เดี๋ยวข้าจะแบ่งของขวัญที่ได้รับให้เกอเกอครึ่งหนึ่งตามสัญญา" อาเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงมีความสุข ยิ้มจนตายิบหยี
"ไม่ต้องหรอก...ของขวัญเหล่านี้ เจ้าเก็บเอาไว้เถิด ข้ายกให้" หลี่ชิงเอ่ยเสียงนุ่มนวล แล้วอดสำทับไม่ได้ว่า "แต่นับจากนี้ไป...อาเฟย เจ้าจะได้รับของขวัญมากกว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่า เจ้าจะต้องระมัดระวัง และจำเอาไว้ว่า...ไม่มีผู้ใดให้ของขวัญกันเปล่าๆ โดยมิหวังผล ดังนั้นอย่าได้สนทนากับผู้ใดตามลำพัง จงให้ต้าโก่วหรือต้าหนิวคนใดคนหนึ่งอยู่ด้วย เพราะพวกเขาเป็นเลขาประจำตัวของเจ้า และรายงานทุกเรื่องที่คนเหล่านั้นมาขอให้เจ้าช่วยเหลือให้ท่านอ๋องสี่รู้ ท่านอ๋องสี่จะสามารถตัดสินใจให้เจ้าว่าของขวัญชิ้นใดเป็นของขวัญที่รับไว้ได้และของขวัญชิ้นใดไม่สมควรรับเอาไว้...จำได้หรือไม่ อาเฟย?"
"จำได้ขอรับ" อาเฟยรับคำเสียงสดใส
"ดีมาก" หลี่ชิงแย้มยิ้มงดงาม
ไท่ชินอ๋องคีบเนื้อปูก้อนที่แกะเปลือกออกเรียบร้อยแล้วให้แก่หลี่ชิง แล้วเอ่ยว่า "ชิงชิง กินเยอะๆ"
ก็พอดีมีทหารนายหนึ่งเข้ามาค้อมคำนับรายงานว่า "น้อมเรียนไท่ชินอ๋อง...พ่อบ้านเหลียงแห่งจวนไท่ชินอ๋องขอเข้าพบขอรับ"
"ให้เข้ามาได้" ไท่ชินอ๋องเอ่ยอนุญาต
"ขอรับ"
ทหารนายนั้นน้อมคำนับรับคำสั่งแล้วออกไปจากห้องอาหารที่ไท่ชินอ๋องนั่งอยู่อย่างว่องไว ครู่ต่อมาก็นำพ่อบ้านเหลียงเข้ามาพบไท่ชินอ๋อง
พ่อบ้านเหลียงแต่งกายอย่างบัณฑิตคงแก่เรียน เขาน้อมคำนับด้วยกิริยาสุภาพเรียบร้อยอย่างยิ่ง "ข้าน้อยน้อมคารวะท่านอ๋องขอรับ ขอท่านอ๋องจงเจริญยิ่งยืนนาน"
"ไม่ต้องมากพิธี...เจ้ามีเรื่องสำคัญอันใดหรือ? จึงต้องการพบข้า" ไท่ชินอ๋องถาม
พ่อบ้านเหลียงมีสีหน้าไตร่ตรองอย่างหนัก แล้วน้อมกายกล่าวว่า "เรื่องนี้...ข้าน้อยใคร่ขอความกรุณาท่านอ๋อง ขออนุญาตสนทนากันตามลำพังขอรับ"
"เช่นนั้นเจ้าตามข้ามา"
กล่าวแล้วไท่ชินอ๋องก็ลุกจากโต๊ะอาหาร พาพ่อบ้านเหลียงไปยังอีกห้องหนึ่งที่เป็นส่วนตัว
พออยู่กันตามลำพัง...พ่อบ้านเหลียงก็คุกเข่าลงกับพื้น
"ข้าน้อยขออภัยที่บังอาจ" พ่อบ้านเหลียงชิงขออภัย เพราะเรื่องที่เขาจะพูดถึงนั้น อาจจะร้ายแรงขนาดที่ศีรษะของเขาต้องหลุดออกจากบ่าได้ไม่ยาก!
