"ทำไมแบงค์มองส้มแบบนั้น" ในที่สุดส้มก็ทนอยู่ในสถานการณ์อันน่าอึดอัดไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อเพื่อนชายเอาแต่นั่งมองหน้าเธอเป็นสิบ ๆ นาทีแล้ว
รวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นเอาไว้เปล่งเสียงถามไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ มือที่ประสานกันบนหน้าตักบีบเข้าหากันแน่น "แม่ส้มโทรมาถามแบงค์ว่ารู้จักแฟนส้มไหม ท่านบอกว่าส้มท้อง สรุปส้มท้องจริง ๆ ใช่ไหม" แบงค์หลับตาพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนปรือขึ้นถามเพื่อนสาวที่นั่งตรงหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าในใจกลับลุ้นระทึกกับคำตอบเป็นอย่างมาก แอบภาวนาขอให้ทั้งหมดเป็นเรื่องไม่จริง บอกตามตรงว่าวินาทีที่ได้ยินแม่ของส้มบอกว่าเธอท้องหัวใจของเขามันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาส้มไม่เคยมีแฟนสักคน ไม่เคยข้องแวะ หรือยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนในเชิงชู้สาว หรือกระทั่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครนอกจากเขาที่มาจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้น แล้วแบบนี้ลูกในท้องเธอจะเป็นลูกใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่ลูกเขา "ใช่ส้มท้องจริง ๆ" ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายพลันกระตุกวูบกับคำยืนยันจากปากเพื่อนสาว 'อ่า..ให้ตายเถอะ' ได้แค่สบถในใจซ้ำ ๆ จ้องมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง ตอนนี้มันสับสนงุนงงไปหมดไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง แต่ที่แน่ ๆ คือเขาไม่ได้ยินดีหรือดีใจกับการมีลูกกะทันหัน หนำซ้ำยังมาจากความผิดพลาดและผู้หญิงที่ไม่ได้รัก ยิ่งไปกว่านั้นคือแม่ของลูกดันเป็นเพื่อนสนิทอีก เขาคงเป็นคนที่ซวยเอามาก ๆ เพราะพลาดมีอะไรกับเพื่อนสาวแค่ครั้งเดียวแต่ดันท้องเสียงั้น ขณะที่มีคู่สามีภรรยาตั้งมากมายพยายามทำทุกวิถีทางเพราะอยากมีลูกแต่กลับไม่มี เขาส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อเปล่งเสียงถามอีกครั้งด้วยคำถามที่เขาเองก็รู้อยู่แกใจดีเพียงเพราะไม่อยากยอมรับ "ท้องได้ยังไงกัน ท้องกับใคร" "ส้มพลาดมีอะไรกับแบงค์แค่คนเดียว แล้วคิดว่าส้มท้องกับใครล่ะ" ส้มส่ายหน้าเบา ๆ มองหน้าเพื่อนชายด้วยความผิดหวังนิด ๆ ไม่คิดว่าเพื่อนชายจะกล้าถามคำถามแบบนี้ออกมาราวกับว่าเขาไม่รู้เลยว่าที่ผ่านมาเธอเป็นยังไง และมีนิสัยยังไง หรือที่ถามแบบนี้เพียงเพราะไม่ต้องการรับผิดชอบลูกในท้องของเธอกันแน่ก็ไม่รู้ "แบงค์จะเอายังไงกับเรื่องนี้ว่ามาเลย" แม้จะรู้สึกกลัวกับคำตอบแต่เธอก็เลือกถามออกไปตรง ๆ จะได้รู้เรื่องกันไปเลยไม่ต้องมานั่งคิดเองเออเอง "แบงค์จะรับผิดชอบลูกในท้องส้ม หากส้มไม่อยากเลี้ยงเขาคลอดเมื่อไรแบงค์จะรับมาเลี้ยงเอง แต่ถ้าส้มอยากจะเลี้ยงเองก็ได้ แบงค์จะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด และในระหว่างที่ส้มท้องแบงค์จะคอยดูแลจนกว่าจะคลอด" แบงค์นิ่งเงียบใช้ความคิดสักครู่ใหญ่ก่อนตอบ เขารู้ว่าที่ตัวเองพูดไปมันเห็นแก่ตัวสักหน่อย แต่จะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักเขาทำไม่ได้แค่เรื่องลูกมันก็มากพอแล้ว คำพูดของเพื่อนชายทำเอาส้มจุกในอกไม่น้อยเพราะเขาแสดงเจตนารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนว่าต้องการรับผิดชอบแค่ลูก