ถือคทาเวท ด้านในสุดของวิหารเป็นบัลลังก์ศิลาสำหรับประกอบพิธี เรียก ‘กะ’ พลังแห่งชีวิตคืนสู่ร่างของผู้ที่ผ่านพ้นความเจ็บป่วยหรือภัยร้ายพระมารดาเงา ‘ติเยนา’ ซึ่งป่วยด้วยพิษสะสมมานานหลายเดือน วันนี้ลุกขึ้นได้ด้วยกำลังใจ และความช่วยเหลือจากอัมพุชินี นางผู้ถูกกล่าวหาแต่กลับมอบทั้งแรงกายและความรักอันซื่อบริสุทธิ์เพื่อเยียวยาเสียงฆ้องดังขึ้นเป็นจังหวะ ข้าราชบริพารสวมผ้าลินินสีขาวเดินเรียงแถวเข้าไปภายในวิหาร กลีบดอกบัวหลวงสีฟ้าเข้มแกมชมพูอ่อนถูกวางเรียงรายตามทางลาดพระบาท ประดุจลานเคลือบเงาสีฟ้าเจือชมพูสลับไปตลอดเส้นทางอัมพุชินี กำลังจัดเตรียมโถน้ำปรุงจากผงบดละเอียดของไพรเวชศักดิ์สิทธิ์ของ ดอกมะลิ ดอกบัว และใบมะตูมจากดินแดนต

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   18. เงาร้ายในเงาลับ

    แม้ลมราตรี ณ ยามค่ำคืนนี้ จะพัดหอบไอเย็นเอื่อยๆ ลอดตามบานประตูหน้าต่างของราชวังทองคำแห่งนี้ แต่ภายในหทัยร้อนรุ่มของ ฟาโรห์เมเรนคาเร นั้น...ยังหาความสงบลงมิได้เลยแม้แต่น้อยภัยในเงามืดยังคงแทรกซึมอยู่ อันตรายคืบคลานมาจากคนใกล้ตัว ไม่ว่าจากสนม เสนาบดี ขุนนาง และแม้กระทั่งนางกำนัลในตำหนัก ขณะที่พระมารดาเงายังคงอ่อนแรงด้วยพิษสะสม ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของนางใด พระองค์ทรงรับรู้แน่ชัดแล้วว่า ศึกครั้งนี้มิใช่ศึกประจัญหน้ากับคมดาบของศัตรู แต่คือศึกพิษร้ายที่แฝงเงาลับไว้ในทุกย่างก้าวภายในห้องทรงอักษร แสงประทีปพลิ้วไหวลู่ไปตามแรงลมโชยมาอ่อนๆ เงาที่ปรากฎบนผนังโยกคล้ายอำนาจลึกลับกำลังเริงระบำอย่างปรีดา อัมพุชินีนิ่งเงียบหมอบอยู่เบื้องพระบาทหน้าแท่นประทับขององค์ฟาโรห์ มือเรียวประคองพู่กันไม้ ดวงตาเธอเหลือบไปยังผืนผ้าเปลือกไม้ที่ยังมิได้แต้มสีใดใด ด้วยในใจของเธอยังเต็มไปด้วยความว้าวุ่นหาความสงบลงไม่ได้เฉกเช่นกัน“ฝ่าพระบาท... ข้ากระหม่อมเกรงว่าข่าวลือทั้งหลายจักก่อภัยใหญ่หลวง” เสียงสั่นแผ่วเบาเอ่ยขึ้นเมเรนคาเรทอดพระเนตรมายังสาวน้อยที่บัดนี้ได้กำหทัยของพระองค์ไปหมดแล้ว แววพระเนตรแสนเหนื่อยล้าแต

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   17. พิษสะสมของพระมารดา

    แสงตะวันสีทองอมส้มคล้อยต่ำบนเหนือแม่น้ำไนล์ ต้องผิวน้ำเปล่งประกายระยิบระยับ แต่ในความสงบแห่งยามเย็นนั้นกลับเต็มไปด้วยความกังวลสุมอยู่กลางพระทัยของฟาโรห์เมเรนคาเร มานานหลายคืนแล้วข่าวลือภายในตำหนักพระมารดาเงา...แม่นมผู้เก็บงำความลับของราชวงศ์ฟาโรห์แห่งธีบส์ มีอาการอ่อนแรงลงอย่างผิดปกติวิสัย อาการนั้นมิอาจอธิบายได้ว่ามาจากโรคหรือเหตุอันใดภายในห้องโอสถแห่งวังหลวง สมุนไพรและเครื่องยาปรุงโชยกรุ่นกลิ่นจากความหอมอ่อนๆ ของบัวหลวงที่เคยเป็นเครื่องหมายแห่งความสงบ แต่มาบัดนี้กลับกลายเป็นกลิ่นที่นำพาความหวาดระแวงมาเกาะกุมในหทัย ฟาโรห์ทอดพระเนตรไปยังอัมพุชินี เธอหมอบหน้าลงกับพื้นเบื้องพระบาท มิได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดนอกจากนิ่งเงียบ ปล่อยให้หัวใจเต้นระส่ำไปตามแรงกดดันค่ำคืนนี้พระองค์เสด็จมาทอดพระเนตรการปรุงโอสถด้วยพระองค์เอง และทรงรับน้ำปรุงโอสถจากบัวหลวงต้ม และยังทรงสำรวจการต้มโอสถสมุนไพรที่นำมาจากดินแดนตะวันออก ซึ่งชาวกัมโพชน์ใช้รักษาโลหิตเป็นพิษ เปลือกจากต้นไม้นามว่า ‘จามูน’ นำมาบดผสมกับโกฐน้ำเต้าเจือความหอมละมุนของไม้กฤษณา เพื่อรักษาโรคพิษคั่งค้างสะสมของพระมารดาเงาอัมพุชินีได้เดินตามฟาโรห์ออกมา