"ลุกขึ้นก่อนแล้วค่อยพูด" ไท่ชินอ๋องเอ่ย
"ขอบพระคุณขอรับ" พ่อบ้านเหลียงลุกขึ้นยืนสงบเสงี่ยม
ไท่ชินอ๋องนั่งลงที่เก้าอี้ไม้เนื้อดีฝังมุกตัวหนึ่ง
"เรื่องที่เจ้าจะพูดกับข้า...เกี่ยวข้องกับไท่หวางเฟยหรือพระชายาอาเฟยใช่หรือไม่?"
ไท่ชินอ๋องคาดเดาจากปฏิกิริยาของพ่อบ้านเหลียง
"ท่านอ๋องปรีชายิ่งนัก...ใช่จริงๆ ขอรับ" พ่อบ้านเหลียงกล่าวเป็นการยอมรับว่าอีกฝ่ายคาดเดาถูกต้อง
"เกี่ยวข้องกับผู้ใด?" ไท่ชินอ๋องถามเสียงเรียบ
"พระชายาอาเฟยขอรับ" พ่อบ้านเหลียงตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
"เกิดอะไรขึ้น...จงบอกออกมาให้หมด" ไท่ชินอ๋องสั่ง
"ขอรับ" พ่อบ้านเหลียงรับคำแล้วกล่าวต่อว่า "เรียนท่านอ๋อง มีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาจากหมู่บ้านตระกูลกู้ที่ชนบทมาอ้างตัวว่าเป็นบิดามารดาของพระชายาอาเฟยขอรับ"
"หือ?" หัวคิ้วเข้มเลิกขึ้น "เท่าที่ข้าตรวจสอบประวัติของอาเฟยก่อนที่ท่านหญิงหานจะประกาศรับเขาเป็นบุตรบุญธรรมให้เขาได้ใช้สกุลหาน ไม่ปรากฏว่าอาเฟยมีบิดามารดา...ทำไมวันนี้จึงมีผู้มาประกาศตัวว่าเป็นบิดามารดาของเขา?"
"หรือว่าสองคนนี้เป็นพวกหลอกลวงขอรับ" พ่อบ้านเหลียงกล่าว
"จะหลอกลวงหรือไม่ก็ตาม...เจ้ากลับไปที่จวนแล้วกักตัวทั้งสองเอาไว้ อย่าให้ไปไหน จนกว่าข้าจะมีคำสั่งปล่อย" ไท่ชินอ๋องสั่ง "และอย่าให้ข่าวมีคนมาอ้างตัวเป็นบิดามารดาของพระชายาอาเฟยแพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด"
"ขอรับ" พ่อบ้านเหลียงน้อมคำนับรับคำสั่ง แล้วรีบไปปฏิบัติทันที
ส่วนไท่ชินอ๋องก็กลับไปกินเลี้ยงต่อ
"ที่จวนมีเรื่องสำคัญหรือขอรับ?" หลี่ชิงถามขึ้น
"มีนิดหน่อย...แต่มิได้สำคัญเท่างานเปิดหอสุราของอาเฟย" ไท่ชินอ๋องตอบด้วยทีท่าสบายๆ "พวกเรากินเลี้ยงต่อเถอะ"
ดังนั้นทุกคนจึงกินเลี้ยงกันต่ออย่างสนุกสนาน...จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิก อาเฟยกล่าวขอบคุณแขกทุกท่าน และแขกทยอยกันกลับแล้ว ...หอสุราอาเฟยก็เปิดดำเนินกิจการอย่างเป็นทางการ
พอถึงเวลากลับวังหลวง...ไท่ชินอ๋องก็บอกกับอ๋องสี่ว่า "น้องสี่...เดี๋ยวพาอาเฟยไปที่จวนของข้าก่อน"
"ได้...พี่ใหญ่" แล้วอ๋องสี่ก็แยกไปขึ้นรถม้าคันเดียวกันกับอาเฟย
ส่วนไท่ชินอ๋องนั่งรถม้าคันเดียวกันกับหลี่ชิง
"ชิงชิง...พวกเราจะไปที่จวนก่อน" ไท่ชินอ๋องบอกเสียงเรียบๆ
ทว่าหลี่ชิงพอจะคาดเดาได้ว่า...จะต้องมีอะไรผิดปกติ "ท่านอ๋อง...เกิดอะไรขึ้นที่จวนหรือ?"
