Share

Chapter 6

ห้องนั้นเงียบกริบ ขณะที่นักศึกษาทุกคนกำลังยืนล้อมโต๊ะของอาจารย์ที่กำลังทำการทดลองที่แสดงถึงแรงดันอุทกสถิต ผมดูอย่างตั้งใจเพื่อทำความเข้าใจกระบวนการทดลอง แต่แล้วสายตาก็เพ่งไปที่เวโรนิกา เธอยืนดูการทดลองราวกับไม่แยแส ผมหันกลับมามองสิ่งที่อาจารย์กำลังสอน แต่แล้วก็มองกลับมาหาเธอพบว่าเธอกำลังหาว

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของผมเมื่อมองไปที่ใบหน้าของเธอและทันใดนั้นผมก็รู้สึกปวดที่ท้องด้านข้างและเมื่อมองไปด้านข้างก็พบว่าจุงกำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาที่หรี่ตามอง ขณะที่เขาเอาศอกถองเข้าหาผมก่อนหน้านี้ แสดงความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับรอยยิ้มของผมผมกระแอมและส่ายหัวก่อนที่จะกลับไปสนใจที่การทดลอง แม้ว่าอาจารย์จะทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับแรงดันไฮโดรสแตติกเพียงแค่ใช้ชามที่ใส่น้ำ แก้วเปล่า และกระดาษโน้ต แต่ว่าสมองของผมก็ได้ล่องลอยออกไปด้วยเหตุต่างๆ ในขณะที่แรงดันไฮโดรสแตติกสามารถนำมาใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

อาจารย์ถามคำถามและนักศึกษาบางคนตอบในขณะที่ผมหยิบสมุดบันทึกออกมาและจดบันทึกเกี่ยวกับความคิดของผมในการใช้แรงดันน้ำสำหรับการทดลอง

"เอาล่ะ ไปนั่งที่ได้แล้ว" อาจารย์บอกทุกคนแล้วเราก็เดินกลับที่นั่ง

ผมมองไปทางซ้ายพบว่าเวโรนิกานั่งอยู่ที่นั่งริมหน้าต่างตามปกติและเหม่อมองออกไปที่สนาม เป็นเวลาสองเดือนแล้วที่เธอปรากฏตัว และเป็นเวลาสองเดือนแล้วที่ผมเห็นเธอทำสิ่งแปลกๆ ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เธอทำให้ผมหลับไปในขณะที่ผมรอเวลาตีสองของทุกวันเพื่อที่จะพบเธอเดินไปมาโดยสวมหูฟัง ผมจะลงไปข้างล่าง เดินผ่านรปภ.ที่กำลังหลับ และเดินตามเธอไปจนเธอกลับถึงหอพัก มันกลายเป็นกิจวัตรไปสียแล้ว ซึ่งมันน่ารำคาญใจจริงๆ

บางครั้งผมก็สงสัยว่าทำไมยามกลางคืนถึงไม่เห็นเธอในกล้องวงจรปิด ครั้งหนึ่ง ผมคิดว่ากล้องวงจรปิดอาจไม่ทำงาน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีใครเห็นเธอผมก็เลยทำบางอย่างเพื่อตรวจสอบ ผมเดินไปทางขวาใต้กล้องและล้มตัวลง เห็นได้ชัดว่าผมกำลังแสดงละครอยู่ แต่ผมก็ล้มลงกลางถนนและหลับตาลง ภายในห้านาที ผมได้ยินเสียงยามสองคนวิ่งออกมาจากห้องเฝ้าระวังออกมาดูผม และก็พาผมไปที่ห้องพยาบาล ซึ่งเขาบอกว่าผมหมดสติไปเพราะความเครียด

เครียดอะไรกัน? ผมแค่แสดงละคร!

นั่นแปลว่ากล้องก็ปกติดี และนั่นทำให้ผมยิ่งสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอเอาสมุดบันทึกของผมไปและยังถามฉันถึงบางอย่างที่เธอสงสัย เธอไม่ได้คุยกับผมมากนัก และผมก็เห็นว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะเข้าไปยุ่งกับใครเลย เธอกินข้าวคนเดียว นั่งคนเดียว ใช้เวลาอยู่คนเดียวเธออยู่อย่างสันโดษเสมอ

“นายชอบผู้หญิงคนนั้นไหม” ฉันได้ยินจุงกระซิบกับฉันและมองดูเขากัดฟันด้วยความรำคาญ "นายหมายความว่ายังไง" เขาแสดงสีหน้าโง่ๆออกมาบนใบหน้าของเขาในขณะที่ยิ้มเยาะมาที่ผมและมองผ่านไปยังเวโรนิกา “ดูเหมือนนายจะจ้องมองธออยู่ตลอดนายคิดว่าฉันจะเข้าใจไปแบบไหนได้อีก” เขาขมวดคิ้วซึ่งทำให้ผมต้องทำหน้าบึ้ง “อย่าโง่น่า ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก!” ผมพูดแล้วหยิบสมุดโน้ตออกมา

ทำไมฉันถึงจะชอบเธอ? ผมแค่อยากรู้และสับสน ไม่ใช่รู้สึกว่าชอบเธอหรืออะไรหรอก

“เฮ้ เนิร์ด!”ฉันหยุดเดินและปิดล็อกเกอร์ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ในใจเมื่อได้ยินเสียงที่น่ารำคาญ เชลซี คินสลีย์แฟนสาวของเอลเลียต ผู้ซึ่งเป็นคนที่รังแกคนอื่นไปทั่วในมหาวิทยาลัยเธอตั้งเป้าที่จะก่อกวนและรังแกฉันเป็นระยะๆ ผมเดินต่อไปข้างหน้าขณะที่ได้ยินเสียงเธออยู่ข้างหลัง ผมถอนหายใจ กำหนังสือแน่นแล้วหันกลับไป ทำไมในโลกนี้ทุกคนจึงสูงกว่าผมด้วยนะ

ผมเพิ่งอายุได้สิบห้าปีในเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าผมจะเป็นผู้ชายคนเดียวในโรงเรียนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเมื่อเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ แม้แต่เด็กผู้หญิงในโรงเรียนก็ยังสูงกว่าผมผมสูงเพียง 5 ฟุต 3 นิ้ว หรือ 5 ฟุต 4 นิ้ว ในขณะที่พวกเขาโตเร็วสูงใหญ่เหมือนสัตว์ในสามถึงสี่เดือน นี่ไม่ใช่ความผิดใคร

“เธอต้องการอะไรเชลซี” ผมถามเมื่อรู้สึกว่าคอเริ่มแห้งเมื่อผมมองดูรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับด้วยความซุกซน เธอกำลังทำอะไรอยู่ และผมรู้ว่าผมไม่ชอบมันเลย เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งปีเท่านั้น เอซ ยึดมั่นในตัวเองเข้าไว้!

“ไม่มีอะไรหรอกเด็กโง่ ฉันแค่แวะมาทักทาย ไม่ได้เจอเธอนานแล้ว” เธอหัวเราะ แล้วยิ้มอย่างฝืนๆ และเหมือนว่ากำลังจะเดินจากไป

"ฉันมีเรียนฉันต้อง-" ขณะที่ฉันก้าวเท้าผ่านเธอไป เธอดึงมือของเธอออกจากด้านหลังโดยที่ฉันไม่ทันสังเกต แล้วเธอก็สาดน้ำผลไม้ใส่หน้าโดยที่ผมไม่ทันระวัง

ขณะที่ใจกำลังประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็เช็ดแว่นและพบว่ามีน้ำอยู่เต็มไปหมด มันคือน้ำมะเขือเทศ มันทำให้เสื้อผ้าและแม้กระทั่งหนังสือของผมเปียกเลอะไปหมด นักศึกษาบางคนรอบตัวอ้าปากค้างในขณะที่บางคนหัวเราะเหมือนฝูงไฮยีน่ามองดูสภาพของผมผมเปียกโชกไปด้วยน้ำมะเขือเทศจนไม่รู้ว่าเธอไปเอามันมาจากไหน ผมมองดูหนังสือของตัวเอง ในขณะที่ผู้คนหัวเราะเยาะ ผมเช็ดหนังสือโดยใช้ผ้าเช็ดหน้าและไม่ได้ถามออกไปว่าทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น เห็นได้ชัดเลย ว่าเพื่อความสนุกสนาน!

