LOGIN“พี่เอ็มชมเกินไปแล้วค่ะ เอยไม่ได้สวยขนาดนั้นหรอกค่ะ” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อ ชวนมองเหลือเกิน พงษ์พัฒนายกกล้องถ่ายรูปณศรินทร์สาวหน้าหวานเป็นธรรมชาติ
“พี่ไม่ได้ชมเกินไป เอยสวยจริงๆ ไม่เชื่อดูสิครับ” เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ณศรินทร์ เพื่อให้หล่อนดูภาพที่บันทึกไว้ในกล้องถ่ายรูป “เห็นไหมว่า เอยสวย”
พูดจบพงษ์พัฒนาหันหน้าไปทางณศรินทร์ ที่เงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า ทำให้ใบหน้าสองหนุ่มสาวอยู่ห่างกันไม่มากนัก พงษ์พัฒนามองนัยน์ตาหวานปนเศร้า อันแสนมีเสน่ห์ ยามเขามองดวงตาคู่นี้ครั้งใด หัวใจเต้นแรง มันเป็นเช่นนี้ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบหน้าณศรินทร์ จนถึงวันนี้ ความรู้สึกดีดีที่มีให้สาวตรงหน้า ไม่เคยจางลง กลับเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจเปิดเผยให้ใครรู้ได้ เพราะเขามีพันธะคล้องคอ
สำหรับณศรินทร์ หล่อนไม่ได้คิดอะไรกับชายตรงหน้า มากไปกว่าพี่ชาย เพราะหล่อนมีชายคนหนึ่งปักแน่นในดวงใจ แม้เขาจะร้าย แต่หัวใจดวงนี้ ไม่หลาบจำ รักกรชวิลไม่เสื่อมคลาย
“ค่ะ สวยจริงด้วย” ณศรินทร์ชมตัวเอง ซึ่งก็ไม่เกินจริงเท่าไหร่นัก
“ใช่ครับ สวยที่สุดเลย” เขาชมจากหัวใจ คนถูกชมยิ้ม ยื่นดอกราชาวดีให้ชายตรงหน้า
“ตอบแทนสำหรับคำชมค่ะ กลิ่นมันหอมมากเลยนะคะ หอมนานด้วยค่ะ วางไว้ตรงหัวเตียงหรือในห้องน้ำก็ได้ค่ะ แต่ถ้าพี่เอ็มไม่ชอบ ทิ้งไปก็ได้ค่ะ” หล่อนเข้าใจความชอบของแต่ละคนดีว่า ไม่เหมือนกัน
“พี่ชอบ พี่จะทำตามที่เอยบอก แล้วพี่ก็จะเก็บไว้ในหนังสือ ให้เป็นดอกไม้แห้ง” พงศ์พัฒนาบอกหญิงสาว นำดอกไม้ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต “เย็นนี้เอยว่างไหม พี่ว่าจะชวนไปงานกาชาดน่ะ ของขายของกินเพียบเลย”
“ว่างค่ะ” ณศรินทร์ตอบทันที เพราะถึงยังไง มื้อเย็นของบ้าน หล่อนไม่มีสิทธิ์ได้ร่วมรับประทานด้วย หล่อนจึงว่างตามคำชวน
“งั้นเย็นนี้พี่มารับตอนห้าโมงนะ กว่าจะไปถึงงานก็น่าจะเกือบๆ หกโมง” พงษ์พัฒนานัดหมาย
“ค่ะพี่เอ็ม”
“พี่ขอถ่ายรูปเอยหน่อยไหม”
“ได้ค่ะ แต่เอยมีเวลาแค่สิบนาทีนะคะ เอยต้องไปเอาดอกไม้ไปปักแจกันไว้ในห้องออยค่ะ”
“ขอแค่ห้านาทีพอครับ”
พงษ์พัฒนาบอกสาวในดวงใจ ณศรินทร์เป็นแบบให้พงษ์พัฒนาถ่ายรูป โพสต์ท่านั้นท่านี้ร่วมกับดอกไม้สีสวยในสวน เมื่อได้ภาพเกือบสามสิบกว่าภาพ ทั้งสองจึงพากันเดินไปยังห้องเก็บดอกไม้สด ที่คนงานตัดเตรียมไว้รอตามคำสั่งเจ้าของไร่
อีกด้านหนึ่งของไร่
ศาลาไม้ระแนงใกล้กับออฟฟิตของรีสอร์ทที่อยู่สูงกว่าสวนดอกไม้หนึ่งร้อยเมตร ชายร่างสูงใหญ่ใช้กล้องส่องทางไกล มองไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินคุยกันไปยิ้มให้กันไป ใครมองเห็นก็คงคิดว่า เป็นคู่รักมากกว่าเพื่อน
