เวลาผ่านไปเกือบสิบสองชั่วโมงแสงแดดยามเช้ารำไรลอดผ่านผ้าม่านห้อง ICU เสียงเครื่องวัดชีพจรยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่เส้นกราฟบนหน้าจอเริ่มนิ่งขึ้น หัวใจที่เคยเต้นช้าและอ่อนแรงกลับมีแรงมากขึ้นเล็กน้อยหมอถงที่นั่งอยู่ข้างเตียง ลุกขึ้นตรวจสัญญาณชีพอีกครั้ง เขาหรี่ตาอย่างตั้งใจ“อัตราการเต้นของหัวใจกลับเข้าสู่เกณฑ์... ความดันเริ่มคงที่...ระดับออกซิเจนดีขึ้น...ร่างกายกำลังต่อสู้เพื่อกลับมาสินะคุณเฉิง”เขาส่งข้อความแจ้งทีมแพทย์ และรีบโทรหาเหรินเหมย“คุณเฉิงมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นตอนนี้ ทุกอย่างกำลังจะกลับมาเป็นปกติทั้งความดันและการเต้นของหัวใจคุณรีบมาที่นี่ด่วนเลย” เหรินเหมยยิ้มทั้งน้ำตา รีบออกจากตรงนั้นในทันทีไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาเหรินเหมยในเสื้อคลุมหนา รีบเปิดประตูห้อง ICU เข้ามาโดยไม่สนใจแม้แต่ผมที่ยังยุ่งเธอวิ่งมาจับมือเขาทันที ก้มลงเรียกชื่อเบา ๆ“ซีหยวน…คุณได้ยินไหม…?”เปลือกตาที่เคยปิดแน่น ขยับเล็กน้อยหมอถงพยักหน้าเบา ๆ “เขากำลังตอบสนอง”“ซีหยวน…ฉันอยู่นี่นะ…อันอันกับเชียวอู่ก็รอคุณอยู่ พวกเราทุกคน…รอคุณอยู่ตรงนี้”นิ้วมือเขาขยับเล็กน้อยเบาเหมือนขนนกแต่นั่นคือสัญญาณที่ชัดเจน
“ทำไมเขาต้องการเด็กไปเพื่ออะไรเป็นถึงเจ้าของธุรกิจอันดับหนึ่งของประเทศยังต้องทำเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยหรือแค่อยากได้เด็กสักคนเขาก็แค่หาสาวๆสวยๆที่ไหนก็ได้นอนกับสาวสวยแล้วก็ให้ผู้หญิงคนนั้นคลอดลูกให้กับเขา”“นี่จี่เหรินเหมยเธอไม่รู้หรือว่าแกล้งไม่รู้ว่าภรรยาคุณเฉิงเขาไม่แข็งแรงตั้งครรภ์ไม่ได้และเขารักภรรยาคนนี้ของเขามากเขาเลยตั้งใจที่จะให้ใครสักคนที่มาอุ้มบุญให้กับน้ำเชื้อของเขากับไข่ของภรรยาเพื่อฝากไข่กับใครสักคน และให้หมอ ซึ่งก็คือฉันเลือกเวลาที่เหมาะสมสำหรับไข่ของภรรยาเขาเพื่อมาให้ใครคนนั้นตั้งครรภ์แทนภรรยาของเขาเพื่อที่จะได้เป็นลูกของเขาและภรรยาที่เขารัก อย่างสมบูรณ์”“ก็ดีแล้วนี่ คุณยังกังวลอะไรอีกถงซือ คุณมันหมอมือหนึ่งยังต้องมีเรื่องให้หนักใจด้วยหรือ”“คุณ เหวินออกไปก่อน”ถงซือไล่พยายาลให้ออกไปข้างนอก เพื่อจะได้สะดวกในการคุย พยาบาลที่ชื่อคุณเหวินหันมองสบตากับถงไฉ่สีหน้ากังวลไม่น้อย“ฉัน ฉันทีแรกตั้งใจจะบอกเธอในบรรยากาศที่ดีกว่านี้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม แต่ทุกอย่างมันไม่ทันเวลาแล้วฉันกลัวว่าพอเธอเห็นหน้าเด็กคนนั้นแล้วจะ …จะหลงรักเด็กที่คลอดออกมาจากท้องของเธอ และฉันก็ไม่อยากโกหกเธอด้วยเ
