ไท่ชินอ๋องหยิบผ้าสองชิ้นนั้นขึ้นมาพิจารณา แล้วถามอาเฟยว่า "ผ้าสองชิ้นนี้เป็นของเจ้าใช่หรือไม่?"
"ใช่ขอรับ" อาเฟยรับคำ
"เจ้าได้ผ้าสองชิ้นนี้มาอย่างไร?"
"พ่อบ้านสีมอบให้ข้า บอกว่าเป็นของข้า ให้ข้าเก็บรักษาเอาไว้ให้ดีขอรับ"
"แล้วพ่อบ้านสีบอกความเป็นมาของผ้าสองชิ้นนี้ต่อเจ้าหรือไม่?"
อาเฟยเม้มปากครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า "พ่อบ้านสีบอกข้าเพียงเท่านี้ขอรับ"
"อืมม์..." ไท่ชินอ๋องทำเสียงรับรู้ แล้วเรียก "หลิวยี่"
หลิวกงกงรีบก้าวเข้ามาน้อมคำนับ "ขอรับ"
"ส่งคนไปพาตัวพ่อบ้านสีมาโดยเร็ว" ไท่ชินอ๋องสั่ง
"ขอรับ" หลิวกงกงน้อมรับคำสั่ง แล้วออกไปจากห้องพักผ่อนแห่งนั้น แล้วจัดการส่งทหารองครักษ์สองนายไปพาตัวพ่อบ้านสีที่หมู่บ้านสกุลสี โดยให้ทหารองครักษ์ออกเดินทางทันทีทั้งกลางคืน ไม่รอให้ข้ามคืนก่อนแต่อย่างไร
ดังนั้น สายวันรุ่งขึ้น พ่อบ้านสีก็มาถึงจวนไท่ชินอ๋อง...หลิวกงกงเข้ามารายงานให้ไท่ชินอ๋อง
"น้อมเรียนท่านอ๋อง...พ่อบ้านสีมาถึงแล้วขอรับ"
ไท่ชินอ๋อง หลี่ชิง อ๋องสี่ และอาเฟย ซึ่งกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว จึงให้พ่อบ้านสีไปพบในห้องพักผ่อน
"น้อมคารวะไท่ชินอ๋องขอรับ" พ่อบ้านสีซึ่งอายุราวห้าสิบเศษ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสุภาพสีน้ำตาล เนื้อผ้าธรรมดาสามัญ คุกเข่าน้อมคำนับจนหน้าผากจรดพื้น
"ไม่ต้องมากพิธี" ไท่ชินอ๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ที่ข้าให้ตามเจ้ามาอย่างเร่งด่วน ก็เพราะมีบางเรื่องอยากถามเจ้าให้กระจ่าง"
"เชิญท่านอ๋องถามเถิดขอรับ ข้าน้อยจะตอบสุดความสามารถ" พ่อบ้านสีตอบ
"ดีมาก...เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ"
"ขอบคุณขอรับ" พ่อบ้านสีลุกขึ้นยืนอย่างสงบเสงี่ยม
"ผ้าสองชิ้นนี้...เจ้าจำได้หรือไม่?" ไท่ชินอ๋องนำผ้าที่อยู่ก้นหีบมหาสมบัติของอาเฟยมาชู
หลิวกงกงรีบเข้ามารับไปส่งให้พ่อบ้านสีพิจารณาดู
พ่อบ้านสีพลิกผ้าสองชิ้นดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วกล่าวว่า "ผ้าสองชินนี้เป็นของอาเฟยขอรับ"
"ทำไมเจ้าจึงรู้ว่าเป็นของอาเฟย? จงบอกเล่ามาให้ละเอียด" ไท่ชินอ๋องสั่ง แล้วยกชาขึ้นจิบ
อาเฟยที่นั่งถัดจากหลี่ชิงนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก จนมือสั่นเล็กน้อย อ๋องสี่ที่นั่งถัดจากเขา จึงคว้ามืออาเฟยไปกุมเอาไว้
