อิธานอายุสิบเจ็ดปีกำลังเรียนมัธยมปลายโรงเรียนในจังหวัดที่เดียวกับสนานและหนุ่มสาวลูกชาวไร่อายุเท่ากัน ส่วนเกล้ากมลและวรดาอยู่ชั้นประถมในโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดที่ห่างกันไปสองกิโลเมตร
ด้วยมีจำนวนเด็กในวัยเรียนมาก คุณย่าอิสรีจึงเหมารถสองแถวคันโตให้มารับส่งนักเรียนทุกวัน เด็กประถมเลิกเร็วแต่เด็กมัธยมมักมีการเข้าชมรม พวกเธอจึงได้นั่งแกร่วรอคนอายุมากกว่าบนรถสองแถวอยู่บ่อย ๆ
สมาชิกในรุ่นอายุเจ็ดขวบของไร่เฉพาะเพศหญิงมีเพียงเกล้ากมลกับวรดา ส่วนคนอยู่มาก่อนดีใจมากที่มีเพื่อนเล่นเพิ่มมาอีกคน
“พี่หนานพาแต่ฉันไปตกปลาหรือขึ้นป่าไปวางกับดักกระต่าย”
วรดาระบายความอัดอั้นตันใจแก้มป่อง สนานใจดีกับน้องสาว แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่อาจเข้าถึงจิตใจสาวน้อยได้ ครั้นจะชวนเล่นทำกับข้าวหรือเล่นพ่อแม่ลูกเขาก็ไม่ยอม บอกว่าเด็กไป
“ตกปลาเหรอ ฟังดูน่าสนุก”
เกล้ากมลคิดถึงปลาดุกย่างเสียบไม้ ผิวชโลมเครื่องเทศกรอบหอม ๆ ควันฉุย ซึ่งนานทียายเกดจะซื้อให้กิน
“ฉันไม่ชอบเวลาปลามันดิ้นกระแด่ว ๆ น่าสงสาร” คนเล่าคิ้วตก “เกล้านิสัยท่าทางจะไปได้ดีคุณอิธกับพี่หนานนะ”
“กับพี่หนานน่ะเฉย ๆ แต่กับคุณอิธเขาไม่ชอบฉัน”
อิธานมักมองเกล้ากมลตาขุ่นบ้าง บางทีทำเป็นมองไม่เห็นก็มี จนสาวน้อยคิดว่าเขานิสัยเหมือนตัวร้ายในละคร ชอบแกล้ง เจ้าคิดเจ้าแค้น
“คุณอิธไม่ได้ไม่ชอบเกล้าหรอก เขาแค่หน้าดุ”
“พูดดีไป เป็ดก็กลัวเขา”
วรดาคอย่น เสตามองพื้น
“เขาเป็นเจ้านายพ่อแม่ฉันนี่ ถ้าทำไม่ดีเดี๋ยวโดนไล่ออก จะไปอยู่ที่ไหนกัน”
ยายพลวงสอนลูกสาวให้เคารพนายจ้างโดยใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือ วรดารักครอบครัว จึงพลอยกลัวอิธานไปด้วย ข้อนี้เธอเพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง
“ฉันปวดฉี่อะ ลงไปเป็นเพื่อนหน่อย”
เกล้ากมลเปลี่ยนหัวข้อสนทนาชวนเพื่อนลงจากรถ โดยไม่ลืมบอกคนขับที่สูบยาเส้นอยู่ใต้ต้นมะขามให้รับทราบ เขาจะได้ไม่ต้องตกใจตอนนับจำนวนแล้วเด็กไม่ครบ
สักพักวรดาที่ไปเป็นเพื่อนเกิดอยากเข้าห้องน้ำบ้าง สาวน้อยบอกให้เพื่อนไปรออยู่ที่โรงอาหาร เพราะตนอาจทำธุระหนัก