บานประตูในแล็ปถูกเปิดออกร่างสูงด้วยเสื้อผ้าที่แพงระยับก้าวขาเข้ามาข้างใน มีคนติดตามอีกหนึ่งคนที่ถือร่างสัญญา มาด้วย ถงไฉ่รีบลุกมาต้อนรับ เหรินเหมยก้มหน้ามองมือตัวเองตื่นเต้นจนรู้สึกว่าหัวใจจะทะลุออกจากอกเอาเข้าจริงๆก็ประหม่าไม่น้อยก็คุณเฉิงซีหยวนเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุดได้รับการจัดอันดับหนุ่มหล่อที่มีสาวๆหมายปองที่สุดอันดับหนึ่งทั้งฐานะทางการเงิน ครอบครัว และหน้าตาไม่มีใครสู้ได้ แต่ตอนนี้เขากลับมีภรรยาขี้โรคที่รักกันตั้งแต่เรียนมหาลัยเขาเดินเลยถงไฉ่ที่ยิ้มกว้างโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเลยมาที่เหรินเหมยมองคนตัวเล็กที่สูงได้แค่ลิ้นปี่ของเขา ยกมือขึ้นจับที่คางของเหรินเหมยให้เงยหน้าขึ้นจีเหรินเหมยกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“นี่หรือ ผู้หญิงที่จะอุ้มท้องลูกของผมกับซูจ๋าย”บิดมือที่คางมนให้สบตา เหรินเหมยหลบตาแล้วเผลอยกมือขึ้นปัดมืออีกคนที่ยิ้มบางๆ“ครับจีเหรินเหมย ตอนนี้ผม เอ่อหมอจัดการฝังไข่ของคุณซูจ๋ายที่ผสมสเปิ์รมของคุณเฉิงไปที่มดลูกของจีเหรินเหมยแล้วครับ อาการแพ้ท้องคงจะเกิดขึ้นอีกไม่เกินสองสามสัปดาห์นี้”ร่างสูงจ้องมองเหรินเหมยแบบสำรวจตรวจตราทำเอาเหรินเหมยตัวชาไปเลยทีเดียวก็เขามองสำรวจขนาดนี้ราวกั
คนติดตามเปิดกระเป๋าหยิบสัญญาที่มีนับสิบแผ่นขึ้นมา ยื่นให้เหรินเหมยที่คว้าปากกามาจรดปากกาเซ็นสัญญาทันที“ไม่อ่านก่อนหรือ”ถงไฉ่ถาม เหรินเหมยส่ายหน้า ยิ้มกว้างถงไฉ่รู้ดีว่าเหรินเหมยดีใจที่จะได้พาแม่ไปรักษาตัวจึงไม่ลังเลที่จะเซ็นสัญญาเฉิงซีหยวนทำสีหน้าเรียบเฉย“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม สัญญานี้จะเก็บไว้ที่ฉันหนึ่งฉบับกับเธออีกหนึ่งฉบับ อยากจะอ่านเมื่อไหร่ค่อยมาอ่าน อ่อลืมถามไปเสียได้ ยังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่า แต่ความจริงไม่ถามก็น่าจะได้คำตอบใช่ไหม ผู้หญิงสมัยนี้ยิ่งสวยๆอย่างเธอ หาคนที่บริสุทธิ์สะอาดยาก แบบนี้ก็ดี ก็จะได้ไม่ต้องมามีปัญหากับตรงนั้นว่าทำให้ไม่ประทับใจของสามีตอนที่เข้าหอเพราะฉันอยากให้คลอดแบบวิธีธรรมชาติไม่มีการผ่าตัดเอาเด็กออกมาจากท้อง” เหรินเหมยถอนหายใจยาวนี่ไปหาข้อมูลมาหมดเลยหรือเรื่องการคลอดลูก คนอะไรก่อน แล้วนอกจากเมียคงไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนในด้านดีดีแน่“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณนี่มันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขแต่แรกอยู่แล้ว และฉันขอเปลี่ยนเงื่อนไขข้อนี้ฉันต้องการผ่าเอาเด็กออก ไม่อยากคลอดเองตามธรรมชาติเพราะอย่างที่คุณพูดฉันไม่อยากให้สามีที่ฉันรักหรือคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยไม่ประทับใ
“เหรินเหมยเขาเอาเงินที่ได้ไปทุ่มกับการรักษาคุณแม่ที่ป่วย คุณยอมให้เธอทำงานจึงถือว่าทำบุญ”เฉิงซีหยวนไม่ได้พูดว่าอะไรถงไฉ่ถอนหายใจยาวหนักใจไม่น้อยกับความสัมพันธ์ปรามเหรินเหมยว่าให้ยอมๆคุณเฉิงเขาหน่อยเพราเขาก็เท่ากับนายจ้าง เหรินเหมยรับปากมั่นเหมาะแต่ถงไฉ่รู้ดีว่าเหรินเหมยเป็นคนที่ชอบความยุติธรรมไม่เคยเอาเปรียบใคร แต่ถ้าอะไรไม่ถูกไม่ควรเหรินเหมยไม่มีทางยอม เดินตามเฉิงซีหยวนไปติดๆเหรินเหมยโบกมือลาแม่หยอยๆเขาอนุญาตให้มาส่งได้แค่นี้เพราห่วงความปลอดภัยของครรภ์ที่ยังไม่แข็งแรง กลัวว่าจะแท้ง เพราะเป็นการฝังตัวอ่อนด้วยมือหมอไม่ได้ใช้วิธีธรรมชาติที่ถงไฉ่ใช้คำว่าเด็กจะหัวแข็งกว่าวิธีที่หมอทำ ฉะนั้นจะต้องดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจคนอุ้มท้องให้ดี“ไปกันได้แล้ว”เสียงสั่งเบาๆข้างหลัง เหรินเหมยรีบปาดน้ำตา“หยุดร้องได้แล้วนะ คนอุ้มท้องถ้าเอาแต่เศร้าโศก จะทำให้ลูกของผมในท้องกลายเป็นเด็กที่ร้องไห้โยเยและไม่ร่าเริง”จีเหรินเหมยสูดลมหายใจเข้าลึกๆยิ้มกว้างสดใส“ตกลงค่ะ”ถือกระเป๋าก้าวเดินนำแต่คนติดตามคุณเฉิงคนนั้นรีบมาแย่งกระเป๋าในมือไปถือเสียเอง“คราวหลังจำไว้ห้ามใช้แรง คุณหมอถงต้งอาศัยคุณช่วยอธิบายกับคนอ
แกะมือเฉิงซีหยวนออกจากเอวรู้สึกร้อนๆหนาวๆรถแล่นยาว ไม่จอดพัก จีเหรินเหมยสลึมสะลือก่อนจะเอนกายหลับไปบนเบาะรถยนต์ ตื่นขึ้ันมาอีกทีก็มีหมอนมารองที่ต้นคอให้ หันมองเฉิงซีหยวนที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาแล้วก็เลยหลับตาลงอีกทีจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเฉิงซีหยวน เขาบอกว่าตอนท้อเราเกลียดคนไหนลูกเราจะมีใบหน้าเหมือนคนนั้น แบบนี้จีเหรินเหมยคงต้องพูดเรื่องนี้กับหมอถงจริงจัง คิดอะไรเพลินๆจนเผลอหลับไปอีกที หยงซือขับรถด้วยความระมัดระวังมาตลอดทางจนถึงเนินเขาเตี้ยๆนอกตัวเมืองห่างไกล “ตื่นได้แล้ว”เสียงดังประกาศิต จีเหรินเหมยลืมตาขึ้นช้าๆ คุณเฉิงคนนั้นยังนั่งกอดอกนิ่งด้านหลังรถของคนสนิทคนเมื่อวานที่จีเหรินเหมยเพิ่งจะได้ยิมหมอถงบอกว่าเขาแซ่หลี่ขับตามมาติดๆ ในรถมีพยาบาลที่ชื่อคุณเหวินพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ จีเหรินเหมยกลับคิดว่าคนรวยนี่เขาทำอะไรให้วุ่นวายไปเสียทุกเรื่องทุ่มเงินมากมายเกินความจำเป็น รถคันหรูเลี้ยวขึ้นเนินเขาไปยังจนสุดเนินเขามีบ้านหลังใหญ่ที่รายล้อมด้วยดอกไม้และต้นดอกเหมยสีชมพูที่ถนนทอดยาวสู่ตัวบ้านหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี คนสวนผู้ชายวัยไล่เลี่ยกันกับหญิงกลางคนคนเมื่อกี้และเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับ
บ้านเฉิง “ซูจ๋าย นอนพักอยู่ชั้นบนลูกควรจะหาเวลาพักผ่อนบ้าง ซูจ๋ายก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรซูจ๋ายนอนพักก็ดีแล้วแต่คนที่ควรพักจริงๆควรเป็นลูกนะเฉิงซีหยวน”เฉิงซีหยวนยิ้มเศร้าๆ“ขอบคุณครับที่เป็นห่วงผม”“วันนี้กลับมาก็ต้องเข้าไปคอยเอาใจซูจ๋ายคอยป้อนข้าวป้อนนำลูกไม่อยู่เธอก็ไม่ยอมกินยา เด็กรับใช้ในบ้านมากมายหาที่รู้ใจซูจ๋ายสักคนคอยป้อนข้าวป้อนยา ลำพังกิจการของอวิ๋นเฉิงกรุ๊ปก็หัวหมุนพอแล้ว”“ผมค่ไม่อยากให้ซูจ๋ายรู้สึกว่าผมไม่ใส่ใจเขาเรื่องแบบนี้เป็นผมที่ทำให้เขาจะดีกว่าให้คนอื่นทำ”คุณเสวียเต่อส่ายหน้าไปมา“แล้วเรื่องฝากไข่ไปถึงไหนแล้วแน่ใจหรือว่าพอมีลูกอาการของซูจ๋ายจะดีขึ้น แม่ว่าจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่คนป่วยอย่างไรจะเลี้ยงดูทารกได้”“ครับ ผมตั้งใจเซอร์ไฟรส์ซูจ๋ายสองสามอาทิตย์ก่อนพาเขาไปพบคุณหมอ และจัดการหลายเรื่องเรียบร้อยไปแล้วครับ เรื่องเลี้ยงทารกคงต้องหาทางออกอีกที”“ยินดีด้วย แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้หรืออาจจะเป็นสวรรค์กำหนดไว้แล้วซูจ๋ายร้่างกายไม่ค้่อยแข็งแรงดีที่ยังตกไข่ให้มีทายาท”เฉิงซีหยวนยิ้ม“คุณหมอถงเก่งครับ หากงานนี้สำเร้จตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลของอวิ๋นเฉิงคงต้องยกให้คุณหมอถงอย่างเสี
“ซูจ๋ายเองก็กำลังจะเป็นแม่คน เรากำลังจะมีลูกแฝด ทุกอย่างกำลังจะลงตัวคุณจะต้องเข้มแข็งกินยาพักผ่อน พอหาคนอุ้มท้องได้ อีกไม่นานซูจ๋ายกับเฉิงซีหยวนตัวน้อยจะมาวิ่งเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้านตระกูลเฉิง”ซูจ๋ายกระชับอ้อมกอดน้ำตาไหลพราก อีกคนพร่ำจูบซับน้ตาให้อย่างอ่อนโยน“ความจริงแล้วซูจิงก็เหมาะที่จะอุ้มท้องลูกของเรา”เฉิงซีหยวนยิ้มบางๆ“คุณคิดอย่างนั้นหรือ”“อย่างไรก็ดีกว่าต้องพึ่งพาคนอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องซูจิงเขาเองก็ภูมิใจในตัวพี่เขยไม่น้อย ตอนนี้เขาดูแลซูจ๋ายดีมากหากจะเป็นใครสักคน ซูจ๋ายยินดีให้เป็นน้อง”บ้านบนเขา“ไม่มีอะไรน่าห่วง ธรรมดาก็กินได้ทุกอย่างนะคนท้องมักจะหิวบ่อยและเวลาหิวก็จะหิวมากกว่าคนอื่นจึงมองหาแต่ของกินนู่นนี่นั่น คุณก็ต้องพยายามปรับตัว เสี่ยวจี้กับเสี่ยวหยูเขาคอยรับคำสั่งของคุณอยู่แล้วนี่อยากจะกินอะไร เขาก็มีหน้าที่หามาให้คุณ”พยาบาลกู้ พูดขึ้นหลังจากที่ตรวจจับชีพจรและตรวจครรภ์ด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ในปัสาวะ เหรินเหมยพยักหน้า“ต้องรออีกหนึ่งสัปดาห์ คุณจะมีอาการแพ้ท้องหรืออาจไจะไม่แพ้ท้องเลยก็ได้ แต่เราจะอัลตร้าซาวด์ หมุนตัวหน่อย”คุณพยาบาลกู้จับตัวเหรินเหมยหมุนไปมา“อืมมม ค
เวลาผ่านไปเกือบสิบสองชั่วโมงแสงแดดยามเช้ารำไรลอดผ่านผ้าม่านห้อง ICU เสียงเครื่องวัดชีพจรยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่เส้นกราฟบนหน้าจอเริ่มนิ่งขึ้น หัวใจที่เคยเต้นช้าและอ่อนแรงกลับมีแรงมากขึ้นเล็กน้อยหมอถงที่นั่งอยู่ข้างเตียง ลุกขึ้นตรวจสัญญาณชีพอีกครั้ง เขาหรี่ตาอย่างตั้งใจ“อัตราการเต้นของหัวใจกลับเข้าสู่เกณฑ์... ความดันเริ่มคงที่...ระดับออกซิเจนดีขึ้น...ร่างกายกำลังต่อสู้เพื่อกลับมาสินะคุณเฉิง”เขาส่งข้อความแจ้งทีมแพทย์ และรีบโทรหาเหรินเหมย“คุณเฉิงมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นตอนนี้ ทุกอย่างกำลังจะกลับมาเป็นปกติทั้งความดันและการเต้นของหัวใจคุณรีบมาที่นี่ด่วนเลย” เหรินเหมยยิ้มทั้งน้ำตา รีบออกจากตรงนั้นในทันทีไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาเหรินเหมยในเสื้อคลุมหนา รีบเปิดประตูห้อง ICU เข้ามาโดยไม่สนใจแม้แต่ผมที่ยังยุ่งเธอวิ่งมาจับมือเขาทันที ก้มลงเรียกชื่อเบา ๆ“ซีหยวน…คุณได้ยินไหม…?”เปลือกตาที่เคยปิดแน่น ขยับเล็กน้อยหมอถงพยักหน้าเบา ๆ “เขากำลังตอบสนอง”“ซีหยวน…ฉันอยู่นี่นะ…อันอันกับเชียวอู่ก็รอคุณอยู่ พวกเราทุกคน…รอคุณอยู่ตรงนี้”นิ้วมือเขาขยับเล็กน้อยเบาเหมือนขนนกแต่นั่นคือสัญญาณที่ชัดเจน
ณ ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลBBBเสียงสัญญาณชีพจรดังเป็นจังหวะรัวบนเตียงเคลื่อนที่ในห้องฉุกเฉินเฉิงซีหยวนนอนนิ่ง สีหน้าเขาซีดเซียวจากการเสียเลือดมาก กระสุนฝังลึกบริเวณทรวงอกด้านซ้าย ระหว่างกระดูกซี่โครงที่ห้ากับหก ใกล้หัวใจอันตรายเกินไป“ค่าความดันตกต่อเนื่อง! BP เหลือแค่ 80/50!” “เตรียมห้องผ่าตัด! ใส่สายสวนหลอดเลือด! เรียกหมอหัวใจกับศัลยแพทย์ทรวงอกด่วน!”หมอฉุกเฉินออกคำสั่งอย่างต่อเนื่อง ทีมพยาบาลวิ่งวุ่น เครื่องช่วยหายใจถูกต่อเข้าทันที ขณะที่สาย IV ให้เลือดสองข้างแขนกำลังหยดลงไปอย่างเร่งด่วนหมอถง สวมเสื้อคลุมสีเขียวของแพทย์ผ่าตัด รีบเดินเข้ามาในห้องฉุกเฉิน เขาเป็นคนแรกที่รู้ข่าว และในฐานะแพทย์อายุรกรรมและสามีของพยาบาลกู้เหวิน เขาเข้ามาช่วยประเมินร่วมกับศัลยแพทย์“ผมขอเข้าทีมผ่าตัดในครั้งนี้ด้วย” หมอถงเอ่ยเบาๆ สีหน้าห่วงใย“กระสุนทะลุเยื่อหุ้มหัวใจครับ ยังดีที่ยังไม่โดนลิ้นหัวใจโดยตรง” หมอหัวใจพูดพลางดูภาพ CT ที่เพิ่งส่งมาจากเครื่องฉุกเฉิน“ต้องเปิดทรวงอกและผ่าตัดด่วน ไม่งั้นจะเกิดภาวะเลือดคั่งในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ ทำให้หัวใจบีบตัวไม่ได้” หมอถงพยักหน้า “เตรียมทีม OR เต็มระบบ อย่าให้ห
เฉิงซีหยวนก้าวไปขวางระหว่างจูดี้กับเหรินเหมย กางมืออกกั้นเหรินเหมยไว้ด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด“จูดี้หากจะยิง ก็ยิงฉันก่อนฉันเป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมดเธอก็รู้ดีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเหรินเหมย” เหรินเหมยเองก็มีสีหน้าตื่นตกใจไม่น้อยไปกว่าเฉิงซีหยวนทั้งกลัวทั้งตกใจจูดี้ร้องไห้ออกมา ปืนในมือสั่นแทบควบคุมไม่ได้ “คุณไม่ใช่ต้นเหตุผู้หญิงคนนั้นต่างหากผู้หญิงที่ตั้งใจจะแย่งทุกอย่างตั้งแต่แรกตลอดหลายปีมานี้คุณไม่เคยมองใครและคุณก็ไม่เคยมองฉันแต่คุณเลือกที่จะเอาผู้หญิงคนนี้มาซ่อนไว้ที่นี่ในฐานะเมียในฐานะแม่ของลูก ผู้หญิงคนนี้แหละคือต้นเหตุวางแผนแนบเนียนเพื่อเข้าใกล้ และยังทำให้คุณหลงรักเด็กแฝดสองคนนั้น”“จูดี้นี่คือสิ่งที่เหรินเหมยควรจะได้ไม่ใช่แผนการอะไรผมเองก็ ปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบเหรินเหมยก่อน” จูดี้ยิ้มเหยียดที่ริมฝีปาก“คุณหลงกลจีเหรินเหมยคุณก็รู้นี่ผู้หญิงคนนี้เคยแอบปลื้มคุณ ผู้หญิงคนนี้จงใจอุ้มบุญให้คุณไม่ใช่เพราะเงินหรืออะไรทั้งนั้นแต่อยากเข้าใกล้คุณ”“เรื่องนี้มันเป็นอดีตไปแล้วผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร จูดี้เลิกคิดแบบนั้นได้แล้ว”“จูดี้ฉันยอมรับว่าฉันเคยแอบปลื้มคุณเฉิง ถึงจะบอกว่าแอบปลื้มแต่ไม่เค
เสียงร้อง “จุนพ่อ!” ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ที่วิ่งมาตามพื้นไม้ดังตุ๊บตั๊บอันอันกับเชียวอู่วิ่งพรวดเข้ามากอดเฉิงซีหยวนแน่นทั้งสองด้าน ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปอีกเฉิงซีหยวนเบือนหน้าจากเหรินเหมยที่ยังมีคราบน้ำตา แล้วโน้มตัวลงกอดลูกทั้งสองไว้แน่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ของผิวเด็ก กลิ่นเหงื่อที่ระคนกับแป้งเด็ก ทำให้หัวใจเขาอ่อนโยนลง“จุนพ่อหายไปไหนมา… เชียวอู่นึกว่าจะไม่กลับมาแล้ว” ลูกชายตัวน้อยพูดเสียงสั่น น้ำตารื้น“อันอันคิดถึงจุนพ่อที่สุดเลย จุนพ่อทำไมต้องให้พวกเรารอค่ะ” ลูกสาวต่อว่าเบา ๆ แล้วก็ร้องไห้ออกมาเฉิงซีหยวนกอดเด็ก ๆ ไว้แน่นแนบอก “พ่อขอโทษ… พ่อผิดเอง พ่อจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น… พ่อจะอยู่ตรงนี้ อยู่กับพวกหนู กับแม่ของหนู… กับครอบครัวของเรา”เหรินเหมยมองภาพตรงหน้า และลูกๆ ทั้งหมดนี้คือครอบครัวของเธอจริงๆเธอก้าวเข้ามาแล้วโอบลูกๆ พร้อมกับเฉิงซีหยวนในอ้อมแขนเชียวอู่เงยหน้ามอง แล้วถามอย่างจริงจัง “จุนแม่… จุนพ่อพ่อ… ต่อไปนี้จะไม่ทะเลาะกันแล้วใช่ไหมฮับ”เหรินเหมยพยักหน้าทั้งน้ำตา “จะไม่อีกแล้วลูก แม่สัญญา…”เฉิงซีหยวนก้มจูบหน้าผากอันอัน แล้วหันไปจูบเชียวอู่ “พวก
เธอเม้มปากแน่น พลางยื่นซองเอกสารปึกหนึ่งให้ “ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ฉันก็ไม่อาจปิดบังคุณ”หมอถงหยิบแฟ้มมาเปิดดู เงียบไปครู่ใหญ่กู้เหวินเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น “คุณหมอจูดี้...เธอขโมยน้ำเชื้อจากคลังโดยใช้ชื่อคนไข้เก่า และไปทำเด็กหลอดแก้วโดยไม่มีการอนุญาตใดๆ ... ที่สำคัญ เธอกำลังโกหกว่าเด็กในท้องเป็นผลจากการมีอะไรกับคุณเฉิงซีหยวน”หมอถงวางเอกสารลง ใบหน้าเคร่งขรึม “หลักฐานแน่ชัดขนาดนี้... นี่มันผิดทั้งจริยธรรมและกฎหมาย เขากำลังทำอะไรกันล้อเล่นอย่างนั้นหรือ”“คุณจูดี้กำลังจะลากผู้ชายที่ไม่เคยผิดอะไรให้ต้องรับผิดชอบกับการโกหกครั้งใหญ่ และยิ่งกว่านั้น… มันกำลังทำร้ายคนที่ไม่ควรถูกทำร้ายเลยสักนิด เหรินเหมยเป็นคนดี ถ่อมตัว ซื่อสัตย์ แถมยังรักลูกๆ และชีวิตที่กำลังอยู่ในตอนนี้ก็มีความสุขดี”หมอถงพยักหน้าเบา ๆ น้ำเสียงอ่อนลง “เข้าใจแล้วคุณห่วงเหรินเหมยสินะ”กู้เหวินสบตาสามี “ฉันรู้ว่าเหรินเหมยเข้มแข็ง แต่ก็ควรได้อยู่แบบสบายๆ เสียหทีหลังจากที่ต้องรนบกับคุณเฉิงมาตั้งนานและต้องเลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้ง5ปี”หมอถงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวช้า ๆ “ฉันจะไปพูดกับคุณเฉิงซีหยวนด้วยตัวเอง และจะเอาหลักฐา
นอกหน้าต่างห้องพักแพทย์เงียบสงัด มีเพียงเสียงกระดาษบาง ๆ พลิกเบา ๆ และลมหายใจของผู้หญิงสองคนที่นั่งเผชิญหน้ากันในห้องเก็บเอกสารลับของโรงพยาบาล BBBกู้เหวินภรรยาของคุณหมอถงที่ทำงานกับคลินิกภาวะเจริญพันธุ์ของจูดี้ ถอนหายใจแผ่วเมื่อวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้า หมอฟานลี่ชิง"ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรพูด... แต่นั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง" เสียงเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะรู้ว่าเรื่องที่จะพูดต่อไปนั้น จะทำให้ใครบางคนเจ็บปวดอย่างไม่มีทางย้อนกลับหมอฟานเงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบแต่สายตาเริ่มจับจ้องจริงจัง “หมายความว่ายังไง กู้เหวิน” กู้เหวินเม้มปาก ก่อนพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด“ตอนที่คุณจูดี้มาขอใช้คลินิกเพื่อทำ IVF… เธอใช้ชื่อคนไข้เก่าของโครงการอุ้มบุญ แต่รหัสตัวอ่อนที่เธอขอใช้นั้น... ไม่ได้เป็นของเธอค่ะแต่อ้างว่ามีคนไข้ที่คุณหมอฟานตั้งใจให้คุณจูดี้จัดการเพื่อให้เครดิต”เธอเลื่อนเอกสารผลแล็บและใบคำขอใช้สเปิร์มในอดีตให้หมอฟานดู “ดูตรงลายเซ็นต์ค่ะ มันเป็นการกรอกข้อมูลย้อนหลัง แล้วแอบขออนุญาตจากพนักงานใหม่ที่ไม่ตรวจสอบให้ดี ฉันเพิ่งมาค้นพบว่าคุณจูดี้นำเสปริ์มของ ลูกค้าสรายหนึ่งออกไป”
“เหรินเหมย” เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยดี น้ำเสียงสม่ำเสมอของหมอถงเหรินเหมยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ฝืนยิ้มให้เขา“คุณหมอมาเยี่ยมไข้ คนป่วยหรือไร” แกล้งถามยิ้มๆ ไม่ได้พบกันเสียนานทำไมเขามาถึงนี่หมอถงนั่งลงข้างเธอ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันมาหาคนป่วยที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยต่างหาก” “ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ” เหรินเหมยขมวดคิ้ว“แต่หัวใจเธอเจ็บ และมองว่าเจ็บมากด้วย” หมอถงพูดเรียบๆเหรินเหมยหัวเราะเบาๆ แต่กลับรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของตัวเองขมขื่นสิ้นดี “ฉันไม่เป็นอะไรคะ แค่เหนื่อยหน่อยๆ เหนื่อยกับสิ่งที่พบเจอ”“ไม่ใช่แค่เหนื่อยหรอกเหรินเหมยเธอเจ็บปวด เพราะเธอรักเฉิงซีหยวน” หมอถงพูดแทงใจดำอย่างไม่เกรงใจคำพูดนั้นราวกับลมแรงที่พัดกระแทกเข้ามาในอก เหรินเหมยชะงัก ใจเต้นแรง หันหน้าหนี“คุณหมอ... อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เขามีทางเดินที่สวยหรูก่อนนั้นฉันก็ทำใจไว้แล้ว ผิดกับฉันที่แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่บังอาจมีลูกกับท่านประธานอวิ๋นเฉิง”หมอถงถอนหายใจเบาๆ “ฉันเห็นมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เธอยอมรับอุ้มบุญเพื่อช่วยแม่ตัวเอง แม้รู้ว่าเขาจะไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำเรื่องบางเรื่องพู
แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้ายจะอ่อนแรงกว่าทุกวัน ทอดเงายาวผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่น เหรินเหมยนั่งเย็บผ้าข้างหน้าต่าง พยายามรวบรวมสมาธิไว้กับฝีเข็ม แต่ใจกลับล่องลอยไปไกล...ลอยไปถึงเสียงหนึ่งที่ยังคงไม่ดังขึ้นอีกเลยในบ้านหลังนี้ สามวันแล้วที่เฉิงซีหยวนไม่เคยแวะมา เขาออกไปพร้อมหลี่ตงและไม่เคยกลับมาไม่ว่าจะมื้อเย็นหรือตอนใกล้สว่างเหมือนก่อนที่เคยทำป้าจูบอกว่าหลี่ตงบอกว่าท่านประธานเฉิงบินด่วนไปที่เมืองTTT เพราะงานที่นั่นเกิดปัญหาใหญ่บ้านเงียบเหงาจนเหรินเหมยรู้สึกใจหาย“จุนแม่ขาแม่... จุนพ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ” เสียงอันอันดังขึ้นข้างหู ทำให้เหรินเหมยสะดุ้งเฮือกเชียวอู่เดินตามพี่สาวมาอย่างเงียบๆ มือเล็กๆ กอดตุ๊กตาหมีที่เฉิงซีหยวนซื้อให้แน่น “เมื่อวานจุนแม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจุนพ่อกลับ...แล้วทำไมจุนพ่อไม่มาฮับ” เชียวอู่ถามขึ้นอีกคน“จุนแม่โกหกพวกเราใช่มั้ย” อันอันถามเสียงสั่น เงยหน้าขึ้นมองเหรินเหมยด้วยดวงตาใสที่เริ่มมีน้ำคลอ“ใช่! จุนพ่อไม่กลับมาแล้วใช่มั้ยฮับ” เชียวอู่พูดเสริม น้ำเสียงปนน้อยใจฝ่ามือของเหรินเหมยที่ถือเข็มเย็บผ้าสั่นเล็กน้อย หลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่คำถามซ้ำซากที่เธอไ
เหรินเหมยที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง ใจหล่นวูบ มือที่ถือทัพพีแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว"หมายความว่ายังไง...คุณหมอหมายความว่าอย่างไร" เฉิงซีหยวนเสียงแหบคุณหมอฟานก้มหน้า สีหน้าปวดร้าว "เธอไปทำกิ๊ฟ...ทำการปฏิสนธินอกร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ เธอใช้สเปิร์มที่คุณฝากไว้ในอดีต แล้วจัดการทุกอย่างโดยที่คุณไม่เคยรู้ และหลอกลวงคุณ"เฉิงซีหยวนขยับถอยหลังหนึ่งก้าว แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง“จูดี้เขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คิดว่าที่ผ่านมาผมยังเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่พอหรือไรหรือคิดว่า…เหรินเหมยทำได้เขาก็ทำได้”เหรินเหมยยืนนิ่งงัน รู้สึกได้ถึงโลกทั้งใบที่หมุนช้าลงราวกับภาพในความฝันคุณหมอฟานยกมือขึ้น กุมขมับเหมือนกำลังปวดหัวหนัก"ผม... เพราะความรักในฐานะพ่อ เพราะสงสาร จึงช่วยโกหกเรื่องนี้แต่ตอนนี้...ผมรู้แล้วว่าผมทำผิดมหันต์ ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ คุณเฉิงผมเองรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมอถงคนนั้น.."เฉิงซีหยวนกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ด้วยอารมณ์ที่ประดังเข้ามาจนแทบระเบิด"แล้วเด็ก..." เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง "เด็กคนนั้น...ก็เป็นลูกของผมจริงๆ เรื่องที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้จูดี้ที่เรียนหมอ