“งานนี้มีเหยื่อสาวเสร็จหมาป่าเจ้าเล่ห์อีกแล้ว” หมอปกรณ์เปรยกับเพื่อนรักหลังจากปรายหางตามองลูกชายเจ้าของไร่โกวิท ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งชื่อเสียงในด้านดีและด้านเลว กำลังคิดจะทำระยำตำบอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นคงน่าสงสารมากถ้าเธอไม่เต็มใจ
“ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องของเรานี่หว่า” ดรัณบอกปัด เขาไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซงหรือข้องแวะกับใครทั้งนั้น ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม ใครจะว่าเขาเย็นชา ใจร้าย ไม่มีสำนึกของความเป็นสุภาพบุรุษยังไงก็ช่าง เขาไม่แคร์หรอก เพราะทุกวันนี้เขาก็ถูกขนานนามว่าพ่อเลี้ยงจอมเถื่อนอยู่แล้วนี่
“แกจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยนางสมันน้อยหรือไงวะ ถ้าหล่อนไม่เต็มใจก็น่าสงสารอยู่นะเว้ย”
“มันไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องของชาวบ้าน”
“น่าสงสารผู้หญิงคนนั้นจัง แต่ก็อย่างว่านะ จะเข้าไปแส่หาเรื่องทำไม หรือไม่บางทีเจ้าหล่อนอาจจะยินยอมพร้อมใจก็เป็นได้”
ดรัณโคลงหัวแล้วดื่มวิสกี้ออนเดอะร็อคของตนต่อไป
นฤดลวางแก้วไวน์สีสวยลงบนโต๊ะตรงหน้าสาวน้อย พลับพลึงเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ เขาเห็นความสงสัยในดวงตากลมก็ชิงอธิบายเสียก่อน
“พี่ผ่านบ๋อยมาพอดีก็เลยอาสาเอามาเสิร์ฟเองครับ”
หญิงสาวกลืนน้ำลายเมื่อมองดูน้ำสีแดงเข้มในแก้ว แก้วขนาดนี้ไม่น่าจะทำให้เมาหรอกมั้ง ว่าแต่...ไวน์อะไรนะสีสวยจัง
“ไวน์รสนุ่มและอร่อยมาก พี่ว่าน้องพลับต้องชอบ ลองหน่อยนะครับ”
นฤดลลุกขึ้นจากฝั่งตรงข้ามหวังจะเข้ามานั่งเคียงข้างหญิงสาว แต่ในช่วงจังหวะนั้นเขาก็ถูกใครบางคนชนเข้าอย่างจัง เกือบจะทำให้แก้วไวน์ในมือหล่นแตก ชายหนุ่มฉุนกึกหันไปต่อว่าต่อขานคนที่เดินซุ่มซ่าม
“นี่คุณ!! ทางเดินมีตั้งเยอะแยะทำไมไม่เดิน มาเดินเบียดที่นั่งผมทำไมเนี่ย”
หมอปกรณ์ไม่ได้ตั้งใจชน เขาถูกผู้หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งฉุดมาเต้นรำ ต้องหนีจากเพื่อนรักที่ไม่สนใจเรื่องอื่นเรื่องใดมากไปกว่าวิสกี้ออนเดอะร็อค ปล่อยให้คนอมทุกข์นั่งดริ้งค์อยู่ตามลำพัง คนร่าเริงสนุกสนานได้ทุกเวลาอย่างเขามีหรือจะปฏิเสธสาวๆ
ปกรณ์จำหน้านฤดลได้ขึ้นใจ เขาคือคนที่ใส่ยาบางชนิดลงไปในแก้วไวน์ใบนั้น
“ขอโทษทีครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” หมอสัตว์เอ่ยเสียงสุภาพ พลางพยายามมองผู้หญิงที่นั่งอยู่กับนฤดล ทว่าเงาของชายหนุ่มก็ทอดบังหญิงสาวจนมองไม่เห็น
“คุณหมอหมานั่นเอง” นฤดลจำหมอปกรณ์ได้เพราะเคยเอาสุนัขที่เลี้ยงไว้ไปรักษา