"มีชายหญิงคู่หนึ่งมาอ้างตัวเป็นบิดามารดาของอาเฟย"
"เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก" หลี่ชิงเอ่ยเสียงเบา
"ดังนั้น...ข้าจึงให้พ่อบ้านเหลียงควบคุมตัวพวกเขาเอาไว้ก่อน เพื่อจะได้สืบหาว่าบิดามารดาของอาเฟยเป็นผู้ใดกันแน่" ไท่ชินอ๋องกล่าว
หลี่ชิงพยักหน้า "ถ้าคนคู่นี้เป็นบิดามารดาของอาเฟยจริงๆ ละขอรับ?"
"ย่อมต้องจัดการให้เหมาะสม แต่ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาไปเที่ยวป่าวประกาศสะเปะสะปะไปทั่วได้ อาจจะจัดหาหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์ให้พวกเขาไปอยู่อย่างสุขสบายสักแห่ง"
พอไท่ชินอ๋องเอ่ยถึง หมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์ หลี่ชิงก็อดนึกถึงอดีตใต้เท้าหลี่ผู้เป็นบิดากับฟูเหรินผู้เฒ่าซึ่งเป็นย่าไม่ได้...สีหน้าจึงสลดลง!
"ชิงชิง...คิดถึงใต้เท้าหลี่หรือ?"
"ขอรับ" คำตอบแสนจะเบา ทว่าไท่ชินอ๋องยังคงได้ยินถนัดชัดเจน
"เอาเถอะ...ข้าจะหาเวลาว่าง พาเจ้าไปเยี่ยมพวกเขาเร็วๆ นี้" ไท่ชินอ๋องเอ่ยพลาง ดึงร่างบอบบางมากอดไว้
"ขอบคุณขอรับ"
"บิดามารดาของข้าหรือขอรับ?" อาเฟยเอ่ยด้วยสีหน้างุนงง
"ใช่" ไท่ชินอ๋องถามต่อไปว่า "เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาบ้าง?"
"พ่อบ้านสีบอกข้าก่อนที่เขาจะกลับไปอยู่บ้านในชนบทว่า ข้าเป็นเด็กที่เขารับซื้อไว้แทนจวนชินอ๋อง ด้วยราคา 20 ตำลึงเงิน ทุกตรุษจีนข้าจะได้รับแต๊ะเอีย 1 ตำลึงเงิน ซึ่งเขาช่วยเก็บไว้ให้ข้า เพื่อที่พอข้าเติบโตขึ้นจะได้ใช้ไถ่ตัว และบอกว่าเมื่อข้าไถ่ตัวได้แล้ว ข้าจะสามารถออกไปทำมาค้าขาย หรือจะยังคงอยู่รับใช้ในจวนก็จะได้รับเงินเดือน แล้วก่อนจะไปจากจวนแห่งนี้พ่อบ้านสีก็ได้คืนเงินเก็บให้ข้า 7 ตำลึงเงิน กำชับให้ข้าเก็บรักษาไว้ให้ดี ยามนั้นข้าอายุแปดขวบ แต่พ่อบ้านสีไม่เคยบอกว่าบิดามารดาของข้าคือผู้ใดขอรับ" อาเฟยตอบแล้วเม้มริมฝีปากสีหน้าครุ่นคิด
ไท่ชินอ๋องฟังพลางยกมือขึ้นลูบคาง ครู่หนึ่งจึงถามว่า "นอกจากเงิน 7 ตำลึงแล้ว พ่อบ้านสียังมอบอะไรให้เจ้าอีกหรือไม่?"