เด็กหญิงตัวน้อยจึงเดินไปในโรงอาหารเปิดโล่ง ตอนเย็นร้านค้าปิดหมดแล้ว เหลือแต่ร้านสหกรณ์ที่ยังเปิดไฟอยู่ สาวน้อยสะดุดตากับตู้กระจกใส มองดูข้างในเป็นขนมอบกรอบฟูสีน้ำตาลอ่อน ถาดข้างกันมีเค้กสี่เหลี่ยมแต่งหน้าด้วยครีมเป็นรูปกระต่าย
เค้กเป็นของฟุ่มเฟือยที่จะกินได้ปีละครั้งในวันเกิดเท่านั้น และเค้กที่เคยกินมันมีสีน้ำตาลเนื้อร่วนหน้าเคลือบอะไรบางอย่างใสเหมือนวุ้นแต่หวานและหนืดเล็กน้อย มีครีมบีบเป็นเส้นตกแต่งเพียงบาง ๆ การได้เห็นเค้กชิ้นสวยตกแต่งด้วยครีมเต็มที่เหมือนในโฆษณาโทรทัศน์จึงเป็นของตื่นตาตื่นใจมาก
“หนูซื้อเค้กไหม ชิ้นละยี่สิบห้าบาท” พนักงานผูกผ้ากันเปื้อนมีหมวกคลุมผมถามจากเหนือตู้กระจก “เหลือไม่กี่ชิ้นแล้ว”
เกล้ากมลส่ายหน้าแล้ววิ่งกลับไปห้องน้ำโดยไว สวนทางกับที่วรดาออกมาพอดี สองสาวน้อยจึงไปขึ้นรถ
วรดาเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟังแจ้ว ๆ แต่เค้กครีมชิ้นนั้นยังคงอยู่ในสมองเกล้ากมล
คุณย่าอิสรีให้เงินมาโรงเรียนวันละสิบบาท เพราะโรงเรียนประถมมีโครงการอาหารกลางวันให้อยู่แล้ว จะซื้อเพิ่มก็มีเพียงน้ำหวานหรือขนมเล็ก ๆ น้อย ดับความหิวช่วงบ่าย
เกล้ากมลนึกถึงเงินที่ยายเกดสอดมาในซองจดหมาย แต่ก็ใจแฟ่บเมื่อจำได้ว่าเงินนั้นคุณย่าอิสรีให้คนพาเธอไปเปิดบัญชีธนาคารออมสินแล้วฝากเงินไว้ เธอต้องยอมอดน้ำหวาน อดขนมช่วงบ่ายเสียแล้วล่ะ เงินยี่สิบห้าบาทเท่ากับต้องอดถึงสามวัน
วันแรกผ่านไปด้วยดี แค่เกล้ากมลหิวจนตาลายกลับมากินกล้วยในครัวไปสองลูก วันต่อมาแผนล้มเหลว เพราะมีสายไหมแบบหยอดเหรียญมาจอดตอนกลางวัน จึงเผลอใช้เงินลุ้นสายไหม ได้มาห้าอัน มันแสบคอจนต้องดื่มน้ำหวานซ่าล้างปาก
วันต่อมาดูเหมือนพระเจ้าจะส่งบททดสอบมาให้อีก เพราะร้านค้าในโรงเรียนมีตุ๊กตากระดาษมาขาย ในแผงโฆษณาว่า “แฟชั่นล่าสุด” สองสาวจึงซื้อมาคนละชุด เล่นกันเพลินพร้อมดื่มนมเปรี้ยว กระทั่งวันศุกร์ เธอมีเงินวางอยู่ในกระป๋องออมสินสิบบาท ยังเหลืออีกสิบห้าบาทจึงจะซื้อเค้กได้ วันพรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์จะไม่ได้เห็นเค้กนั่น
เด็กหญิงรู้สึกร้อนรนจนทนไม่ได้ เป็นความรู้สึกท่วมท้นในอกซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลยยามอยู่กับยายเกด ความรู้สึกที่อยากได้มาครอบครอง อยากลิ้มรส