ความสนิทสนมของสองคนที่เห็น เรียกความไม่พอใจให้คนแอบมอง ดวงตาคนมองแข็งกร้าว กรามทั้งสองข้างขบกัน สีหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ทว่าเพียงแค่ไม่กี่วินาที เขาปรับสีหน้า แววตาและความรู้สึกให้อยู่ระดับปกติ
กรชวิลหมุนปรับระดับความใกล้ โฟกัสไปยังดวงหน้าณศรินทร์ ราวกับว่าอยากเห็นหน้าหล่อนตอนนี้ชัดๆ ว่า เป็นอย่างไร
“ยิ้มระริกระรี้เหลือเกิน” เขาเอ่ยออกมา เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของสาวแสนเกลียดชัง “น่าสมเพชคนอย่างเธอเหลือเกินเอย ชีวิตเธอจะเป็นได้แค่นางบำเรอและเมียน้อยหรือไง ความคิดต่ำตมมาก”
กรชวิลกระตุกยิ้ม ลดกล้องส่องทางไกล วางมันลงบนโต๊ะ ละความสนใจจากสตรีที่คิดว่า ไร้ค่าสำหรับตน หล่อนจะเป็นนางบำเรอ เมียหลวง หรือเมียน้อยชายใดก็ช่าง เขาไม่สนใจ แต่ต้องหลังจากที่ตนไม่ต้องการให้หล่อนเป็นนางบำเรอเขาเท่านั้น หากหล่อยยังอยู่ในสถานะนั้น ณศรินทร์ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับชายใดทั้งสิ้น
“คุณยักษ์ครับ”
กิตติลูกน้องคนสนิทเดินมาหาเจ้านาย
“ว่าไง” คนถามยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ
“คุณปลัดโทรมาหาคุณยักษ์ แต่คุณยักษ์ไม่รับสาย คุณปลัดเลยโทรบอกผมว่า ขอยกเลิกนัดที่จะมาไร่น่ะครับ พอดีคุณแม่ท่านไม่สบายครับ” กิตติตอบ
“อืม ขอบใจ”
“คุณยักษ์ว่างแล้ว จะไปรับคุณออยเองไหมครับ หรือว่าจะให้ผมไปรับเองตามเดิม”
“นายไปแหละ ฉันมีงานต้องสะสาง”
“ครับ” กิตติไม่ถามต่อ เขาเดินไปทำงานตามหน้าที่ ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มนั่งดื่มกาแฟ ดูธรรมชาติอันแสนอภิรมย์คนเดียว โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า จิตใจกรชวิลไม่ได้นิ่งสงบ แม้กดเรื่องหนึ่งไว้สุดแรง ทว่าบางช่วงเวลา เขาฝืนความรู้สึกนั้นไม่ได้
16.55 น.
เจ้าหญิงของบ้านก้าวลงมาจากรถยนต์ หล่อนเดินเข้าไปในบ้านที่มีเจ้าของบ้านนั่งรอการกลับมาพร้อมหน้า เมื่อหญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน อรัญญาฉีกยิ้มให้ปนัดดา กรชวิลและกรชีวัน
“คิดถึงคุณป้าที่สุดในโลกเลยค่ะ” ปนัดดากอดอรัญญาแนบแน่น โยกตัวหล่อนไปมา
“ป้าก็คิดถึงออยที่สุดในโลกเหมือนกันจ้ะ” คนพูดรักและเมตตาอรัญญามาก มากราวกับเป็นลูกในอุทรก็ว่าได้ “ป้าดีใจมากเลยนะ ที่ออยกลับมาหาป้า”
“แหม น้อยใจจัง มาถึงก็กอดคุณแม่คนเดียวเลย พี่ก็คิดถึงออยเหมือนกันนะ คิดถึงมากด้วย” กรชวิลเอ่ยขึ้น นัยน์ตาคมเข้มมองดวงหน้าอรัญญา ประกายตาเขาบอกถึงความดีใจ ใบหน้าระบายยิ้ม ปนัดดาคลายอ้อมกอดร่างหลานสาวบุญธรรม เพื่อให้อีกฝ่ายไปกอดลูกชายคนโตของนาง