ไม่มีชื่อของเธอร่วมอยู่ในประโยคสักคำ เธอควรจะดีใจที่อย่างน้อยเขาก็ยอมรับลูกในท้องพยายามตีหน้าเรียบนิ่งเก็บความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ย้อนถามให้แน่ใจว่าเธอเข้าใจถูก "หมายความว่าเราจะเกี่ยวข้องกันแค่ในฐานะพ่อแม่ของลูกใช่ไหม" "ใช่" "แล้วส้มจะบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ยังไง หากท่านรู้คงไม่ยอมแน่ ๆ เกรงว่ามันจะไม่จบแค่ที่แบงค์ยอมรับน่ะสิ" เธอเอ่ยออกมาอย่างอ่อนใจ ลำพังแค่เธอคนเดียวไม่เป็นไรหรอกเพื่อนชายว่ายังไงเธอก็ว่าอย่างงั้น เอาที่สบายใจกันเพราะเธอไม่อยากฝืนใจ หรือบังคับคนไม่มีใจให้มาอยู่กับตัวเอง มันคงจะไม่มีความสุขกันทั้งสองฝ่ายดีไม่ดีอาจทำให้เสียมิตรภาพดี ๆ ไปก็ได้ หากพ่อแม่เธอรู้ว่าแบงค์คือพ่อของลูกในท้องเธอท่านต้องมัดมือชกให้เขารับผิดชอบโดยการแต่งงานกับเธอแน่ ๆ เพราะพวกท่านชอบเพื่อนชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพื่อนชายเป็นถึงหมอ หนำซ้ำยังพ่วงด้วยตำแหน่งผู้บริหารบริษัทผู้จำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ และทางครอบครัวของเขายังทำธุรกิจอีกหลายอย่างเป็นตระกูลผู้ดีเก่าเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม พวกท่านยังเคยสนับสนุนให้เธอลองหยอดเพื่อนชายดูเผื่อว่าจะได้เป็นมากกว่าเพื่อนสนิท แต่เธอก็ไม่ทำทั้งที่แอบรักเขาเพราะรู้ดีแก่ใจว่าเขารักใคร "อย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่ของส้มว่าแบงค์คือพ่อของลูกในท้อง แบงค์ขอเวลากลับไปคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจก่อน" แบงค์เองก็เริ่มคิดหนักเหมือนกันเมื่อนึกถึงพ่อแม่ของตัวเองเพราะพวกท่านเองดูเหมือนจะชอบ และเอ็นดูเพื่อนสาวไม่น้อยถึงขั้นเคยเอ่ยปากบอกให้เขาจีบมาเป็นแฟน เพื่อนสาวเพรียบพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นฐานะ การศึกษา หน้าตา นิสัยและชาติตระกูล ที่สำคัญคือเธอเป็นทายาทของบริษัทผลิตยาชั้นนำหากได้เกี่ยวดองกันเชื่อว่าจะเป็นการดีมาก ๆ ดังนั้นเขาคงต้องกลับไปคุยกับพ่อแม่ให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อไม่ให้พวกท่านมัดมือชกให้เขาแต่งงานกับเพื่อนสาว "แต่พ่อกับแม่ให้เวลาส้มแค่สามวันนะ" ส้มก็อยากจะยืดเวลาให้เพื่อนชายอยู่หรอกแต่ติดที่พ่อแม่เธอขีดเส้นตายมาแล้ว แถมตอนนี้ผู้เป็นแม่ยังพยายามสืบอีกว่าพ่อขอลูกในท้องเธอคือใคร "ช่วยยื้อเวลาให้แบงค์หน่อยนะ แบงค์ขอร้อง" "ส้มจะพยายาม แต่ไม่รู้ว่าจะยื้อได้นานไหม" ทว่าสุดท้ายเธอก็ไม่อาจต้านทานสายตาเว้าวอน และน้ำเสียงนุ่ม ๆ ของเพื่อนชายได้ยอมตกปากรับคำง่าย ๆ แม้ตัวเองจะต้องลำบากก็ตามเพราะเข้าใจถึงความรู้สึกเขาดี หากเพื่อนชายนึกถึงจิตใจเธอเหมือนที่เธอนึกถึงจิตใจเขาบ้างก็คงดี ทว่าก็คงจะไม่แปลกในเมื่อเขาไม่ได้รักเธอแล้วจะมานึกถึงจิตใจเธอได้ยังไงกัน "อืม.." แบงค์เพียงพยักหน้าไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ และไม่คิดนึกถึงจิตใจเพื่อนสาวด้วยว่าจะรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ ไม่แม้แต่จะคิดถามไถ่ว่าเธอได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ตอนนี้สมองและจิตใจของเขาคิดเพียงว่าจะหาเหตุผลอะไร หรือพูดยังไงให้พ่อแม่เข้าใจโดยที่ไม่ต้องโดนบังคับแต่งงานเพราะเขาจะไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก และจะไม่มีวันให้เด็กเพียงหนึ่งคนที่เกิดมาจากความไม่ตั้งใจมาผูกมัดเขากับเพื่อนสาวไว้เด็ดขาด จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ไม่เถียงเพราะตอนนี้เขานึกถึงแต่ตัวเองจริง ๆ ภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบอีกครั้งต่างคนต่างนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ผ่านไปเนินนานหลายนาทีแบงค์จึงเอ่ยขึ้น "งั้นแบงค์ขอตัวกลับก่อนนะ รู้สึกปวดหัว" เขาอ้างว่าปวดหัวทั้งที่ความจริงไม่ใช่สักนิดแค่ต้องการปลีกตัวออกจากเพื่อนสาว ยอมรับตรง ๆ ว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เขารู้สึกไม่สนิทใจกับเพื่อนสาวเหมือนเก่าจริง ๆ มันเหมือนเกิดกำแพงบางอย่างขึ้น "อืม..ขับรถดี ๆ หากปวดหัวมากก็อย่าลืมหายาทานด้วยล่ะ" ส้มพยักหน้ารับพลางบอกกล่าวต่อให้สัมผัสได้ว่าเพื่อนชายไม่เหมือนเดิม และไม่คิดใยดีแต่เธอก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดี ก็คนมันรักไปหมดใจแล้วจะให้ทำยังไง เจ็บก็ต้องกลำกลืนฝืนทน "อึก.." หลังจากเพื่อนชายหายหลังไปน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ค่อย ๆ รินไหลออกจากตาคู่สวยหยดเผาะลงบนพวงแก้มนวลด้วยความรู้สึกมากมายที่จุกอยู่ในอกเพียงคิดว่าต่อจากนี้ไปทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม มิตรภาพอันดีระหว่างเธอกับเพื่อนชายส่อแววว่าจะพังทลายลงแล้วเพราะท่าทีของเพื่อนชายที่แสดงออกมามันดูนิ่งจนน่าใจหาย การมีลูกกับเธอมันคงเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับเขา@บ้านวิสุทธิ์ภักดี"ว้าย!" ส้มร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกพ่อของลูกยกขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านวิสุทธิ์ภักดี "จะอุ้มทำไมแบงค์ส้มก็กำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่นี่ไง" ครั้นตั้งตัวได้เธก็โวยวายใส่ร่างสูงพลางใช้มือทุบอกเขาแรง ๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาอุ้มทำไมกันในเมื่อเธอก็ยอมเดินเข้าบ้านดี ๆ ไม่ได้จะวิ่งหนีกลับบ้านสักหน่อยแบงค์เพียงยิ้มให้เพื่อนสาวเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไรตั้งหน้าอุ้มเธอเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้าน ก่อนจะพาเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านทำเอาส้มต้องขมวดคิ้วเป็นปม รีบเปล่งเสียงถามทันที "แบงค์จะพาส้มไปไหน ปล่อยส้มลงเดี๋ยวนี้นะ""พาขึ้นไปดูทะเบียนสมรส แล้วก็ใบหย่าไงเพื่อยืนยันว่าแบงค์ยังไม่ได้เซ็นมันจริง ๆ เพราะฉะนั้นเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่" สิ้นประโยคใบหน้าหล่อเหลาก็เคลือบไปด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม แววตาทอประกายเจ้าเล่ห์จนส้มอดหัวใจเต้นแรงไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย พยายามข่มอาการเอาไว้แล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงดุหวังว่าอีกคนจะเกรงขึ้นมาบ้าง "แบงค์ก็ขึ้นไปหยิบลงมาให้ดูสิ จะอุ้มส้มขึ้นไปด้วยทำไม" "อยากพาขึ้นไปดูให้ถึงที่ไง" "มันใช่เรื่องไหม