ตอนนี้เธอมีชีวิตดี มีห้องนอนกว้าง มีชุดสวยเหมือนในโฆษณา แล้วทำไมถึงจะกินเค้กไม่ได้
เอาล่ะ...พรุ่งนี้เธอจะบอกคุณย่าอิสรีว่าอยากกินเค้ก ท่านต้องหามาให้ได้แน่ ๆ ขณะยิ้มกริ่มอยู่แล้วก็ขมวดคิ้ว ท่านจะมองเกล้ากมลเป็นเด็กขี้ขอหรือเปล่า จะมองว่าเป็นเด็กไม่น่ารักหรือไม่ เธอไม่อยากให้คุณย่าไม่ชอบ สาวน้อยคิดอย่างวุ่นวายใจจนผล็อยหลับไปเพราะเพลีย
ตื่นมาอีกก็เกือบฟ้าสาง ด้วยยายพลวงมาปลุก ระหว่างเดินลงมาชั้นล่าง ผ่านห้องครัว เธอเห็นยายพลวงกับแม่ครัวอีกคนกำลังทำกับข้าว ผักหลายชนิดวางอยู่บนโต๊ะเตรียมอาหาร
ท่ามกลางสีเขียวเข้มของผัก มีสีเขียวซีดอยู่ ธนบัตรใบละยี่สิบบาทวางยับ ๆ ข้างถุงคะน้า เงินใครกัน แต่คนทำครัวดูเหมือนจะไม่สนใจกันเลย ยังอยู่หน้าเตา หน้าอ่างล้างจาน
เกล้ากมลจึงเดินไม่ต่างกับย่อง ใช้มือคว้าหมับเข้าที่เงิน กำแน่นมิดชนิดไม่ให้ใครเห็น กลั้นหายใจดูว่าสองคนนั้นจะหันมาหรือไม่ แต่ไม่มีใครสนใจเธอเลย เกล้ากมลจึงเอามือไปซุกไว้ในกระเป๋ากระโปรง
เกล้ากมลและอิธานได้ลูกสาว เด็กหญิงกาญน์เกล้า หรือน้องเอิร์ธ เป็นหนูน้อยลูกเสี้ยวที่สดใส เธอได้จมูกโด่งมาจากผู้เป็นพ่อ และตาโตใสแจ๋วมาจากผู้เป็นแม่ กินรีซื้อทองรับขวัญหลานหลายสิบบาท นางญาติดีกับอิธานหลังจากรู้ว่าให้เงินสิบล้านเป็นสินสอด“ขอโทษที่ช้าไปหน่อยครับคุณแม่”เงินทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นหน่อย แต่ก็ฝากคืนในบัญชีส่วนตัวของเกล้ากมล ผู้เป็นแม่แค่กลัวอิธานจะไม่รัก ทิ้งขว้างลูกสาวเหมือนครั้งหนึ่งที่นางเคยเจอ เมื่อได้เห็นความจริงใจของเขาเป็นเงินนางก็เบาใจลงบ้างอิธานไม่ให้เกล้ากมลทำงานเลย เขาให้เธอเลี้ยงลูกอย่างเดียว แล้วตั้งวรดาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านขายของฝาก แต่กระนั้นหากมีเวลาว่าง เกล้ากมลก็หอบหนูน้อยไปเยี่ยมทุกคนที่ร้านเสมอ ชนันธรกับกรวีคลอดลูกชายที่อเมริกาก่อนลูกสาวเธอไม่กี่สัปดาห์ และพูดเล่น ๆ ว่าอยากให้ลูก ๆ ดองกัน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนหวงลูกสาวอย่างอิธานคุณพ่อหลงหนูน้อยขนาดหนัก ยอมลงทุนโกนหนวดให้เกลี้ยงเกลาทุกวัน หลังจากเอาหน้าไปถูแล้วแก้มลูกสาวเป็นปื้นแดงเพราะรอยหนวดกาญจน์เกล้าก็ติดพ่อ ตอนเช้าส่งเสียงปลุก ให้พ่อป้อนอาหารเช้า โบกมือหย็อย ๆ ส่งจูบให้อิธานตอนไปทำงาน เย็นก็ต้