“เอ่อ...ผมเป็นสัตวแพทย์ครับ เป็นหมอรักษาสัตว์ทุกชนิด ไม่ใช่แค่หมาอย่างเดียว” ปกรณ์แก้ให้ เขาไม่ใช่คนที่เก็บเอาคำพูดของใครมาคิดมากให้รกสมองเหมือนดรัณ ฉะนั้นคำเรียกขานของนฤดลจึงไม่ทำให้เขาอารมณ์เสีย
“ครับ ไม่คิดว่าหมอจะชอบมาเที่ยวที่แบบนี้ด้วย”
“ก็นิดหน่อยนะครับ เป็นธรรมดาของหนุ่มโสด จะอาชีพไหนก็อยากปลดปล่อยทั้งนั้นล่ะครับ”
“นั่นสิครับ ผมเคยได้ยินว่าหมอไม่ใช่ย่อย”
“ขอบคุณที่ชมครับ” ปกรณ์ตอบยิ้มๆ แล้วหันไปมองหญิงสาวที่กระตุกมือตนอยู่ทางด้านหลัง เห็นสาวน้อยพยายามดึงเขาออกไปกลางฟลอร์ จึงต้องเอ่ยขอตัวกับนฤดล “ขอตัวก่อนนะครับ น้องเขาอยากเต้นเต็มแก่แล้ว”
บอกไปเช่นนั้นก็ทำให้หนุ่มคาสโนว่าอย่างนฤดลหันไปสนใจกับคู่ควงของตนต่อ ปกรณ์พยายามมองให้ชัดว่าผู้หญิงผู้โชคร้ายคนนั้นเป็นใคร และแล้วคนที่เห็นก็ทำให้เขาต้องเบิกตากว้างเป็นสองเท่า ใครเล่าจะไม่รู้จักคุณหนูพลับพลึงลูกสาวเศรษฐีเมืองเหนือ และมากไปกว่านั้นสาวน้อยคนนี้ก็ยังรู้จักสนิทสนมกับดรัณเพื่อนรักเป็นอย่างดี
พลับพลึงดื่มไวน์ที่นฤดลส่งให้ รสชาติที่มีทั้งหวาน เปรี้ยวและขม เมื่อรวมกันแล้วก็อร่อยไม่เบา จากที่คิดจะจิบก็กลายเป็นยกแก้วดื่มพรวดเสียเลย เข้าทางชายหนุ่มที่มองมาอย่างลำพองใจกระหยิ่มยิ้มย่องและดีใจล่วงหน้าว่าแผนการขั้นต่อไปจะต้องสำเร็จ
สาวน้อยที่เพิ่งออกพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยไม่มีประสบการณ์เรื่องน้ำเมาสักเท่าไหร่ ได้ยินเพียงเพื่อนผู้ชายคุยกันสนุกปากว่าขาดผู้หญิงยังไม่สู้เท่าขาดเหล้า เมื่อได้ลองลิ้มรสไวน์ซึ่งมีดีกรีเพียงนิดหน่อยแล้วก็คิดว่าอาจจะต้องมีแก้วที่สองตามมา
“เป็นไงครับ” นฤดลถามเมื่อเห็นเธอนั่งจ้องแก้วเปล่าตาค้าง
“อร่อยดีค่ะ ขออีกสักแก้วได้ไหมคะ”
“หืม...ได้สิครับ” แค่แก้วเดียวก็จอดแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ทำตามความต้องการของเธอ เขาเรียกบ๋อยมาสั่งเครื่องดื่มให้เธอ
“คนเริ่มเยอะแล้วนะคะ” พลับพลึงละสายตาไปจากแก้วเปล่า มองฟลอร์เต้นรำที่มีวัยรุ่นหนุ่มสาวกำลังสโลว์ซบในเพลงซึ้ง หนึ่งในนั้นเป็นคนที่เธอรู้จัก หมอปกรณ์เพื่อนสนิทของอารัณ เขากอดกับผู้หญิงคนหนึ่งและกำลังมองมาที่เธอ เธอยิ้มให้
“อยากออกไปเต้นรำหรือเปล่าครับ” นฤดลลุกขึ้นพร้อมกับส่งมือให้ พลับพลึงไม่อยากปฏิเสธหรือเธอเริ่มมึนแล้วก็ไม่รู้ แค่เพียงลุกขึ้นร่างระหงก็ซวนเซ “ไหวไหมครับ จะต่อแก้วสองอีกไหม” คนทำรู้อยู่แก่ใจแสร้งทำเป็นถาม
“ไหวค่ะ พลับอยากเต้นรำ” จุดหมายของเธอไม่ได้อยู่ที่การเต้นรำ แต่อยู่ที่หมอปกรณ์ พลับพลึงไม่ได้อยากแยกคู่ของหมอปกรณ์เพียงแต่เธออยากทักทายเขา
นฤดลไม่ปฏิเสธ เขาประคองหญิงสาวอย่างทะนุถนอม หมอปกรณ์มองหญิงสาวด้วยสายตาเป็นห่วง เขาจะรอให้เธอเข้ามาใกล้ๆ แล้วจะเตือนเธอ ท่าทางของหญิงสาวคล้ายคนเมา เขาไม่รู้ว่านฤดลใส่ยาอะไรให้ แต่มันยังไม่ออกฤทธิ์หรือเป็นยาชนิดอ่อน ยังมีเวลาช่วยเหลือเธอ