"เมื่อสิบหกปีก่อน มีชาวบ้านคนหนึ่งอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งมาบอกขายให้จวนชินอ๋อง ชาวบ้านคนนั้นแซ่กู้ มาจากหมู่บ้านสกุลกู้ ที่เขานำเด็กมาขายก็เพราะว่าเขาเก็บเด็กได้ แต่เขามีลูกหลายคนแล้ว ไม่สามารถเลี้ยงเด็กเพิ่มอีกได้ จึงนำมาขายขอรับ...ส่วนผ้าสองชิ้นนี้ ชิ้นหนึ่งใช้ห่อตัวเด็ก คือชิ้นสีฟ้า ส่วนชิ้นสีแดงปักด้ายเหลืองคือชิ้นที่ห่มอยู่บนตัวเด็กขอรับ ชายแซ่กู้ผู้นำเด็กมาขายบอกเช่นนี้ขอรับ" พ่อบ้านสีบอกเล่า
"ข้าน้อยเห็นเด็กทารกหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู จึงรับซื้อไว้แทนจวนชินอ๋องขอรับ และเห็นว่าบนผ้าสีแดงปักคำว่า 'เฟย' (โบยบิน) จึงตั้งชื่อเด็กว่า 'อาเฟย'...พอดีตอนนั้นสะใภ้ของข้าน้อยคลอดบุตรชายคนที่สอง จึงให้อาเฟยกินนมของสะใภ้ข้าน้อยด้วย...พอลูกชายลูกสะใภ้และหลานทั้งสองคนของข้าน้อยกลับไปอยู่ที่บ้านก่อน เพื่อจัดการที่ทางต่างๆ นั้น อาเฟยวิ่งได้แล้ว และสามารถกินอาหารอ่อนได้ อาเฟยจึงอยู่ที่จวนต่อ จนกระทั่งข้าน้อยจะขอลาออกกลับบ้านบ้าง ข้าน้อยก็คิดอยากจะซื้ออาเฟยต่อ พากลับบ้านไปด้วย ไปเลี้ยงเป็นหลานชายอีกคน...แต่พอข้าน้อยไปเสี่ยงเซียมซีที่วัด ก็ได้รับคำทำนายว่า อาเฟยเป็นผู้มีบุญวาสนาสูง หากผู้ที่รับอาเฟยเป็นบุตรหลานวาสนาไม่ถึง จะเกิดเภทภัย...ข้าน้อยจึงมิได้ซื้ออาเฟยไปเป็นหลานชายอีกคนขอรับ" พ่อบ้านสีเล่าถึงสาเหตุที่ไม่ได้ขอซื้ออาเฟย แล้วจบคำให้การว่า "เรื่องราวที่ข้าน้อยรู้เกี่ยวกับผ้าสองชิ้นนี้ก็มีเท่านี้ขอรับ"
กล่าวแล้วพ่อบ้านสีก็ส่งผ้าสองชิ้นนั้นให้แก่หลิวกงกง หลิวกงกงก็นำมาคือแก่ไท่ชินอ๋อง
"อืมม์" ไท่ชินอ๋องถามต่อว่า "คนแซ่กู้ผู้นำอาเฟยมาขายแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเยี่ยงไร?"
"แต่งตัวอย่างชาวบ้านใช้แรงงานขอรับ เนื้อผ้าที่ใช้ก็เป็นผ้าเนื้อหยาบและเก่าขอรับ" พ่อบ้านสีน้อมกายตอบอย่างสุภาพ
ไท่ชินอ๋องชูผ้าสองชิ้นในมือขึ้น "แล้เจ้าว่า มันแตกต่างจากผ้าสองชิ้นนี้หรือไม่?"
"แตกต่างกันมากขอรับ...เสื้อผ้าของชายผู้นั้นเป็นผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ แต่ผ้าสองชิ้นนี้เป็นผ้าแพรต่วนเนื้อละเอียด ราคาสูงกว่ามาก และไม่ใช่เนื้อผ้าที่ผู้ทำงานใช้กำลังจะนิยมใช้กันขอรับ"
"ถูกต้อง"
ไท่ชินอ๋องเอ่ยอย่างเห็นด้วย แล้วสั่ง "หลิวยี่... ไปนำผู้ที่มาอ้างตัวเป็นบิดามารดาของพระชายามาพบข้า"
"ขอรับ" หลิวกงกงน้อมรับคำสั่ง แล้วไปปฏิบัติทันที
"ต้าโก่ว ต้าหนิว...ย้ายฉากกั้นมาบังพระชายา และไท่หวางเฟยไว้"
"ขอรับ/ขอรับ" ทั้งสองรับคำแล้วจัดการย้ายฉากกั้นที่เป็นไม้ล้ำค่าฝังมุกเป็นลวดลายทิวทัศน์สวยงามมาบังอาเฟยกับหลี่ชิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ล้ำค่าฝังมุกมีเบาะรองนั่งและหมอนอิง เอาไว้