“คุณอิธออกไปเกล้าอึดอัด”ถัดจากให้ดอกไม้ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาก็มานอนรัดเธอเป็นงูเหลือมอยู่บนเตียง“เตียงออกจะกว้าง”อ้อมแขนมีแต่จะยิ่งแน่น หญิงสาวกำลังคิดหาวิธีไล่เขาออกไป แต่ก็ยังคิดไม่ออก“ท้องเกล้าเริ่มใหญ่ ตัวคุณก็โต นอนเบียดกันบนเตียงยิ่งอึดอัด มันไม่ดีต่อลูกนะคะ เดี๋ยวแกไม่โต”เกล้ากมลเอาคนในท้องมาอ้าง เล่นเอาอ้อมแขนที่รัดรอบอยู่ชะงัก เขาเงยศีรษะขึ้น สำรวจหน้าท้องภรรยา“ท้องเธอยังไม่โตขนาดนั้นสักหน่อย”“แต่เกล้าอึดอัดค่ะ ดิ้นไปดิ้นมาลำบาก”ยิ่งเขาขมวดคิ้วกังวลแสดงว่าข้ออ้างเธอได้ผล“พรุ่งนี้จะให้คนหาเตียงไซซ์พิเศษมาให้”“งั้นคืนนี้ คุณอิธให้เกล้านอนคนเดียวนะคะ ลูกจะได้ไม่อึดอัด”“ไม่ได้ ๆ” ดวงตาคมเปล่งแสงไม่ยอมตามที่พูด “เกิดเธอปวดท้อง หรือเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ”“เกล้าท้องแค่สามเดือนเองนะคะ” คุณแม่ท้องสาวทำแก้มป่อง บ่นในใจว่าเขาจะห่วงอะไรหนักหนา“จะกี่เดือนฉันก็ไม่ไว้ใจ”“ถ้าคุณอิธห่วง เกล้าไปนอนกับคุณย่าก็ได้”“อย่านะ!”เขาร้อง ถ้าทำเช่นนั้นต้องตอบคำถามคุณย่านานแน่ แถมด้วยมีสายตาทิ่มแทงจากยายพลวงเป็นของแถม“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงล่ะ”เกล้ากมลกอดอก รู้สึกตนกำลังเป็นต่อ“ฉันจะนอนพื้น
เกล้ากมลอาศัยจังวะที่อีกฝ่ายอึ้งระบายความในใจต่อ“คุณย่าให้เราแต่งงานกันเพราะความเข้าใจผิด”“แต่เรามีลูกด้วยกัน” เขาพยายามย้ำ“เก๊าะ...ก็คืนนั้นเกล้าปล้ำคุณ”ไม่รู้ใครปล้ำใคร แต่เธอถือว่าตัวเองเป็นคนทำ ยังสบายใจเสียกว่า“มันจะไม่สำเร็จถ้าฉันไม่ใช่ความร่วมมือ เราทำกันทั้งสองคน”ผู้สมรู้ร่วมคิดรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้าน“แล้วคุณอิธจะเล่าเรื่องของเราให้ลูกฟังแบบไหนล่ะ”ทำนบที่กลั้นสิ่งค้างคาใจกำลังแตกออก เกล้ากมลพรั่งพรูถ้อยคำที่อยากถาม“เพราะมันไม่มีการจีบ ไม่มีการบอกรัก ไม่มีของขวัญ ไม่มีอะไรเลย ยอมรับเถอะค่ะ คุณอิธไม่ได้รักเกล้า แล้วจะทนอยู่อย่างนี้ไปทำไม”“เธออย่ามาพูดเหมือนรู้ดีเลยเกล้า”ในดวงตาสีน้ำตาลนั้น หาได้หวั่นไหวกับคำถามเธอไม่“เกล้าพูดอย่างที่ตาเห็นค่ะ แค่นี้นะคะ วันนี้เหนื่อยแล้ว เกล้าอยากพักผ่อน”เกล้ากมลกลับเข้าห้อง ล็อกมันเสียจากเขา ทิ้งตัวลงนอน...