“อย่าน้อยใจไปนะคะ ออยคิดถึงพี่ยักษ์เหมือนกันค่ะ คิดถึงมากๆ เลยค่ะ” ทั้งสองกอดกันกลมด้วยความคิดถึง โดยเฉพาะกรชวิล การโทรศัพท์หากันแทบทุกวัน ไม่ได้ทำให้ความคิดถึงในใจเขาเบาลง กลับคิดถึงหล่อนมากขึ้น อยากเจอหน้ามาก ถึงขั้นร่ำๆ อยากนั่งเครื่องบินไปหาอรัญญาที่ฝรั่งเศส
Chapter 77ความหนักใจเรื่องพาเตชธรไปหาปนัดดายังคงมีอยู่ แม้ว่าวิรัชรับปากว่าจะช่วยพูดกับณศรินทร์ให้ แต่ไม่รับรองว่า สำเร็จหรือไม่ ก็ต้องลุ้นกันว่า วิรัชทำได้หรือไม่ได้ เรื่องเดินหน้าตามง้อณศรินทร์ กรชวิลยังคงทำอยู่ มีความหวังในทุกวันว่า หล่อนจะยอมยกโทษให้เขา และกลับมาสู่อ้อมกอดตนอีกครั้งสามวันที่ไม่ได้เจอหน้าณศรินทร์กับเตชธร กรชวิลรู้สึกเดียวคือ คิดถึงสองแม่ลูกมาก การคุยกับลูกชายผ่านวิดีโอคอล อาจทำให้ความคิดถึงเบาลง แต่ก็ไม่เหมือนได้คุยต่อหน้า ได้กอด ได้หอม และที่สำคัญ เขาคิดถึงใบหน้าหวานๆ ไร้รอยยิ้มของณศรินทร์ ถึงแม้ว่า หล่อนปั้นปึงใส่ตน แทบไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำไป ทว่ากรชวิลก็อยากเห็นหน้าณศรินทร์ทุกวัน แล้ววันนี้เขาจะได้เห็นหน้าหล่อนสมใจคนที่กรชวิลคิดถึงคนหนึ่ง ก็คิดถึงเขาไม่แพ้กัน คนนั้นคือ เตชธร ที่โทรศัพท์หาบิดาวันละไม่ต่ำกว่าหกครั้ง กรชวิลกดรับสายทุกครั้งอย่างไม่มีความรำคาญ หรือแสดงออกว่าไม่อยากรับสาย เขาดีใจด้วยซ้ำไปที่ลูกชายคิดถึงตน“ผมคิดถึงคุณพ่อมากๆ เลยฮะ คุณพ่อรีบกลับมาหาน้องเตนะคับ น้องเตอยากกอดคุณพ่อ อยากหอมแก้มคุณพ่อด้วยฮะ” เสียงอันแสนน่ารักบอกบิดา กรชวิลยิ้มกว้างกับคำร
Chapter 76 หนึ่งเดือนต่อมา บ้านชวนชมยังคงเงียบเหงาเช่นเดิม กรชวิลกับกรชีวันใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพมากกว่าที่นี่ ทั้งสองไม่ห่วงเรื่องธุรกิจทางนี้ เพราะอยู่ตัว และมีกิตติกับวิบูลย์ สองลูกน้องของกรชวิลคอยดูแล ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่ลูกชายจะไม่อยู่ดูแลแม่ มาเป็นครั้งคราว เนื่องจากสองหนุ่มโตมากพอมีชีวิตเป็นของตนเอง อีกทั้งด้วยนิสัยปนัดดา ที่ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ หยิ่ง จองหอง ถือตนถือดีว่าตนเองถูก นางจึงอยู่ตามลำพังกับสาวใช้ นับแต่วันที่ปนัดดาได้ยินการสนทนาของเภาและอ้น ความคิดนางเริ่มเปลี่ยนไป ยอมรับกับตัวเองว่า ทิฐิมากเกินไป รู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ไม่ยอมรับความจริง สุดท้ายก็ต้องเจ็บปวดใจเดียวดาย ‘พระท่านถึงสอนเสมอไงว่า คนเราต้องปล่อยวาง อะไรที่ทำให้เราเป็นทุกข์ก็ให้ปล่อยไป แล้วเราจะมีความสุข’ ปนัดดานึกถึงคำพูดอ้น มันจริงตามนั้น หากคนเรารู้จักปล่อยวางและปลง ชีวิตก็จะคลายจากความทุกข์ ความเสียใจ พบแต่ความสุข ได้อุ้มชูหลานตามที่นางตั้งใจและใฝ่ฝัน ขั้นแรกเลยคือปนัดดาต้องทำให้ได้ เมื่อจิตใจอมทุกข์ ร้องไห้ตามลำพัง พานกินอะไรไม่ลง ลำ
