ชิงฉางยืนอึ้งอย่างตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าเหตุผลที่ท่านป้าจางไม่ส่งอาหารไปที่เรือนของเขาเป็นเพราะต้องบำรุงซูมี่
เขาจำต้องกลับเรือนไปเพราะไม่อาจทนอับอายอยู่ที่เรือนตระกูลซูได้ เรื่องที่เขาไม่เคยมาเยี่ยมซูมี่ตอนที่นางป่วยก็นับเป็นเรื่องที่เขาละเลยไปจริงๆ
ซูมี่เมื่อล้างจานเรียบร้อยนางก็เดินออกมาจากห้องครัว ก็ทันได้เห็นแผ่นหลังของชิงฉางที่เดินจากไปแล้ว นางเลิกสนใจในตัวเขาแล้วหันมาช่วยบิดามารดากำจัดหญ้าที่อยู่ในแปลงผักแทน
ตลอดครึ่งวันเช้า ซูมี่นางช่วยเหลือบิดามารดาโดยหาได้ยาก เพราะส่วนมากเมื่อก่อนนางจะไปอยู่ที่เรือนของชิงฉางเพื่อทำความสะอาดเรือนให้เขาหรือเก็บผ้าไปซักให้เขา
ต้าหลางกับจางกุ้ยมองบุตรสาวด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ ว่าบุตรสาวที่วิ่งตามคู่หมั้นอย่างชิงฉางทั้งวันจะตัดใจจากเขาได้จริง
ในตอนบ่ายซูมี่ก็ช่วยบิดาจัดการของป่าที่หามาได้ เพื่อนำไปขายในวันพรุ่งนี้ นางอยากจะนำของที่อยู่ในมิติออกมาใจจะขาด
แต่ต้องรอให้เรื่องของถิงถิงที่บิดาของนางไปสืบวันนั้นพรุ่งนี้ทำให้บิดามารดาเชื่อว่าชิงฉางต้องการจะถอนหมั้นนางเพื่อไปแต่งถิงถิงจริงๆ นางถึงจะยอมนำของออกมา
ซูมี่ช่วยเตรียมของให้บิดาเพื่อเดินทางเข้าเมือง "ท่านพ่อท่านนั่งเกวียนดีหรือไม่เจ้าคะ"
ซูมี่มองตะกร้าใบใหญ่ที่ใส่เนื้อสัตว์ป่าและสมุนไพรที่อัดแน่นเต็มตะกร้า ก็เอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล เสียค่าเกวียนเพียงสองอิแปะ บิดาของนางยังยอมเดินเท้าเพื่อนำของไปขายแล้วเก็บเงินส่วนนี้ไว้ เพื่อให้ชิงฉางได้ใช้จ่ายค่าสำนักศึกษา
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจที่นางหูหนวกตาบอดทำให้บิดามารดาต้องเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ ต้าหลางเมื่อฟังบุตรสาวพูดเขาก็พยักหน้ารับ แต่ซูมี่ที่กลัวว่าบิดาจะไม่นั่งเกวียนก็เดินตามออกไปส่งที่หน้าหมู่บ้าน
"หายดีแล้วหรือ เสี่ยวมี่" ท่านป้าฝูภรรยานายพรานเอ่ยถามเมื่อเห็นนางเดินมาพร้อมกับบิดา
"หายแล้วเจ้าค่ะท่านป้าฝู" นางเดินเข้าไปช่วยท่านป้าฝูยกของขึ้นเกวียน
"ขอบใจมาก" ป้าฝูตบที่หลังมือของซูมี่ก่อนที่นางจะเดินขึ้นไปบนเกวียน
"อ้าว ต้าหลาง เจ้าก็จะขึ้นเกวียนหรือ" ลุงจงเจ้าของเกวียนเอ่ยถามอย่างสงสัย
เรื่องที่ตระกูลซูใช้จ่ายอย่างประหยัดเพื่อช่วยเหลือเรื่องกินอยู่และค่าเล่าเรียนของชิงฉางมิใช่ความลับอันใด ทั่วทั้งหมู่บ้านย่อมรับรู้ บุรุษบางคนยังอิจฉาชิงฉางที่ได้ครอบครัวว่าที่ภรรยาดูแลดีเช่นนี้
ถ้าหากซูมี่มิใช่สตรีที่หึงหวงเสียหน่อยก็นับว่าชิงฉางช่างน่าอิจฉาโดยแท้ ได้ครอบครองหญิงงาม แล้วยังได้รับการดูแลที่ดี ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพียงร่ำเรียนอย่างเดียว