แล้วน้ำตาก็ไหล พูดไปเสียตั้งมากมาย คำว่ารักที่ได้กลับไม่มีหลุดจากปากเขาหากให้คะแนนผู้ชายยอดแย่ ตอนนี้เธอให้กรวีกับอิธานคะแนนเท่ากัน พวกชอบทำร้ายจิตใจผู้หญิง หากคิดพินิจสักนิด หากไตร่ตรองเสียหน่อย แค่คำว่ารักสั้น ๆ คำเดียวก็ท
เป็นรุ่งเช้าที่เกล้ากมลตื่นมาเพียงลำพังในห้องนอน แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้าตามความเคยชิน ก็พบว่าเสื้อทุกตัวของเธอจากบ้านมารดามาอยู่ที่นี่แล้ว บนโต๊ะเครื่องแป้งมีถุงยาและสมุดฝากครรภ์จากคลินิกวันดี อิธานเอามันมาได้อย่างไร!อาการโมโหของเธอยังไม่ได้คำตอบ พอดีกับชายหนุ่มในสภาพเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินออกมาจากห้องน้ำ“นอนต่ออีกไหม เดี๋ยวสักเจ็ดโมงฉันจะปลุก”เขาหอมหน้าผากมนของภรรยาที่กำลังตะลึงอยู่“คุณอิธไปเอาของเกล้ามาได้ยังไง”“ก็ให้คนไปเอาที่กรุงเทพ ไม่รู้เธอจะใช้ชิ้นไหนบ้าง เลยเอามาหมด”โดยมีสนานกับคนงานอีกสองคน ติดตามกึ่งขู่ คนขับรถกินรีจนไปถึงบ้านที่กรุงเทพฯ ได้สำเร็จ“บ้าไปแล้วหรือยังไง”“ก็ฉันบอกแล้วว่าให้เธออยู่นี่” เขาไปเปิดอีกตู้หนึ่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า“วันนี้เรามีแขกด้วยนะ ซันมันมา”เกล้ากมลเลิกคิ้ว“พี่ซันมาทำไมคะ”อิธานไม่ชอบตงิด ๆ ที่เธอเรียกคู่แข่งตัวฉกาจของเขาแบบนั้น“มารับเมียมันกลับ”ใจเกล้ากมลหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“พาฉันไปหาพี่ลูกน้ำทีค่ะ คุณอิธนะคุณอิธ ทำให้เรื่องยุ่งเข้าไปอีกทำไม”ภาพในหัวเธอคือชนันธรโดนกรวีทำร้าย ร้องไห้น้ำตานอง แต่ที่ไปเห็นจริง ๆ คือกรกวีโ
“มานี่เลยนะเกล้า”ไม่ยากนักที่ชายหนุ่มจะดันประตูให้เปิดกว้าง แล้วคว้าแขนกึ่งลากเธอไปยังห้องหอของทั้งสอง“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว พรุ่งนี้เกล้าจะไปหย่าให้ ลูกนี่เกล้าก็จะดูแลเอง ไม่ให้ใช้นามสกุลคุณ เกล้าจะไม่เอาอะไรไปสักบาท”เกล้ากมลบอกพลางหอบ เพราะต้องต้านแรงเขาที่ลากเธอไปยังห้องหอได้สำเร็จ“คุณไปมีลูกใหม่กับคนอื่นเถอะ พี่ลูกน้ำนั่นไง”“นั่นเมียคนอื่น ฉันมีเมียเดียวคือเธอ”สมองเกล้ากมลต้องห้ามใจตัวเองอย่างหนัก ไม่ให้เต้นแรงเกินไป บอกว่าไม่ให้เชื่อคำพูดเขา“ไม่ต้องไปเฝ้าคุณย่า นอนให้ห้องนี้กับฉัน” เขากดเธอนั่งลงบนเตียง“เกล้าจะหย่า” หญิงสาวบอกเสียงหอบ หน้าแดงจัด“ฉันไม่ยอมให้หย่า”“ลูกเกิดจากความไม่ตั้งใจของเราทั้งคู่นะ”เธอเตือน หวังว่าเขาจะนึกได้บ้างว่าหลังจากคืนนั้นเขาทำตัวเย็นชากับเธอขนาดไหน“ไม่ว่าลูกจะเกิดจากอะไร ฉันยินดีต้อนรับแก”เขายิ้มกว้าง มือใหญ่หยาบกร้านลูบหน้าท้องเธอไปทั่ว“คุณอิธเป็นผู้ชายที่แย่มาก พอรู้ว่ามีลูกกับเกล้าก็จะทิ้งพี่ลูกน้ำเลยเหรอคะ”“ฉันกับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกันแล้ว เธอนั่นแหละไปอยู่บ้านแม่ทำไม”หน้าท้องเธออุ่นและเรียบเนียน ส่วนไหนหนอที่เป็นที่อยู่ของเจ้
“คุณท่านไม่สบาย”วรดาส่งข่าวมาในเช้าวันศุกร์หลังกินรีเดินทางไปอเมริกาหนึ่งอาทิตย์“โรคคนแก่ ตั้งแต่เกล้าไปอยู่กรุงเทพ ท่านก็ดูซึม ๆ มาเยี่ยมท่านไหม”ยายพลวงทำปากพะงาบ ๆ บอกบทลูกสาว จนเกล้ากมลบอกว่าจะมาเยี่ยมนั่นแหละนางจึงยิ้มได้“แล้วคุณท่านจะยอมเล่นเป็นคนป่วยเหรอแม่”หลังจบสายเพื่อน วรดาก็ถามผู้เป็นแม่เสียงอ่อย“ยอมสิวะ ท่านก็คิดถึงเกล้าจะตาย”ยายพลวงกำลังวางแผนให้ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกัน เมื่อเจ้านายถือทิฐิกันนัก คนรับใช้อย่างนางนี่แหละจะจัดการทุกอย่างเอง เพื่อให้ไร่สมบูรณ์ดีกลับมาสุขสงบเหมือนเคยเกล้ากมลมาด้วยการนั่งรถยุโรปคันโต เธอผิวขาวนวลขึ้น ใบหน้าผุดผาด วรดาถึงกับห่อปากเพราะเพื่อนดูสวยแม้แต่งหน้าเพียงบางเบา“รัศมีคุณหนูจับมากเลยเกล้า สวยจริง”เธอเลือกใส่ชุดแซกทรงตรง เพื่อพรางรูปร่างที่กำลังขยาย“คุณย่าล่ะ”วรดาพาหญิงสาวไปพบผู้สูงวัยซึ่งนอนดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนอน ยายพลวงต้องรีบสะกิดให้ท่านทำตัวโศกเมื่อเกล้ากมลเข้ามา คุณย่าอิสรีดูผอมลง ผมขาวมีแซมบนศีรษะมากขึ้น หญิงก้มลงกราบที่หน้าอก ท่านเอามือเหี่ยวย่นลูบศีรษะคนที่เลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย“เกล้าสบายดีไหม”“สบายดีค่ะ คุณย่าล่ะคะ”“สุ