ส่วนอ๋องสี่ย้ายมานั่งข้างๆ ไท่ชินอ๋อง
ไม่นาน...หลิวกงกงก็นำพ่อบ้านเหลียงที่พาสองสามีภรรยาจากหมู่บ้านสกุลกู้เข้ามา
พ่อบ้านเหลียงคุกเข่าน้อมคำนับ "น้อมคารวะไท่ชินอ๋องและท่านอ๋องสี่ขอรับ"
สองสามีภรรยาแซ่กู้ก็ทำตามด้วยกิริยางกๆ เงิ่นๆ
"พ่อบ้านเหลียงไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นได้"
"ขอบพระคุณขอรับ" พ่อบ้านเหลียงกล่าวแล้วลุกขึ้นไปยืนสงบอยู่ด้านข้าง
สองสามีภรรยาแซ่กู้จะทำตาม ก็ถูกไท่ชินอ๋องตวาดว่า "ข้าไม่ได้อนุญาตให้พวกเจ้าสองคนลุก"
"เอ๋...ท่านพูดราวกับว่าท่านเคยพบท่านน้ามาก่อน" "ใช่แล้ว...เคยพบตอนข้ายังเด็ก" เอ่ยแล้ว...เขาก็อึ้ง! ตอนนั้น...เขายังเด็ก เขากับอาเฟยอาบน้ำอุ่นในอ่างใบใหญ่ด้วยกันอย่างสนุกสนาน หลังอาบน้ำก็ทาตัวด้วยน้ำมันหอมบำรุงผิว ซ้ำยังวางแผนการกันว่า...จะสร้างห้องอาบน้ำที่สวยงามที่สุด ที่มีสระอาบน้ำขนาดใหญ่ เอาไว้เล่นน้ำด้วยกัน! แต่ตอนนี้เขาโตแล้ว สระน้ำก็สร้างแล้ว ทว่าไม่มีอาเฟย อีกฝ่ายจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือว่าเปลี่ยนไป? "ไม่รู้ว่า...ท่านน้าของเจ้าหน้าตายังเหมือนเดิมหรือไม่?" "คงไม่แล้วละ...ท่านแม่ของข้าบอกว่า ยิ่งนานวัน ท่านน้าก็ยิ่งงดงามขึ้น!" พอดี...คนรับใช้นำอาหารที่สั่งมาส่งให้ มีกับข้าวหลายอย่าง และข้าวสวยร้อนๆ หอมกรุ่น "โอ้โห...ที่นี่มีข้าวสวยด้วยหรือ?" หญิงสาวส่งเสียงอย่างยินดี "ข้าเดินทางมาหลายวัน พอถึงภาคเหนือของหนานหยาง หาข้าวสวยนุ่มๆ หอมๆ อย่างนี้กินยากมาก ส่วนใหญ่เป็นหมั่นโถวกับแป้งย่าง" "นี่เป็นอาหารที่อาเฟยชอบ" ชายหนุ่มบอก แล้วถามหญิงสาวตรงหน้าว่า "เจ้าชื่ออะไรหรือ?" "ข้าชื่อลั่วซือ เรียกซือซื
พระชายาอาเฟยให้เสี่ยวโก่วไปรับครอบครัวตระกูลเหอกลับมายังเมืองหลวง ที่เขาซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ไว้รอต้อนรับ เหอผิงนั้นสูงวัยมากแล้ว อาเฟยจึงไม่อยากให้เขาไปตรากตรำทำงานอีก แต่ให้เหอทงดูแลร้านขายข้าวสาร และเหอกวงดูแลร้านขายสมุนไพร ลั่วซวงก็พาสามีและลูกๆ มาต้องรับท่านทวด ท่านปู่ ท่านย่า และญาติผู้ใหญ่ผู้น้อยแล้วอาเฟยก็สั่งอาหารจากหอสุราหวงหลงมาเตรียมกินฉลองกันทั้งครอบครัว...แต่เพิ่งยกตะเกียบคีบไก่ผัดห้ารสขึ้นมา เสียงท่านอ๋องสี่ก็ดังขึ้นว่า "อาเฟยน้อยของข้า!" อาเฟยเด้งตัวลุกพรวดจากเก้าอี้ราวแมวน้อยถูกเหยียบหาง!!!เงารักวัยเยาว์ ที่เมืองหลวงแคว้นต้าเหลียว... บนหลังคาของเหลาน้ำชาอาเฟย...