Chapter 75 “ที่เอยยอมให้เขาเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเอยยังรักเขาอยู่ แต่เพราะต้องการให้เขารู้จักคำว่าเจ็บปวด จากคนที่ตัวเองรัก รู้ซึ้งถึงคำว่า ไม่มีค่าในสายตา แม้พยายามทำดีแค่ไหนก็ตาม” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมาก จนคนในห้องมองหน้ากัน รับรู้ได้ว่า งานนี้ไม่ง่าย “และตอนนั้นเอยเต็มใจเจ็บปวดเจ็บช้ำทั้งกายและใจ จากน้ำมือของเขา และการที่เขานำตัวมารับส้อมจนเจ็บตัว เขาก็เต็มใจ เอยไม่ได้ร้องตะโกนให้เขาช่วย เขาก็เหมือนเอยค่ะ เต็มใจยอมรับทุกสภาพ เอยจะแค่ขอบคุณเขาค่ะ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตเอย แค่นี้ค่ะ แค่นี้จริงๆ” ณศรินทร์พูดอีกก็ถูกอีก เถียงไม่ได้เลยสักคำ เรื่องนี้ไม่ใครสั่งหรือบงการณศรินทร์ได้ ทุกคนให้หล่อนเป็นฝ่ายตัดสินใจเองว่า จะยอมให้อภัยกรชวิล หรือเป็นเช่นนี้ตลอดไป ดูทรงแล้ว กรชวิลคงใช้ความพยายามหนักหนาสาหัสกว่านี้อีกหลายสิบเท่าแน่นอน ขณะในห้องรับแขกกำลังพูดคุยเรื่องกรชวิล ในห้องสองพ่อลูกนอนกอดกันบนเตียง เตชธรหอมแก้มบิดาหลายครั้ง มือลูบใบหน้าแล้วส่งยิ้มให้ “คุณพ่อเจ็บไหมฮะ” เตชธรถาม ลุกขึ้นนั่งถลกเสื้อดูแผลตรงท้องกรชวิล “มาฮะ เดี๋ยวเตเป่าให้” ค
Chapter 74“ฉันไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้นแหละ ฉันพูดความจริง” นันทนาโต้กลับทันที “ตอนที่แกออกมาจากบ้านพี่ยักษ์ แกมีทั้งเงิน มีทั้งรถและมีคอนโด ทุกอย่างที่แกมี เอามาต่อยอดได้สบาย แต่แกก็ไม่ทำ กลับผลาญซะหมด สุดท้ายก็ต้องขายตัว ทำให้ตัวเองตกต่ำเอง ยังมาโทษคนอื่นอีก ถ้าแกคิดว่าฉันเป็นเพื่อนที่ไม่ดี ก็เลิกคบกันไปเลย ฉันก็เบื่อแกเหมือนกัน” ขณะสองเพื่อนรักกำลังแตกหักกัน สายตาสุวรรณีพลันเห็นบางคนกำลังเดินผ่านร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตนนั่งอยู่ หล่อนเพ็งมองจนแน่ใจว่าใช่ จึงเอ่ยบอกอรัญญา “ออย นั่นเอยกับพี่ยักษ์นี่ พี่ยักษ์จูงมือเด็กด้วยนะ ลูกชายเขาหรือเปล่า” ประโยคนี้เรียกความสนใจให้กับอรัญญาทันที หล่อนรีบมองไปยังจุดนั้น ภาพที่เห็นอรัญญาคิดว่า กรชวิลกับณศรินทร์สร้างครอบครัวร่วมกัน มีพยานรักเป็นเด็กชายหน้าตาน่ารัก คนที่หล่อนเกลียดชังมาตลอด เป็นความเกลียดชังฝังใจ ความอิจฉาริษยา ไม่พอใจพลุ่งพล่านจนแทบคุมไม่อยู่ ในขณะที่อรัญญาตกต่ำ ชีวิตย่ำแย่ ณศรินทร์มีความสุขกับกรชวิล ชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นสามีตน ความรู้สึกอรัญญาเวลานี้ทับถมยิ่งนัก ที่คิดไว้ว่า ณศริ