หลายปีต่อมา"คุณพ่อคะเมื่อวานตอนไปห้างมีหนุ่ม ๆ มาจีบคุณแม่ด้วยค่ะ" ทันทีที่แบงค์ย่างกรายเข้ามาภายในบ้านเอกวิโรจน์บุตรสาวที่นั่งรอการมาของเขาในห้องโถงก็รีบเอ่ยฟ้องเสียงเจื้อยแจ๋ว"จริงเหรอครับ" ทำเอาแบงค์ถึงกับหูผึ่งรีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างบุตรสาว ถามไถ่ด้วยความร้อนรนใจ "แล้วผู้ชายคนนั้นหล่อไหม แล้วแม่เขาตอบผู้ชายคนนั้นไปว่ายังไงบ้าง""เขาก็หล่อนะคะ แต่น้อยกว่าคุณพ่อ" ภริตาเด็กน้อยวัยย่างเข้าเก้าขวบตอบไปตามความจริงเพราะสำหรับเธอแล้วไม่มีใครหล่อกว่าพ่อตัวเอง "ส่วนคุณแม่แค่ยิ้มหวานให้ผู้ชายคนนั้นค่ะไม่ได้ตอบอะไร น้องริตาเลยตอบแทนคุณแม่ไปว่ามีลูกแล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินหนีไปเลย""ทำดีมากลูกรัก ไม่เสียแรงที่พ่อให้ลูกช่วยดูแลแม่จากผู้ชายคนอื่น" ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยบึ้งตึงก่อนหน้านี้เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากบุตรสาว ก่อนเขาจะเอื้อมมือไปหยีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสี่ปีเกือบห้าปีแล้วอีกแค่วันเดียวเท่านั้นก็จะคบห้าปีพอดี บุตรสาวของเขาอายุย่างเข้าเก้าปีเริ่มเติบโตเป็นสาวแล้วรู้เรื่องทุกอย่างจึงเป็นตัวช่วยของเขาได้ดีงานที่เขามอ
จากวันนั้นเวลาก็ดำเนินมาหนึ่งปีเต็ม ๆแบงค์ยังคงคอยดูแลลูกในฐานะคุณอาที่แสนดี ซึ่งเขาก็เต็มใจยอมรับไม่คิดเรียกร้องอะไรแค่ได้อยู่ในชีวิตผู้หญิงที่รักทั้งสองคนเขาก็มีความสุขแล้วครืดดด~สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้แบงค์ที่กำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปหาบุตรสาวที่บ้านเอกวิโรจน์เหมือนเช่นทุกวันต้องหยุดชะงัก ก่อนจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูคิ้วเข้มพลันขมวดชนกันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือแม่ของลูกอดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติเธอจะไม่โทรมาแต่เช้าแบบนี้ จึงกดรับสายด้วยความอยากรู้"โทรมาแต่เช้าเลยมีอะไรรึเปล่าส้ม"(ส้มจะโทรมาบอกว่าวันนี้ให้มาหาลูกตอนเย็น ๆ นะ เพราะช่วงเช้าพ่อกับแม่ส้มจะพาน้องริตาไปข้างนอก)พอได้ฟังประโยคจากปลายสายเขาก็หน้าหงอยลงฉับพลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะกะไว้ว่าจะไปรับสองแม่ลูกไปทำบุญด้วยกันที่วัดสักหน่อยเนื่องในวันนี้เป็นวันเกิดของเขา อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนสาวคงจะลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขาเพราะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้ฉลองวันเกิดด้วยกันตั้งแต่เกิดเรื่องนั่น"อ๋อ..ได้ ๆ" เขาได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจแล้วเปล่งเสียงตอบปลายสายไ
ส้มทอดสายตามองบรรยากาศยามค่ำคืนริมระเบียงห้องพักด้วยความรู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่พาบุตรสาวเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในสมองก็ครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องชายหนุ่มและลูก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดจนสายลมเย็นยะเยือกลอยสัมผัสผิวเรียบเนียนทำให้เธอต้องรีบยกมือขึ้นโอบกอดตัวเอง ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำนิลที่มีดวงดาวน้อยใหญ่ลอยประดับประดาอย่างสวยงาม แต่นาทีต่อมาเธอก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรนุ่ม ๆ อุ่น ๆ ที่คลุมลงมาบนไหล่ ครั้นเอี่ยวหน้ามองก็พบว่าเป็นพ่อของลูกนั่นเองที่เอาผ้ามาคลุมไหล่ให้เธอ จึงเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท "ขอบคุณ"แบงค์เพียงยกยิ้มให้เพื่อนสาวบาง ๆ แล้วเดินไปยืนริมระเบียงข้าง ๆ ทอดสายตามองออกไปนอกท้องทะเลอันมืดสลัวโดยไม่พูดอะไรออกมา เฉกเช่นเดียวกับส้มที่มองออกไปยังทะเลอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ปกคลุมไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมาเป็นระยะไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นชวนคุยขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับทะเลเบื้องหน้า "บรรยากาศดีเนาะ ส้มว่าไหม