อาเฟยส่ายหน้าก่อนจะเปลี่ยนเป็นพยักหน้า
"ตกลงมีหรือไม่มี?...อาเฟย" ไท่ชินอ๋องถามเสียงเรียบๆ ทว่าจริงจัง
"มีขอรับ" อาเฟยตอบ "แต่...ไม่น่าจะเป็นของสำคัญ"
"ของสำคัญหรือไม่...ให้คนนำออกมาให้ข้าดูให้หมด" ไท่ชินอ๋องสั่ง
"ขอรับ" อาเฟยรับคำ "ถ้าในห้องนอนเก่าของข้ายังไม่มีผู้ใดเก็บข้าวของไปทิ้ง จะมีหีบไม้เล็กใบหนึ่ง ในนั้นเก็บข้าวของสมัยเด็กของข้า"
ไท่ชินอ๋องจึงสั่งต้าโก่วตามบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งไปที่ห้องนอนเก่าของอาเฟยตอนที่ยังเป็นบ่าวธรรมดาทั่วไป ซึ่งเป็นห้องนอนรวมสี่คน ทุกคนล้วนเก็บหีบใส่เสื้อผ้าข้าวของไว้ใต้เตียงที่ต่อด้วยไม้ บนเตียงปูที่นอนที่เป็นผ้านวนเป็นที่ๆ เรียงกันสี่ที่
ต้าโก่วต้องดึงหีบใบอื่นๆ ออกจากใต้เตียง จึงพบหีบไม้ใบเล็กที่ถูกดันเข้าไปอยู่ในสุด เขาใช้เชือกคล้องมันแล้วดึงออกมา ปัดฝุ่นบนฝาหีบออกก่อนจะเปิดมันออก แล้วอดยิ้มไม่ได้...ในนั้นมีกังหันที่ทำจากใบไผ่ มีตุ๊กตาไม้...หีบใบนี้จะต้องเป็นของพระชายาอย่างแน่นอน!
ต้าโก่วปิดหีบแล้วนำไปให้ไท่ชินอ๋องอย่างรวดเร็ว
"หีบใบนี้ใช่หรือไม่? อาเฟย" ไท่ชินอ๋องถาม
"ใช่ขอรับ ข้าจำรูปแมวที่ข้าใช้มีดแกะสลักบนฝาได้" อาเฟยยิ้มแก้มกลม ลักยิ้มบุ๋ม
ไท่ชินอ๋องมองแมวของอาเฟย แล้วได้แต่พยักหน้า มันคือรูปกลมเล็กที่น่าจะเป็นหัวต่อกับรูปกลมใหญ่กว่าที่น่าจะเป็นตัว มีสี่ขีดเป็นขา และมีขีดหลังเป็นหาง...
แล้วเปิดฝาหีบ หยิบข้าวของออกมาทีละชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของเล่นของเด็กน้อย ทุกชิ้นมีสภาพไม่สมบูรณ์นัก จนกระทั่งถึงก้นหีบ...มีผ้าอยู่สองชิ้น!