“สวัสดีค่ะคุณหมอ” เป็นอย่างที่คิด พลับพลึงเข้าไปทักทายเขา
“สวัสดีครับคุณหนูพลับ ไม่คิดว่าคุณหนูจะชอบเที่ยวกลางคืนแบบนี้ด้วย”
“พลับอยากมาเปิดหูเปิดตาค่ะ คุณหมอล่ะคะมากับใคร” ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังคนที่อยู่ในอ้อมแขนของหมอสัตว์ ปกรณ์ยิ้ม
“ผมมากับพ่อเลี้ยงดรัณครับ แต่เจ้านั่นไม่ยอมมาเต้นรำด้วย ผมก็เลยถือโอกาสออกมากับน้องคนนี้”
“ผัวคิดถึงเมียจัง เมียจ๋า” พอกล้าหน่อยความคิดถึงก็ล้นทะลักเหมือนเขื่อนแตก อ้อมกอดรัดแน่นขึ้นก่อนโน้มหน้าลงจูบปากเมียรักด้วยความคะนึงหา “ฤาษีตนนั้นหายไปแล้วหรือคะ” พลับพลึงยิ้มแก้มปริ ลูกช่วยรักษาพ่อได้จริงๆ สามีของเธอหายจากอาการหวาดกลัวแล้วสินะ “หายไปแล้วเพราะคิดถึงเมียรัก ให้ผัวรักเมียนะ ให้พ่อบอกรักแม่ ได้มั้ยลูก” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากลูกในท้อง แต่ดรัณและพลับพลึงก็แน่ใจว่าลูกต้องยินดี “ท้องพลับ 6 เดือนแล้ว ใหญ่พอจะไม่เป็นอันตรายแล้วนะ ถ้าจะรักพลับบ้าง” “ได้สิคะ ช่วยนี้ปลอดภัยแล้วค่ะ คุณหมอว่าอย่างนั้น” ร่างสูงช้อนภรรยาขึ้นแล้วพาไปวางไว้บนเตียง ก่อนจะช่วยปลดชุดคลุมท้องออกจากร่างอิ่มเปลือยเปล่า แม้ขณะท้องโตๆ พลับพลึงของเขาก็ยังสวย ผิวพรรณอิ่มเอิบนวลเนียนน่าสัมผัส ชายหนุ่มเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองแล้วทิ้งตัวนอนเคียงข้าง เขาจูบเมียสาวอย่างดูดดื่มโหยหา มือฟอนเฟ้นร่างอิ่มนวดคลึงทรวงงามอวบใหญ่มากขึ้นหนักๆ คิดถึงปานขาดใจ หญิงสาวจูบตอบอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ลูบมือไปตามลำตัวหนาแกร่งของสามีอย่างรักใคร่ ล
เอากับเขาสิ เปลี่ยนเรื่องจริงจังให้กลายเป็นเรื่องชวนหัวไปได้หน้าตาเฉย แล้วพลับพลึงก็ยิ้มออกเสียด้วย คราวนี้เธอเป็นฝ่ายกอดเขา จูบปลายคางของเขาแล้วแถมด้วยแก้มทั้งสองข้าง แต่พอสามีจะกอดให้บ้างเธอกลับดันตัวออก “อย่ากอดแน่นนักนะคะ พลับอึดอัดและขี้ร้อนจริงๆ” “ทำไม เกิดอะไรขึ้น บอกอาซิ” พลับพลึงตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย เธอถอนใจแล้วสูดลมกระตุ้นกำลังใจให้ตัวเองเต็มปอด เพื่อจะบอกเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต “พลับ...ท้องค่ะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันนะคะ” สามีของเธอเงียบกริบ สีหน้ายิ้มๆ ดีใจก็พลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดราวกระดาษขาว เขาทิ้งมือลงสองข้างแล้วเซถอยหลังไปชนตู้กับข้าว พลับพลึงเห็นอาการนั้นก็หน้าเสีย ไม่คิดว่าสามีจะออกอาการขนาดนี้ให้เห็น ร่างของเขาสั่นเทิ้มคล้ายคนหวาดกลัวอะไรสักอย่าง เป็นผลให้เธอต้องพุ่งตัวเข้าไปประคองกลัวเขาจะล้มหงายตึงไปต่อหน้าต่อตา “อารัณ!!! เป็นอะไรไปคะ อารัณได้ยินพลับมั้ยคะ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ อารัณขา...ได้ยินพลับมั้ยคะ” “ปล่อย ปล่อยอา” เพียงแค่เธอยอมปล่อยมือจากเขา ดรัณก็วิ่งหาห้องน้ำทันควัน เส