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   16. สมุนไพรพิสูจน์ความจริง

    ดวงจันทร์เสี้ยวลอยเด่นเหนือหอคอยศิลาสูงตระหง่าน ได้ทอดเงาพระราชวังทองคำอันงดงามลงบนผืนทรายกว้างใหญ่ สายลมพัดพาความหนาวเย็นเข้ามาภายในราชวังหลวง ในค่ำคืนเงียบสงัดยามนี้...ดูผิดไปจากทุกวัน ฟาโรห์เมเรนคาเรประทับอยู่ภายในพระตำหนักทรงบรรทม พระพักตร์นิ่งสงบ พระเนตรฉายแววความกังวลในพระทัย ราตรีนี้พระองค์ทรงรับสั่งให้อัมพุชินีกลับไปยังตำหนักของเธอทันที หลังจากทรงรับน้ำปรุงโอสถต้มจากดอกบัวหลวงแล้ว ทั้งยังทรงปฏิเสธการเรียนวาดภาพศิลปะอัมพุชินีเข้าใจถึงหทัยที่ทรงแบกรักอย่างหนักหน่วง ด้วยข้อท้วงติงว่า...เข้าข้างเธอโดยไม่ฟังคำเตือนจากเหล่าเสนาบดี และ สนมเอกอย่าง ...เนเฟรตารี นางผู้มาจากตระกูลสูงศักดิ์ มีสายเลือดใกล้ชิดฟาโรห์ เป็นธิดาฝ่ายพระญาติผู้น้องทางพระชนนีของพระองค์หลังจากที่นาเยรีสนมคนโปรดผู้เคยถวายงานพัด ได้สารภาพว่าผู้วางแผนลอบทำร้ายอัมพุชินี คือพระมารดาเงา...แม่นมผู้บริบาลองค์ฟาโรห์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ฟาโรห์จึงได้ทรงบัญชาให้จับตัวพระมารดาเงาไปคุมขังไว้ในห้องใต้ดินลับเฉพาะสำหรับสมาชิกราชวงศ์ เพื่อป้องกันภัยจากผู้ที่กำลังวางแผนร้ายแอบอ้างชื่อนางอีก และเพื่อสืบหาความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ใน

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   15. ห้องสมุนไพรลับ (2)

    การกล่าวโทษเริ่มต้นอย่างเข้มข้น ... แม้สายพระเนตรของฟาโรห์ที่เพ่งมองไปยังเหล่าอาณาบริวารทั้งหลายภายในท้องพระโรงทอง จะเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง แต่พระองค์ทรงมีหทัยตั้งมั่นไม่ได้หวั่นไหวไปกับคำกล่าวโทษเหล่านั้น ทว่าอัมพุชินีซึ่งกำลังหมอบลงกับพื้นก้มหน้าต่ำมองพื้นหินทรายสีชมพูประดับประดาด้วยลวดลายสีน้ำเงินจากพลอยลาปิสลาซูลี กำลังวิตกกังวลถึงเรื่องโจษขานจะทำลายพระเกียรติขององค์ฟาโรห์ให้เสื่อมเสียเนเฟรตารีก้าวออกมายืนอยู่ด้านหน้าของอัมพุชินี ชุดลินินขาวประดับคาร์เนเลียนสีแดงรอบคอ แสงของพลอยราวพร้อมใจกันส่องประกายลุกโชน ประดุจหัวใจของนางที่เต็มไปด้วยเพลิงริษยา นางประนมมือขึ้นต่อหน้าฟาโรห์เมเรนคาเร ทูลด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงจริตที่หมายมุ่งร้าย“โอ...ข้าแต่เทพรา องค์ฟาโรห์ทรงจุติจากองค์อะมุน ข้ากระหม่อมทั้งหลายกังวลยิ่งนัก… สมุนไพรที่หายไปจากห้องของอัมพุ...หาใช่ความเพียงเท่าฝ่ามือนางไม่ หากนำมาใช้โดยมิได้รู้นัยยะ อาจทำให้โลหิตเป็นพิษ ทำลายครรภ์ หรืออาจทำให้บุรุษสูญสิ้นพละ พระองค์กำลังตกอยู่ในเงาแห่งคำสาปของเทพีไอซิสด้วยเหตุเพราะนาง หากบัลลังก์ไร้รัชทายาท ใครเล่าจะสืบราชวงศ์ต่อไป”เสียงฮือ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status