"เอ๋...ท่านพูดราวกับว่าท่านเคยพบท่านน้ามาก่อน" "ใช่แล้ว...เคยพบตอนข้ายังเด็ก" เอ่ยแล้ว...เขาก็อึ้ง! ตอนนั้น...เขายังเด็ก เขากับอาเฟยอาบน้ำอุ่นในอ่างใบใหญ่ด้วยกันอย่างสนุกสนาน หลังอาบน้ำก็ทาตัวด้วยน้ำมันหอมบำรุงผิว ซ้ำยังวางแผนการกันว่า...จะสร้างห้องอาบน้ำที่สวยงามที่สุด ที่มีสระอาบน้ำขนาดใหญ่ เอาไว้เล่นน้ำด้วยกัน! แต่ตอนนี้เขาโตแล้ว สระน้ำก็สร้างแล้ว ทว่าไม่มีอาเฟย อีกฝ่ายจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือว่าเปลี่ยนไป? "ไม่รู้ว่า...ท่านน้าของเจ้าหน้าตายังเหมือนเดิมหรือไม่?" "คงไม่แล้วละ...ท่านแม่ของข้าบอกว่า ยิ่งนานวัน ท่านน้าก็ยิ่งงดงามขึ้น!" พอดี...คนรับใช้นำอาหารที่สั่งมาส่งให้ มีกับข้าวหลายอย่าง และข้าวสวยร้อนๆ หอมกรุ่น "โอ้โห...ที่นี่มีข้าวสวยด้วยหรือ?" หญิงสาวส่งเสียงอย่างยินดี "ข้าเดินทางมาหลายวัน พอถึงภาคเหนือของหนานหยาง หาข้าวสวยนุ่มๆ หอมๆ อย่างนี้กินยากมาก ส่วนใหญ่เป็นหมั่นโถวกับแป้งย่าง" "นี่เป็นอาหารที่อาเฟยชอบ" ชายหนุ่มบอก แล้วถามหญิงสาวตรงหน้าว่า "เจ้าชื่ออะไรหรือ?" "ข้าชื่อลั่วซือ เรียกซือซื
พระชายาอาเฟยให้เสี่ยวโก่วไปรับครอบครัวตระกูลเหอกลับมายังเมืองหลวง ที่เขาซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ไว้รอต้อนรับ เหอผิงนั้นสูงวัยมากแล้ว อาเฟยจึงไม่อยากให้เขาไปตรากตรำทำงานอีก แต่ให้เหอทงดูแลร้านขายข้าวสาร และเหอกวงดูแลร้านขายสมุนไพร ลั่วซวงก็พาสามีและลูกๆ มาต้องรับท่านทวด ท่านปู่ ท่านย่า และญาติผู้ใหญ่ผู้น้อยแล้วอาเฟยก็สั่งอาหารจากหอสุราหวงหลงมาเตรียมกินฉลองกันทั้งครอบครัว...แต่เพิ่งยกตะเกียบคีบไก่ผัดห้ารสขึ้นมา เสียงท่านอ๋องสี่ก็ดังขึ้นว่า "อาเฟยน้อยของข้า!" อาเฟยเด้งตัวลุกพรวดจากเก้าอี้ราวแมวน้อยถูกเหยียบหาง!!!เงารักวัยเยาว์ ที่เมืองหลวงแคว้นต้าเหลียว... บนหลังคาของเหลาน้ำชาอาเฟย...บุรุษหนุ่มหน้าตาคมคายเข้มแข็ง รูปร่างสูงใหญ่กำยำ นั่งดื่มสุราอย่างสบายอกสบายใจอยู่บนนั้น... ขณะกำลังปล่อยใจให้คิดถึงความหลังครั้งเก่า ก็ปรากฏเสียงเอะอะและเสียงกรีดร้องดังมาจากถนนเบื้องล่าง ชายหนุ่มมองลงไป...เห็นสาวน้อยนางหนึ่งอายุประมาณ 15-16 ปี ขี่อยู่บนหลังม้า และม้ากำลังพยศเพื่อสลัดนางให้ตกลงจากหลังของมันชายหนุ่มพุ่งทะยานลงจากหลังคารวดเร็