เช้าวันต่อมาหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันลงไปทานอาหาร ครั้นทานอาหารเสร็จก็เช่ารถของโรงแรมพาบุตรสาวไปเล่นที่สวนน้ำกระทั่งเที่ยงจึงพากันไปทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดังของภูเก็ต"กินข้าวเสร็จคุณอาใจดีจะพาน้องริตาไปเที่ยวไหนต่อคะ" เด็กน้อยภริตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ๋วระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟพร้อมกับเอียงหน้าขึ้นมองคุณอาใจดีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่ส้มนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่งจ้องมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกเอ็นดูระคนมันเขี้ยวเพราะยิ่งนับวันบุตรสาวก็ยิ่งติดคนเป็นพ่อมากขึ้น ดูอย่างตอนนี้สิแทนที่จะนั่งข้างเธอ กลับเลือกไปนั่งข้างชายหนุ่มแต่ก็คงไม่แปลกอะไรเพราะเขาเล่นตามใจบุตรสาวไปเสียทุกอย่างไม่ว่าบุตรสาวจะบอกจะขออะไรก็ทำให้หมดไม่เคยขัดจึงทำให้บุตรสาวชอบอยู่กับเขา"อืม..เราไปดูเครื่องบินที่หาดไม้ขาวกันไหมครับ พอแดดร่มหน่อยเดี๋ยวเราค่อยไปเล่นน้ำทะเลกัน" คนถูกถามอย่างแบงค์นั่งใช้ความคิดชั่วครู่ ก่อนเสนอความคิดเห็นให้บุตรสาวพร้อมกับยกมือลูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดู"ได้ค่ะ"เด็กน้อยภริตายิ้มรับจนตาหยีพลอยทำให้คนเป็นพ่อแม่ยิ้มตามไปด้วย ก่อนแบงค์จะเล
นับจากวันนั้นเวลาก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ แล้วที่แบงค์ได้กลับเข้ามาในชีวิตเพื่อนสาวกับลูกอีกครั้ง ตอนเช้าของทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะแวะมาหาบุตรสาวก่อนเสมอ และหลังเลิกงานตอนเย็นก็แวะมาเล่นกับบุตรสาวอีกครั้ง หากเป็นวันหยุดเขาก็จะมารับบุตรสาวพาไปเที่ยวเป็นประจำ บางครั้งก็พาไปนอนค้างคืนที่บ้านด้วยกัน ส่วนความสัมพันธ์กับแม่ของลูกก็ไม่มีอะไรคืบหน้ามากกว่าเดิมเพราะเธอปิดกั้นเขาทุกทางคงจะมีแค่เรื่องลูกที่ทำให้เธอยอมเกี่ยวข้องกับเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ถอดใจหวังว่าสักวันจะแทรกซึมเข้าไปในใจเธอได้อีกครั้งวันนี้เป็นวันหยุดเขาเลยชวนบุตรสาวไปเที่ยวทะเลตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ และเขายังแอบพูดกับบุตรสาวว่าให้ชวนแม่ไปด้วยเพราะหวังว่าจะได้สร้างโมเม้นท์ดี ๆ กับแม่ของลูกเผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้นกว่าเดิม และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนส้มยอมไปเที่ยวทะเลด้วยเพราะทนแรงออดอ้อนจากบุตรสาวไม่ไหว ทะเลที่เขาจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวก็คือภูเก็ตนั่นเองเพราะเขาไปมาครั้งที่แล้วมันสวยมาก ที่เที่ยวก็มีเยอะแยะจึงอยากให้บุตรสาวได้เที่ยวบ้าง ทั้งสามออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยรถส่วนตัวโดยแบงค์ทำหน้าที่เป็นคนขับ เขาอยากจะ