ต้าหลางเมื่อขึ้นนั่งบนเกวียนแล้วก็โบกมือไล่บุตรสาวให้กลับเรือนไป หมู่บ้านซางซีอยู่ห่างจากเมืองเจียงซวนนั่งเกวียนเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น หากเดินเท้าก็ต้องมีถึงสองชั่วยามกว่าจะถึง
เมื่อใกล้ถึงประตูเมืองต้าหลางที่นั่งอยู่ด้านหน้ากับลุงจงก็เห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยเดินอยู่ เขาที่เห็นชิงฉางมาตั้งแต่เล็กย่อมรู้ได้ทันทีว่าบุรุษที่เดินอยู่เบื้องหน้าคือชิงฉาง เพราะตระกูลซูมิได้ให้ความช่วยเหลือชิงฉางแล้วเขาจึงต้องยอมเดินเท้าเข้าเมืองเพื่อไปสำนักศึกษา
ต้าหลางเมื่อลงจากเกวียนเขาก็จ่ายค่าเข้าเมือง และตรงไปที่เหลาอาหารเพื่อขายของที่นำมา หลงจู๊ที่เห็นต้าหลางมาถึงก็เร่งฝีเท้ามาดูของของเขาทันที ครั้งนี้เขาขายได้เงินถึงห้าตำลึง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่บุตรสาวพูดก็เอ่ยถามหลงจู๊ว่าท่านคหบดีเฉียวมีบุตรสาวที่จือเฉียวถิงถิงหรือไม่
"คุณหนูรองเฉียวมีนามว่าถิงถิงจริง เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ" หลงจู๊มองต้าหลางอย่างแปลกใจ เพราะทุกครั้งที่ต้าหลางนำของมาขายเขาจะไม่เคยเอ่ยถามเรื่องเกี่ยวกับในเมืองสักเท่าไร
"ไม่มีอันใดขอรับ ขอบคุณท่านหลงจู๊มากขอรับ" ต้าหลางรีบขอบคุณหลงจู๊แล้วขอตัวกลับไป
เมื่อสอบถามทางกับชาวบ้านถึงที่อยู่ของจวนเฉียวแล้ว ต้าหลางก็คิดจะไปแอบดูที่หน้าจวนเสียหน่อยเผื่อจะได้ความอันใดบ้าง
เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างเมื่อถิงถิง นางลอบออกมาพบชิงฉางที่ข้างจวน ต้าหลางที่เห็นเช่นนั้นก็รีบหาที่หลบเพื่อฟังบทสนทนาของทั้งคู่
"พี่ชาง เหตุใดเหงื่อถึงออกมากเพียงนี้เจ้าคะ" ถิงถิงลวงผ้าเช็ดหน้าของนางออกมาแล้วเช็ดไปที่ใบหน้าของชิงฉาง
"ข้าเดินมาจากหมู่บ้าน" ชิงฉางถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องที่ตระกูลซูไม่ช่วยเหลือตนแล้ว
ถิงถิงที่ไม่รู้ว่าชิงฉางมีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซู นางรู้เพียงว่าที่ตระกูลซูให้การดูแลชิงฉางเป็นเพราะบิดามารดาของชิงฉางมีบุญคุณกับต้าหลางและจางกุ้ย เมื่อบิดามารดาของชิงฉางเสียชีวิตลงจึงได้มาอยู่ในการดูแลของตระกูลซู
เมื่อชิงฉางเล่าจบ ถิงถิงนางหยิบถุงเงินออกมาแล้วยัดใส่มือชิงฉางอย่างใจกว้าง พร้อมทั้งเร่งให้เขาไปเข้าเรียนที่สำนักศึกษา เรื่องที่นางคบหากับชิงฉางบิดาของนางก็เห็นด้วย เพราะชิงฉางสอบผ่านซิ่วไฉเมื่อปีที่แล้ว
เหลือเวลาอีกสองปีที่เขาจะต้องเดินทางไปสอบจวี่เหริน คหบดีเฉียวย่อมต้องอยากได้เป็นบุตรเขย
ต้าหลางที่เห็นเช่นนั้นก็รีบไปซื้อของและไปรอที่จุดขึ้นเกวียนเพื่อกลับหมู่บ้าน ตลอดทางเขานั่งนึกเรื่องที่ซูมี่พูดไว้จะเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเรื่องที่นางรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจนเสียชีวิตก็คงจะเป็นเรื่องจริงด้วย
ต้าหลางเมื่อลงจากเกวียนก็เร่งฝีเท้ารีบกลับเรือน แม้ใครจะชวนเขาพูดคุยเขาก็ล้วนปฏิเสธทั้งหมด เพราะเรื่องที่เขารับรู้มาจะต้องรีบนำกลับไปบอกกล่าวภรรยาและบุตรสาว เพื่อหาทางออกต่อไป
ซูมี่นางส่งฮ่องเต้และฮองเฮาลงแช่น้ำโดยให้ มามาและหยางกงกงคอยดูแลแล้วก็พาองค์รัชทายาทไปที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋"เพราะพระองค์เห็นหม่อมฉันเป็นน้องสาว และหม่อมฉันก็เห็นพระองค์เป็นพี่ชาย จึงได้พามาที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋" ซูมี่นางอธิบายเรื่องการเปลี่ยนไขกระดูกและการฝึกวรยุทธให้องค์รัชทายาทได้เข้าใจอย่างน้อยองค์รัชทายาทก็ต้องมีวรยุทธไว้ปกป้องพระองค์เอง เพื่อเกิดเหตุการณ์เช่นกบฏองค์ชายรองอีกครั้ง"มี่เออร์ เปิ่นหวางไม่เสียทีที่รักเจ้าเหมือนดั่งน้องสาว" องค์รัชทายาทเอ่ยออกมาจากใจ เพราะเขารักนางเหมือนน้องสาวตั้งแต่ครั้งแรกที่นางช่วยเสด็จพ่อของตนไว้ ไม่คิดว่านางจะไว้ใจตนจนมอบเรื่องวิเศษเช่นนี้ให้"พระองค์อดทนให้ได้นะเพคะ" ซูมี่บอกองค์รัชทายาทเมื่อมาถึงด้านในถ้ำของเสี่ยวไป๋"เปิ่นหวางจะอดทน" ซูมี่พยักหน้าให้ฮุ่ยหมิ่นคอยดูแลองค์รัชทายาท ส่วนนางจะกลับไปดูทางฮ่องเต้ ฮองเฮาก่อนเสียงกรีดร้องขององค์รัชทายาทดังออกมาจากนอกถ้ำ เสี่ยวไป๋ส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลน"ร้องดังกว่าเจ้าในยามนั้นเสียอีก" ซูมี่อดจะหัวเราะเสียงดังออกมามิได้เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวไป๋เมื่อกลับมาถึงถ้ำของเสี่ยวเฮย ฮ่องเต้ก็ขึ้นจากน้ำมาเรี
นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตรงหน้าของตนได้เปลี่ยนไป แปลงสมุนไพรที่มีสมุนไพรหายากมากมาย ผัก ผลไม้ที่ขึ้นเต็มไปหมดเสี่ยวไป๋ในยามนี้ตัวใหญ่จนน่าตกตะลึง แล้วไหนจะหมาป่าสี่ตัวกับหมีควายที่กำลังวิ่งมาทางนี้อีก ฮูหยินไป๋เกือบจะเป็นลมแต่ถูกฮุ่ยหมิ่นประคองไว้เสียก่อนเป่าเปาที่ปรากฏกายด้วยรูปร่างที่แท้จริงบินไปตรงหน้าของนายท่านไป๋ เขาจ้องมองทุกสิ่งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แม้จะผ่านเรื่องน่าเหลือเชื่อมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้นับว่าเกินเขาจะรับไว้"มี่เออร์นี่เรื่องอันใด" เขาเอ่ยเสียงที่แทบหาไม่เจอออกมาอย่างอยากเย็นซูมี่เล่าเรื่องภายในมิติของนางให้นายท่านไป๋และฮูหยินไป๋ได้ฟัง นางพาทั้งคู่ไปที่ถ้ำของเสี่ยวเฮย เพื่อให้พวกเขาลงไปแช่ในน้ำ เพราะทั้งคู่ไม่ต้องเปลี่ยนไขกระดูกเช่นนางกับฮุ่ยหมิ่นจึงไม่ต้องไปที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋เมื่อทั้งสองลงไปแช่ในน้ำ เพียงหนึ่งชั่วยามเมื่อขึ้นมาจากน้ำต่างก็พบความเปลี่ยนแปลงของตน นายท่านไป๋ที่มีโรคปวดตามข้อตามอายุของตนก็หายเป็นปลิดทิ้ง แม้ก่อนหน้านี้จะกินผักผลไม้ของตระกูลซูแต่ก็ต้องกินเป็นระยะเวลานานถึงจะเห็นผลรูปลักษณ์ของทั้งคู่ก็ดูจะอ่อนเยาว์ขึ้นอ
เสี่ยวซานก็จัดการหาฤกษ์มงคล พร้อมทั้งหาแม่สื่อไปพูดคุยกับซูถัง ป้าอวี้ บิดามารดาของโม่ลี่เพื่อสุ่ขอนางตามธรรมเนียม เรื่องสินสอดและสินเดิมซูมี่นางก็จัดการให้อย่างใจกว้างจนบ่าวในเรือนที่ชอบพอกันมาบอกกล่าวนางว่าตนอยากจะแต่งกับคนนั้น คนนี้ ซูมี่ก็ไม่ขัดข้องพร้อมทั้งจัดการให้ทุกคน เพราะทุกคนที่กล้ามาพูดกับนางล้วนอยู่กับนางมาตั้งแต่ที่เมืองเจียงซวนงานมงคลของบ่าวในจวนแม่ทัพจัดขึ้นภายในเรือน แม้แต่จวนอื่นก็ไม่อยากจะเชื่อว่า แม่ทัพไป๋กับฮูหยินจะใจกว้างถึงกับจัดงานในบ่าวของตนด้วยเพียงวันเดียวก็มีคู่แต่งงานในจวนถึงห้าคู่ ซูมี่แบกท้องที่ใหญ่โตของนางไปร่วมงานด้วย ทั้งยังอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับทุกคน ต้าหลาง จางกุ้ยก็พาบ่าวในจวนของเขามาร่วมงานด้วยเช่นกัน"ท่านพี่ ข้าคิดว่าข้าจะคลอดแล้วเจ้าค่ะ"ซูมี่ดึงแขนเสื้อของฮุ่ยหมิ่นที่ร่วมดื่มเหล้ามงคล"ตามหมอตำแยประเดี๋ยวนี้" ฮุ่ยหมิ่นตกตะลึง เมื่อดึงสติมาได้ เขาก็ตะโกนเสียงดังภายในจวนจึงได้วุ่นวายไปหมด โม่ลี่ที่อยู่ในห้องหอก็อยากจะออกมาดูนายหญิงของตนใจแทบขาด แต่ก็โดนสั่งห้ามไว้ เพราะมีคนอยู่ในจวนมากมายให้นางวางใจได้ แต่นางก็มิยอมฟังยังออกจากห้องหอมาที่เ
คุณหนูหานร้องอย่างตกใจ พร้อมทั้งกระโดดไปที่ฮุ่ยหมิ่น แต่มีหรือที่คนอย่างฮุ่ยหมิ่นจะยอมให้สตรีนางอื่นมาโดนตัว เขาพุ่งหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะดึงซูมี่ออกห่างมาด้วยคุณหนูหานจึงล้มลงไปกองที่พื้นเสียงดัง สาวใช้ของนางต้องรีบเข้ามาประคองนายของตนอย่างเสียขวัญไหนจะมีเสือขาวที่นอนหมอบจ้องมาทางพวกนางเหมือนจ้องตะครุบเหยื่อ แต่ก็ไม่กล้าที่จะทิ้งนายตนเองมิเช่นนั้นเมื่อกลับจวนไม่รู้ว่าจะโดนลงโทษเช่นใด"ไล่มันออกไปสิเจ้าค่ะ" นางร้องสั่งฮุ่ยหมิ่นให้ไล่เสือขาว"เป็นเจ้าที่ต้องออกไป เสี่ยวไป๋เป็นสัตว์เลี้ยงของมี่มี่" ฮุ่ยหมิ่นเอ่ยเสียงเย็นอย่างไม่ไว้หน้าคุณหนูหานไม่คิดว่าฮุ่ยหมิ่นไม่รับตัวนางไว้ แล้วยังออกปากไล่นางออกจากจวนอีก นางจึงร้องไห้รีบร้อนออกจากจวนท่านแม่ทัพไปอย่างอับอาย"นางเข้ามาได้อย่างไร" ฮุ่ยหมิ่นเอ่ยถามบ่าวเสียงเข้ม"ข้าให้นางเข้ามาเองเจ้าค่ะ อยากรู้ว่านางมาด้วยเรื่องอันใด" ซูมี่ถูกฮุ่ยหมิ่นประคองมายังที่นั่ง"แล้วรู้หรือยังว่านางเข้ามาด้วยเรื่องอันใด" เขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขากับตระกูลหานไม่ได้สนิทถึงขั้นต้องไปมาหาสู่กัน อีกอย่างฮูหยินรองก็ไม่ถูกกับมารดาของตนอีกด้
ฮุ่ยหมิ่นก็ตั้งใจทำเช่นที่เขาพูดจริง นับตั้งแต่วันนั้นมา ฮุ่ยหมิ่นก็เหมือนจะเร่งมือเรื่องทำบุตรทุกค่ำคืน เพราะซูมี่นางกลับไปที่จวนโหวทุกวันเพื่อดูน้องชายบ้างวันฮุ่ยหมิ่นกลับมาจากค่ายทหารยังหาภรรยารักไม่พบ จนต้องตามไปที่จวนท่านพ่อตาเพื่อรับนางกลับจวน"เกิดอันใดขึ้น" ฮุ่ยหมิ่นที่เพิ่งกลับมาถึงเรือน ก็เห็นบ่าววิ่งกันให้วุ่น"ท่านแม่ทัพ ฮูหยินนางกินอันใดมิได้ขอรับ บ่าวในเรือนจึงต้องไปทำใหม่เสียหลายรอบ" พ่อบ้านซานรีบบอกฮุ่ยหมิ่น"ตามหมอหรือยัง" ฮุ่ยหมิ่นเหมือนจะลืมไปว่าซูมี่นางรู้วิชาแพทย์"ฮูหยินมิได้ตามขอรับ" พ่อบ้านซานหลบสายตาของฮุ่ยหมิ่น"ประเสริฐ" เขารีบร้อนเดินไปที่เรือนของตนเพื่อดูอาการของซูมี่ และอยากจะตำหนินางที่ไม่ยอมตามหมอ"มี่มี่ เหตุใด เจ้าถึงไม่ตามหมอ" ฮุ่ยหมิ่นเข้ามาถึงก็เอ่ยถามทันทีแต่เมื่อเห็นโม่ลี่ประคองกระโถนในมือเพื่อให้ซูมี่นางอาเจียนก็รีบร้อนเข้ามานั่งข้างนางทันที"ท่านยังมิรู้อีกหรือว่าข้าเป็นอันใด" ซูมี่เอ่ยถามอย่างอ่อนแรง เสี่ยวไป๋ก็เข้ามาซุกอยู่ที่ท้องของนางอย่างห่วงใย"ดื่มก่อนเจ้าค่ะนายหญิง" เป่าเปาส่งถ้วยน้ำในมือของนางให้ซูมี่ เมื่อนางดื่มเข้าไปอาการอยากอาเจี
ภายในห้องโถงเรือนหลักของจวนแม่ทัพ ในยามนี้มีเพียงบิดามารดาของฮุ่ยหมิ่นเท่านั้น เพราะเขาแยกจวนมาอยู่ที่จวนท่านแม่ทัพแล้ว วันนี้นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋เพียงมาพักช่วงรับตัวเจ้าสาวเข้าจวน"คารวะท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าค่ะ" ซูมี่ยกน้ำชาขึ้นเหนือคิ้วของนาง ส่งให้นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋"นับจากนี้เจ้าเป็นบุตรสาวของข้าอีกคนแล้ว" ฮูหยินไป๋จินชาเล็กน้อย ก่อนจะวางโฉนดที่ดินนอกเมืองให้ซูมี่ห้าร้อยหมู่เพื่อรับขวัญลูกสะใภ้"หากมีเรื่องอันใดที่จัดการไม่ได้ ก็บอกแม่สามีของเจ้าแล้วกัน" นายท่านไป๋ก็ชาขึ้นดื่มเล็กน้อยพร้อมทั้งโบ้ยให้ทางฮูหยินไป๋รับเรื่องไว้ฮุ่ยหมิ่นส่ายหัว เมื่อเห็นมารดาทำหน้าเหมือนอยากจะทุบบิดาของตน ซูมี่นำของที่นางเตรียมไว้มอบให้นายท่านไป๋และฮูหยินไป๋ เมื่อทั้งคู่เปิดดูก็ต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เพราะนางให้โสมที่นางปลูกไว้ให้ทั้งสองถึงห้าหัวแต่ถ้าทั้งคู่รู้ว่าโสมของนางมีเป็นพันหัวไม่รู้จะแสดงสีหน้าเช่นไร แม้โสมทั้งห้าหัวจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เช่นที่เสี่ยวเฮยนำมาให้ซูมี่ แต่ถ้าเทียบกับที่จวนอื่นมี ในมือของทั้งคู่ตอนนี้ก็ถือว่าใหญ่ที่สุด ฮูหยินไป๋กอดกล่องไม้ไม่ยอมส่งให้สาวใช้ถือ เมื่อทานอาหารเช