‘ฉันตอบเมล์พี่ชายสุดที่รักของฉันเมื่อหลายวันก่อน ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง และวันนี้เขาก็บินมาหาฉัน ฉันอับอายมากที่มีสภาพเหมือนผีให้พี่ชายเห็น ฉันไม่มีเงินมากพอจะเช่าอพาร์ตเม้นท์ดีๆ อยู่ แต่พพี่ชายของฉันก็ยังอุตส่าห์ให้เงินจำนวนมาก ฉันขอร้องให้เขาช่วยปิดบังเรื่องนี้เป็นความลับ เขาจึงขอร้องให้ฉันกลับบ้าน แลกกัน ฉันขอเวลารักษาตัวเองให้เป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้สักระยะ ซึ่งพี่ชายที่รักของฉันไม่ว่าอะไร ยอมให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อสักระยะ ฉันสัญญากับเขาไว้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน กลับไปกราบคุณแม่ กลับไปหาหลาน พลับพลึงหลานตัวน้อยโตขึ้นแค่ไหนแล้วนะ พี่ชายฉันหล่อ หลานฉันคงต้องสวยมากแน่ๆ เลย ฉันจะกลับไปหาทุกคน รอหน่อยนะครอบครัวที่รักของฉัน’ พลับพลึงปิดสมุดไดอารี่แค่นั้น เธอไม่อ่านอีกแล้ว เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นยังไงไม่อยากรับรู้อีกแล้ว พอกันที! การอ่านไดอารี่อันเต็มไปด้วยความรู้สึกของอาสาว ทำให้หญิงสาวฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง ถ้าอารัณไม่อยากมีลูกเพราะการตายของอาอิง เธอจะทำให้เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ อดีตจะถูกลบเลือน แม้มันจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใดก็ตาม เธอจะทำให้ได้ ไม่มีวันที่เธอจะคิดสั้นๆ
หญิงสาวถอนหายใจเอื่อยเฉื่อย เธอกำลังตัดสินใจว่าควรกลับไปบอกเรื่องลูกดีหรือไม่ เขาเคยบอกยังไม่พร้อมจะมีลูก สาเหตุเพราะอะไรเธอก็คิดว่ารู้แล้ว อารัณเผชิญกับความสูญเสียมานับครั้งไม่ถ้วน การสูญเสียเมียและลูกไปพร้อมกันก็เป็นเรื่องยากจะทำใจให้ลืม เธอเข้าใจดีทุกอย่างถึงต้องมานั่งถอนใจอยู่นี่ไง ร่างอวบอิ่มเดินเข้าไปในห้องหนังสือของคุณย่า เธอตั้งใจจะหาหนังสือธรรมะมาอ่านเป็นที่พึ่งของจิตใจ มือบางไล้ไปตามสันหนังสือหาเล่มที่อยากอ่าน แต่แล้วสายตาก็เหลือบขึ้นไปเห็นกล่องกระดาษใบหนึ่งวางอยู่ข้างบนสุดของชั้นหนังสือ ร่างอวบอิ่มเอื้อมมือหยิบกล่องใบนั้นลงมาอย่างทุลักทุเลเนื่องจากความสูงที่ต้องเขย่งปลายเท้าแล้วเหยียดแขนให้ตรงถึงจะหยิบได้ กล่องใบนั้นขนาดไม่ใหญ่และไม่หนักถูกยกลงมาปัดฝุ่นออกแล้วเปิดดูข้างใน ภายในมีรูปของอาอิงฟ้าหลายรูป เป็นรูปที่ถ่ายในต่างประเทศทั้งหมด ว่าที่คุณแม่มือใหม่ทอดสายตามองรูปถ่ายแต่ละรูปอย่างสังเกต อาอิงเป็นคนสวยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รูปหลังๆ ก็เหมือนอาอิงจะสวยขึ้น อวบขึ้นด้วย อวบเหมือน...เธอในตอนนี้ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเมื่อสายตาปะทะ