ทำเอาไท่ชินอ๋องเกือบสำลักน้ำชา "ขอบพระคุณเสด็จลุงที่แนะนำ" "เด็กเจ้าเล่ห์" ไท่ชินอ๋องว่า "หมดเรื่องแล้วใช่หรือไม่?" "ยังขอรับ" "อะไรอีก?" "ที่เสด็จลุงเคยพูดไว้" "หือ?" "ว่าถ้าหลานโตเป็นหนุ่มจะดมแก้มเสด็จป้าได้!" "แค็กๆๆๆ..." ไท่ชินอ๋องสำลักน้ำชา ก่อนจะตวาดลั่น "ไม่ได้" "เสด็จลุงไม่รักษาคำพูด" "อืมม์...ข้าเป็นทรราชไม่ใช่ธรรมราช" ไท่ชินอ๋องกล่าว "เจ้าอยากดมแก้ม ก็แต่งตั้งฮองเฮาสักคนสิ แล้วไปดมให้พอใจ" "หลานอยากแต่งตั้งฉีเอ๋อร์เป็นฮองเฮา แต่เกรงเสด็จป้าจะไม่ยินยอม" "ข้ามีข้อแม้ ถ้าฮ่องเต้รับได้ ข้าก็จะยกฉีเอ๋อร์ให้" หลี่ชิงที่ฟังอยู่ในห้อง เดินออกมากล่าวแล้วเดินมานั่งร่วมโต๊ะ "เสด็จป้ามีข้อแม้อะไรขอรับ?" ฮ่องเต้ถาม สีหน้ายินดี "หากฮ่องเต้แต่งฉีเอ๋อร์เป็นฮองเฮา ฮ่องเต้จะมีสัมพันธ์สวาทกันคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด ฮ่องเต้ให้สัญญาได้หรือไม่?" "ได้ขอรับ" ฮ่องเต้หนุ่มรับคำหนักแน่น และต่อท้ายว่า "หลานจะไม่รับนางสนมเลย" "ต้องรับตามความเหมาะสม แต่อย่าให้นางใดปรนนิบัติ" ไท่ชินอ๋องกล่าว "เพราะถ
เหล่าองครักษ์ของอาเฟยรีบเข้ามายืนบังอาเฟยเอาไว้ทันทีเตรียมปกป้อง "ท่านฆ่าพยานปิดปากหรือ?" พระชายาอาเฟยเอ่ยพลางสะบัดแขนเสื้อ "คนผู้นี้เป็นคนทรยศของซีเซี่ย ข้าแค่ฆ่าคนทรยศเท่านั้น มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด" ท่านทูตซีเซี่ยเอ่ยด้วยอาการฮึดฮัด "ท่านเถียงข้างๆ คูๆ" พระชายาอาเฟยเอ่ย "เอาละ..." ไท่ชินอ๋องเอ่ยขึ้น ขณะเดียวกันทหารก็เข้ามาเก็บศพคนตายออกไป "องค์หญิงหลิงหลิงปลอดภัยก็ดีแล้ว แต่ว่านางถูกขังร่วมห้องค้างอ้างแรมอยู่ด้วยกันกับบุรุษอื่น จึงไม่สมควรอภิเษกขึ้นเป็นพระสนมเอกกุ้ยเฟย แต่เพื่อสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างหนานหยางกับซีเซี่ย ฮ่องเต้จะโปรดรับองค์หญิงหลิงหลิงเป็นพระขนิษฐา (น้องสาว) บุญธรรม เป็นองค์หญิงของหนานหยางแทน และเพื่อมิให้องค์หญิงเสื่อมเสียเกียรติยศ ฮ่องเต้จะประทานสมรสพระราชทานให้หวงหมิงกับองค์หญิงหลิงหลิงสมรสกัน...มีผู้ใดจะคัดค้านหรือไม่?" ไท่ชินอ๋องจงใจเพ่งมองท่านทูตซีเซี่ย ซึ่งรู้สึกผิดแผนจนมึนไปหมด...ตอนแรกที่รู้ข่าวว่า องค์หญิงหลิงหลิงหนีพิธีอภิเษก เขาก็ส่งคนไปจับตัวเพื่อเรียกค่าไถ่จากหนานหยาง แต่ก็ผิดพลาด แล้วอย่างนี้เขาจะกล้าเสนอหน้าค