บุรุษหนุ่มหน้าตาคมคายเข้มแข็ง รูปร่างสูงใหญ่กำยำ นั่งดื่มสุราอย่างสบายอกสบายใจอยู่บนนั้น... ขณะกำลังปล่อยใจให้คิดถึงความหลังครั้งเก่า ก็ปรากฏเสียงเอะอะและเสียงกรีดร้องดังมาจากถนนเบื้องล่าง ชายหนุ่มมองลงไป...เห็นสาวน้อยนางหนึ่งอายุประมาณ 15-16 ปี ขี่อยู่บนหลังม้า และม้ากำลังพยศเพื่อสลัดนางให้ตกลงจากหลังของมันชายหนุ่มพุ่งทะยานลงจากหลังคารวดเร็
ทำเอาไท่ชินอ๋องเกือบสำลักน้ำชา "ขอบพระคุณเสด็จลุงที่แนะนำ" "เด็กเจ้าเล่ห์" ไท่ชินอ๋องว่า "หมดเรื่องแล้วใช่หรือไม่?" "ยังขอรับ" "อะไรอีก?" "ที่เสด็จลุงเคยพูดไว้" "หือ?" "ว่าถ้าหลานโตเป็นหนุ่มจะดมแก้มเสด็จป้าได้!" "แค็กๆๆๆ..." ไท่ชินอ๋องสำลักน้ำชา ก่อนจะตวาดลั่น "ไม่ได้" "เสด็จลุงไม่รักษาคำพูด" "อืมม์...ข้าเป็นทรราชไม่ใช่ธรรมราช" ไท่ชินอ๋องกล่าว "เจ้าอยากดมแก้ม ก็แต่งตั้งฮองเฮาสักคนสิ แล้วไปดมให้พอใจ" "หลานอยากแต่งตั้งฉีเอ๋อร์เป็นฮองเฮา แต่เกรงเสด็จป้าจะไม่ยินยอม" "ข้ามีข้อแม้ ถ้าฮ่องเต้รับได้ ข้าก็จะยกฉีเอ๋อร์ให้" หลี่ชิงที่ฟังอยู่ในห้อง เดินออกมากล่าวแล้วเดินมานั่งร่วมโต๊ะ "เสด็จป้ามีข้อแม้อะไรขอรับ?" ฮ่องเต้ถาม สีหน้ายินดี "หากฮ่องเต้แต่งฉีเอ๋อร์เป็นฮองเฮา ฮ่องเต้จะมีสัมพันธ์สวาทกันคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด ฮ่องเต้ให้สัญญาได้หรือไม่?" "ได้ขอรับ" ฮ่องเต้หนุ่มรับคำหนักแน่น และต่อท้ายว่า "หลานจะไม่รับนางสนมเลย" "ต้องรับตามความเหมาะสม แต่อย่าให้นางใดปรนนิบัติ" ไท่ชินอ๋องกล่าว "เพราะถ
เหล่าองครักษ์ของอาเฟยรีบเข้ามายืนบังอาเฟยเอาไว้ทันทีเตรียมปกป้อง "ท่านฆ่าพยานปิดปากหรือ?" พระชายาอาเฟยเอ่ยพลางสะบัดแขนเสื้อ "คนผู้นี้เป็นคนทรยศของซีเซี่ย ข้าแค่ฆ่าคนทรยศเท่านั้น มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด" ท่านทูตซีเซี่ยเอ่ยด้วยอาการฮึดฮัด "ท่านเถียงข้างๆ คูๆ" พระชายาอาเฟยเอ่ย "เอาละ..." ไท่ชินอ๋องเอ่ยขึ้น ขณะเดียวกันทหารก็เข้ามาเก็บศพคนตายออกไป "องค์หญิงหลิงหลิงปลอดภัยก็ดีแล้ว แต่ว่านางถูกขังร่วมห้องค้างอ้างแรมอยู่ด้วยกันกับบุรุษอื่น จึงไม่สมควรอภิเษกขึ้นเป็นพระสนมเอกกุ้ยเฟย แต่เพื่อสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างหนานหยางกับซีเซี่ย ฮ่องเต้จะโปรดรับองค์หญิงหลิงหลิงเป็นพระขนิษฐา (น้องสาว) บุญธรรม เป็นองค์หญิงของหนานหยางแทน และเพื่อมิให้องค์หญิงเสื่อมเสียเกียรติยศ ฮ่องเต้จะประทานสมรสพระราชทานให้หวงหมิงกับองค์หญิงหลิงหลิงสมรสกัน...มีผู้ใดจะคัดค้านหรือไม่?" ไท่ชินอ๋องจงใจเพ่งมองท่านทูตซีเซี่ย ซึ่งรู้สึกผิดแผนจนมึนไปหมด...ตอนแรกที่รู้ข่าวว่า องค์หญิงหลิงหลิงหนีพิธีอภิเษก เขาก็ส่งคนไปจับตัวเพื่อเรียกค่าไถ่จากหนานหยาง แต่ก็ผิดพลาด แล้วอย่างนี้เขาจะกล้าเสนอหน้าค