แม่เลี้ยงกาญจนาเคยคิดจะบอกลูกสาวเพราะถึงยังไงอิงฟ้าก็เป็นอาแท้ๆ ของเธอ ลูกในท้องของอิงฟ้าก็คือหลานแท้ๆ ของเธอ แต่สามีสั่งห้ามด้วยเห็นใจอดีตน้องเขยของตน ดังนั้นทุกคนจึงพากันเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอยู่ในใจ เวลาผ่านพ้นไปก็ยังไม่มีใครพลั้งปากพูดให้พลับพลึงได้ยิน “เห็นทีคงต้องบอกแดนนี่แล้วล่ะ ผมคิดว่าแดนนี่แข็งแกร่งพอจะรับเรื่องนี้ไหว แม้ว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนก็ตาม” “น่าเห็นใจนายรัณนะคะ เขาตามหาเมียไม่เจอเสียที นี่ก็เห็นว่ากินแต่เหล้าจนเมาไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ร่างกายผ่ายผอมจนน่าเป็นห่วงว่าจะทรุดเอาดื้อๆ” แม่เลี้ยงกาญจนาเห็นใจลูกเขยมาก ทั้งสงสารและเห็นใจ แต่ยังต้องลุ้นว่าหากดรัณรู้จะเป็นยังไงต่อ “ถ้างั้นเดี๋ยวรอแดนนี่ลงมา พวกเราก็บอกแกพร้อมกันดีมั้ยคะ” คุณดวงหทัยตัดสินใจ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ ทว่า...ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยขวดเหล้า ร่างสูงผ่ายผอมซูบลงไปมากกำลังสร่างเมาคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร.หานักสืบเอกชนที่เขาจ้างวานให้ตามหาเมียรักให้เจอ “ได้เรื่องหรือยัง” “อ้อ...พ่อเลี้ยงโทร.มาพอด
“เมื่อเช้าดิฉันได้ยินเสียงคุณหนูอาเจียนนะคะคุณท่าน อาการเหมือนคนท้องเลยค่ะ” ทิพามารดาของกรรชัยตั้งข้อสังเกต คุณย่าขมวดคิ้ว คนแต่งงานมีครอบครัวจะตั้งครรภ์ก็ไม่เห็นแปลก แต่ตอนนี้พ่อของเด็กยังไม่รู้เลยว่าเมียอยู่ไหน ถ้าพลับพลึงท้องจริงๆ เรื่องที่คิดจะปิดบังจนกว่าหลานเขยจะตามหาเมียเจอ ก็คงต้องมีคนยื่นมือเข้าช่วยเสียแล้ว ไม่งั้นจะเป็นการพรากลูกพรากพ่อเสียเปล่าๆ ทว่า...คุณย่ายังไม่ลืมอดีตของหลานเขย ท่านจึงไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะทำให้เขาดีใจหรือเสียใจกัน “พายัยพลับไปโรงพยาบาลที ไปทั้งๆ ไม่มีแรงอย่างนี้แหละดี ยัยพลับกลัวโรงพยาบาลจะได้ดื้อไม่ออก” สิ้นคำสั่งคุณย่า กรรชัยก็เป็นคนขับรถพาหญิงสาวและคุณย่าไปโรงพยาบาล ผลการตรวจออกมาเป็นไปตามที่คิด พลับพลึงท้อง!!!พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์เดินตามหาภรรยาทั่วไร่เพื่อจะบอกข่าวสำคัญข่าวด่วนของบุคคลอันเป็นที่รักคนหนึ่งให้บุคคลอันเป็นที่รักอีกคนได้ฟัง ร่างสูงหนาก้าวยาวๆ เร่งรีบเท่าที่จะทำได้ถามหาภรรยาสุดที่รักกับทุกคนที่เจอหน้า เกือบทุกคนชี้บอกไปในทิศทางเดียวกัน พ่อเลี้ยงก็แทบจะวิ่งตรงไปหาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความยินดี