โรงพยาบาลBBBเช้าวันใหม่ แสงแดดอ่อนสาดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของห้องพักผู้ป่วยเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ วิ่งตึกตึกอยู่ที่ทางเดินหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษ อันอันและเชียวอู่ในชุดเสื้อผ้าสะอาดเอี่ยม มือเล็กจูงมือกัน ขณะที่เหรินเหมยเดินตามมาพร้อมตะกร้าใส่ผลไม้และข้าวต้มที่เธอลงมือทำเอง“จุนแม่ขาแม่ พวกเราจะได้เจอจุนพ่อแล้วใช่ไหมฮับ” เชียวอู่หันมาถามตาเป็นประกาย“จ้ะลูก...วันนี้คุณพ่อรู้สึกตัวแล้ว พวกเราต้องเข้าไปเงียบๆ นะอย่าให้คุณพ่อตกใจ” เหรินเหมยยิ้มให้ลูกด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง แม้ใต้ตายังมีรอยหมองจาง ๆ จากหลายคืนที่เธอไม่ได้นอนเมื่อประตูห้องเปิดออก พยาบาลสาวประจำห้องยิ้มให้“คุณเฉิงรู้สึกตัวดีแล้วค่ะ เชิญเข้าพบได้เลย”ในห้องเงียบสงบ แสงอ่อนๆ จากหน้าต่างสะท้อนกับเตียงสีขาวที่มีสายต่างๆ ระโยงระยางพาดอยู่ เฉิงซีหยวนพิงหมอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดลงแต่ดวงตายังมีประกายเมื่อหันมาเห็นคนทั้งสาม“จุนพ่อ!” เสียงร้องเรียกดังขึ้นพร้อมกัน อันอันกับเชียวอู่วิ่งตรงเข้าไปเกาะขอบเตียง มือเล็กๆ กุมมือเขาแน่นเฉิงซีหยวนยิ้มอ่อน มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบผมลูกทั้งสองเบา ๆ น้ำตาซึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“จุนพ่อ ไม่เป็นอะไรแล้วใช่
เวลาผ่านไปเกือบสิบสองชั่วโมงแสงแดดยามเช้ารำไรลอดผ่านผ้าม่านห้อง ICU เสียงเครื่องวัดชีพจรยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่เส้นกราฟบนหน้าจอเริ่มนิ่งขึ้น หัวใจที่เคยเต้นช้าและอ่อนแรงกลับมีแรงมากขึ้นเล็กน้อยหมอถงที่นั่งอยู่ข้างเตียง ลุกขึ้นตรวจสัญญาณชีพอีกครั้ง เขาหรี่ตาอย่างตั้งใจ“อัตราการเต้นของหัวใจกลับเข้าสู่เกณฑ์... ความดันเริ่มคงที่...ระดับออกซิเจนดีขึ้น...ร่างกายกำลังต่อสู้เพื่อกลับมาสินะคุณเฉิง”เขาส่งข้อความแจ้งทีมแพทย์ และรีบโทรหาเหรินเหมย“คุณเฉิงมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นตอนนี้ ทุกอย่างกำลังจะกลับมาเป็นปกติทั้งความดันและการเต้นของหัวใจคุณรีบมาที่นี่ด่วนเลย” เหรินเหมยยิ้มทั้งน้ำตา รีบออกจากตรงนั้นในทันทีไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาเหรินเหมยในเสื้อคลุมหนา รีบเปิดประตูห้อง ICU เข้ามาโดยไม่สนใจแม้แต่ผมที่ยังยุ่งเธอวิ่งมาจับมือเขาทันที ก้มลงเรียกชื่อเบา ๆ“ซีหยวน…คุณได้ยินไหม…?”เปลือกตาที่เคยปิดแน่น ขยับเล็กน้อยหมอถงพยักหน้าเบา ๆ “เขากำลังตอบสนอง”“ซีหยวน…ฉันอยู่นี่นะ…อันอันกับเชียวอู่ก็รอคุณอยู่ พวกเราทุกคน…รอคุณอยู่ตรงนี้”นิ้วมือเขาขยับเล็กน้อยเบาเหมือนขนนกแต่นั่นคือสัญญาณที่ชัดเจน
ณ ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลBBBเสียงสัญญาณชีพจรดังเป็นจังหวะรัวบนเตียงเคลื่อนที่ในห้องฉุกเฉินเฉิงซีหยวนนอนนิ่ง สีหน้าเขาซีดเซียวจากการเสียเลือดมาก กระสุนฝังลึกบริเวณทรวงอกด้านซ้าย ระหว่างกระดูกซี่โครงที่ห้ากับหก ใกล้หัวใจอันตรายเกินไป“ค่าความดันตกต่อเนื่อง! BP เหลือแค่ 80/50!” “เตรียมห้องผ่าตัด! ใส่สายสวนหลอดเลือด! เรียกหมอหัวใจกับศัลยแพทย์ทรวงอกด่วน!”หมอฉุกเฉินออกคำสั่งอย่างต่อเนื่อง ทีมพยาบาลวิ่งวุ่น เครื่องช่วยหายใจถูกต่อเข้าทันที ขณะที่สาย IV ให้เลือดสองข้างแขนกำลังหยดลงไปอย่างเร่งด่วนหมอถง สวมเสื้อคลุมสีเขียวของแพทย์ผ่าตัด รีบเดินเข้ามาในห้องฉุกเฉิน เขาเป็นคนแรกที่รู้ข่าว และในฐานะแพทย์อายุรกรรมและสามีของพยาบาลกู้เหวิน เขาเข้ามาช่วยประเมินร่วมกับศัลยแพทย์“ผมขอเข้าทีมผ่าตัดในครั้งนี้ด้วย” หมอถงเอ่ยเบาๆ สีหน้าห่วงใย“กระสุนทะลุเยื่อหุ้มหัวใจครับ ยังดีที่ยังไม่โดนลิ้นหัวใจโดยตรง” หมอหัวใจพูดพลางดูภาพ CT ที่เพิ่งส่งมาจากเครื่องฉุกเฉิน“ต้องเปิดทรวงอกและผ่าตัดด่วน ไม่งั้นจะเกิดภาวะเลือดคั่งในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ ทำให้หัวใจบีบตัวไม่ได้” หมอถงพยักหน้า “เตรียมทีม OR เต็มระบบ อย่าให้ห
เฉิงซีหยวนก้าวไปขวางระหว่างจูดี้กับเหรินเหมย กางมืออกกั้นเหรินเหมยไว้ด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด“จูดี้หากจะยิง ก็ยิงฉันก่อนฉันเป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมดเธอก็รู้ดีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเหรินเหมย” เหรินเหมยเองก็มีสีหน้าตื่นตกใจไม่น้อยไปกว่าเฉิงซีหยวนทั้งกลัวทั้งตกใจจูดี้ร้องไห้ออกมา ปืนในมือสั่นแทบควบคุมไม่ได้ “คุณไม่ใช่ต้นเหตุผู้หญิงคนนั้นต่างหากผู้หญิงที่ตั้งใจจะแย่งทุกอย่างตั้งแต่แรกตลอดหลายปีมานี้คุณไม่เคยมองใครและคุณก็ไม่เคยมองฉันแต่คุณเลือกที่จะเอาผู้หญิงคนนี้มาซ่อนไว้ที่นี่ในฐานะเมียในฐานะแม่ของลูก ผู้หญิงคนนี้แหละคือต้นเหตุวางแผนแนบเนียนเพื่อเข้าใกล้ และยังทำให้คุณหลงรักเด็กแฝดสองคนนั้น”“จูดี้นี่คือสิ่งที่เหรินเหมยควรจะได้ไม่ใช่แผนการอะไรผมเองก็ ปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบเหรินเหมยก่อน” จูดี้ยิ้มเหยียดที่ริมฝีปาก“คุณหลงกลจีเหรินเหมยคุณก็รู้นี่ผู้หญิงคนนี้เคยแอบปลื้มคุณ ผู้หญิงคนนี้จงใจอุ้มบุญให้คุณไม่ใช่เพราะเงินหรืออะไรทั้งนั้นแต่อยากเข้าใกล้คุณ”“เรื่องนี้มันเป็นอดีตไปแล้วผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร จูดี้เลิกคิดแบบนั้นได้แล้ว”“จูดี้ฉันยอมรับว่าฉันเคยแอบปลื้มคุณเฉิง ถึงจะบอกว่าแอบปลื้มแต่ไม่เค
เสียงร้อง “จุนพ่อ!” ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ที่วิ่งมาตามพื้นไม้ดังตุ๊บตั๊บอันอันกับเชียวอู่วิ่งพรวดเข้ามากอดเฉิงซีหยวนแน่นทั้งสองด้าน ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปอีกเฉิงซีหยวนเบือนหน้าจากเหรินเหมยที่ยังมีคราบน้ำตา แล้วโน้มตัวลงกอดลูกทั้งสองไว้แน่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ของผิวเด็ก กลิ่นเหงื่อที่ระคนกับแป้งเด็ก ทำให้หัวใจเขาอ่อนโยนลง“จุนพ่อหายไปไหนมา… เชียวอู่นึกว่าจะไม่กลับมาแล้ว” ลูกชายตัวน้อยพูดเสียงสั่น น้ำตารื้น“อันอันคิดถึงจุนพ่อที่สุดเลย จุนพ่อทำไมต้องให้พวกเรารอค่ะ” ลูกสาวต่อว่าเบา ๆ แล้วก็ร้องไห้ออกมาเฉิงซีหยวนกอดเด็ก ๆ ไว้แน่นแนบอก “พ่อขอโทษ… พ่อผิดเอง พ่อจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น… พ่อจะอยู่ตรงนี้ อยู่กับพวกหนู กับแม่ของหนู… กับครอบครัวของเรา”เหรินเหมยมองภาพตรงหน้า และลูกๆ ทั้งหมดนี้คือครอบครัวของเธอจริงๆเธอก้าวเข้ามาแล้วโอบลูกๆ พร้อมกับเฉิงซีหยวนในอ้อมแขนเชียวอู่เงยหน้ามอง แล้วถามอย่างจริงจัง “จุนแม่… จุนพ่อพ่อ… ต่อไปนี้จะไม่ทะเลาะกันแล้วใช่ไหมฮับ”เหรินเหมยพยักหน้าทั้งน้ำตา “จะไม่อีกแล้วลูก แม่สัญญา…”เฉิงซีหยวนก้มจูบหน้าผากอันอัน แล้วหันไปจูบเชียวอู่ “พวก
เธอเม้มปากแน่น พลางยื่นซองเอกสารปึกหนึ่งให้ “ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ฉันก็ไม่อาจปิดบังคุณ”หมอถงหยิบแฟ้มมาเปิดดู เงียบไปครู่ใหญ่กู้เหวินเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น “คุณหมอจูดี้...เธอขโมยน้ำเชื้อจากคลังโดยใช้ชื่อคนไข้เก่า และไปทำเด็กหลอดแก้วโดยไม่มีการอนุญาตใดๆ ... ที่สำคัญ เธอกำลังโกหกว่าเด็กในท้องเป็นผลจากการมีอะไรกับคุณเฉิงซีหยวน”หมอถงวางเอกสารลง ใบหน้าเคร่งขรึม “หลักฐานแน่ชัดขนาดนี้... นี่มันผิดทั้งจริยธรรมและกฎหมาย เขากำลังทำอะไรกันล้อเล่นอย่างนั้นหรือ”“คุณจูดี้กำลังจะลากผู้ชายที่ไม่เคยผิดอะไรให้ต้องรับผิดชอบกับการโกหกครั้งใหญ่ และยิ่งกว่านั้น… มันกำลังทำร้ายคนที่ไม่ควรถูกทำร้ายเลยสักนิด เหรินเหมยเป็นคนดี ถ่อมตัว ซื่อสัตย์ แถมยังรักลูกๆ และชีวิตที่กำลังอยู่ในตอนนี้ก็มีความสุขดี”หมอถงพยักหน้าเบา ๆ น้ำเสียงอ่อนลง “เข้าใจแล้วคุณห่วงเหรินเหมยสินะ”กู้เหวินสบตาสามี “ฉันรู้ว่าเหรินเหมยเข้มแข็ง แต่ก็ควรได้อยู่แบบสบายๆ เสียหทีหลังจากที่ต้องรนบกับคุณเฉิงมาตั้งนานและต้องเลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้ง5ปี”หมอถงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวช้า ๆ “ฉันจะไปพูดกับคุณเฉิงซีหยวนด้วยตัวเอง และจะเอาหลักฐา
นอกหน้าต่างห้องพักแพทย์เงียบสงัด มีเพียงเสียงกระดาษบาง ๆ พลิกเบา ๆ และลมหายใจของผู้หญิงสองคนที่นั่งเผชิญหน้ากันในห้องเก็บเอกสารลับของโรงพยาบาล BBBกู้เหวินภรรยาของคุณหมอถงที่ทำงานกับคลินิกภาวะเจริญพันธุ์ของจูดี้ ถอนหายใจแผ่วเมื่อวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้า หมอฟานลี่ชิง"ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรพูด... แต่นั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง" เสียงเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะรู้ว่าเรื่องที่จะพูดต่อไปนั้น จะทำให้ใครบางคนเจ็บปวดอย่างไม่มีทางย้อนกลับหมอฟานเงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบแต่สายตาเริ่มจับจ้องจริงจัง “หมายความว่ายังไง กู้เหวิน” กู้เหวินเม้มปาก ก่อนพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด“ตอนที่คุณจูดี้มาขอใช้คลินิกเพื่อทำ IVF… เธอใช้ชื่อคนไข้เก่าของโครงการอุ้มบุญ แต่รหัสตัวอ่อนที่เธอขอใช้นั้น... ไม่ได้เป็นของเธอค่ะแต่อ้างว่ามีคนไข้ที่คุณหมอฟานตั้งใจให้คุณจูดี้จัดการเพื่อให้เครดิต”เธอเลื่อนเอกสารผลแล็บและใบคำขอใช้สเปิร์มในอดีตให้หมอฟานดู “ดูตรงลายเซ็นต์ค่ะ มันเป็นการกรอกข้อมูลย้อนหลัง แล้วแอบขออนุญาตจากพนักงานใหม่ที่ไม่ตรวจสอบให้ดี ฉันเพิ่งมาค้นพบว่าคุณจูดี้นำเสปริ์มของ ลูกค้าสรายหนึ่งออกไป”
“เหรินเหมย” เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยดี น้ำเสียงสม่ำเสมอของหมอถงเหรินเหมยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ฝืนยิ้มให้เขา“คุณหมอมาเยี่ยมไข้ คนป่วยหรือไร” แกล้งถามยิ้มๆ ไม่ได้พบกันเสียนานทำไมเขามาถึงนี่หมอถงนั่งลงข้างเธอ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันมาหาคนป่วยที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยต่างหาก” “ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ” เหรินเหมยขมวดคิ้ว“แต่หัวใจเธอเจ็บ และมองว่าเจ็บมากด้วย” หมอถงพูดเรียบๆเหรินเหมยหัวเราะเบาๆ แต่กลับรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของตัวเองขมขื่นสิ้นดี “ฉันไม่เป็นอะไรคะ แค่เหนื่อยหน่อยๆ เหนื่อยกับสิ่งที่พบเจอ”“ไม่ใช่แค่เหนื่อยหรอกเหรินเหมยเธอเจ็บปวด เพราะเธอรักเฉิงซีหยวน” หมอถงพูดแทงใจดำอย่างไม่เกรงใจคำพูดนั้นราวกับลมแรงที่พัดกระแทกเข้ามาในอก เหรินเหมยชะงัก ใจเต้นแรง หันหน้าหนี“คุณหมอ... อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เขามีทางเดินที่สวยหรูก่อนนั้นฉันก็ทำใจไว้แล้ว ผิดกับฉันที่แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่บังอาจมีลูกกับท่านประธานอวิ๋นเฉิง”หมอถงถอนหายใจเบาๆ “ฉันเห็นมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เธอยอมรับอุ้มบุญเพื่อช่วยแม่ตัวเอง แม้รู้ว่าเขาจะไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำเรื่องบางเรื่องพู
แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้ายจะอ่อนแรงกว่าทุกวัน ทอดเงายาวผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่น เหรินเหมยนั่งเย็บผ้าข้างหน้าต่าง พยายามรวบรวมสมาธิไว้กับฝีเข็ม แต่ใจกลับล่องลอยไปไกล...ลอยไปถึงเสียงหนึ่งที่ยังคงไม่ดังขึ้นอีกเลยในบ้านหลังนี้ สามวันแล้วที่เฉิงซีหยวนไม่เคยแวะมา เขาออกไปพร้อมหลี่ตงและไม่เคยกลับมาไม่ว่าจะมื้อเย็นหรือตอนใกล้สว่างเหมือนก่อนที่เคยทำป้าจูบอกว่าหลี่ตงบอกว่าท่านประธานเฉิงบินด่วนไปที่เมืองTTT เพราะงานที่นั่นเกิดปัญหาใหญ่บ้านเงียบเหงาจนเหรินเหมยรู้สึกใจหาย“จุนแม่ขาแม่... จุนพ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ” เสียงอันอันดังขึ้นข้างหู ทำให้เหรินเหมยสะดุ้งเฮือกเชียวอู่เดินตามพี่สาวมาอย่างเงียบๆ มือเล็กๆ กอดตุ๊กตาหมีที่เฉิงซีหยวนซื้อให้แน่น “เมื่อวานจุนแม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจุนพ่อกลับ...แล้วทำไมจุนพ่อไม่มาฮับ” เชียวอู่ถามขึ้นอีกคน“จุนแม่โกหกพวกเราใช่มั้ย” อันอันถามเสียงสั่น เงยหน้าขึ้นมองเหรินเหมยด้วยดวงตาใสที่เริ่มมีน้ำคลอ“ใช่! จุนพ่อไม่กลับมาแล้วใช่มั้ยฮับ” เชียวอู่พูดเสริม น้ำเสียงปนน้อยใจฝ่ามือของเหรินเหมยที่ถือเข็มเย็บผ้าสั่นเล็กน้อย หลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่คำถามซ้ำซากที่เธอไ