หลิงหลิงหนีอภิเษกหลังจากเกิดเรื่องไท่ชินอ๋องโบยฮ่องเต้...หลี่ชิงก็เกลี้ยกล่อมไท่ชินอ๋องให้เปลี่ยนวิธีฝึกสอนฮ่องเต้เสียใหม่ โดยให้เหตุผลว่า "คนเรามีความสามารถไม่เท่าเทียมกัน...ในเมื่อฮ่องเต้ไม่ชอบฝึกวรยุทธ์ ท่านอ๋องก็สอนหลักการปกครองและพิชัยสงครามให้แก่ฮ่องเต้ ส่วนการฝึกวรยุทธ์ก็เอาแค่ให้ร่างกายแข็งแรงก็พอ แล้วหาองครักษ์ยอดฝีมือที่จงรักภักดีจำนวนหนึ่งตั้งเป็นหน่วยพิเศษคอยอารักขาฮ่องเต้โดยเฉพาะ...ดีหรือไม่ขอรับ?" "อืมม์" ไท่ชินอ๋องพยักหน้า "เอาตามที่เจ้าว่า"นับจากนั้น...ฮ่องเต้หนุ่มน้อยก็ต้องออกนั่งบัลลังก์ว่าราชการพร้อมไท่ชินอ๋องทุกเช้า ท่องตำราการปกครองและพิชัยสงครามทุกบ่าย ตกเย็นก็ฝึกปรือร่างกายพร้อมไท่ชินอ๋องและท่านอ๋องสี่... ทำให้พออายุสิบหก ฮ่องเต้ก็มีร่างกายสูงสง่าแข็งแรง... ..... ที่ท้องพระโรงของแคว้นหนานหยาง... คณะทูตจากซีเซี่ยมาเข้าเฝ้า เพื่อเร่งให้ทางหนานหยางอภิเษก (แต่งตั้ง) องค์หญิงหลิงหลิงเป็นฮองเฮา "อืมม์...องค์หญิงหลิงหลิงอายุสิบหกแล้วหรือ? นับเป็นอายุที่เหมาะสมจะแต่งงานจริงๆ" ไท่ชินอ๋องตอบคณะทูตจากซีเซี่ย แล้วหันไปกล่าวกับเจ้า
ฮ่องเต้ถูกโบย ท่านหญิงหานเลี้ยงดูเอาใจใส่หลี่ฉีเป็นอย่างดี จนเติบโตเป็นเด็กหญิงที่สวยงามมาก เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทที่นุ่มนวลอ่อนโยน วาจาอ่อนหวาน ช่างฉอเลาะ จนฮ่องเต้โปรดปรานอย่างยิ่ง ฮ่องเต้นั้นถูกไท่ชินอ๋องสั่งให้ฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนัก แต่ฮ่องเต้ไม่โปรดวรยุทธ์ จึงแอบอู้อยู่บ่อยๆ จนผู้ฝึกสอนอ่อนใจ และเรื่องรู้ไปถึงไท่ชินอ๋อง ทำให้ไท่ชินอ๋องโมโหเป็นที่สุด จึงทำโทษฮ่องเต้ที่มีวัยเพียงสิบสามปี ให้วิ่งลากท่อนซุงไปรอบสนามฝึกซ้อมห้าสิบรอบ แต่ฮ่องเต้วิ่งไปได้เก้ารอบก็ประท้วงไม่ยอมวิ่งต่อ ไท่ชินอ๋องที่คุมการฝึกซ้อมด้วยตนเอง ก็สั่งให้นำหวายมาจะโบยฮ่องเต้ด้วยตนเอง หลานกงกงเห็นท่าไม่ดี จึงรีบไปบอกหลี่ชิง หลี่ชิงรีบวิ่งไปยังสนามฝึกในวังหลวง เห็นไท่ชินอ๋องกำลังโบยฮ่องเต้อยู่ ฮ่องเต้ก็ทรงดื้อรั้น ร้องตะโกนว่า "โบยเราให้ตายไปเลยๆๆๆ..." "หยุดมือ!" หลี่ชิงตะโกนลั่น แต่ไท่ชินอ๋องกำลังโกรธจัด ก็ไม่ยอมหยุด หลี่ชิงตัดสินใจกระโดดเข้าไปกอดร่างฮ่องเต้ไว้ จึงถูกปลายหวายเข้าที่กลางหลังไปหนึ่งที "หลิวยี่ ฉีจื่อ เอาตัวไท่หวางเฟยออกไป" ไท่ชินอ๋องตว