Chapter 73 “คนนั้นเหมือนหมาค่ะ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง ปล่อยเขาไปเถอะ เขารวย อยากซื้อก็ซื้อไป พอพ้นวันเกิดเต เอยจะเอาไปบริจาคที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ หรือไม่ก็ส่งต่อขึ้นดอย ให้เด็กด้อยโอกาสได้เล่น เกะกะลูกตา” วราดรหน้าเสีย รูสึกผิดที่ตนชี้นำให้ณศรินทร์คิดกำจัดของเล่นราคาแพงให้พ้นบ้าน “กินกันต่อดีกว่าค่ะ แล้วก็เลิกพูดถึงเขาเสียที แค่เห็นหน้าก็กินแทบไม่ลง”เป็นการหยุดการสนทนาเรื่องกรชวิลไปในที สองหนุ่มไม่พูดคุยถึงกรชวิล มีเพียงการมองไปยังสองพ่อลูกที่นั่งทานอาหารเท่านั้น คงเหมือนกับกรชวิล ที่คอยมองณศรินทร์ตาละห้อยมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ศุภชัยได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวว่า ให้ตนไปรับบิดาที่สนามบิน เขาจึงต้องขอตัวไปทำภารกิจลูกที่ดี แต่ก็ฝากเงินไว้ให้ณศรินทร์พาเตชธรไปซื้อของเล่น เพราะเขาคงไม่มีเวลาพาไปซื้อ เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับไปเชียงราย เที่ยวบินตอนเช้าณศรินทร์เข้าใจเหตุผล หล่อนบอกศุภชัยด้วยว่า จะถ่ายรูปตอนซื้อเสร็จส่งไปให้ หลังจากกินสุกี้เสร็จ ศุภรชัยขอตัวไปรับบิดา เตชธรอยากทานไอศกรีมแบรนด์หนึ่ง กรชวิลจึงพาลูกชายไปกิน โดยที่เขาเป็นคนออกเงิน แต่ไม่เข้าไปนั่งในร้านด้วย ปล่อยให้ณ
Chapter 72“แกจะทำอะไรฉัน อย่านะ อย่า” ความกลัวแน่นจิตใจ “ฉันไปก็ได้ ฉันยอมไปแล้ว แกอย่าทำอะไรฉันเลยนะ”ยิ่งมองเห็นปลายแหลมคัตเตอร์ ความกลัวเพิ่มระดับหลายเท่า“ฉันว่า ฉันจะไม่ทำอะไรแก แต่แกดันมาตบหน้าฉัน คนอย่างแม่เลี้ยงพรพรรณ ไม่มีใครมาตบหน้าง่ายๆ โดยเฉพาะเมียน้อยผัว” น้ำเสียงพรพรรณน่ากลัวมาก “แกต้องโดนฉันสั่งสอน”โย่งกับโยกดตัวอรัญญาให้คุกเข่าลงบนพื้น พรพรรณเดินเข้ามาใกล้“โยจับหน้ามันไว้ให้อยู่นิ่งๆ” โยทำตาม เพราะแค่โย่งคนเดียวก็บังคับร่างอรัญญาได้“ไม่นะ ไม่” อรัญญาพูดเสียงสั่น“หาผ้ายัดปากมันด้วย” โยเอาผ้าเช็ดหน้าตน อุดปากอรัญญา ไม่ให้มีเสียงอันน่ารำคาญลอดผ่าน“อือๆ อือ อ่าย” เสียงอรัญญาก้องในลำคอ มองพรพรรณที่กำลังใช้ปลายอาวุธทำบางอย่าง หัวใจสาวเต้นแรงมาก ยิ่งกว่าความกลัว นัยน์ตาเบิกโพรง “อ่าย”เสียงที่ไม่อาจลอดออกมา แต่รับรู้ได้ว่า เจ้าของเสียงกลัว ตกใจมากแค่ไหน ม่านตาขยายกว้าง ก่อนที่ความเจ็บปวดตามมา จากปลายคัตเตอร์ที่กรีดลงบนแก้มอรัญญา เลือดไหลออกมาจากบาดแผลทันที ไหลอาบแก้มจนถึงลำคอ“อี๊ดดดดดด” อรัญญายังคงส่งเสียงร้อง ดีดดิ้นตัวไปมา สะบัดหน้าร่วมด้วย ความที่หล่อนไม่อยู่นิ่ง ใบ







