Home / รักโบราณ / อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์ / 4. เสียงกระซิบในวังหลวง

Share

4. เสียงกระซิบในวังหลวง

last update Last Updated: 2025-10-28 20:52:01

ยามราตรีปกคลุมดินแดนไอยคุปต์อีกครา... แม้ดวงจันทร์จะส่องแสงเหนือแม่น้ำไนล์ หากแต่มิอาจกลบเงามืดแห่งริษยาและเพลิงอิจฉาที่ค่อย ๆ ก่อตัวในพระราชวังหลวง

ข่าวลือเรื่อง ‘นางทาสจากแดนชมพูทวีป’ ผู้ทำให้ฟาโรห์เมเรนคาเร ทรงเปลี่ยนจากความเฉยชา เป็นพระราชาที่ทรงเริ่มยิ้มแย้มและมีพระบัญชากับนางผู้นี้ถี่บ่อยยิ่งนัก... ได้แพร่กระจายไปราวไฟลามต้นกก

และภายในห้องสนมเอก ที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักกลางอันงดงามระยับนั้นเอง กลิ่นชาดหอมกรุ่นจรุง... ปะปนกับกลิ่นความเคลือบแคลงใจ

“เจ้าเห็นหรือไม่... ฟาโรห์มิทรงทอดพระเนตรพวกเราอีกต่อไป...” สุ้มเสียงของ ‘เนเฟรตารี’ สนมเอกแห่งวังหลวง ทายาทของตระกูลขุนนางสูงศักดิ์จากเมืองเธบส์ เอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรุ่ม กระวนกระวาย

“แต่ทรงวาดภาพดอกบัว… หัวร่อต่อกระซิกกับนางทาสไร้ตัวตนจากแคว้นล่มสลาย!!!” สนมอีกผู้หนึ่งกล่าวเสริมเสียงแหลมเจือพิษริษยา สายตาดุร้ายจิกมองออกไปยังนอกตำหนักสนมที่อยู่รวมกันนับสิบคน นางมักสอพลอยกยอสนมเอกอยู่เนืองๆ และเพียรพยายามยกตนข่มสนมบรรณาการต่างถิ่นต่างแดนอยู่ตลอด และไม่ยอมน้อยหน้าและลงให้สนมคนใด... ยกเว้นสนมเอกเนเฟรตารี เท่านั้น

ในตำหนักกลางที่พำนักของเหล่าสนมทั้งหลาย จะมีตำหนักสนมเอกอยู่ทั้งหมดสี่ตำหนัก เรียงรายตามแต่ฟาโรห์จะแต่งตั้งขึ้นตามชาติตระกูลต้นกำเนิดความเป็นมาของนางแต่ละคน สนมเอก สนมรองต้น สนมรองฝ่ายซ้าย สนมรองฝ่ายขวา ทั้งสามนางจะขึ้นตรงกับสนมเอกแต่เพียงผู้เดียว สำหรับสนมบรรณาการที่ไม่มีตำแหน่งจะเป็นเพียง สนมปลายแถว ไม่มีที่นั่งในพระราชพิธีใดใด จะถูกจัดให้นั่งรวมกลุ่มกันเรียงรายตามลำดับก่อนหลังที่ทรงรับเข้ามาสู่ตำหนักบูรพา

“อัมพุ… เจ้าคือผู้ใดกัน!!! เนเฟรตารีเอ่ยชื่อนั้นอย่างเยียบเย็น

“นางช่างร้ายกาจนัก!!! ซ่อนคมมีดไว้ใต้พู่กัน ซ่อนเวทมนตร์ไว้ในกลิ่นดอกไม้”

ณ ตำหนักกลางยามดึก เสียงดังกรอบแกรบจากผืนทรายด้านนอกดังเบา ๆ เมื่อสาวใช้คนหนึ่งรีบร้อนโผเข้าประตูหน้าตำหนักของสนมเอก คลานไปคุกเข่าหน้าสนมเอกเนเฟรตารี

“สนมเอก… ข้าได้ยินจากสาวใช้ตำหนักทิศตะวันออกว่า…”

“มีอันใด จึงร้อนรนเข้ามาหาข้า ข้ามิได้เรียกหา ...บังควรรึ เจ้าอยากถูกลงโทษอย่างนั้นรึ!!!” สนมเอกขึ้นเสียงแหลมดุด่าข้ารับใช้

“มิได้...เจ้าค่ะ ข้า...ข้ามีเรื่องอยากเอามาเล่าให้สนมเอกได้รับรู้” เสียงสาวรับใช้ลนลานเกรงกลัว กล่าวอย่างตะกุกตะกัก

“…ฟาโรห์ทรงอยู่ในห้องบรรทม และเรียกหาแต่ อัมพุ นางทาสนั่น...มาถวายการวาดภาพก่อนบรรทมแทบทุกคืน ... เจ้าค่ะ”

เนเฟรตารีลุกพรวดจากเบาะทอง ปลายเล็บที่ทาสีครั่งแดงกำแน่นจนเล็บจิกลงเนื้อ แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นยังไม่เท่ากับความคับแค้นแทบอกระเบิดที่ได้ยินคำพูดประโยคนั้น

“พอกันที!!! เราจะไม่ยอมให้นางทาสนั่นใช้ปลายพู่กันมาทำลายศักดิ์ศรีพวกเราอีก”

น้ำเสียงตวาดดังลั่น จนสนมอื่นๆ ที่อยู่ข้างตำหนักใหญ่โผล่หน้าออกมาซุบซิบด้วยกระหายใคร่รู้เรื่องราว

อีกมุมหนึ่งภายในวังหลวง อัมพุชินีมิได้รู้เลยว่าตนเองตกเป็นเป้าในเงามืด เธอยังคงเดินไปตามเส้นทางหินอ่อนเรียงรายด้วยเสาสลักรูปเทพีฮาเธอร์ มุ่งหน้าไปยังสวนบัวหลวงส่วนพระองค์ ตามคำบัญชาของฟาโรห์เมเรนคาเร ซึ่งทรงประสงค์จะให้เธอวาดภาพใหม่ถวาย

ค่ำคืนนั้น... พระองค์มิได้เสด็จมาดังเคย ทิ้งให้หญิงสาวนั่งรออยู่ริมสระบัวและความเงียบงัน และในเวลาเดียวกัน... แผนร้ายก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว

รุ่งเช้า ณ ห้องพระโอสถหลวง...

เสียงโกลาหลดังขึ้นเมื่อข้าหลวงนางหนึ่งรุดเข้าไปแจ้งว่า...

“น้ำโอสถที่จะถวายพระองค์เมื่อค่ำคืนก่อน มีผู้ลอบเจือสารพิษบางอย่าง…”

เหล่าหมอหลวงตรวจพบว่า ในหม้อดินน้ำสมุนไพรบัวหลวงนั้น มิใช่เพียงกลิ่นบัว แต่กลับเจือสารจากรากพิษแห่งทะเลทราย จะส่งผลร้ายแรงต่อจิตประสาท

“ใครกันที่กล้าทำร้ายฟาโรห์!!!”

กลางท้องพระโรง พระเนตรของฟาโรห์เคร่งขรึมเย็นเยียบยิ่งนัก แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง... คือ พระสุรเสียงรับสั่งตะคอกลั่นสะท้อนกำแพงดังก้องกังวาน

“เรียกอัมพุ มา!!!… ข้าต้องการรู้จากปากนาง”

อัมพุชินีก้าวเข้าสู่ท้องพระโรงท่ามกลางสายตาเกลียดชังและหวาดระแวงของเหล่าสนมและข้าราชบริพาร

พระพักตร์ของฟาโรห์เมเรนคาเรยังคงสงบนิ่ง มิได้แสดงอาการใดที่บ่งบอกถึงความลำเอียง

“อัมพุ… เจ้าคือผู้จัดเตรียมน้ำบัวหลวงเมื่อคืนนี้!!!”

“เพคะ…” เสียงของอัมพุชินีแผ่วเบา หากแต่หนักแน่น

“ข้ากระหม่อมใช้สมุนไพรจากตำรับเดิม... มิได้เปลี่ยนสิ่งใด... ข้ากล้าถวายสัตย์ต่อฟาโรห์ และต่อเบื้องหน้าของเทพีศักดิ์สิทธิ์ ไอซิส

ท่ามกลางความตึงเครียด เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น...

“แล้วกล่องเครื่องสมุนไพรของนาง... เหตุใดจึงพบรากพิษแห่งทะเลทราย!!!”

คำกล่าวนั้นออกจากปากของเนเฟรตารี ซึ่งปรากฏกายขึ้นอย่างกรีดกราย หันหน้าชำเลืองด้วยสายตาเยาะหยันไปที่อัมพุชินี พร้อมด้วยข้ารับใช้ของนางสองคนที่สะบัดหน้าไม่พอใจ

ในสถานการณ์ตึงเครียด ข้าราชบริพารต่างจับจ้อง หากแต่ฟาโรห์กลับหรี่พระเนตร คล้ายตรึกตรองวิเคราะห์อย่างลุ่มลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณ

“จงนำอัมพุ...ไปยังห้องขังชั่วคราว ข้าต้องสอบสวนให้รู้...และสิ้นสงสัย”

คำบัญชานั้นทำให้หัวใจของเธอหล่นลงสู่พื้นหินอ่อนแทบหมดแรง เธอถูกคุมตัวไปยังคุกกำแพงหินใต้พระราชวัง... สถานที่แห่งนี้ทั้งคับแคบ ทั้งร้อนระอุ เต็มไปด้วยความมืดมน แทบไร้ลมหายใจ

สามวันผ่านไป

ไม่มีใครมาเยี่ยมเยือน ไม่มีข่าวจากพระองค์ ไม่มีแสงอาทิตย์ ในความเงียบสงัดนั้น อัมพุชินีหลับตานิ่ง นั่งสมาธิ มือประสานกันในท่ารูปดอกบัวบนตัก... อย่างเดียวดาย แม้ข้ารับใช้ที่ติดตามมาสองคนก็ไม่อาจฝ่าฝืนคำบัญชา สั่งห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เข้ามาอยู่ในคุกกับเธอ

หากแม้นชะตาจะพรากเธอไป… เธอก็ยินดี หากแต่ความสัตย์จริงยังคงเป็นพยานให้เธอ ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ในสายตาแห่งองค์ฟาโรห์

จนกระทั่งรุ่งสางวันที่สี่…

ประตูหินถูกเปิดด้วยพระหัตถ์ของฟาโรห์เมเรนคาเร พระองค์ทรงยืนอยู่ตรงหน้าในอาภรณ์เรียบง่าย มิใช่ชุดทรงในราชพิธี พระเนตรทอดมองอัมพุชินีอย่างจับจ้อง ก่อนตรัสเบาๆ

“ข้าพบว่า ร่องรอยในกล่องสมุนไพรของเจ้านั้น... มีรอยรากพิษกระบองเพชรสด ซึ่งเจ้าไม่เคยใช้… นั่นยืนยันว่ามีผู้วางกลลวง” พระหัตถ์ของพระองค์ยื่นมาประคองมือสั่นเทาของเธอให้ลุกขึ้นยืนต่อหน้าพระองค์

“ข้าขออภัยต่อเจ้า... อัมพุ”

น้ำตาหยดหนึ่งไหลจากดวงตาของหญิงสาวลงบนฝ่าพระหัตถ์ของฟาโรห์หัวใจหิน แต่บัดนี้หัวใจที่บุด้วยกำแพงน้ำแข็งเริ่มหลอมละลายลง ด้วยน้ำตาของนางทาสจากแดนไกล

“ข้ากระหม่อมไม่เคยถือโทษโกรธพระองค์… แต่ข้าเจ็บปวดนักเพราะพระองค์ไม่ทรงเชื่อที่ข้าได้ทูลไป”

พระองค์มิได้ตรัสใดใดต่อ หากแต่จูงมืออัมพุชินีขึ้นมาจากคุกด้วยพระองค์เอง ท่ามกลางสายตาเหล่าสนมและข้าราชบริพาร ทันทีที่ถึงท้องพระโรง พระองค์ทรงตรัสต่อที่ประชุม...

“ต่อแต่นี้ไป... อัมพุ จักไม่เป็นนางทาส นางคือ ‘ผู้ถวายโอสถและจิตรกรหลวง’ ประจำราชสำนัก” เสียงฮือฮาดังขึ้น... ขณะสนมเอกเนเฟรตารีกัดฟันแน่น เสียงดังกรอดๆ แอบชำเลืองอัมพุชินีอย่างแค้นเคือง

ในเงามืดนั้น...

แผนแรกแม้ล้มเหลว แต่เกมการเมืองในวังไอยคุปต์เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

และ อัมพุชินี... กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางของแรงริษยาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   5. ภารกิจแรก (ซ่อนนัยยะ)

    ค่ำคืนนี้ พระราชวังหลวงแห่งไอยคุปต์เรืองรองทอประกายแสงแห่งดวงตาเทพรา พระจันทร์ทรงกลดฉาบแสงเงินบนหลังคาทองคำของตำหนักทุกหลัง และในท่ามกลางอุทยานหลวงที่เงียบสงบ ท้องฟ้าดูเหมือนจะเฝ้ามองการเริ่มต้นของบริบทที่สำคัญยิ่ง ...ที่มีเพียงหัวใจสองดวงเท่านั้นที่เข้าใจความหมายในท่วงทำนองความเป็นไปอัมพุชินี ยืนอยู่หน้าตำหนักขนาดย่อมติดสวนบัวหลวง ที่เพิ่งได้รับพระราชทานจากฟาโรห์เมเรนคาเร พร้อมตราตำแหน่ง "จิตรกรหลวงแห่งไอยคุปต์" เธอเป็นหญิงทาสคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ของพระราชวังทองคำแห่งนี้คำกล่าวขานนี้ไม่ใช่เพียงชื่อเรียก หากคือ 'เกียรติยศ' ที่ไม่มีนางทาสนางใดในไอยคุปต์เคยได้ครอบครองมาก่อนพื้นที่ทำงานภายในตำหนักที่นางได้รับนั้นไม่ได้กว้างใหญ่ แต่ทว่าเต็มไปด้วยแสงเทียน กลิ่นบัวหลวง และพู่กันที่จัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะหินมีผืนผ้าเปลือกไม้จากแคว้นอียาเทป รอให้ศิลปะจากปลายนิ้วเรียวของเธอมอบชีวิตให้อย่างมีสีสัน“ตำแหน่งนี้...หาใช่เพื่อข้าแต่ผู้เดียว...”อัมพุชินีพึมพำ...“หากเพื่อแคว้นที่ล่มสลาย เพื่อพระบิดา เพื่อความทรงจำที่มิอาจถูกลบเลือน”ในขณะเดียวกัน ฟาโรห์เมเรนคาเร เสด็จกลับสู่ตำหนักปร

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   4. เสียงกระซิบในวังหลวง

    ยามราตรีปกคลุมดินแดนไอยคุปต์อีกครา... แม้ดวงจันทร์จะส่องแสงเหนือแม่น้ำไนล์ หากแต่มิอาจกลบเงามืดแห่งริษยาและเพลิงอิจฉาที่ค่อย ๆ ก่อตัวในพระราชวังหลวงข่าวลือเรื่อง ‘นางทาสจากแดนชมพูทวีป’ ผู้ทำให้ฟาโรห์เมเรนคาเร ทรงเปลี่ยนจากความเฉยชา เป็นพระราชาที่ทรงเริ่มยิ้มแย้มและมีพระบัญชากับนางผู้นี้ถี่บ่อยยิ่งนัก... ได้แพร่กระจายไปราวไฟลามต้นกกและภายในห้องสนมเอก ที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักกลางอันงดงามระยับนั้นเอง กลิ่นชาดหอมกรุ่นจรุง... ปะปนกับกลิ่นความเคลือบแคลงใจ“เจ้าเห็นหรือไม่... ฟาโรห์มิทรงทอดพระเนตรพวกเราอีกต่อไป...” สุ้มเสียงของ ‘เนเฟรตารี’ สนมเอกแห่งวังหลวง ทายาทของตระกูลขุนนางสูงศักดิ์จากเมืองเธบส์ เอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรุ่ม กระวนกระวาย“แต่ทรงวาดภาพดอกบัว… หัวร่อต่อกระซิกกับนางทาสไร้ตัวตนจากแคว้นล่มสลาย!!!” สนมอีกผู้หนึ่งกล่าวเสริมเสียงแหลมเจือพิษริษยา สายตาดุร้ายจิกมองออกไปยังนอกตำหนักสนมที่อยู่รวมกันนับสิบคน นางมักสอพลอยกยอสนมเอกอยู่เนืองๆ และเพียรพยายามยกตนข่มสนมบรรณาการต่างถิ่นต่างแดนอยู่ตลอด และไม่ยอมน้อยหน้าและลงให้สนมคนใด... ยกเว้นสนมเอกเนเฟรตารี เท่านั้นในตำหนักกลางที่พำนักของเหล่าส

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   3. อาการของฟาโรห์

    ค่ำคืนแห่งไอยคุปต์…... ... ... ...ม่านรัตติกาลทาบทอลงเหนือมหาปิรามิดอันสูงตระหง่าน พระจันทร์ดวงโตลอยคล้อยเหนือแม่น้ำไนล์ เปล่งแสงนวลกระทบผืนน้ำส่องประกายระยิบ ไออุ่นของสายลมแห่งทะเลทรายพัดเบา ๆ ผ่านซุ้มไม้ดอกของพระตำหนักทิศตะวันออก ขับเอากลิ่นบัวหลวงหอมกรุ่นละมุนชวนให้จิตได้เพลิดเพลินผ่อนคลายอัมพุชินี นางทาสจากแดนชมพูทวีป ยังคงดำรงตนอย่างเรียบง่ายในสถานะอันต่ำต้อย หากแต่ในค่ำคืนนี้ เธอกลับได้รับพระบัญชาให้เข้าเฝ้าฟาโรห์เมเรนคาเร ณ ห้องบรรทมส่วนพระองค์ด้วยเหตุผลหนึ่ง…“ฝ่าพระบาท คืนนี้ทรงบรรทมไม่หลับอีกหรือ...เพคะ” เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบาขณะก้มกราบแนบพื้นหินอ่อนเบื้องหน้าฟาโรห์เมเรนคาเร มิได้ทรงสนพระทัยในความอ่อนน้อมนั้นนัก พระวรกายอันสูงสง่าเอนพิงแท่นหินสลักรูปเทพอนูบิส พระเนตรหม่นหมองยิ่งนักจนแลคล้ายแสงเปลวเทียนริบหรี่ใกล้ดับ“ข้าหลับตาลงมิได้… แม้นหลับลงได้คราใด ดวงจิตกลับกระตุกหวั่นไหวดั่งถูกปีศาจร้ายไล่ล่าในความฝัน”“ขอพระองค์...รับการถวายพระโอสถสมุนไพร จักชะลอความว้าวุ่นในพระทัยลงได้...เพคะ” อัมพุชินีกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยอัมพุชินีมิได้รอช้า นางเปิดหีบยาไม้จันทน์หอมที่นำติดตัว

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   2. นางผู้อัปลักษณ์

    ณ ตลาดทาสนคร ‘วาเซต’... ... ... ...เสียงกลองและพิณจากพื้นเมืองไอยคุปต์ดังคลอไปทั่วนครวาเซต เมืองหลวงเก่าแก่แห่งแคว้นบนของอียิปต์ ซึ่งตั้งอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำไนล์ พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ รัศมีสีทองอ่อนเริ่มแต่งแต้มแนวเสาศิลาแห่งวิหารเพธา และกลิ่นกำยานลอยฟุ้งขจายไปในอากาศราวกับเป็นฤกษ์ยินดีได้ต้อนรับผู้มาใหม่อัมพุชินีอยู่ในกลุ่มทาสชั้นสูงที่รอคอยการนำขึ้นประมูลในลานกลางของตลาด นครวาเซต นั้นขึ้นชื่อว่าเป็น นครแห่งการค้าขาย ทั้งทองคำ ไข่มุก เครื่องหอม และชีวิตมนุษย์เหล่าทาสจากดินแดนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนูเบีย ลิเบีย ชาวฮิตไทต์ หรือ ชาวเปอร์เซีย ต่างก็ถูกจัดแบ่งโดยผู้ดูแลตลาดตามคุณลักษณะพิเศษอัมพุชินีมิใช่เพียงหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ หากแต่กายเปล่งประกายด้วยความสง่างามที่ไม่อาจปฏิเสธ เส้นผมยาวดำขลับ ริมฝีปากชมพูอ่อนระเรื่อดั่งธรรมชาติ และเรียวดวงตาประดุจกลีบบัวบาน จึงมิอาจหลีกเลี่ยงสายตาของนายตลาดผู้มากอำนาจ“นางคือ 'บรรณาการจากอารยัน' ใช่หรือไม่” เสียงชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นพลางเดินสำรวจ“ถูกแล้ว ขอรับ” เสียงผู้ดูแลคาราวานตอบ “ธิดาแห่งกัมโพชน์”“จงอย่าทำร้ายผิวของนาง อย่าให้มีรอยช้ำแม้เพียงป

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   1. ของกำนัลพลัดถิ่น

    “พระธิดา!!! เสด็จเร็วเพคะ ประตูทิศตะวันตกพังแล้ว…!!!”... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ...เสียงกลองศึกดังกึกก้องไปทั่วพื้นพสุธา ราวฟ้าระเบิดกลางวันแสกๆ สายลมตะวันตกพัดแรง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นธูปหอมจากวิหารกลางนคร เสียงสวดบวงสรวงของพราหมณ์มิอาจกลบเสียงคำรามของศัตรูที่กำลังไล่บดขยี้เข้าใกล้กำแพงหลวงพระราชวังสุบรรณนาฏราช แห่งนครทวารกะ ซึ่งตั้งอยู่เหนือเนินศิลาทอง คือ ศูนย์กลางแห่ง ราชอาณาจักรกัมโพชน์ ดินแดนแห่งอารยธรรมชมพูทวีปอันรุ่งโรจน์ สง่างดงามราวภาพวาดแห่งห้วงจินตนาการ ทว่าบัดนี้ ทั้งสายน้ำ ศิลา และวังหลวงกลับต้องสะท้านสะเทือนด้วยรอยเท้าของม้าศึกแห่งกองทัพอารยัน“ขอประทานอภัยเพคะ พระธิดาอย่าเสด็จไปด้านนอกเลยเพคะ ภายนอกนั่นหาใช่ที่สำหรับพระองค์ไม่…!!!”เสียงวิงวอนของนางข้าหลวงผู้ชราสั่นเครือขณะหมอบกราบอยู่แทบบาทของ พระธิดา อัมพุชินี พระธิดาองค์สุดท้องใน ราชาธิบดีสิวราช แห่งกัมโพชน์พระธิดามิได้ตรัสตอบ ดวงเนตรอ่อนละมุนดำขลับเต็มไปน้ำพระเนตร แต่ดำเนินอย่างสง่างามประหนึ่งนางอัปสรบนชั้นฟ้า เส้นพระเกศาดำยาวดุจใยไหมสะบัดตามแรงลม ส่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status