หลิงหลิงหนีอภิเษกหลังจากเกิดเรื่องไท่ชินอ๋องโบยฮ่องเต้...หลี่ชิงก็เกลี้ยกล่อมไท่ชินอ๋องให้เปลี่ยนวิธีฝึกสอนฮ่องเต้เสียใหม่ โดยให้เหตุผลว่า "คนเรามีความสามารถไม่เท่าเทียมกัน...ในเมื่อฮ่องเต้ไม่ชอบฝึกวรยุทธ์ ท่านอ๋องก็สอนหลักการปกครองและพิชัยสงครามให้แก่ฮ่องเต้ ส่วนการฝึกวรยุทธ์ก็เอาแค่ให้ร่างกายแข็งแรงก็พอ แล้วหาองครักษ์ยอดฝีมือที่จงรักภักดีจำนวนหนึ่งตั้งเป็นหน่วยพิเศษคอยอารักขาฮ่องเต้โดยเฉพาะ...ดีหรือไม่ขอรับ?" "อืมม์" ไท่ชินอ๋องพยักหน้า "เอาตามที่เจ้าว่า"นับจากนั้น...ฮ่องเต้หนุ่มน้อยก็ต้องออกนั่งบัลลังก์ว่าราชการพร้อมไท่ชินอ๋องทุกเช้า ท่องตำราการปกครองและพิชัยสงครามทุกบ่าย ตกเย็นก็ฝึกปรือร่างกายพร้อมไท่ชินอ๋องและท่านอ๋องสี่... ทำให้พออายุสิบหก ฮ่องเต้ก็มีร่างกายสูงสง่าแข็งแรง... ..... ที่ท้องพระโรงของแคว้นหนานหยาง... คณะทูตจากซีเซี่ยมาเข้าเฝ้า เพื่อเร่งให้ทางหนานหยางอภิเษก (แต่งตั้ง) องค์หญิงหลิงหลิงเป็นฮองเฮา "อืมม์...องค์หญิงหลิงหลิงอายุสิบหกแล้วหรือ? นับเป็นอายุที่เหมาะสมจะแต่งงานจริงๆ" ไท่ชินอ๋องตอบคณะทูตจากซีเซี่ย แล้วหันไปกล่าวกับเจ้า
ฮ่องเต้ถูกโบย ท่านหญิงหานเลี้ยงดูเอาใจใส่หลี่ฉีเป็นอย่างดี จนเติบโตเป็นเด็กหญิงที่สวยงามมาก เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทที่นุ่มนวลอ่อนโยน วาจาอ่อนหวาน ช่างฉอเลาะ จนฮ่องเต้โปรดปรานอย่างยิ่ง ฮ่องเต้นั้นถูกไท่ชินอ๋องสั่งให้ฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนัก แต่ฮ่องเต้ไม่โปรดวรยุทธ์ จึงแอบอู้อยู่บ่อยๆ จนผู้ฝึกสอนอ่อนใจ และเรื่องรู้ไปถึงไท่ชินอ๋อง ทำให้ไท่ชินอ๋องโมโหเป็นที่สุด จึงทำโทษฮ่องเต้ที่มีวัยเพียงสิบสามปี ให้วิ่งลากท่อนซุงไปรอบสนามฝึกซ้อมห้าสิบรอบ แต่ฮ่องเต้วิ่งไปได้เก้ารอบก็ประท้วงไม่ยอมวิ่งต่อ ไท่ชินอ๋องที่คุมการฝึกซ้อมด้วยตนเอง ก็สั่งให้นำหวายมาจะโบยฮ่องเต้ด้วยตนเอง หลานกงกงเห็นท่าไม่ดี จึงรีบไปบอกหลี่ชิง หลี่ชิงรีบวิ่งไปยังสนามฝึกในวังหลวง เห็นไท่ชินอ๋องกำลังโบยฮ่องเต้อยู่ ฮ่องเต้ก็ทรงดื้อรั้น ร้องตะโกนว่า "โบยเราให้ตายไปเลยๆๆๆ..." "หยุดมือ!" หลี่ชิงตะโกนลั่น แต่ไท่ชินอ๋องกำลังโกรธจัด ก็ไม่ยอมหยุด หลี่ชิงตัดสินใจกระโดดเข้าไปกอดร่างฮ่องเต้ไว้ จึงถูกปลายหวายเข้าที่กลางหลังไปหนึ่งที "หลิวยี่ ฉีจื่อ เอาตัวไท่หวางเฟยออกไป" ไท่ชินอ๋องตว