ผมได้ยินเสียงของเอลเลียตจากที่ไกลๆ หัวเราะลั่นจนแก้มปริ แล้วหันกลับมามองเชลซีที่หัวเราะปรบมือ เคี้ยวหมากฝรั่งด้วยความปีติยินดี

ผมคิดว่าจะเดินหนีไปและเมื่อก้าวเท้าไปข้างหน้า เท้าของผมก็ลื่นเพราะน้ำผลไม้บนกระเบื้อง และทำให้เสียหลักลื่นลงและผลักเชลซีออกไป ผมล้มจนแว่นตาหล่นแตกมันอาจจะเป็นภาพที่ขบขันในสายตาคนรอบข้างเพราะพวกเขาระเบิดเสียงหัวเราะและหัวเราะดังมากขึ้นไปอีก ผมพยายามลุกขึ้นถอดแว่นแต่ก็พบว่ามันพังเสียแล้วผมมองอะไรไม่เห็นจริงๆถ้าไม่มีแว่น ทุกอย่างพร่ามัว แต่ยังคงพยายามควานหาหนังสือและหยิบแว่นตาที่หักและหลบไปจากตรงนี้

เชลซีไม่ได้เป็นอะไรมาก เธอไม่ได้ล้มลง แต่ดันตัวเองไม่ให้ล้มได้ในที่สุด แต่เธอก็หัวเราะเยาะสภาพของฉัน การได้ยินทุกคนรอบตัวฉัน ทำให้ฉันรู้สึกอับอาย แต่ก็เลือกที่จะยักไหล่เช่นเคย ผมได้ผ่านสิ่งที่เลวร้าย และผมถือว่ามันเป็นความท้าทายในการทดสอบระดับความอดทนของตัวเอง แต่ก็รู้สึกหดหู่ใจที่แม้แต่นักเรียนบางคนที่อยู่รอบๆตัวเราก็ยังสนับสนุนการกระทำของพวกเขาแทนการลุกขึ้นมาร้องเรียน

“อ๊ะ” ผมได้ยินเสียงเชลซีและมองไปที่เธอพบว่าเธอกำลังจับที่ปากทำท่าพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่หัวเราะเยาะ และเอามือของเธอมาข้างหน้าผม เธอมองมาที่หัวของผม ผมเอามือแตะรู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะบนเส้นผม และผมก็พลันรู้ตัวว่าหมากฝรั่งที่เธอเคี้ยวเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา มันติดหนับอยู่ที่หัวของผม

ผมไม่ได้พยายามดึงมันออกมาเพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ ก็เลยเก็บของแล้วเดินออกไปจากที่นั่น แต่เมื่อผมเดินไปที่โถงทางเดิน ผมก็เห็นเวโรนิกาตรงมุมห้องมองมาที่ผมอย่างจงใจ เธอมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง

ผมเดินออกจากที่นั่นโดยเลี่ยงไม่สบตากับเธอและไปที่ห้องน้ำ ข้างในนั้นผมวางหนังสือไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าและมองดูสภาพของตัวเองในกระจก แว่นตาพัง เสื้อเปียกโชกและมีคราบน้ำมะเขือเทศสีแดง เส้นผมดูเลอะเทอะไปหมด และหมากฝรั่งก็ติดหนึบอยู่ตรงกลางหัวของผม แม้จะรู้สึกอยากร้องไห้ แต่ผมก็ไม่ยอมร้องไห้ เปิดก๊อกน้ำให้น้ำไหลออกมา สาดน้ำใส่หน้าตัวเองขณะเอนตัวพิงเคาน์เตอร์อ่าง วางมือทั้งสองข้างลง แล้วมองดูตัวเองในกระจกเงา

“อีกแค่ปีเดียวเท่านั้น” ผมพึมพำกับตัวเอง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status